ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยพื้นที่ภาคใต้ ระบุหากกระทรวงการต่างประเทศไม่ริบคืนพาสปอร์ตอาชญากร ‘แม้ว-อ้อ’ ประชาชนสามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ อัดรัฐบาลไม่มีความชอบธรรมเบิกจ่ายงบประมาณสร้างรัฐสภาใหม่ ด้านยามฯภูเก็ตจี้ซ้ำ "บัวแก้ว" ต้องยึดพาสปอร์ต "แม้ว-อ้อ" ชี้หากไม่ดำเนินการพร้อมหนุนประชาชนฟ้องศาลปกครองฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ขณะที่ “อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์” ยืดอกไม่หวั่นกรณี ป.ป.ช.จะตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนการจัดรายการ “ความจริงวันนี้” ของ “สามเกลอสภาโจ๊ก” ยันกรมกร๊วกทำทุกขั้นตอนถูกต้อง
นายเอกชัย อิสระทะ ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยพื้นที่ภาคใต้ กล่าวถึงประเด็นกรณีที่มีการเคลื่อนไหวให้กระทรวงการต่างประเทศยกเลิกพาสปอร์ตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชิวัตร และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภายหลังตกเป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดีว่า ถือเป็นสิทธิของประเทศไทยที่จะต้องยึดพาสปอร์ตทุกประเภทคืนจาก พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน เพราะทั้งสองคนคือผู้ต้องหาในคดีอาญาและอยู่ระหว่างหลบหนีคดีจึงไม่ควรได้รับสิทธิ์
“ถ้ากระทรวงการต่างประเทศยังไม่ดำเนินการประชาชนที่รักความเป็นธรรมก็สามารถแจ้งความดำเนินคดีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ประชาชนต้องตามจี้เรื่องนี้อย่างถึงที่สุด และรัฐบาลควรมีมาตรการในการรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วย”
นายเอกชัย กล่าวอีกว่า ในส่วนของความขัดแย้งระหว่างนักเรียนโรงเรียนโยธินบูรณะ และกลุ่มชาวบ้านชุมชนเกียกกาย กับรัฐบาลเรื่องการสร้างรัฐสภาแห่งใหม่นั้น ในวิธีการปฏิบัติรัฐบาลควรเปิดโอกาสให้มีการแสดงความคิดเห็นในประเด็นนี้อย่างกว้างขวาง ไม่ใช่รวบรัดดำเนินการก่อสร้างโดยไม่ยอมรับฟังเสียงท้วงติงจากประชาชนที่จะต้องได้รับผลกระทบ
“หากรัฐบาลยืนยันว่าจะต้องสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ให้ได้ด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่ สถานที่ก่อสร้างก็น่าจะอยู่ในจุดที่ไม่มีความขัดแย้งกับประชาชนผู้เสียภาษีอากร เท่าที่ทราบมีการสำรวจไว้หลายแห่งรับบาลควรนำข้อมูลต่างๆ ออกมาเปิดเผยแล้วให้มีการทำประชาพิจารณ์ว่าประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ แต่ในความเป็นจริงแล้วสถานะของรับบาลในขณะนี้ไม่ได้มีความชอบธรรมที่จะเบิกจ่ายงบประมาณใดๆ” นายเอกชัย กล่าวและว่า
ในส่วนการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยภาคใต้นั้น ในวันที่ 28 สิงหาคม 2551 นี้จะมีการประชุมร่วมกันอีกครั้งเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์และร่วมกันกำหนดยุทธวิธีในการเคลื่อนไหวให้สอดคล้องต้องกันทั้งในระดับภูมิภาคและส่วนกลาง
ยามฯภูเก็ตจี้ยึดพาสปอร์ตแม้ว-อ้อ
นายณัฐจรงค์ เอกเพิ่มทรัพย์ ประธานกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต กล่าวกรณีที่มีการเคลื่อนไหวให้กระทรวงการต่างประเทศยกเลิกพาสปอร์ตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชิวัตร และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภายหลังตกเป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดีว่า จากที่กลุ่มพันธมิตรฯเดินทางไปเรียกร้องให้กระทรวงต่างประเทศยึดพาสปอร์ตทุกประเภทคืนจาก พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน เนื่องจากทั้งสองคนคือผู้ต้องหาในคดีอาญาและอยู่ระหว่างหลบหนีคดี ถ้ากระทรวงต่างประเทศไม่ดำเนินการเพิกถอนพาสปอร์ตดังกล่าวถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ประชาชนก็สามารถที่จะฟ้องศาลปกครองเพื่อดำเนินคดีกับกระทรวงต่างประเทศได้ ซึ่งในส่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา อย่าทำหน้าที่แบบ 2 มาตรฐาน ซึ่งในส่วนของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นถือว่าเป็นอาชญากรเพราะฉะนั้นจะต้องมีการดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอน
“ในฐานะกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต อยากเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐช่วยกันปกป้องผลประโยชน์ของประเทศให้ถึงที่สุดและจะต้องทำให้เกิดความเป็นธรรมปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา” นายณัฐจรงค์ กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของการดำเนินการเพิกถอนพาสปอร์ตนั้นหลังจากไปเรียกร้องแล้วคงจะต้องให้เวลาทางกระทรวงต่างประเทศระยะหนึ่งหากไม่มีการดำเนินการใดๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คงจะต้องมีการเคลื่อนไหวอย่างใดอย่างหนึ่งแน่นอน ซึ่งในเรื่องของการแจ้งความดำเนินคดีนั้นจะต้องมีการศึกษาในเรื่องขั้นตอนกฎหมาย และที่สำคัญพร้อมที่จะดำเนินการตามมติของกลุ่มพันธมิตรส่วนกลาง
”อธิบดีกรมกร๊วก” ไม่หวั่น
ถูก ป.ป.ช.สอบ“ความจริงวันนี้”
วันเดียวกัน ในเวลา 13.30 น.นายเผชิญ ขำโพธิ์ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวก่อนการประชุมมอบนโยบายให้แก่ข้าราชการในสังกัดสำนักประชาสัมพันธ์เขต 1 และเขต 2 ที่ จ.หนองคายว่า ในครั้งนี้ได้ร่วมกันกำหนดแผนการปฏิบัติงาน แผนการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับโครงการตามพระราชดำริ และแผนการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับวันสำคัญของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ รวมทั้งสารคดีเฉลิมพระเกียรติต่างๆ ซึ่งกรมประชาสัมพันธ์ได้มอบหมายให้หน่วยงานต่างๆ จัดทำแผนเพื่อเผยแพร่สารคดีเฉลิมพระเกียรติ และยังมีแผนงานประชาสัมพันธ์ ตามนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงต่อสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีความสำคัญที่สื่อของกรมประชาสัมพันธ์ต้องตระหนักและให้ความสำคัญ
โดยเฉพาะแผนต่างๆ ที่เกี่ยวกับรัฐบาลได้แถลงต่อสภาในข้อ 83 ในเรื่องนโยบายที่จะให้ประชาชนได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างกว้างขวาง กรมประชาสัมพันธ์ได้มอบให้หน่วยงานสังกัดสำนักประชาสัมพันธ์เขต 1 และ เขต 2 ดำเนินการนำไปใช้ในการผลิตบทความ สารคดี ข่าวสาร เพื่อเผยแพร่ตามสื่อในสังกัด และการดำเนินงานตามภารกิจเร่งด่วน
“การมาที่หนองคายพบว่า ขณะนี้เกิดน้ำท่วม หน่วยงานของกรมประชาสัมพันธ์ต้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ทราบถึงความเดือดร้อน และความช่วยเหลือของหน่วยงานราชการ” นายเผชิญ กล่าว
อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวกรณีที่ ป.ป.ช.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนการดำเนินรายการ “ความจริงวันนี้” ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ NBT ด้วยว่า เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา สำนักงาน ป.ป.ช.ได้แถลงข่าวที่จะตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนในกรณีที่กรมประชาสัมพันธ์ได้มอบให้บริษัทเพื่อนพ้องน้องพี่เข้าไปจัดรายการ “ความจริงวันนี้” ในเวลา 22.00-23.00 น. ซึ่งรายการนี้ได้ดำเนินการด้วยรูปแบบการร่วมผลิต มีการทำสัญญาอย่างถูกต้อง ซึ่งกรมประชาสัมพันธ์ยินดีหากมีการสอบถามมา
อย่างไรก็ตาม ในการที่เราเป็นข้าราชการก็ต้องรายงานความคืบหน้า การไต่สวนให้ผู้บังคับบัญชา รายงานให้ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีได้ทราบ ว่าได้ขอให้มีการไต่สวน ซึ่งในวันนี้ยังไม่ได้รับเอกสารใดๆ เป็นเพียงข่าวที่ออกไปเท่านั้น หากมีเอกสารมาก็จะรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น
กระนั้นก็ตาม ตนไม่รู้สึกหนักใจต่อการทำงานในสถานการณ์การเมืองเช่นนี้ เนื่องจากกรมประชาสัมพันธ์ปฏิบัติตามนโยบายและเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ตามภารกิจ ที่มีหน้าที่เป็นสื่อ กระจายข้อมูลข่าวสาร ทำหน้าที่เป็นสื่อมวลชนของภาครัฐ ในการปกป้องรักษาผลประโยชน์ของประชาชนชาวไทย ปกป้องผลประโยชน์ของชาติให้เป็นไปในทางที่ดี และให้ข้อมูลข่าวสารในทางสร้างสรรค์ ตรงไปตรงมาและเป็นจริง ข้าราชการทุกคนตระหนักถึงภารกิจนี้อยู่แล้ว
ส่วนที่มีบางกลุ่มมองว่า การเดินทางไปตามจังหวัดต่างๆ ของอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ในช่วงนี้ว่า อาจจะเป็นการเตรียมการเลือกตั้งล่วงหน้านั้น นายเผชิญ กล่าวว่า โดยส่วนตัวแล้วไม่ได้มีแนวความคิดเช่นนั้น ซึ่งตนเป็นข้าราชการประจำ คงไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับการเลือกตั้งใดๆ เพราะเป็นหน้าที่ของฝ่ายการเมือง
“ผมทำหน้าที่ของข้าราชการ ที่จะต้องมาดู มาเยี่ยมให้กำลังใจแก่บุคลากรในสังกัดทั่วประเทศจะมีส่วนที่เกี่ยวข้องเพียงแค่ให้บุคลากรของกรมประชาสัมพันธ์ เชิญชวนประชาชนไปเลือกตั้งเท่านั้น”