ผู้บริหาร สทอภ. เผยเลื่อนส่ง "ธีออส" เหตุ "คาซัคสถาน" ที่ยอมให้ชิ้นส่วนจรวดท่อนแรกตกในพื้นที่เกิดเปลี่ยนใจกะทันหัน แจงกำลังพิจารณาเพื่อเรียกร้องค่าปรับตามกฎหมายได้หรือไม่ หากตกลงไม่ได้จะกลายเป็นข้อพิพาทระหว่างประเทศ และต้องตั้งอนุญาโตตุลาการตามข้อบังคับของกฎหมายอังกฤษต่อไป
ตามที่ผู้จัดการวิทยาศาสตร์ได้นำเสนอไปก่อนหน้านี้ว่า สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (สทอภ.) เผยว่าจะมีการส่งดาวเทียมธีออส (Theos) ในเวลา 13.37 น.ของวันที่ 6 ส.ค.51 นี้ และได้เชิญผู้สื่อข่าวเพื่อไปรายงานข่าว ณ สถานีรับสัญญาณศรีราชา จ.ชลบุรี โดยจะมีการถ่ายทอดสัญญาณภาพและเสียงจากสถานีปล่อยจรวดยัสนี (Yahni) ประเทศรัสเซีย
ล่าสุดกำหนดส่งดาวเทียมธีออสยังไม่มีความชัดเจนว่าจะส่งขึ้นไปได้หรือไม่ ซึ่ง ดร.ธงชัย จารุพพัฒน์ ผู้อำนวยการ สทอภ. ได้จัดแถลงข่าวเรื่องดังกล่าวขึ้นที่สำนักงานบางเขน กทม. เมื่อช่วงเช้าของวันเดียวกันนี้ โดยระบุปัญหาว่าคาซัคสถานซึ่งเดิมยอมให้ชิ้นส่วนแรกของจรวดตกในอาณาเขตของประเทศได้นั้นเกิดเปลี่ยนในนาทีสุดท้าย ทั้งนี้ทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว
อีกทั้งเจ้าหน้าที่จากฝรั่งเศสได้ประจำอยู่ที่ศรีราชาแล้วเช่นกัน ซึ่งเขาเองทราบเรื่องดังกล่าวเมื่อประมาณเวลา 19.30 น.หลังเดินทางกลับจากตรวจความพร้อมของสถานีรับสัญญาณศรีราชาแล้ว
"นึกว่าวันนี้เราจะได้แถลงข่าวดีแล้ว" ดร.ธงชัยเอ่ยประโยคแรกก่อนชี้แจงเหตุผลของความไม่แน่นอนในการส่งดาวเทียม และระบุว่าขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมในการส่งดาวเทียม โดยมีการเติมเชื้อเพลิงให้จรวดแล้วจึงจำเป็นต้องส่งดาวเทียมในเร็วๆ นี้ ซึ่งตามปกติหากเติมเชื้อเพลิงแล้วต้องส่งดาวเทียมทันที อีกทั้งเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสก็ได้มาประจำที่ศรีราชาแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้จัดการวิทยาศาสตร์และผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามว่า หากเติมเชื้อเพลิงให้จรวดแล้วไม่ส่งทันทีจะเกิดความเสียหายอย่างไร ทางเจ้าหน้าที่กลับไม่สามารถชี้แจงได้ โดยเจ้าหน้าที่ประจำสถานีรับสัญญาณศรีราชาซึ่งเชื่อมสัญญาณประชุมทางไกลผ่านวิดีโอมาจากห้องประชุมที่สำนักงานบางเขนได้กระซิบกระซาบกันว่า "ให้ตอบว่าไม่รู้"
พร้อมกันนี้ ดร.ธงชัยได้โทรศัพท์ถึง ดร.ดาราศรี ดาวเรือง รองผู้อำนวยการ สทอภ.ซึ่งขณะนี้อยู่ที่ฐานปล่อยจรวดยัสนี (Yahni) ประเทศรัสเซีย เพื่อสอบถามสถานะที่ฐานยิงดาวเทียมธีออส โดย รองผอ.สทอภ.ระบุว่ากำลังอยู่ระหว่างการติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งทางบริษัทอีเอดีเอส เอสเตรียม (EADS Astrium) ของฝรั่งเศสคู่สัญญาว่าจ้างในการสร้างดาวเทียมของไทยกำลังหารือกับบริษัทคอสโมทรัส (ISC Cosmotras) ของรัสเซียซึ่งรับผิดชอบในการขนส่งและยิงดาวเทียม
ด้านนายพีร์ ชูศรี รักษาการหัวหน้าฝ่ายนิติกร สทอภ. กล่าวว่า ความล่าช้าที่เกิดขึ้นต้องปรับตามสัญญาคือ วันละ 0.01% ของราคาโครงการหรือ 6 แสนบาท โดยสัญญาทำขึ้นเมื่อ 9 ก.ค.47 และครบสัญญาเมื่อ ก.ค.50 แต่มีช่วงเวลาในการดำเนินการส่งอีก 6 เดือนซึ่งครบกำหนดเมื่อ 19 ม.ค.50 ดังนั้นเริ่มปรับได้ 20 ม.ค.50
ทั้งนี้ทาง สทอภ.ต้องตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาพิจารณาว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เป็นเหตุสุดวิสัยหรือไม่ ซึ่งหากไม่เป็นเหตุสุดวิสัยก็จะดำเนินการเรียกร้องค่าปรับกับคู่สัญญา แต่หากทางฝรั่งเศสไม่ยอมก็กลายจะกลายเป็นข้อพิพาท ซึ่งต้องตั้งอนุญาโตตุลาการขึ้นมาพิจารณาเรื่องดังกล่าวตามกฎหมายอังกฤษต่อไป
เมื่อผู้จัดการวิทยาศาสตร์สอบถามว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นมากน้อยเท่าใด นายสุรชัย รัตนเสริมพงศ์ รองผู้อำนวยการ สทอภ. ได้ชี้แจงว่า ไม่มีความเสียหายในด้านข้อมูลเพราะทางฝรั่งเศสยินยอมให้ใช้ข้อมุลดาวเทียมสปอต (SPOT) ได้จนกว่าจะส่งธีออสขึ้นไปได้ แต่ไม่ชี้แจงว่ายังมีความเสียหายอื่นอีกหรือไม่ โดยระบุเพียงว่าเป็นเรื่องต้องตรวจภายในต่อไป
ภายหลังจากแถลงข่าวชี้แจงเรื่องดังกล่าวแล้ว ผู้บริหาร สทอภ.ได้ออกเดินทางไปยังสถานีรับสัญญาณศรีราชา ซึ่งผู้จัดการวิทยาศาสตร์และผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อเพื่อสอบถามถึงความแน่ชัดต่อเรื่องดังกล่าวว่ายังสามารถส่งดาวเทียมได้หรือไม่ เนื่องจากผู้บริหาร สทอภ.ระบุว่าหากเลยกำหนดเวลา 13.37 น.แล้วจะไม่สามารถส่งดาวเทียมได้ต้องรอวันต่อไปในเวลาเดียวกันนี้
นอกจากนี้ตามกำหนดการเดิมที่เจ้าหน้าที่ส่งให้ผู้สื่อข่าวนั้น ระบุว่าการรายงานสดจากฐานปล่อยจรวดยัสนีจะมีทั้งภาพและเสียง แต่ระหว่างการแถลงข่าวความไม่แน่นอนในการส่งดาวเทียมธีออสนี้ เจ้าหน้าที่ระบุว่ามีเพียงสัญญาณเสียงจากสถานีปล่อยจรวดเท่านั้นที่จะส่งมายังสถานีรับศรีราชา เนื่องจากฐานปล่อยจรวดอยู่ในเขตทหาร โดยเจ้าหน้าที่รัสเซียจะส่งภาพพร้อมเสียงให้ในภายหลัง
ล่าสุด ผู้บริหาร สทอภ. เปิดเผยเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น.ของวันเดียวกันว่าไม่สามารถส่งดาวเทียมธีออสได้ภายในวันที่ 6 ส.ค.นี้ และเลื่อนอย่างไม่มีกำหนด โดยจะได้สอบถามเจ้าหน้าที่ซึ่งประจำอยู่อยู่ที่ฐานปล่อยจรวดยัสนีเพื่อขอรับทราบเหตุผลต่อไป
ธีออสเป็นดาวเทียมขนาดเล็กมีน้ำหนัก 750 กิโลกรัม และมีระยะห่างจากโลกเมื่อส่งขึ้นไปโคจรที่ระดับ 822 กิโลเมตร โคจรรอบโลกทั้งสิ้น 369 วงโคจร ซึ่งระยะทางระหว่างวงโคจรแต่ละวงเท่ากับ 105 กม. โดยจะโคจรมาที่จุดเดิมทุกๆ 26 วัน และสามารถถ่ายภาพได้ครอบคลุมทั่วโลก บันทึกภาพด้วยระบบเดียวกับกล้อง (Optical System) ความละเอียดของภาพขาวดำ 2 เมตร และมีอายุการใช้งานประมาณ 5 ปี