xs
xsm
sm
md
lg

ถึงคิว"“วีระ"”จ่อเข้าคุก ศาลสั่งจับหมิ่นเบื้องสูง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ไข่แม้วดำ "วีระ มุสิกพงศ์” จ่อเข้าคุกอีกรอบ ศาลอาญาออกหมายจับฐานหมิ่นเบื้องสูง สั่งจับส่งศาลภายใน 7 วัน ด้าน “ดา ตอร์ปิโด” นอนคุกไร้ญาติ เครียดหนัก ด้านคดี “จักรภพ เพ็ญแข” ยังอืดตำรวจอ้างเฉยเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ส่วนการขอตัวสองอาชญากรแผ่นดิน “แม้ว-อ้อ” กลับไทยอัยการฝ่ายต่างประเทศ เผยข้อเท็จจริงของคดีต่างจากคดีของ “ปิ่น จักกะพาก” ศาลฎีกานักการเมืองออกหมายเรียก “พิชิฏ ชื่นบาน” ทนายสินบนจากเรือนจำ มาเบิกความเป็นพยานจำเลยคดีที่ดินรัชดาฯ 22 ส.ค.นี้ เผย “ทักษิณ” โทรเคลียร์ศึกภายใน พปช. บอกยอมกลืนเลือดกรณีหมายจับขอให้ ส.ส.สามัคคีกัน “เนวิน” ก้นร้อนถูกแฉแก๊งออฟโฟร์ เตรียมบินแจงนายใหญ่ “สมชาย”อ้าง “เจ้แดง” ไปไหว้พระในพรรค ไม่เกี่ยวคุมเกมถล่ม “สมัคร”

ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ว่า เมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา ศาลอาญาได้อนุมัติออกหมายจับที่ จ.2428 / 2551 ตามคำร้องของ พ.ต.ท.สุเมธ จิตต์พานิชย์ รอง ผกก.สส.สน.ชนะสงคราม เพื่อจับกุมตัว นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) และพิธีกรรายการ "ความจริงวันนี้" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ NTB กรมประชาสัมพันธ์ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี และองค์รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

สำหรับคดีนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2550 เวลาประมาณ 16.21 - 22.30 น. นายวีระ ผู้ต้องหาซึ่งเป็นแกนนำกลุ่มพีทีวี และ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.)ได้กล่าวปราศรัยต่อกลุ่มผู้ชุมนุมที่ท้องสนามหลวง โดยมีข้อความบางตอนที่อาจเข้าข่าย เป็นการดูหมิ่นเบื้องสูง ซึ่งต่อมาพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ได้รวบรวมพยานหลักฐานจนมีการขออนุมัติหมายจับ

โดนอีก 2 ข้อหาหมิ่นเบื้องสูง

ทั้งนี้ศาลพิเคราะห์แล้วพฤติการณ์ตามคำร้องมีหลักฐานตามสมควรว่า ผู้ต้องหาน่าจะได้กระทำผิดคดีอาญาซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 3 ปี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 66 (1) จึงอนุญาตให้ออกหมายจับผู้ต้องหาตามขอและเมื่อจัดการตามหมายจับได้แล้วให้ส่งบันทึกการจับกุมต่อศาลภายในเจ็ดวัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ยังมีนายชูชีพ ชีวสุทธิ์ ประธานชมรมพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นเครือข่าย นปก.สมุนรับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อาชญากรโกงชาติอีกราย ที่อยู่ในข่ายตำรวจกำลังเตรียมการออกหมายจับ เนื่องจาก กล่าวพาดพิงก้าวล่วงสถาบันเบื้องสูง ในรายการวิทยุชุมชนเวทีทวงคืนประชาธิปไตย โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างส่งเทปคำพูดให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ คลื่นเสียงว่า เป็นเสียงของนายชูชีพ จริงหรือไม่ หากพบหลักฐานทำผิดจริงต้องดำเนินคดีเช่นกัน

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมาได้ออกหมายจับนางบุญยืน ประเสริฐยิ่ง แกนนำกลุ่มประชาธิปไตยก้าวหน้า โดยเมื่อวันที่ 6 ส.ค. นางบุญยืนได้ขึ้นปราศรัยที่เวทีท้องสนามหลวง ซึ่งในการปราศรัยได้มีบางช่วงกล่าวพาดพิงถึงองค์รัชทายาท เข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

อย่างไรก็ดี หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 16 ส.ค.2551 นายวีระ ได้เดินทางเข้ามอบตัวรับทราบข้อกล่าวหา โดยไม่ได้ให้การใดๆ ซึ่งนายวีระได้ใช้ตำแหน่งของนายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.ระบบสัดส่วนพรรคพลังประชาชน ยื่นขอประกันตัวไปในวงเงิน 200,000 บาท พนักงานสอบสวนเห็นว่าเป็นกรณีที่ผู้ต้องหาเข้ามอบตัวเอง จึงได้อนุญาต โดยจะนัดมาให้การเพิ่มเติมอีกครั้งสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ คาดว่าคดีนี้ไม่น่าจะมีอะไรยุ่งยาก โดยพนักงานสอบสวนจะสรุปสำนวนส่งฟ้องศาลได้ไม่เกิน 1 เดือน

"ดา ตอร์ปิโด"เครียดไร้ญาติเยี่ยม

ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุม น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ "ดา ตอร์ปิโด" สมาชิก นปก. ที่ได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีท้องสนามหลวง หมิ่นพระบรมเดชานุภาพไปแล้ว โดย น.ส.ดารณี ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ ราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้ประกันตัว และในชั้นศาลอุทธรณ์ก็ยืนตามศาลชั้นต้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดา ตอร์ปิโด ที่ถูกคุมขังยังทัณฑสถานหญิงกลาง คลองเปรม ในช่วงเช้าวานนี้ (20 ส.ค.) น.ส.ดารณีมีอาการเครียดจัด เนื่องจากพยายามจะขอประกันตัวชั่วคราวแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ ประกอบกับญาติพี่น้องไม่เดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจ จึงทำให้น.ส.ดารณี มีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด

ตร.อ้างละเอียดอ่อนคดี ‘เพ็ญ’ไม่คืบ

พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึง ความคืบหน้าในการพิจารณาสอบสวนคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของนายจักรภพ เพ็ญแข อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้ถูกวิจารณ์จากบางฝ่ายว่าล่าช้า ว่าเท่าที่ทราบทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้มีการประชุมคณะกรรมการในส่วนของกองบัญชาการไปแล้ว ซึ่งขั้นตอนยังมีอยู่ เพราะตามระเบียบของ ตร.มีคณะกรรมการในส่วนของ ตร.อีก เพราะฉะนั้นเมื่อทางนครบาลเสร็จสิ้นก็จะเสนอคณะกรรมการในส่วนของ ตร.พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เพราะคดีนี้ทางตร.เป็นผู้สั่งคดี

ส่วนขั้นตอนใดทำให้ล่าช้านั้น พล.ต.ท.วัชรพล ตอบว่า เท่าที่ทราบจากนครบาล พบว่าการรวบรวมพยานหลักฐานประเด็นต่างๆต้องมีการตรวจสอบข้อมูล เมื่อมีการโต้แย้งเข้ามา ตรงนี้ต้องทำให้รอบคอบและรัดกุม เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เป็นที่สนใจของประชาชน เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้นายกฯเองก็ต้องการเร่ง ให้คดีนี้ กระจ่างโดยเร็ว พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามขั้นตอน เรื่องนี้สำคัญ ต้องรอบคอบ เรามีกรรมการดูแลทั้งกองบัญชาการ และ ตร. เมื่อถามว่า เรื่องจะไม่หายไปเฉยๆใช่หรือไม่ พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวว่า ไม่เงียบ แต่จะเสร็จสิ้นเมื่อใดนั้นไม่สามารถบอกได้ เพราะเป็นขั้นตอนของบหน่วยงานต่าง ๆ ถ้าเขาพร้อมแล้วก็จะส่งข้อมูลมาที่ตร. เรื่องของคดีบางครั้งก็บอกไม่ได้

ชี้ขอตัว "แม้ว"ต่างจากคดี"ปิ่น"

สำหรับความคืบหน้าในการติดตามตัวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ซึ่งหลบหนีคดีไปอยู่ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว

นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ เปิดเผยว่า มีสนธิสัญญาระหว่างกรุงสยามกับราชอาณาจักรอังกฤษ ค.ศ.130 ประกอบ พ.ร.บ.ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2472 และฉบับแก้ไข พ.ศ.2551

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลไทยเคยขอตัว นายปิ่น จักกะพาก อดีตผู้บริหารเงินทุนหลักทรัพย์ฟินวัน แล้วมีอุปสรรคอย่างไร และหาก พ.ต.ท.ทักษิณ จะอาศัยบทเรียนดังกล่าวเป็นข้อต่อสู้จะทำอย่างไร นายศิริศักดิ์ กล่าวว่า คดีนายปิ่น ศาลชั้นต้นอังกฤษมีคำสั่งให้ส่งตัว แต่ศาลอุทธรณ์กลับพิเคราะห์ลงไปว่า พฤติกรรมของนายปิ่น ไม่เป็นการยักยอกทรัพย์ เป็นคำพิพากษานอกเหนือไปจากคำขอ ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมาย แต่กฎหมายอังกฤษทำให้เราไม่อาจยื่นฎีกาต่อไปได้ ข้อเท็จจริง ระหว่างสองคดีนี้ต่างกัน ขณะนี้อัยการอยู่ระหว่างรวบรวมพยานเอกสารที่ต้องใช้ และต้องประชุมหาข้อบกพร่องทุกระยะ

ทนายแจง"ทักษิณ"จะขอลี้ภัย

นายวัชระ แสงประทุม หนึ่งในทีมทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เปิดเผยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะขอลี้ภัยทางการเมืองในสหราชอาณาจักร โดยอ้างว่าเขาและครอบครัวไม่ได้รับความปลอดภัยในประเทศไทย ทั้งนี้ นายวัชระ กล่าว่า"ในขณะนี้ ทีมกฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังดำเนินการเพื่อขอการลี้ภัยทางการเมืองในสหราชอาณาจักร ให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัว"

"คำขอลี้ภัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะมุ่งชี้ให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัวได้รับการปฏิบัติอย่างมุ่งประสงค์ร้ายในประเทศไทย ที่ซึ่งพวกเขาไม่มีทั้งความปลอดภัยและเสรีภาพ"

หมายเรียกทนายสินบนขึ้นศาล

วันเดียวกันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง นายทองหล่อ โฉมงาม ผู้พิพากษาอาวุโสเจ้าของสำนวน คดีหมายเลขดำที่ อม.1/2550 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานทุจริตซื้อขายที่ดินย่านรัชดาภิเษก มูลค่า 772 ล้านบาท ตามประมวลกฎหมายอาญา และ พ.ร.บ.ว่าด้วยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พ.ศ.2542 ได้ลงนามในหมายเรียกตัว นายพิชิฏ ชื่นบาน อดีตทนายความจำเลย ผู้ต้องขังในคดีละเมิดอำนาจศาลกรณีนำถุงเงิน 2 ล้านบาท พยายามติดสินบนเจ้าหน้าที่ธุรการศาลฎีกาฯ ให้มาเบิกความเป็นพยานจำเลยตามบัญชีพยานเดิม ซึ่งเจ้าหน้าที่ธุรการได้นำหมายเรียกดังกล่าวไปส่งมอบให้ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เพื่อนำตัวนายพิชิฏ มาศาลเพื่อมาไต่สวนพยาน ในวันที่ 22 ส.ค.นี้ เวลา 09.30 น.

ด้าน นายคำนวณ ชโลปถัมภ์ ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน กล่าวว่า สำหรับพยานในปากของนายพิชิฏ เดิมทีทีมทนายจำเลยได้ตัดออกจากบัญชีพยานไปแล้ว แต่เมื่อศาลติดใจที่จะนำนายพิชิฏมาไต่สวนก็ถือว่าเป็นดุลพินิจ ของศาล แม้ทนายจำเลยไม่ติดใจที่จะไต่สวนพยานปากนี้ แต่หากศาลเห็นว่า พยานมีความสำคัญต่อการพิจารณาพิพากษาคดีก็อยู่ในอำนาจศาลที่จะเรียกพยานปากดังกล่าวมาทำการไต่สวนได้ ส่วนการที่ศาลเรียกพยานปากนายพิชิฏ ซึ่งเคยเป็นทนายความมาไต่สวนจะเป็นคุณต่อจำเลยหรือไม่ตนคงไม่สามารถตอบได้

"หมัก"ไม่ตำหนิ ตร.ออกหมายจับ"แม้ว"

ด้าน นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (กตร.) และคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (กตช.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการฯดังกล่าว ร่วมกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ อาทิ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผบ.ตร. พล.ต.ท.จงรักษ์ จุทานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ คณะกรรมการฯ โดยการประชุมทั้งสองคณะเสร็จสิ้นลงในเวลา 12.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายสมัคร ได้กล่าวชี้แจงที่ประชุมถึงกรณีหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภรรยา ที่สมาชิกพรรคพลังประชาชนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ว่า เรื่องนี้ได้อธิบาย ในที่ประชุมพรรคแล้วว่าเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ต้องไปตำหนิอะไร

พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังการประชุมถึงปัญหาการออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชนข้องใจว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้พูดอะไรมาก พูดสั้นๆ นิดเดียว ไม่ได้ตำหนิอะไรตำรวจเพียงแต่บอกว่าได้ชี้แจงกับสมาชิกพรรคว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทำไปตามขั้นตอน

เผย"ทักษิณ"ออกโรงเคลียร์ศึก พปช.

แหล่งข่าวเปิดเผยถึงเบื้องหลังการสยบปัญหาภายในพรรคพลังประชาชน กรณี 200 ส.ส.พรรคพลังประชาชน กดดันนายสมัคร กรณีตำรวจออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยเฉพาะในซีกของ ส.ส.ภาคเหนือว่า เมื่อคืนวันที่ 18 ส.ค. ส.ส.ภาคเหนือ ได้หารือกันเพื่อดำเนินการกับนายสมัคร แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โทรศัพท์เข้ามาหาระหว่างหารือกันโดยมีการเปิดสปีกเกอร์โฟนให้ทุกคนที่คุยกันอยู่ได้ฟัง ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่าได้รับทราบการเข้าชื่อของ ส.ส.เพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงนายสมัคร ให้ชี้แจงการปล่อยให้ สตช.ออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ

ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ บอกกับสมาชิกว่าที่ผ่านมาโดนมาเยอะ กลืนเลือด ก็ต้องกลืนจากการถูกกระทำทั้งภายในและภายนอกพรรค ทั้งที่ไม่เคยคิดว่าจะถูกทำอย่างนี้ทั้งๆ ที่ตอนหาเสียงและจนถึงทุกวันนี้ก็ยังใช้ชื้อตนไปหาเสียง และยังให้กำลังใจทุกคนในการทำงานและตอนนี้อยู่ในที่ปลอดภัยดีแล้วอีกทั้งยังรับทราบข้อมูลความเคลื่อนไหวแก๊งค์ออฟโฟร์แล้ว

แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า ส.ส.ภาคเหนือได้แจ้งให้ พ.ต.ท.ทักษิณทราบว่า มี ส.ส.หลายคนกำลังเช็คเวลาเพื่อจะเดินทางบินไปเยี่ยมที่ประเทศอังกฤษกลางเดือน ก.ย.ประมาณ7- 8 คนหลังพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ เสร็จสิ้น

กลุ่มอีสานพัฒนารับนายใหญ่โทรเคลียร์

นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคพลังประชาชน แกนนำกลุ่มอีสานพัฒนา กล่าวว่าการที่นายสมัครได้มาพูดในที่ประชุมพรรค เป็นการพูดตามสไตล์ เป็นแบบฉบับในการบริหารซึ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ในทางการเมือง ก็ต้องช่วยกันประคับประคองกันไป เพราะการทำงานการเมืองจะให้ถูกใจทุกหมด คงไม่ได้ ก็มีขัดใจกันบ้าง บางที่ก็ต้องพยายามอดทน

ส่วนการยุติปัญหาภายในพ.ต.ท.ทักษิณ ได้มีส่วนแนะนำบ้างหรือไม่ นายไพจิต กล่าวว่าท่านได้ส่งสัญญาณผ่าน ส.ส.บางคน ขอให้ช่วยรักษาพรรค ช่วยกันทำภาระทางการเมืองและขอให้มีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ได้ข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โทรศัพท์มาพูดคุยกับ ส.ส.กลุ่มภาคเหนือเป็นความจริงหรือไม่ นายไพจิต กล่าวยอมรับว่า ท่านก็โทรคุยกับทุกกลุ่ม ทำให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี ท่านต้องการให้เกิดความนิ่งให้รัฐบาลบริหารไปได้ หากปล่อยให้เกิดมีเหตุการณ์อย่างนี้ก็มีปัญหา ไม่จบสิ้น

นายไพจิต ยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการยื่นหลักฐานการทุจริต ของคนในแก๊งออฟโฟร์ให้ ป.ป.ช. ว่า จากที่ได้ฟังการพูดในที่ประชุมแล้ว กลุ่มก็ยังไม่ได้หารือ ก็ขอดูสถานการณ์ทางการเมืองแต่ยังติดตามตรวจสอบการทำงานต่อไป

ด้าน นายนที สุทินเผือก หรือ กรุง ศรีวิไล ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน กลุ่มภาคกลาง ยอมรับว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ได้โทรศัพท์มาพูดคุยกับ ส.ส. ในกลุ่มเมื่อคืนวันที่ 18 ส.ค..ที่ผ่านโดยให้กำลังใจและให้ร่วมกันทำงานเพื่อ บ้านเมืองต่อไป ขอให้อดทนไว้ พร้อมย้ำว่าไม่ต้องเป็นห่วง ยังสบายดี

"เนวิน"ก้นร้อนเตรียมบินแจง"แม้ว"

มีรายงานด้วยว่าหลังจากมีปัญหาขัดแย้งภายในพรรค และความไม่เข้าใจ กันพรรคพลังประชาชนตลอดช่วงที่ผ่านมาทั้งการออกมาแฉกลุ่มแก๊งค์ออฟโฟร์ ที่มี คนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี และนายเนวิน ชิดชอบ ซึ่งได้ผลกระทบไป ถึงพ.ต.ท. ทักษิณ ที่กลุ่มดังกล่าว เหมือนเตรียมระดมทุนเพื่อไปจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ในอนาคต พร้อมได้ทราบความเคลื่อนมาต่อเนื่อง

ล่าสุดคนใกล้ชิดในกลุ่มเพื่อนเนวิน ได้แจ้งว่าในช่วงวันสองวันนี้ นายเนวิน ได้เตรียมบินเพื่อไปพบพ.ต.ท.ทักษิณที่ประเทศอังกฤษ เพื่อเคลียร์ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น **อ้าง"เจ๊แดง"เข้าพรรคไปไหว้พระ

นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ศึกษาธิการ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวว่าตนไม่ทราบว่า นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ภรรยาของตนและเป็นน้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าร่วมประชุม ส.ส.พรรคพลังประชาชนเพื่อกดดัน นายสมัคร ในการประชุมเมื่อวันที่ 19 ส.ค. เพราะโดยปกติภรรยาตนไปไหนมาไหนไม่เคยบอก

"เขาเคยบอกว่าเวลาที่เขาไปพรรคก็เพราะมีพระพุทธรูปเชียงแสนสิงห์สาม ประดิษฐ์สถานอยู่ที่ชั้น 8 ของตึกนั้น ซึ่งเป็นพระที่คุณพ่อของคุณเยาวภาให้ไว้ และอดีตนายกรัฐมนตรีได้นำมาไว้ที่พรรค ซึ่งคนในครอบครัวมักจะเข้ามากราบไหว้ และผมก็เห็นเขามากราบไหว้บ่อย ๆ พระองค์นี้เดิมเคยอยู่ที่บ้านผม แต่คุณพ่อบอกว่า บ้านผมมันคับแคบ เพราะเป็นบ้านหลวงเล็กๆเก่ าๆ ไม่เหมาะสม จึงเห็นว่าน่าจะนำมาประดิษฐ์สถานในที่ที่เหมาะสมกว่า ก็เลยเอามากรุงเทพฯ และนำมาไว้ที่พรรค ใครจะไปไหว้ก็ได้ ผมจะพาไป เขาอาจจะไปไหว้พระก็ได้ เป็นสมบัติของครอบครัวมานานแล้ว และเขาก็รู้จักคนในพรรค จะพูดคุยกับใครก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก การไปเจอเพื่อนฝูงเป็นเรื่องธรรมดา อย่าไปกีดกัน"

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการบนบานขอให้พรรคพลังประชาชนอยู่ได้นานๆหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า แล้วแต่ว่าใครจะอธิษฐาน ต่อข้อถามว่าหากย้ายพรรคไปอยู่ ที่พรรคใหม่ จะย้ายพระพุทธรูปดังกล่าวไปประดิษฐ์สถานด้วยหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า แล้วแต่เจ้าของพระพุทธรูปว่าจะย้ายพระพุทธรูปนั้นไปอยู่ที่ไหน เราเป็นเพียงคนไหว้ อยู่ที่ไหนเราก็ไปไหว้ที่นั่น

ปัดร่วมหัว ส.ส.พปช.กดดัน"สมัคร"

ส่วนข่าวว่านางเยาวภาต่อสายถึงนายสมัคร เพื่อทำความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ นายสมชาย กล่าวว่า นางเยาวภาไม่มีอะไรต้องเคลียร์กับนายสมัคร การพูดคุยกันเป็นเรื่องที่ทำได้เป็นปกติ เพราะเป็นคนที่รู้จักกัน จะสอบถามสารทุกข์สุกดิบกันได้ ไม่ใช่มีแต่เรื่องการเมือง

"ส.ส.เข้าชื่อให้นายกฯสมัคร ชี้แจงการออกหมายจับ อดีตนายกฯทักษิณ นางเยาวภาไม่ได้อยู่เบื้องหลังอะไร ตอนนี้ทำแต่ธุรกิจ ส่วน ส.ส.ที่รู้จักกันก็ไปมาหาสู้กันเป็นเรื่องปกติ แต่คงมีคนให้ความสนใจ เพราะเป็นคนที่เคยอยู่ในวงการ การเมืองมาก่อน"

นายสมชาย กล่าวว่า หลังจากนายสมัครชี้แจงว่าไม่มีอะไรอย่างที่ทุกคนสงสัย ทุกคนก็เข้าใจและปรบมือให้ทั้งห้อง และโดยส่วนตัวก็เชื่อในคำชี้แจงของนายสมัคร ไม่ได้ติดใจอะไร บรรยากาศในการประชุมก็เป็นไปด้วยดี คนอยู่พรรคเดียวกันเมื่อได้พูดคุยกันก็ไม่มีอะไร ตนไม่ได้หนักใจเรื่องความคิดเห็นที่แตกต่าง เพราะเมื่อมาปรับความเข้าใจและพูดจากัน ทุกอย่างก็เรียบร้อย จุดมุ่งหมายของเราคือนำพาพรรคพลังประชาชนไปเป็นสถาบันทางการเมือง

"เลี้ยบ"ปัดเปล่าขู่ลูกพรรค

นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวว่าความจริงในพรรคก็ไม่มีปัญหาอะไรมากมาย อาจเกิดจากไม่ได้มีการพูดคุยกันบ่อยครั้ง เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นจึงอาจทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้ ซึ่งในที่ประชุมภายหลังจากหัวหน้าพรรคได้ชี้แจงทำความเข้าใจถึงประเด็นปัญหาต่าง ๆ ทุกคนก็มีความเข้าใจ

ส่วนที่นายสมัคร บลั๊ปกลับ ส.ส.พรรคไทยรักไทยว่าหากกดดันมากอาจจะพิจารณาตัวเองออกไปนั้น นพ.นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ท่านเพียงแต่ชี้แจงให้สมาชิกเข้าใจ ถึงข้อมูลที่สมาชิกซักถามและสงสัยนั้นเป็นอย่างไร และท่านก็พูดเสียงดังเป็นปกติอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า นายกรัฐมนตรีระบุว่า หากไม่หยุดกดันอาจจะยุบสภา หรือลาออก นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ไม่ได้พูดในลักษณะว่าจะยุบสภาหรือลาออกใดๆ ทั้งสิ้น ท่านเพียงแต่ชี้แจงสิ่งที่สมาชิกไม่เข้า แต่ถ้าชี้แจงแล้วยังไม่หยุดท่านก็บอกว่าจะต้องทบทวนในฐานะที่เป็นผู้บริหารว่าจะทำหน้าที่ต่อไปได้อย่างไร คงไม่ได้หมายถึง ยุบสภา หรือลาออก ซึ่งเชื่อว่าหลังนายกรัฐมนตรีชี้แจงแล้วคงเข้าใจกันมากขึ้น จากนี้ไปก็คงจะต้องทำให้ระบบการจัดการพรรคเป็นระบบที่เปิดโอกาสให้ทุกฝ่าย มีส่วนร่วมและมีกระบวนการตัดสินใจที่เป็นประชาธิปไตย

หมายจับ"แม้ว"ออกเป็นไปตามขั้นตอน

นพ.สุรพงษ์ กล่าวด้วยว่ากรณีการออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ไม่ได้เป็นการเลือกปฎิบัติแต่อย่างใด แต่เป็นไปตามขั้นตอนอยู่แล้ว และพ.ต.ท.ทักษิณ ก็เป็นบุคคลที่สื่อให้ความสนใจ จึงมีการเผยแพร่กันไปทั่ว ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ได้ผิดปกติอะไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ มาจากสมาชิกไม่พอใจตำแหน่งต่าง ๆ โดยเฉพาะบางคนที่ไม่ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรี พรรคจะแก้ปัญหาอย่างไร นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ปกติถ้าเป็นตำแหน่งรัฐมนตรี กรรมการบริหารพรรคได้เคยมอบแล้วว่า ให้เป็นอำนาจของหัวหน้าพรรค ในฐานะนายกรัฐมนตรี แต่หากเป็นตำแหน่งที่เกี่ยวกับการประสานกับส.ส.ของพรรค เช่นรองประธานสภาคนที่ 1 ก็มีมติกันแล้วที่จะมอบให้นายสามารถ แก้วมีชัย หรือประธานวิปรัฐบาล ก็มอบให้นายวิทยา บูรณศิริ ซึ่งตำแหน่งต่าง ๆ ก็ต้องมีทั้งคนที่สมหวังและผิดหวัง เราก็ต้องชี้แจงไปว่าครั้งนี้ผิดหวังแล้ว ครั้งหน้าก็อาจจะสมหวัง

อ้างกล่าวหาหักหลัง"แม้ว"

ผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนตัวเกรงหรือไม่ว่าจะมีการกล่าวหาว่าเป็นคนที่หักหลัง พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เป็นคนที่ 3 ต่อจากนายสมัคร สุนทรเวช และนายเนวิน ชิดชอบ นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า เรื่องการกล่าวหาเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ซึ่งถือเป็นเครื่องมือ อย่างหนึ่งในทางการเมืองแบบเก่า แต่เราพยายามทำการเมืองที่สร้างสรรค์มากกว่า ดังนั้นเราก็ต้องหนักแน่น และสู้การเมืองแบบเก่าให้ได้ เมื่อถามว่าส่วนตัวยังมีการหารือกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในเรื่องเศรษฐกิจอยู่หรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ไม่เคยมีโอกาส หารือกับพ.ต.ท. ทักษิณ เรื่องเศรษฐกิจเลย ยิ่งเมื่อท่านอยู่ต่างประเทศด้วยก็คงยากที่จะได้คุย

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลนี้ถูกกล่าวหาว่าเป็นนอมินีพ.ต.ท.ทักษิณ ทางทีดีควรจะลบภาพนอมินีทิ้งหรือไม่ เพื่อแสดงความเป็นตัวของตัวเองออกมา นายสุรพงษ์ กล่าวว่า เรื่องการกล่าวหาเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในการเมืองแบบเก่าอยู่แล้ว ซึ่งคนที่สู้กันไม่ได้ ในเรื่องของการทำงาน สู้ไม่ได้เรื่องนโยบาย ก็พยายามกล่าวหากันด้วยการใส่ร้าย ป้ายสีกัน ดังนั้นเราก็ต้องหนักแน่น

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่บอกว่าเป็นข้อกล่าวหาเพราะสู้กันไม่ได้มีเรื่องอะไรบ้าง เลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า คิดว่าสุดท้ายแล้วการทำงานที่สร้างสรรค์ สามารถที่จะยืนอยู่ได้ภายใต้การกล่าวหากันทางการเมือง ไม่ว่าจากทั้งภายนอกและภายใน อย่างไรก็ตามการเล่นการเมืองแบบเก่าก็ต้องยอมรับว่ามีอยู่ทุกที่ ซึ่งก็ต้องทำความเข้าใจกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น