ไอ.ซี.ซี.ฯ ระบุ 7 เดือนเครื่องสำอางในเครือโตไม่เข้าเป้า อาศัยเศรษฐกิจฝืด จับมือร่วมไทยประกันชีวิต ชูกระแสความเป็นไทยอุดหนุนสินค้าไทย จัดทำกิจกรรมกลุ่มเครื่องสำอาง-น้ำหอมบีเอสซี หวังขยายฐานลูกค้าจากไทยประกันชีวิต 5% จาก 3 ล้านคน พร้อมจัดกิจกรรมโรงแรมถึงสำนักงาน รับมือยุคน้ำมันแพง คนเลี่ยงการเดินทาง
นางจินตนา เฉลิมชัยกิจ ผู้อำนวยฝ่ายเครื่องสำอางและน้ำหอม บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดเครื่องสำอางปีนี้คาดว่าเติบโตไม่เกิน 5-7% เนื่องจากผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจไม่ค่อยดีมากนัก ทำให้อัตราการการซื้อต่อบิลลดลง 10% แต่ความถี่ในการซื้อก็จะมีเพิ่มขึ้น ขณะที่กลุ่มเครื่องสำอางในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา บางแบรนด์ของบริษัทการเติบโตไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ดังนั้นบริษัทจึงได้วางแผนการตลาดโดยการจับมือร่วมกับบริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด ภายใต้การทำซีอาร์เอ็มร่วมกันในกลุ่มเครื่องสำอางและน้ำหอมบีเอสซี เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ให้เพิ่มมากขึ้น
"การที่บริษัทจับมือร่วมกับไทยประกันชีวิต ซึ่งเป็นบริษัทของคนไทยทั้งสองแห่ง เพื่อรณรงค์ให้คนไทยอุดหนุนสินค้าไทยด้วยกัน เพื่อช่วยซึ่งกันและกันในท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี เม็ดเงินจะได้ไม่รั่วไหล ซึ่งผ่านมาพบว่า ต่างประเทศให้การยอมรับสินค้าไทยมากขึ้น อาทิ สิงคโปร์และฮ่องกง"
สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ บีเอสซีมอบสิทธิพิเศษเฉพาะลูกค้าไทยประกันชีวิตผ่านคลับไทยประกันชีวิต ซึ่งมีราว 3 ล้านคน ในการทำกิจกรรมอบรมการแต่งหน้าให้ผู้หญิงสวยครบสูตร มอบส่วนลดพิเศษในการซื้อสินค้า ล่าสุดได้จัดกิจกรรมวอล์กแรลลี่ "แรลลี่สุขสันต์สวรรค์ของครอบครัว" ซึ่งบริษัทคาดว่าการร่วมมือดังกล่าวจะผลักดันให้ฐานสมาชิกบัตร His and Her เพิ่มจาก 8 แสนราย เป็น 1 ล้านรายในสิ้นปีนี้ ทั้งนี้บริษัทยังมีแผนต่อยอดตวามร่วมมือไปยังแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในกลุ่มอาหาร เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ ฯลฯ ต่อไป
"การร่วมมือในครั้งนี้ เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ให้เพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันฐานลูกค้าของเราเป็นผู้หญิงอายุ 25-35 ปีขึ้นไป สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายไทยประกันชีวิตที่อายุราว 25 ปีขึ้นไป โดยเราต้องการฐานลูกค้าจากไทยประกันชีวิต 5% จาก 3 ล้านราย ซึ่งเป็นทั้งกลุ่มลูกค้าใหม่และลูกค้าสวิตซ์จากแบรนด์อื่น จากปกติการจัดกิจกรรมดังกล่าวจะได้ฐานลูกค้าใหม่ 2-3% เท่านั้น"
นางจินตนา กล่าวเพิ่มเติม ในภาวะที่ราคาน้ำมันแพง บริษัทจึงได้ปรับกลยุทธ์การบริการที่เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น โดยได้จัดกิจกรรมต่างๆ ตามโรงแรม และสำนักงาน เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ อย่างไรก็ตามสภาวะอย่างนี้ การจำหน่ายในรูปแบบขายตรงน่าจะเป็นตลาดที่รักษาการเติบโตได้ดี ขณะที่กลุ่มเครื่องสำอางเริ่มมีการปรับตัว โดยหันมาออกสินค้าขนาดเล็กลงและมีผลิตภัณฑ์ครบเซ็ต เป็นต้น ส่วนกลุ่มเป้าหมายระดับบีบวก ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจมากนัก
นางจินตนา เฉลิมชัยกิจ ผู้อำนวยฝ่ายเครื่องสำอางและน้ำหอม บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดเครื่องสำอางปีนี้คาดว่าเติบโตไม่เกิน 5-7% เนื่องจากผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจไม่ค่อยดีมากนัก ทำให้อัตราการการซื้อต่อบิลลดลง 10% แต่ความถี่ในการซื้อก็จะมีเพิ่มขึ้น ขณะที่กลุ่มเครื่องสำอางในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา บางแบรนด์ของบริษัทการเติบโตไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ดังนั้นบริษัทจึงได้วางแผนการตลาดโดยการจับมือร่วมกับบริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด ภายใต้การทำซีอาร์เอ็มร่วมกันในกลุ่มเครื่องสำอางและน้ำหอมบีเอสซี เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ให้เพิ่มมากขึ้น
"การที่บริษัทจับมือร่วมกับไทยประกันชีวิต ซึ่งเป็นบริษัทของคนไทยทั้งสองแห่ง เพื่อรณรงค์ให้คนไทยอุดหนุนสินค้าไทยด้วยกัน เพื่อช่วยซึ่งกันและกันในท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี เม็ดเงินจะได้ไม่รั่วไหล ซึ่งผ่านมาพบว่า ต่างประเทศให้การยอมรับสินค้าไทยมากขึ้น อาทิ สิงคโปร์และฮ่องกง"
สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ บีเอสซีมอบสิทธิพิเศษเฉพาะลูกค้าไทยประกันชีวิตผ่านคลับไทยประกันชีวิต ซึ่งมีราว 3 ล้านคน ในการทำกิจกรรมอบรมการแต่งหน้าให้ผู้หญิงสวยครบสูตร มอบส่วนลดพิเศษในการซื้อสินค้า ล่าสุดได้จัดกิจกรรมวอล์กแรลลี่ "แรลลี่สุขสันต์สวรรค์ของครอบครัว" ซึ่งบริษัทคาดว่าการร่วมมือดังกล่าวจะผลักดันให้ฐานสมาชิกบัตร His and Her เพิ่มจาก 8 แสนราย เป็น 1 ล้านรายในสิ้นปีนี้ ทั้งนี้บริษัทยังมีแผนต่อยอดตวามร่วมมือไปยังแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในกลุ่มอาหาร เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ ฯลฯ ต่อไป
"การร่วมมือในครั้งนี้ เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ให้เพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันฐานลูกค้าของเราเป็นผู้หญิงอายุ 25-35 ปีขึ้นไป สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายไทยประกันชีวิตที่อายุราว 25 ปีขึ้นไป โดยเราต้องการฐานลูกค้าจากไทยประกันชีวิต 5% จาก 3 ล้านราย ซึ่งเป็นทั้งกลุ่มลูกค้าใหม่และลูกค้าสวิตซ์จากแบรนด์อื่น จากปกติการจัดกิจกรรมดังกล่าวจะได้ฐานลูกค้าใหม่ 2-3% เท่านั้น"
นางจินตนา กล่าวเพิ่มเติม ในภาวะที่ราคาน้ำมันแพง บริษัทจึงได้ปรับกลยุทธ์การบริการที่เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น โดยได้จัดกิจกรรมต่างๆ ตามโรงแรม และสำนักงาน เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ อย่างไรก็ตามสภาวะอย่างนี้ การจำหน่ายในรูปแบบขายตรงน่าจะเป็นตลาดที่รักษาการเติบโตได้ดี ขณะที่กลุ่มเครื่องสำอางเริ่มมีการปรับตัว โดยหันมาออกสินค้าขนาดเล็กลงและมีผลิตภัณฑ์ครบเซ็ต เป็นต้น ส่วนกลุ่มเป้าหมายระดับบีบวก ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจมากนัก