เอเอฟพี - องค์การอาหารโลก (ดับเบิลยูเอฟพี) ขององค์การสหประชาชาติระบุวันนี้ (20) ว่าจะจัดส่งเสบียงอาหารเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือผู้ลี้ภัยราว 60,000 ชีวิต ภายหลังการสู้รบรุนแรงระหว่างกองทัพฟิลิปปินส์กับกลุ่มกบฏชาวมุสลิมเริ่มปะทุขึ้นอีกครั้ง ทางภาคใต้ของประเทศ
ข้าวสารจำนวน 250 เมตริกตัน จะถูกส่งถึงมือผู้ลี้ภัยสงครามในจังหวัดลานาโอ เดล ซุร และ ลานาโอ เดล นอร์เต ดับเบิลยูเอฟพีกล่าวแถลง พร้อมกับเน้นย้ำว่า “วิตกกังวลเรื่องสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมบนเกาะมินดาเนา ทางภาคใต้ของฟิลิปปินส์”
เหตุสู้รบปะทุขึ้นอีกครั้ง เมื่อกลุ่มแนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโร (เอ็มไอเอลเอฟ) โจมตียานพาหนะของทหารในเมืองลานาโอ เดล ซุรเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว (17) เป็นเหตุให้ทหารเสียชีวิต 7 นาย
ในวันถัดมา (18) กลุ่มแนวร่วมเอ็มไอเอลเอฟบุกถล่มหมู่บ้านต่าง ๆ ของชาวคริสต์บริเวณใกล้กับเมืองลานาโอ เดล นอร์เต พร้อมกับเผาทำลาย, ปล้นสะดม และสังหารประชาชนจำนวน 38 ชีวิต
การโจมตีครั้งล่าสุดนี้ ส่งผลให้ประชาชนราว 60,000 คน ต้องอพยพหนีตายออกจากบ้านเรือนและเรือกสวนไร่นา
เมื่อสัปดาห์ก่อน กลุ่มเอ็มไอเอลเอฟ ได้บุกยึดหมู่บ้านต่างๆ ในจังหวัดโกตาบาโตเหนือ ส่งผลให้มีผู้ลี้ภัยสงครามราว 160,000 คน
“เราหวังให้เกิดสันติภาพและความปลอดภัย เพื่อว่าครอบครัวผู้ประสบภัยบนเกาะมินดาเนาสามารถกลับสู่บ้านเรือนในเร็ววัน และเริ่มต้นชีวิตอีกครั้ง” สตีเฟน แอนเดอร์ซัน ผู้อำนวยการดับเบิลยูเอฟพีประจำฟิลิปปินส์ให้สัมภาษณ์เอเอฟพี
ก่อนหน้านี้ ด้านโครงการอาหารโลกเพิ่งขนส่งข้าวจำนวน 400 ตัน ไปยังชุมชนต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในจังหวัดโกตาบาโตเหนือ
การสู้รบระหว่างกองทัพและกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนเริ่มต้นขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือน หลังจากศาลสูงสุดแห่งฟิลิปปินส์มีคำสั่งระงับการจัดทำข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์เรื่องอาณาเขตระหว่างรัฐบาลและกลุ่มเอ็มไอเอลเอฟเป็นการชั่วคราว
ข้อตกลงนี้ ระบุว่า จะขยายพื้นที่เขตปกครองตนเองของชาวมุสลิมบริเวณมินดาเนา ทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ ประเทศซึ่งมีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวคาทอลิก จากพื้นที่ซึ่งทางการได้จัดทำข้อตกลงกับกลุ่มกบฏมุสลิมอีกกลุ่มหนึ่ง คือ ขบวนการปลดปล่อยแห่งชาติโมโรไปแล้ว
ข้อตกลงดังกล่าวเป็นก้าวย่างสำคัญที่จะนำไปสู่การรื้อฟื้นการเจรจาสันติภาพอย่างเป็นทางการระหว่างกลุ่มกบฏมุสลิมใหญ่ที่สุดของฟิลิปปินส์กับทางการมะนิลา อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์เชื่อว่า นี่ไม่ใช่สิ่งรับประกันว่าหนึ่งในความขัดแย้งที่รุนแรงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะสิ้นสุดลง
