เอเอฟพี - กลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนชาวมสุลิม เริ่มล่าถอยออกจากฐานที่มั่นทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์แล้ววันนี้ (12) ภายหลังการสู้รบรุนแรงระหว่างกองทัพเมืองปินส์ และกลุ่มกบฏที่ดำเนินมาหลายวัน ขณะที่ องค์การบรรเทาสาธารณภัยทยอยจัดส่งเสบียงอาหาร เพื่อหลีกเลี่ยงความหายนะด้านมนุษยธรรมในหมู่ผู้ลี้ภัยจากการสู้รบจำนวนหลายแสนชีวิต ทีมเจ้าหน้าที่ระบุวันนี้ (12)
กองกำลังความมั่นคงของฟิลิปปินส์ แถลงว่า กลุ่มแนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโร (เอ็มไอเอลเอฟ) เริ่มล่าถอยออกจากหมู่บ้านและเมืองต่างๆ ในจังหวัดโกตาบาโตเหนือ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ภายหลังจากเผาผลาญทรัพย์สินและฝังกับดักระเบิดทิ้งไว้
กองทัพ แถลงด้วยว่า การสู้รบทำให้กลุ่มกบฎเสียชีวิตอย่างน้อย 27 คน และบาดเจ็บ 9 ราย ขณะที่ฝ่ายทหารเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 12 คน
ด้านโครงการอาหารโลก (ดับเบิลยูเอฟพี) ของยูเอ็น เริ่มขนส่งข้าวจำนวน 400 ตัน จากคลังเก็บสินค้าในเมืองโกตาบาโตซิตี ไปยังชุมชนต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ขณะที่มีผู้ลี้ภัยราว 160,000 ชีวิต ต้องอพยพหนีตายออกมาจากบ้านเรือน
ด้านสภาความร่วมมือเพื่อตั้งรับภัยพิบัติแห่งชาติของฟิลิปปินส์ (เอ็นดีซีซี) จัดตั้งศูนย์ผู้อพยพจำนวน 43 แห่งขึ้น เพื่อให้ความช่วยเหลือกับผู้ลี้ภัย ทว่าศูนย์ดังกล่าวก็เนืองแน่นไปด้วยผู้ประสบภัย จนเกิดความอันตรายทางด้านสาธารณสุข
“นี่จะนำไปสู่ความยุ่งเหยิงด้านมนุษยธรรม” ริซา ฮอนติเวโรส์ โฆษกสภาเอ็นดีซีซีกล่าววันนี้ (12)
“วิกฤตผู้ลี้ภัยเป็นความเสียหายอันไม่สามารถยอมรับได้ ที่เกิดขึ้นจากการจัดการที่ไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลในกระบวนการสันติภาพ กระบวนการดังกล่าวต้องนำไปสู่การปกป้องคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สิน ทว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นหาเป็นเช่นนั้นไม่” ฮอนติเวโรส์บอก
การสู้รบระหว่างกองทัพและกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนปะทุขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากศาลสูงสุดแห่งฟิลิปปินส์มีคำสั่งระงับการจัดทำข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์เรื่องอาณาเขตระหว่างรัฐบาลและกลุ่มเอ็มไอเอลเอฟเป็นการชั่วคราว
ข้อตกลงนี้ ระบุจะขยายพื้นที่เขตปกครองตนเองของชาวมุสลิมบริเวณมินดาเนา ทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ ประเทศซึ่งมีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวคาทอลิก จากพื้นที่ซึ่งทางการได้จัดทำข้อตกลงกับกลุ่มกบฏมุสลิมอีกกลุ่มหนึ่ง คือ ขบวนการปลดปล่อยแห่งชาติโมโรไปแล้ว
ข้อตกลงดังกล่าวเป็นก้าวย่างสำคัญที่จะนำไปสู่การรื้อฟื้นการเจรจาสันติภาพอย่างเป็นทางการระหว่างกลุ่มกบฏมุสลิมใหญ่ที่สุดของฟิลิปปินส์กับทางการมะนิลา อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์เชื่อว่า นี่ไม่ใช่สิ่งรับประกันว่าหนึ่งในความขัดแย้งที่รุนแรงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะสิ้นสุดลง
คำพิพากษาของศาล สร้างความไม่พอใจให้กลุ่มแนวร่วมเอ็มไอเอลเอฟ จึงนำกำลังยึดครองหมู่บ้านและเมืองต่างๆ ของชาวคริสต์ในจังหวัดโคตายาโตเหนือ
“โครงการอาหารโลกของยูเอ็นวิตกอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในจังหวัดโกตาบาโตเหนือ” สตีเฟน แอนเดอร์ซัน ผู้อำนวยการดับเบิลยูเอฟพีประจำฟิลิปปินส์ให้สัมภาษณ์เอเอฟพี
ไลลา เดอ ลิมา โฆษกหญิงแห่งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติอธิบายสถานการณ์ในจังหวัดโกตาบาโตเหนือว่า “รุนแรงอย่างยิ่ง” พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหยุดยิง
ทางด้านรัฐบาล ยืนยันว่า การสู้รบจะไม่กระทบต่อกระบวนการสร้างสันติภาพ และคำตัดสินของศาลเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็เป็นเพียง “การชะงักชั่วคราวเท่านั้น”