ผู้จัดการรายวัน - "หมัก" ขีดเส้นตายหลายเส้น ให้พันธมิตรฯ ออกจากทำเนียบแต่ไร้ผล สุดท้ายต้องออกมาแก้เกี้ยวว่าเป็นคนสั่งไม่ให้ตำรวจลุยเข้าไปสลายการชุมนุม แถมยังตาขาว ไม่กล้าไปตอบกระทู้ในสภา ด้านฝ่ายค้านจวกถ้ายังหนีสภาก็ให้มาเขียนใบลาออกไป ชี้การตั้งข้อหากบฎ เพราะต้องการปิดปากพันธมิตรฯไม่ให้เปิดโปงรัฐบาลอีก
หลังจากที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้ออกมาข่มขู่ ขีดเส้นกำหนดเวลาให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถอนตัวออกจากทำเนียบรัฐบาล มิเช่นนั้นจะใช้กำลังตำรวจเข้าสลายการชุมนุม และจับกุมตัวแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 9 คน ที่ถูกออกหมายจับในข้อหากบฏ แต่อย่างไรก็ตาม ตำรวจก็ไม่ได้เข้าสลายผู้ชุมนุม ตามที่นายสมัครได้ขีดเส้นให้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเช้าวานนี้ (09.30น.) นายสมัคร ได้เดินทางไปเป็นประธานพิธี กล่าวเปิดการแถลงยุทธศาสตร์ทหาร ของนักศึกษาวิทยาลัยเสนาธิการทหาร และนักศึกษาวิทยาลัยการทัพบก ประจำปี 2551 ที่สถาบันวิชาการป้องกัน โดยนายสมัคร ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ในการแถลงยุทธศาสตร์ทหาร และห้ามไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปทำข่าว
"หมัก"อ้างเป็นคนสั่งไม่ให้ตำรวจลุย
รายงานข่าวแจ้งว่า นายสมัครได้พูดถึงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ได้ถามว่าจะดำเนินการอย่างไรกับ กลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งตนบอกว่า อย่าไปยุ่งกับเขา ปล่อยเขาไป อยากทำอะไรก็ทำไป ไม่ต้องไปจับ เขาอยากอยู่ ก็ให้เขาอยู่ไป และได้บอกกับตำรวจว่า จะเอากันให้ตายกันเลยหรือไง
ทั้งนี้ นายสมัคร ได้ให้สัมภาษณ์ในภายหลังถึงเรื่องนี้ ว่า เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ตอนค่ำ ศาลมีความกรุณา ให้ดาบเรามาถือไว้ เราได้ดาบมา ก็ไม่เดินดุ่มๆ เข้าไป คือตอนแรกคิดว่า จะเคลียร์พื้นที่ให้เรียบร้อย และได้สั่งการไปแล้ว แต่เมื่อมาไตร่ตรองดูแล้วเห็นว่าอันตราย กล่าวคือ สามารถรักษาอะไรต่ออะไรมาได้ตั้งมากมาย แล้ว จะไปฟาดฟันอะไรอย่างนั้น และเห็นเขาป้องกันเข้มแข็งอย่างนั้น ก็เลยให้ยุติ
"ผมบอกเขาว่า ขอร้องให้มารายงานตัว จะมอบตัวเมื่อไร ก็สุดแท้แต่ และสั่งตำรวจให้ระงับ ไม่ให้ดำเนินการ คือไม่มีการสลายการชุมนุม ไม่ใช่ทอดทิ้งไว้ตลอด มีเวลามันคงยุติกันได้ ฉะนั้นเรื่องนี้ ก็ไม่ให้เกิดสปาร์ค อะไรกันขึ้นมา ก็เป็นอันว่าเมื่อคืนนอนดึกกันหน่อย เพราะหวังว่าจะมีการโชว์ดาว์นกัน ไม่มีครับ ทุกอย่างสำเร็จเรียบร้อยดี ทางตำรวจก็มีการเรียกประชุมกันตอนดึก ไม่ดำเนินการอะไรต่างๆ" นายสมัครกล่าว
ส่วนเรื่องการจัดงาน 116 วันจากวันแม่ถึงวันพ่อ ก็จะย้ายไปที่สวนอัมพร จะทำหนังสือกราบบังคมทูลสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามกุฎราชกุมาร ว่าจะใช้ที่สวนอัมพร เพราะขบวนใหญ่ตั้งอยู่ที่นั่นแล้ว
เมื่อถามว่า จะปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ จะทำให้รัฐบาลเสียความชอบธรรมหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า ไม่เป็นปัญหา มันต้องได้บ้าง เสียบ้าง แต่ตนไม่ได้เสียสถานะในทางการเมือง ทั่วโลกเขาดูอยู่ รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ความรู้สึกไม่เป็นปัญหา ย่อมเกิดขึ้นได้ ตนประชุมที่ทำเนียบฯ ไม่ได้ก็ย้ายไปประชุมที่กองทัพไทย ไม่วิตกทุกข์ร้อน หรือรู้สึกเสียหน้า
เมื่อถามว่า จากนี้ไปจะนั่งทำงานที่ไหน นายสมัคร กล่าวว่างานอยู่ข้างนอกทั้งนั้น เมื่อถามว่า คิดถึงทำเนียบหรือไม่ นายสมัคร กล่าวสั้นๆว่า ถามอะไรแบบนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมา เวลา 13.50 น. นายสมัคร ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ได้เดินทางมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ซึ่งครั้งนี้ ทางสตช.ไม่ได้มีการตั้งกองตำรวจเกียรติยศมาต้อนรับเหมือนเช่นเคย
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ตนแถลงข่าว ซึ่งรัฐบาลยืนยันว่า จะไม่ใช่ความรุนแรง หรือใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ แต่จะดำเนินการตามกระบวนการกฎหมาย และขอเรียกร้องให้แกนนำทั้ง 9 คน เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพิสูจน์ตัวเองตามกระบวนการยุติธรรม
นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า อยากขอความร่วมมืออย่างจริงใจจากฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ และนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษา ปชป. ให้มีมาตรการดำเนินการกับ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส. ของพรรค ที่ถูกหมายจับในฐาน กบฎ และเรียกร้องให้นายสมเกียรติ ยอมมอบตัว
นายถาวร เสนเนียม ส.ส. สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ สตช. แจ้งข้อกล่าวหากลุ่มพันธมิตรฯ ว่าล้มล้างรัฐบาล และเป็นกบฏว่า ต้องการปิดปากไม่ให้กลุ่มพันธมิตรฯ เปิดโปงความผิดของรัฐบาลมากกว่า ตนเห็นว่าเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงเกินไป การตั้งข้อกล่าวหาเช่นนี้
อ้อมแอ้มแจงข้อหากบฏ
เมื่อถามว่า การตั้งข้อหากบฎกับแกนนำพันธมิตรฯ ถือเป็นข้อหาที่ไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 113 หรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การตั้งข้อหาดังกล่าว เป็นการตั้งข้อหาที่สามารถแสดงความคิดเห็นกันได้ แต่พนักงานสอบสวนเป็นผู้ตั้งข้อกล่าวหา โดยนำสู่ศาลซึ่งมีองค์คณะผู้พิพากษาเป็นผู้พิจารณาอนุมัติการออกหมายจับ ตนถือว่าทุกคนต้องเคารพดุลยพินิจของศาล
ส่วนที่มาของข้อหากบฎนั้น มาจากการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ มีเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองให้เป็นการเมืองใหม่ ตามทฤษฎีที่เคยประกาศก่อนหน้านี้ ข้อสังเกตุของตนมองว่า หากการกระทำที่ผ่านมาของกลุ่มพันธมิตรฯ ได้กระทำมา ต้องไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เนื่องจากหากมีการประกาศการเมืองใหม่ ก็ถือเป็นการขัดรัฐธรรมนูญ ถือเป็นการเคลื่อนไหวโดยใช้กำลังเพื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 113 หรือไม่ อีกทั้งการออกมาปกป้องรัฐธรรมนูญ 2550 จะเกิดการเมืองใหม่ได้อย่างไร อีกทั้งพันธมิตรฯ ปฏิเสธการดำเนินการของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งชัดเจน ถือเป็นการโค่นล้มสถาบันบริหาร นิติบัญญัติ ข้อกล่าวหาจะร้ายแรงหรือไม่ แล้วแต่ใครจะพิจารณา
เมื่อถามว่า การที่นายกฯ ได้สั่งการอย่างชัดเจน ให้สลายการชุมนุมภายในเวลา 18.00 น. ของวันที่ 27 ส.ค. แต่มาถึงเวลานี้ ทำไมถึงมีการเปลี่ยนแปลง โดยระบุว่า จะไม่มีการสลายการชุมนุม นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า สถานการณ์เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา รัฐบาลต้องติดตามสถานการณ์ การตัดสินใจใดๆ ในห้วงการพิจารณาสถานการณ์ ย่อมเกิดความแตกต่างขึ้นได้ หากมีการสั่งการ สรุปสุดท้ายเท่านั้นจึงจะเป็นข้อสรุปในการจัดการกับสถานการณ์ รวมถึงพิจารณาการปฏิบัติ
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า ที่ต้องยกเลิกการสลายการชุมนุมเป็นเพราะทหาร ไม่เห็นด้วย นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การสลายการชุมนุม ทั้งฝ่ายทหารและรัฐบาลต่างก็ไม่เห็นด้วย อย่างมากที่สุดที่รัฐบาลจะทำคือ การนำกำลังเจ้าหน้าที่ไปผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมให้ออกจากทำเนียบฯ ซึ่งมีความแตกต่างจากคำว่า ทุบตี ซึ่งรัฐบาลไม่ได้มีการกำหนดกรอบเวลาที่ตายตัว มีการพิจารณาสถานการณ์ทุกระยะ
ปชป.โวย"หมัก"หนีตอบกระทู้
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วานนี้ (28 ส.ค.) มีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม ในช่วงก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระ ได้เกิดการโต้แย้งขึ้นในที่ประชุม เมื่อมีการนำประเด็น กลุ่มบุคคลที่อ้างเป็นนักรบศรีวิชัย บุกเข้าไปในสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT มาอภิปราย โดยนายวรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ หารือว่าได้รับการร้องเรียนจากประชาชน ให้รัฐบาลตรวจสอบการนำเสนอข่าวของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT เนื่องจากเห็นว่า มีความพยายามยั่วยุให้เกิดความรุนแรง โดยเฉพาะการนำภาพอาวุธที่ยึดได้จากกลุ่มนักรบศรีวิชัย มานำเสนอบ่อยครั้ง เพื่อให้ประชาชนเข้าใจว่ากำลังมีความพยายาม ล้มล้างรัฐบาล ซึ่งเห็นว่าเพียงไม้กอล์ฟ และหนังสติ๊ก ตามที่ปรากฏในภาพ คงไม่สามารถล้มล้างรัฐบาลได้
ผู้สื่อข่าวรายรายงานว่า หลังจากมีการพิจารณากระทู้ทั่วไปเสร็จสิ้น ปรากฏว่าได้มีการตอบโต้ระหว่าง ส.ส.พรรคพลังประชาชน กับพรรคประชาธิปัตย์ อีกครั้ง ระหว่างนาย เทพไท เสนพงศ์ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ หารือในการพิจารณากระทู้ถามสด โดยต่อว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่เบี้ยวไม่มาตอบกระทู้ เพราะนายกฯได้เลื่อนตอบกระทู้มาสองครั้งแล้ว นายกฯหนีกระทู้ ทำตัวเหมือนนายกฯ พเนจร และเป็นเจ้าไม่มีศาล
ทำให้นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ไม่พอใจ ลุกขึ้นประท้วงให้ถอนคำพูด พร้อมอ้างว่าที่บอกว่านายกฯเป็นเจ้าไม่มีศาล เพราะมี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ไปยึดทำเนียบฯ พร้อมยืนยันว่านายกฯไม่ได้หนีหน้า
พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธาน ได้วินิจฉัยว่า เรื่องนี้ถึงจะเป็นเรื่องจริง แต่ไม่ควรพูด เพราะเป็นการเสียดสี จึงขอให้ถอนคำพูด แต่ปรากฏว่า นายจตุพร ประท้วงการวินิจฉัยของประธานที่ประชุม ว่าไม่เหมาะสม แม้จะเป็นความจริง เพราะเรื่องนี้เป็นการกล่าวหา และใส่ร้ายนายกฯ
บี้"หมัก"ถ้าหนีสภาให้ลาออกไป
ในที่สุดนายเทพไท ได้ยอมถอนคำพูด เพราะกลัวแล้ว แต่อยากถามว่า กระทู้ที่ถามนายกฯ จะได้คำตอบเมื่อไร หากหนีหน้าไม่มาตอบเพราะกลัวซักถามจนตอบไม่ได้ ก็ไม่ควรหนีสภา จะได้เลิกหวัง และขอบอกว่า นายกฯจะหนีอะไรก็หนีได้ แต่หนีความจริงไปไม่ได้ แต่ถ้าอยากหนีสภา ก็ขอให้เขียนใบลาออกไปได้เลย
นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี พรรคพลังประชาชน ได้ตอบโต้ทันที ว่า การที่บอกให้นายกฯ เขียนใบลาออกไม่เหมาะสม หากเห็นว่าเป็นสภาอันทรงเกียรติ ทำไมไม่บอกให้ นายสมเกียรติ เขียนใบลาออกบ้าง
ด้าน นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ได้ชี้แจงว่า ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย เมื่อมีการปิดรัฐสภา เมื่อ พ.ค.51 แล้วได้มี ส.ส.ไปขึ้นเวทีพูด ซึ่งตนไม่ติดใจ ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย ไม่ให้ย้อนไปถึงเหตุการณ์หน้าบ้านสี่เสา แต่วันนี้ สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน ได้ชี้แจงที่ถูกพาดพิงจากกรณี ที่ไปบุกหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ ของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ว่า เป็นการชุมนุมที่ไม่มีอาวุธ แต่พรรคพวกของนายสมเกียรติ ที่ไปบุกสถานีโทรทัศน์ NBT ได้มีการนำอาวุธเข้าไป ที่ผ่านมาในกระบวนการยุติธรรม ทุกคนอ้างความเสมอภาคทุกคน แต่เมื่อศาลอนุมัติหมายจับ ทำไมต้องถึงไม่มอบตัวเลย
"สมเกียรติ"ภูมิใจกบฎต่อรัฐบาลชั่ว
ขณะที่นายสมเกียรติ ได้ชี้แจงอีกครั้ง ที่ตนถูกตั้งข้อกล่าวหา ก็สามารถทำได้ เราต่างเดินในสงครามในเชิงเหตุผลทั้งสองฝ่าย ภายนอกใครจะทำอะไรก็แล้วแต่ ก็ต้องรับผิดชอบ ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ส่วนตัวก็มีความคิดเหมือนกันว่าจะลาออก เพราะเป็นข้อหาที่ใหญ่เหลือเกิน อย่างไรก็ตาม ตนภูมิใจที่เป็นกบฎต่อรัฐบาลที่ไม่พึงปรารถนา และภูมิใจที่ได้ล้มบางระบอบได้
ยอมลาออกหาก"หมัก" ออก
นายสมเกียรติ ให้สัมภาษณ์ภายหลังกล่าวกึงกรณี ส.ส.พลังประชาชน เรียกร้องให้ตนลาออกจากการเป็นส.ส. ว่า กำลังพิจารณาอยู่ ถ้าเห็นว่าตนมีความผิดจริง ก็ไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งส.ส.ต่อไป แต่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 39 ระบุว่า ในคดีอาญา ผู้ต้องหายังไม่มีความผิดจนกว่าจะมีคำพิพากษา ตอนนี้ศาลก็ยังไม่พิพากษา ขณะที่นายสมัคร ถูกศาลชั้นต้นพิพากษาว่า มีความผิดคดีหมิ่นประมาทนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าฯกทม. หรือกำลังรอคิวพิจารณาคดีทุจริตหลายเรื่อง รวมถึง กรณีเขาพระวิหาร ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว ว่า กระทำการขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ก็ยังไม่ลาออก ฉะนั้นถ้านายสมัคร ลาออกจากการเป็นส.ส. ตนจะลาออกตามเลย ไม่มีข้อแม้ ทั้งที่คดีของนายสมัคร เป็นคดีที่อุจฉกรรจ์กว่าตน
"แค่เรื่องเขาพระวิหารเรื่องเดียว นายสมัคร ยังตอบสังคมไม่ได้ การเมืองไม่ใช่เส้นทางสุดท้ายของผม เพราะผมจะเลือกลงทางการเมืองอย่างสวยงาม แล้วไม่จำนนด้วย ไม่ใช่ว่าวันนี้ผมรับพิจารณาเพราะมีข้อเรียกร้องจากส.ส.พรรคพลังประชาชน ถ้าผมเรียกร้องกลับให้นายสมัคร พิจารณาลาออกบ้าง ผมก็พร้อมที่จะลาออกพร้อมนายสมัคร ลองไปดูว่า นายสมัคร โดนกี่คดี ผมถูกกี่คดี แล้วโกงชาติกี่บาท คดีกบฏของผมเทียบเท่ากับ คดีโกงขยะ คดีรถดับเพลิง เขาพระวิหารได้หรือไม่" นายสมเกียรติกล่าว
"มาร์ค"เป็นนายกฯ บ้านเมืองไม่วุ่น
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เวลาไปเลือกตั้ง ก็ขอว่าจะมาเป็น ส.ส. แต่กลับไม่ให้ความสำคัญกับสภา ที่เป็นเวทีของ ส.ส. สำหรับกรณีนายสมเกียรติ ถือเป็นคนไทยคนหนึ่ง สามารถใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญได้ ไม่ว่าจะเป็น ส.ส.หรือไม่ แต่เมื่อมีคดีความขึ้นมา เจ้าตัวก็ไม่ขอใช้เอกสิทธิ์ แต่ก็ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ส่งเรื่องมายังสภา เพื่อขอตัวไปดำเนินการก่อน
ทั้งนี้ ตนได้คุยกับนายสมเกียรติ ว่าไปไหน จะต้องรับผิดชอบ และการถูกตั้งข้อกล่าวหา ก็ถือเป็นการดำเนินการส่วนตัว จึงตกลงที่จะไม่ใช้เอกสิทธิ์ และพรรคจะทำเป็นข้อยกเว้น แม้ประเพณีจะไม่อนุมัติก็ตาม แต่พรรคจะอนุญาต เพราะเราต้องรักษาไม่ให้ประเทศเสียหายไปมากกว่านี้
หลังจากนายอภิสิทธิ์ กล่าวจบ บรรดา ส.ส.จากพรรคพลังประชาชนหลายคน ได้ยกมือประท้วง โดยนายจตุพร ได้ตอบโต้ว่า ถ้าจะเป็นนายกฯ จริงๆ จะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ได้ตอบว่า ถ้ามีโอกาสเป็นนายกฯ จะไม่เติมเชื้อไฟให้สถานการณ์ และเชื่อว่า จะไม่มีปัญหา และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างนี้แน่นอน
หลังจากที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้ออกมาข่มขู่ ขีดเส้นกำหนดเวลาให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถอนตัวออกจากทำเนียบรัฐบาล มิเช่นนั้นจะใช้กำลังตำรวจเข้าสลายการชุมนุม และจับกุมตัวแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 9 คน ที่ถูกออกหมายจับในข้อหากบฏ แต่อย่างไรก็ตาม ตำรวจก็ไม่ได้เข้าสลายผู้ชุมนุม ตามที่นายสมัครได้ขีดเส้นให้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเช้าวานนี้ (09.30น.) นายสมัคร ได้เดินทางไปเป็นประธานพิธี กล่าวเปิดการแถลงยุทธศาสตร์ทหาร ของนักศึกษาวิทยาลัยเสนาธิการทหาร และนักศึกษาวิทยาลัยการทัพบก ประจำปี 2551 ที่สถาบันวิชาการป้องกัน โดยนายสมัคร ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ในการแถลงยุทธศาสตร์ทหาร และห้ามไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปทำข่าว
"หมัก"อ้างเป็นคนสั่งไม่ให้ตำรวจลุย
รายงานข่าวแจ้งว่า นายสมัครได้พูดถึงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ได้ถามว่าจะดำเนินการอย่างไรกับ กลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งตนบอกว่า อย่าไปยุ่งกับเขา ปล่อยเขาไป อยากทำอะไรก็ทำไป ไม่ต้องไปจับ เขาอยากอยู่ ก็ให้เขาอยู่ไป และได้บอกกับตำรวจว่า จะเอากันให้ตายกันเลยหรือไง
ทั้งนี้ นายสมัคร ได้ให้สัมภาษณ์ในภายหลังถึงเรื่องนี้ ว่า เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ตอนค่ำ ศาลมีความกรุณา ให้ดาบเรามาถือไว้ เราได้ดาบมา ก็ไม่เดินดุ่มๆ เข้าไป คือตอนแรกคิดว่า จะเคลียร์พื้นที่ให้เรียบร้อย และได้สั่งการไปแล้ว แต่เมื่อมาไตร่ตรองดูแล้วเห็นว่าอันตราย กล่าวคือ สามารถรักษาอะไรต่ออะไรมาได้ตั้งมากมาย แล้ว จะไปฟาดฟันอะไรอย่างนั้น และเห็นเขาป้องกันเข้มแข็งอย่างนั้น ก็เลยให้ยุติ
"ผมบอกเขาว่า ขอร้องให้มารายงานตัว จะมอบตัวเมื่อไร ก็สุดแท้แต่ และสั่งตำรวจให้ระงับ ไม่ให้ดำเนินการ คือไม่มีการสลายการชุมนุม ไม่ใช่ทอดทิ้งไว้ตลอด มีเวลามันคงยุติกันได้ ฉะนั้นเรื่องนี้ ก็ไม่ให้เกิดสปาร์ค อะไรกันขึ้นมา ก็เป็นอันว่าเมื่อคืนนอนดึกกันหน่อย เพราะหวังว่าจะมีการโชว์ดาว์นกัน ไม่มีครับ ทุกอย่างสำเร็จเรียบร้อยดี ทางตำรวจก็มีการเรียกประชุมกันตอนดึก ไม่ดำเนินการอะไรต่างๆ" นายสมัครกล่าว
ส่วนเรื่องการจัดงาน 116 วันจากวันแม่ถึงวันพ่อ ก็จะย้ายไปที่สวนอัมพร จะทำหนังสือกราบบังคมทูลสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามกุฎราชกุมาร ว่าจะใช้ที่สวนอัมพร เพราะขบวนใหญ่ตั้งอยู่ที่นั่นแล้ว
เมื่อถามว่า จะปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ จะทำให้รัฐบาลเสียความชอบธรรมหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า ไม่เป็นปัญหา มันต้องได้บ้าง เสียบ้าง แต่ตนไม่ได้เสียสถานะในทางการเมือง ทั่วโลกเขาดูอยู่ รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ความรู้สึกไม่เป็นปัญหา ย่อมเกิดขึ้นได้ ตนประชุมที่ทำเนียบฯ ไม่ได้ก็ย้ายไปประชุมที่กองทัพไทย ไม่วิตกทุกข์ร้อน หรือรู้สึกเสียหน้า
เมื่อถามว่า จากนี้ไปจะนั่งทำงานที่ไหน นายสมัคร กล่าวว่างานอยู่ข้างนอกทั้งนั้น เมื่อถามว่า คิดถึงทำเนียบหรือไม่ นายสมัคร กล่าวสั้นๆว่า ถามอะไรแบบนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมา เวลา 13.50 น. นายสมัคร ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ได้เดินทางมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ซึ่งครั้งนี้ ทางสตช.ไม่ได้มีการตั้งกองตำรวจเกียรติยศมาต้อนรับเหมือนเช่นเคย
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ตนแถลงข่าว ซึ่งรัฐบาลยืนยันว่า จะไม่ใช่ความรุนแรง หรือใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ แต่จะดำเนินการตามกระบวนการกฎหมาย และขอเรียกร้องให้แกนนำทั้ง 9 คน เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพิสูจน์ตัวเองตามกระบวนการยุติธรรม
นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า อยากขอความร่วมมืออย่างจริงใจจากฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ และนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษา ปชป. ให้มีมาตรการดำเนินการกับ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส. ของพรรค ที่ถูกหมายจับในฐาน กบฎ และเรียกร้องให้นายสมเกียรติ ยอมมอบตัว
นายถาวร เสนเนียม ส.ส. สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ สตช. แจ้งข้อกล่าวหากลุ่มพันธมิตรฯ ว่าล้มล้างรัฐบาล และเป็นกบฏว่า ต้องการปิดปากไม่ให้กลุ่มพันธมิตรฯ เปิดโปงความผิดของรัฐบาลมากกว่า ตนเห็นว่าเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงเกินไป การตั้งข้อกล่าวหาเช่นนี้
อ้อมแอ้มแจงข้อหากบฏ
เมื่อถามว่า การตั้งข้อหากบฎกับแกนนำพันธมิตรฯ ถือเป็นข้อหาที่ไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 113 หรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การตั้งข้อหาดังกล่าว เป็นการตั้งข้อหาที่สามารถแสดงความคิดเห็นกันได้ แต่พนักงานสอบสวนเป็นผู้ตั้งข้อกล่าวหา โดยนำสู่ศาลซึ่งมีองค์คณะผู้พิพากษาเป็นผู้พิจารณาอนุมัติการออกหมายจับ ตนถือว่าทุกคนต้องเคารพดุลยพินิจของศาล
ส่วนที่มาของข้อหากบฎนั้น มาจากการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ มีเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองให้เป็นการเมืองใหม่ ตามทฤษฎีที่เคยประกาศก่อนหน้านี้ ข้อสังเกตุของตนมองว่า หากการกระทำที่ผ่านมาของกลุ่มพันธมิตรฯ ได้กระทำมา ต้องไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เนื่องจากหากมีการประกาศการเมืองใหม่ ก็ถือเป็นการขัดรัฐธรรมนูญ ถือเป็นการเคลื่อนไหวโดยใช้กำลังเพื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 113 หรือไม่ อีกทั้งการออกมาปกป้องรัฐธรรมนูญ 2550 จะเกิดการเมืองใหม่ได้อย่างไร อีกทั้งพันธมิตรฯ ปฏิเสธการดำเนินการของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งชัดเจน ถือเป็นการโค่นล้มสถาบันบริหาร นิติบัญญัติ ข้อกล่าวหาจะร้ายแรงหรือไม่ แล้วแต่ใครจะพิจารณา
เมื่อถามว่า การที่นายกฯ ได้สั่งการอย่างชัดเจน ให้สลายการชุมนุมภายในเวลา 18.00 น. ของวันที่ 27 ส.ค. แต่มาถึงเวลานี้ ทำไมถึงมีการเปลี่ยนแปลง โดยระบุว่า จะไม่มีการสลายการชุมนุม นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า สถานการณ์เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา รัฐบาลต้องติดตามสถานการณ์ การตัดสินใจใดๆ ในห้วงการพิจารณาสถานการณ์ ย่อมเกิดความแตกต่างขึ้นได้ หากมีการสั่งการ สรุปสุดท้ายเท่านั้นจึงจะเป็นข้อสรุปในการจัดการกับสถานการณ์ รวมถึงพิจารณาการปฏิบัติ
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า ที่ต้องยกเลิกการสลายการชุมนุมเป็นเพราะทหาร ไม่เห็นด้วย นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การสลายการชุมนุม ทั้งฝ่ายทหารและรัฐบาลต่างก็ไม่เห็นด้วย อย่างมากที่สุดที่รัฐบาลจะทำคือ การนำกำลังเจ้าหน้าที่ไปผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมให้ออกจากทำเนียบฯ ซึ่งมีความแตกต่างจากคำว่า ทุบตี ซึ่งรัฐบาลไม่ได้มีการกำหนดกรอบเวลาที่ตายตัว มีการพิจารณาสถานการณ์ทุกระยะ
ปชป.โวย"หมัก"หนีตอบกระทู้
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วานนี้ (28 ส.ค.) มีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม ในช่วงก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระ ได้เกิดการโต้แย้งขึ้นในที่ประชุม เมื่อมีการนำประเด็น กลุ่มบุคคลที่อ้างเป็นนักรบศรีวิชัย บุกเข้าไปในสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT มาอภิปราย โดยนายวรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ หารือว่าได้รับการร้องเรียนจากประชาชน ให้รัฐบาลตรวจสอบการนำเสนอข่าวของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT เนื่องจากเห็นว่า มีความพยายามยั่วยุให้เกิดความรุนแรง โดยเฉพาะการนำภาพอาวุธที่ยึดได้จากกลุ่มนักรบศรีวิชัย มานำเสนอบ่อยครั้ง เพื่อให้ประชาชนเข้าใจว่ากำลังมีความพยายาม ล้มล้างรัฐบาล ซึ่งเห็นว่าเพียงไม้กอล์ฟ และหนังสติ๊ก ตามที่ปรากฏในภาพ คงไม่สามารถล้มล้างรัฐบาลได้
ผู้สื่อข่าวรายรายงานว่า หลังจากมีการพิจารณากระทู้ทั่วไปเสร็จสิ้น ปรากฏว่าได้มีการตอบโต้ระหว่าง ส.ส.พรรคพลังประชาชน กับพรรคประชาธิปัตย์ อีกครั้ง ระหว่างนาย เทพไท เสนพงศ์ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ หารือในการพิจารณากระทู้ถามสด โดยต่อว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่เบี้ยวไม่มาตอบกระทู้ เพราะนายกฯได้เลื่อนตอบกระทู้มาสองครั้งแล้ว นายกฯหนีกระทู้ ทำตัวเหมือนนายกฯ พเนจร และเป็นเจ้าไม่มีศาล
ทำให้นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ไม่พอใจ ลุกขึ้นประท้วงให้ถอนคำพูด พร้อมอ้างว่าที่บอกว่านายกฯเป็นเจ้าไม่มีศาล เพราะมี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ไปยึดทำเนียบฯ พร้อมยืนยันว่านายกฯไม่ได้หนีหน้า
พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธาน ได้วินิจฉัยว่า เรื่องนี้ถึงจะเป็นเรื่องจริง แต่ไม่ควรพูด เพราะเป็นการเสียดสี จึงขอให้ถอนคำพูด แต่ปรากฏว่า นายจตุพร ประท้วงการวินิจฉัยของประธานที่ประชุม ว่าไม่เหมาะสม แม้จะเป็นความจริง เพราะเรื่องนี้เป็นการกล่าวหา และใส่ร้ายนายกฯ
บี้"หมัก"ถ้าหนีสภาให้ลาออกไป
ในที่สุดนายเทพไท ได้ยอมถอนคำพูด เพราะกลัวแล้ว แต่อยากถามว่า กระทู้ที่ถามนายกฯ จะได้คำตอบเมื่อไร หากหนีหน้าไม่มาตอบเพราะกลัวซักถามจนตอบไม่ได้ ก็ไม่ควรหนีสภา จะได้เลิกหวัง และขอบอกว่า นายกฯจะหนีอะไรก็หนีได้ แต่หนีความจริงไปไม่ได้ แต่ถ้าอยากหนีสภา ก็ขอให้เขียนใบลาออกไปได้เลย
นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี พรรคพลังประชาชน ได้ตอบโต้ทันที ว่า การที่บอกให้นายกฯ เขียนใบลาออกไม่เหมาะสม หากเห็นว่าเป็นสภาอันทรงเกียรติ ทำไมไม่บอกให้ นายสมเกียรติ เขียนใบลาออกบ้าง
ด้าน นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ได้ชี้แจงว่า ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย เมื่อมีการปิดรัฐสภา เมื่อ พ.ค.51 แล้วได้มี ส.ส.ไปขึ้นเวทีพูด ซึ่งตนไม่ติดใจ ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย ไม่ให้ย้อนไปถึงเหตุการณ์หน้าบ้านสี่เสา แต่วันนี้ สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน ได้ชี้แจงที่ถูกพาดพิงจากกรณี ที่ไปบุกหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ ของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ว่า เป็นการชุมนุมที่ไม่มีอาวุธ แต่พรรคพวกของนายสมเกียรติ ที่ไปบุกสถานีโทรทัศน์ NBT ได้มีการนำอาวุธเข้าไป ที่ผ่านมาในกระบวนการยุติธรรม ทุกคนอ้างความเสมอภาคทุกคน แต่เมื่อศาลอนุมัติหมายจับ ทำไมต้องถึงไม่มอบตัวเลย
"สมเกียรติ"ภูมิใจกบฎต่อรัฐบาลชั่ว
ขณะที่นายสมเกียรติ ได้ชี้แจงอีกครั้ง ที่ตนถูกตั้งข้อกล่าวหา ก็สามารถทำได้ เราต่างเดินในสงครามในเชิงเหตุผลทั้งสองฝ่าย ภายนอกใครจะทำอะไรก็แล้วแต่ ก็ต้องรับผิดชอบ ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ส่วนตัวก็มีความคิดเหมือนกันว่าจะลาออก เพราะเป็นข้อหาที่ใหญ่เหลือเกิน อย่างไรก็ตาม ตนภูมิใจที่เป็นกบฎต่อรัฐบาลที่ไม่พึงปรารถนา และภูมิใจที่ได้ล้มบางระบอบได้
ยอมลาออกหาก"หมัก" ออก
นายสมเกียรติ ให้สัมภาษณ์ภายหลังกล่าวกึงกรณี ส.ส.พลังประชาชน เรียกร้องให้ตนลาออกจากการเป็นส.ส. ว่า กำลังพิจารณาอยู่ ถ้าเห็นว่าตนมีความผิดจริง ก็ไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งส.ส.ต่อไป แต่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 39 ระบุว่า ในคดีอาญา ผู้ต้องหายังไม่มีความผิดจนกว่าจะมีคำพิพากษา ตอนนี้ศาลก็ยังไม่พิพากษา ขณะที่นายสมัคร ถูกศาลชั้นต้นพิพากษาว่า มีความผิดคดีหมิ่นประมาทนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าฯกทม. หรือกำลังรอคิวพิจารณาคดีทุจริตหลายเรื่อง รวมถึง กรณีเขาพระวิหาร ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว ว่า กระทำการขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ก็ยังไม่ลาออก ฉะนั้นถ้านายสมัคร ลาออกจากการเป็นส.ส. ตนจะลาออกตามเลย ไม่มีข้อแม้ ทั้งที่คดีของนายสมัคร เป็นคดีที่อุจฉกรรจ์กว่าตน
"แค่เรื่องเขาพระวิหารเรื่องเดียว นายสมัคร ยังตอบสังคมไม่ได้ การเมืองไม่ใช่เส้นทางสุดท้ายของผม เพราะผมจะเลือกลงทางการเมืองอย่างสวยงาม แล้วไม่จำนนด้วย ไม่ใช่ว่าวันนี้ผมรับพิจารณาเพราะมีข้อเรียกร้องจากส.ส.พรรคพลังประชาชน ถ้าผมเรียกร้องกลับให้นายสมัคร พิจารณาลาออกบ้าง ผมก็พร้อมที่จะลาออกพร้อมนายสมัคร ลองไปดูว่า นายสมัคร โดนกี่คดี ผมถูกกี่คดี แล้วโกงชาติกี่บาท คดีกบฏของผมเทียบเท่ากับ คดีโกงขยะ คดีรถดับเพลิง เขาพระวิหารได้หรือไม่" นายสมเกียรติกล่าว
"มาร์ค"เป็นนายกฯ บ้านเมืองไม่วุ่น
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เวลาไปเลือกตั้ง ก็ขอว่าจะมาเป็น ส.ส. แต่กลับไม่ให้ความสำคัญกับสภา ที่เป็นเวทีของ ส.ส. สำหรับกรณีนายสมเกียรติ ถือเป็นคนไทยคนหนึ่ง สามารถใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญได้ ไม่ว่าจะเป็น ส.ส.หรือไม่ แต่เมื่อมีคดีความขึ้นมา เจ้าตัวก็ไม่ขอใช้เอกสิทธิ์ แต่ก็ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ส่งเรื่องมายังสภา เพื่อขอตัวไปดำเนินการก่อน
ทั้งนี้ ตนได้คุยกับนายสมเกียรติ ว่าไปไหน จะต้องรับผิดชอบ และการถูกตั้งข้อกล่าวหา ก็ถือเป็นการดำเนินการส่วนตัว จึงตกลงที่จะไม่ใช้เอกสิทธิ์ และพรรคจะทำเป็นข้อยกเว้น แม้ประเพณีจะไม่อนุมัติก็ตาม แต่พรรคจะอนุญาต เพราะเราต้องรักษาไม่ให้ประเทศเสียหายไปมากกว่านี้
หลังจากนายอภิสิทธิ์ กล่าวจบ บรรดา ส.ส.จากพรรคพลังประชาชนหลายคน ได้ยกมือประท้วง โดยนายจตุพร ได้ตอบโต้ว่า ถ้าจะเป็นนายกฯ จริงๆ จะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ได้ตอบว่า ถ้ามีโอกาสเป็นนายกฯ จะไม่เติมเชื้อไฟให้สถานการณ์ และเชื่อว่า จะไม่มีปัญหา และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างนี้แน่นอน
