เอเอฟพี - ชาวมุสลิมทั่วโลกกำลังเตรียมรับเทศกาลถือศีลอดในเดือนรอมฎอน หรือเดือนที่ 9 ตามปฏิทินชาวมุสลิม แม้ว่าในปีนี้ราคาอาหารจะพุ่งทะยาน และในหลายๆ ประเทศก็ยังอยู่ในภาวะความหวาดกลัวเหตุรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
ตลอดเทศกาลดังกล่าว ชาวมุสลิมจะต้องงดเว้นการรับประทานอาหาร ดื่มน้ำ และการมีเพศสัมพันธ์ในระหว่างเวลานับตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนกระทั่งตกดิน โดยผู้ถือศีลอดจะดำเนินชีวิตตามปกติได้นับตั้งแต่ช่วง "อิฟตาร์" อันเป็นเวลาสิ้นสุดการอดอาหารเมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ไปจนถึงช่วง "ซูโฮร์" หรืออาหารมื้อสุดท้ายก่อนที่ดวงอาทิตย์จะขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ชีวิตประจำวันของชาวมุสลิมในช่วงกลางวันจะมีกิจกรรมน้อยลง และธุรกิจหลายแห่งจะปิดทำการก่อนเวลา แต่การฉลองเทศกาลศักดิ์สิทธิ์นี้ก็อาจถูกกลุ่มหัวรุนแรงทำลายได้ทุกเมื่อ โดยในปากีสถาน กำลังตำรวจนับพันได้เตรียมประจำการพร้อมด้วยเครื่องตรวจอาวุธอยู่ตามด้านนอกของมัสยิดในเมืองใหญ่ต่างๆ เพื่อสกัดการก่อเหตุร้าย เนื่องจากสถานที่เหล่านั้นจะมีผู้คนเนืองแน่นในช่วงเทศกาลรอมฎอน ซึ่งสำหรับปากีสถานคาดว่าจะขึ้นในวันอังคาร(2)นี้
เมื่อปีที่แล้ว ปากีสถานเกิดเหตุระเบิดและการโจมตีซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตถึงเกือบ 1,200 คน โดยเป็นปฏิกิริยาตอบโต้การที่รัฐบาลมีบทบาทสำคัญในการทำสงครามต่อต้านการก่อการร้ายที่มีสหรัฐฯ เป็นผู้นำนั่นเอง ในปีนี้รัฐบาลยังจะใช้โทรทัศน์วงจรปิดเพื่อเฝ้าติดตามและป้องกันเหตุรุนแรงตามมัสยิดใหญ่ๆ อีกด้วย
"ผู้คนไม่ได้หยุดเดินทางมาที่มัสยิด แม้จะมีความไม่ปลอดภัยสูงขึ้นก็ตาม แต่ทุกคนก็กังวลและเก็บความหวาดกลัวไว้ภายใน" โมฮัมมัด ชาฟิก ผู้นำสวดของมัสยิดนูรุล อันวาร์ในเมืองการาจีบอก
ชาวมุสลิมในปากีสถานยังกำลังหนักใจกับปัญหาค่าครองชีพในเทศกาลสำคัญนี้ด้วย เพราะราคาอาหารและเชื้อเพลิงนั้นทะยานสูงขึ้น ขณะที่ไฟฟ้าดับวันละอย่างน้อย 6 ชั่วโมง อีกทั้งการที่ตลาดหุ้นดิ่งลงและเงินเฟ้อเพิ่มสูงก็ล้วนเพิ่มพูนความโกรธเคืองในหมู่ประชาชนราว 160 ล้านคนแห่งนี้
และแม้ว่ารัฐบาลจะจัดสรรเงินอุดหนุน 1,750 ล้านรูปี (2.5 ล้านดอลลาร์) เพื่อจำหน่ายสินค้ากลุ่มอาหารในราคาถูกผ่านเครือข่ายร้านค้าของรัฐทั่วประเทศ แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก
"เงินเฟ้อส่งผลกระทบต่อทุกอย่าง" เฟห์มิดา เชากาต แม่บ้านผู้หนึ่งที่อยู่ในย่านสลัมลายารีในเมืองการาจีบอก "ปกติแล้วเราฉลองเดือนแห่งการสวดมนต์และความสุขภายในจิตใจ แต่คราวนี้ คงยากที่จะฉลองด้วยศรัทธาแรงกล้าแบบเดิมแล้ว"
ส่วนอัฟกานิสถานก็เผชิญกับปัญหาเดียวกันกับประเทศเพื่อนบ้าน มูนีร์ มันกัล ผู้ช่วยรัฐมนตรีมหาดไทยระบุว่าได้จัด "กำลังรักษาความปลอดภัยเฉพาะกิจ" ขึ้น และเขายังเรียกร้องสันติภาพตลอดช่วงเดือนรอมฎอนนี้ด้วย
ขณะเดียวกันราคาอาหาร รวมทั้งข้าวสาลีซึ่งเป็นอาหารหลัก ก็มีราคาสูงขึ้นถึงสองเท่าตัวในหลายพื้นที่ของอัฟกานิสถานในช่วงปีที่ผ่านมาด้วย
ด้านอินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศที่มีชาวมุสลิมมากที่สุดในโลก ราคาอาหารสำคัญ เช่น ไข่ไก่ เนื้อสัตว์ และน้ำมันประกอบอาหารก็พุ่งสูงขึ้นถึงราว 25 เปอร์เซ็นต์ภายในหนึ่งสัปดาห์เนื่องจากมีการกักตุนสินค้า
ที่กรุงแบกแดด กองกำลังรักษาความปลอดภัยอิรักได้ประกาศมาตรการพิเศษในช่วงเทศกาลรอมฎอน แต่ผู้คนต่างก็ยังใช้เวลาจับจ่ายข้าวของในตลาดหลายชั่วโมงเนื่องจากโดยภาพรวมแล้วมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นน้อยลง จนอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบสี่ปี
ส่วนที่ฉนวนกาซา ผู้คนซึ่งเหนื่อยอ่อนกับภาวะสงครามก็ได้เฉลิมฉลองเทศกาลรอมฎอนครั้งที่สองหลังจากที่กลุ่มฮามาสเข้ายึดครองอำนาจในดินแดนนี้เมื่อเดือนมิถุนายน 2007 และยังคงอยู่ภายใต้การปิดล้อมของอิสราเอลซึ่งแม้จะอนุญาตให้ส่งสินค้าพื้นฐานกลุ่มอาหารเข้าไปภายในได้ แต่ก็กดดันทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
ซาอุดีอาระเบียนั้นนับถือนิกายสุหนี่ที่เรียกกันว่าวาฮาบีย์ และกำลังเตรียมการฉลองรอมฎอนอยู่เช่นกัน แต่ที่นี่จะมีการปฏิบัติเข้มงวดมากในข้อห้ามรับประทานอาหาร ดื่มน้ำ รวมทั้งสูบบุหรี่ในที่สาธารณะในช่วงเวลาที่ยังมีแสงแดดอยู่
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศความรุนแรงที่เกิดขึ้นทุกวัน ตลอดจนภาวะแห้งแล้งอย่างต่อเนื่องและเศรษฐกิจทรุดดิ่งในกรุงโมกาดุชู ของโซมาเลีย ทำให้การเฉลิมฉลองเทศกาลที่นี่เป็นไปอย่างเงียบเหงา เพราะผู้คนจำนวนมากไม่สามารถออกมาจับจ่ายสินค้าได้ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกับภาคใต้ของฟิลิปปินส์ซึ่งรัฐบาลกำลังปราบปรามกลุ่มแบ่งแยกดินแดนมุสลิมอย่างหนัก
ตลอดเทศกาลดังกล่าว ชาวมุสลิมจะต้องงดเว้นการรับประทานอาหาร ดื่มน้ำ และการมีเพศสัมพันธ์ในระหว่างเวลานับตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนกระทั่งตกดิน โดยผู้ถือศีลอดจะดำเนินชีวิตตามปกติได้นับตั้งแต่ช่วง "อิฟตาร์" อันเป็นเวลาสิ้นสุดการอดอาหารเมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ไปจนถึงช่วง "ซูโฮร์" หรืออาหารมื้อสุดท้ายก่อนที่ดวงอาทิตย์จะขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ชีวิตประจำวันของชาวมุสลิมในช่วงกลางวันจะมีกิจกรรมน้อยลง และธุรกิจหลายแห่งจะปิดทำการก่อนเวลา แต่การฉลองเทศกาลศักดิ์สิทธิ์นี้ก็อาจถูกกลุ่มหัวรุนแรงทำลายได้ทุกเมื่อ โดยในปากีสถาน กำลังตำรวจนับพันได้เตรียมประจำการพร้อมด้วยเครื่องตรวจอาวุธอยู่ตามด้านนอกของมัสยิดในเมืองใหญ่ต่างๆ เพื่อสกัดการก่อเหตุร้าย เนื่องจากสถานที่เหล่านั้นจะมีผู้คนเนืองแน่นในช่วงเทศกาลรอมฎอน ซึ่งสำหรับปากีสถานคาดว่าจะขึ้นในวันอังคาร(2)นี้
เมื่อปีที่แล้ว ปากีสถานเกิดเหตุระเบิดและการโจมตีซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตถึงเกือบ 1,200 คน โดยเป็นปฏิกิริยาตอบโต้การที่รัฐบาลมีบทบาทสำคัญในการทำสงครามต่อต้านการก่อการร้ายที่มีสหรัฐฯ เป็นผู้นำนั่นเอง ในปีนี้รัฐบาลยังจะใช้โทรทัศน์วงจรปิดเพื่อเฝ้าติดตามและป้องกันเหตุรุนแรงตามมัสยิดใหญ่ๆ อีกด้วย
"ผู้คนไม่ได้หยุดเดินทางมาที่มัสยิด แม้จะมีความไม่ปลอดภัยสูงขึ้นก็ตาม แต่ทุกคนก็กังวลและเก็บความหวาดกลัวไว้ภายใน" โมฮัมมัด ชาฟิก ผู้นำสวดของมัสยิดนูรุล อันวาร์ในเมืองการาจีบอก
ชาวมุสลิมในปากีสถานยังกำลังหนักใจกับปัญหาค่าครองชีพในเทศกาลสำคัญนี้ด้วย เพราะราคาอาหารและเชื้อเพลิงนั้นทะยานสูงขึ้น ขณะที่ไฟฟ้าดับวันละอย่างน้อย 6 ชั่วโมง อีกทั้งการที่ตลาดหุ้นดิ่งลงและเงินเฟ้อเพิ่มสูงก็ล้วนเพิ่มพูนความโกรธเคืองในหมู่ประชาชนราว 160 ล้านคนแห่งนี้
และแม้ว่ารัฐบาลจะจัดสรรเงินอุดหนุน 1,750 ล้านรูปี (2.5 ล้านดอลลาร์) เพื่อจำหน่ายสินค้ากลุ่มอาหารในราคาถูกผ่านเครือข่ายร้านค้าของรัฐทั่วประเทศ แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก
"เงินเฟ้อส่งผลกระทบต่อทุกอย่าง" เฟห์มิดา เชากาต แม่บ้านผู้หนึ่งที่อยู่ในย่านสลัมลายารีในเมืองการาจีบอก "ปกติแล้วเราฉลองเดือนแห่งการสวดมนต์และความสุขภายในจิตใจ แต่คราวนี้ คงยากที่จะฉลองด้วยศรัทธาแรงกล้าแบบเดิมแล้ว"
ส่วนอัฟกานิสถานก็เผชิญกับปัญหาเดียวกันกับประเทศเพื่อนบ้าน มูนีร์ มันกัล ผู้ช่วยรัฐมนตรีมหาดไทยระบุว่าได้จัด "กำลังรักษาความปลอดภัยเฉพาะกิจ" ขึ้น และเขายังเรียกร้องสันติภาพตลอดช่วงเดือนรอมฎอนนี้ด้วย
ขณะเดียวกันราคาอาหาร รวมทั้งข้าวสาลีซึ่งเป็นอาหารหลัก ก็มีราคาสูงขึ้นถึงสองเท่าตัวในหลายพื้นที่ของอัฟกานิสถานในช่วงปีที่ผ่านมาด้วย
ด้านอินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศที่มีชาวมุสลิมมากที่สุดในโลก ราคาอาหารสำคัญ เช่น ไข่ไก่ เนื้อสัตว์ และน้ำมันประกอบอาหารก็พุ่งสูงขึ้นถึงราว 25 เปอร์เซ็นต์ภายในหนึ่งสัปดาห์เนื่องจากมีการกักตุนสินค้า
ที่กรุงแบกแดด กองกำลังรักษาความปลอดภัยอิรักได้ประกาศมาตรการพิเศษในช่วงเทศกาลรอมฎอน แต่ผู้คนต่างก็ยังใช้เวลาจับจ่ายข้าวของในตลาดหลายชั่วโมงเนื่องจากโดยภาพรวมแล้วมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นน้อยลง จนอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบสี่ปี
ส่วนที่ฉนวนกาซา ผู้คนซึ่งเหนื่อยอ่อนกับภาวะสงครามก็ได้เฉลิมฉลองเทศกาลรอมฎอนครั้งที่สองหลังจากที่กลุ่มฮามาสเข้ายึดครองอำนาจในดินแดนนี้เมื่อเดือนมิถุนายน 2007 และยังคงอยู่ภายใต้การปิดล้อมของอิสราเอลซึ่งแม้จะอนุญาตให้ส่งสินค้าพื้นฐานกลุ่มอาหารเข้าไปภายในได้ แต่ก็กดดันทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
ซาอุดีอาระเบียนั้นนับถือนิกายสุหนี่ที่เรียกกันว่าวาฮาบีย์ และกำลังเตรียมการฉลองรอมฎอนอยู่เช่นกัน แต่ที่นี่จะมีการปฏิบัติเข้มงวดมากในข้อห้ามรับประทานอาหาร ดื่มน้ำ รวมทั้งสูบบุหรี่ในที่สาธารณะในช่วงเวลาที่ยังมีแสงแดดอยู่
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศความรุนแรงที่เกิดขึ้นทุกวัน ตลอดจนภาวะแห้งแล้งอย่างต่อเนื่องและเศรษฐกิจทรุดดิ่งในกรุงโมกาดุชู ของโซมาเลีย ทำให้การเฉลิมฉลองเทศกาลที่นี่เป็นไปอย่างเงียบเหงา เพราะผู้คนจำนวนมากไม่สามารถออกมาจับจ่ายสินค้าได้ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกับภาคใต้ของฟิลิปปินส์ซึ่งรัฐบาลกำลังปราบปรามกลุ่มแบ่งแยกดินแดนมุสลิมอย่างหนัก
