กกต.ยังต่อลมหายใจให้"พลังแม้ว"อีกเฮือก เลื่อนลงมติยุบ-ไม่ยุบไป 2 ก.ย. ยันไม่ได้ยื้อเวลา แต่ต้องการความรอบคอบ ขอเวลาศึกษาเอกสารสำนวน และฟังคำชี้แจงอนุฯสอบข้อเท็จจริง 26 ส.ค.ก่อน ด้าน"อภิสิทธิ์" มั่นใจกกต.มีความเป็นธรรม แนะ อย่าเอากระแสสังคมมาตัดสิน
วานนี้ (19 ส.ค.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.)ได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาสำนวนยุบพรรคพลังประชาชน ซึ่งก่อนการประชุม กกต.ทั้ง 5 คน ต่างก็ปฏิเสธที่จะตอบคำถามสื่อมวลชนถึงกระแสข่าวก่อนหน้านี้ว่า กกต.เสียงแตก เกี่ยวกับการจะลงมติในสำนวนดังกล่าว
หลังการประชุม นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการกกต. กล่าวว่า ที่ประชุม กกต. มีมติให้คณะอนุกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณียุบพรรคพลังประชาชน นำเอกสารในการดำเนินการสอบสวนทั้งหมด เข้าชี้แจงต่อ กกต.ในวันที่ 26 ส.ค. และ กกต.ได้นัดลงมติในเรื่องดังกล่าวในวันที่ 2 ก.ย.นี้
ทั้งนี้ เหตุที่ต้องเลื่อนการลงมติออกไปเนื่องจากมี กกต.บางคนเสนอ ให้มีการนำเอกสารทั้งหมดมาตรวจสอบ และศึกษาอีกครั้ง เพราะเอกสารที่นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองถ่ายสำเนาให้กับ กกต.คนอื่นๆ เป็นเพียงความเห็นของอนุกรรมการฯ และความเห็นของนายทะเบียนพรรคการเมืองเท่านั้น ซึ่ง กกต.คนอื่นๆ ก็เห็นตรงกัน เพราะต้องการให้เกิดความรอบคอบที่สุด
“กกต.ไม่ได้ยื้อเวลา ดูจากพฤติกรรมของ กกต.จะเห็นว่ามีการกำหนดกรอบเวลาในการดำเนินการไว้ชัดเจน แต่เมื่อถึงขั้นตอนการลงมติ ก็ต้องดูรายละเอียดให้ครบทุกด้าน ซึ่งในการประชุมพิจารณาไม่ได้มีการพูดถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงหาก กกต.เลื่อนการลงมติออกไป และคาดว่าคงไม่กระทบ เพราะระยะเวลาที่เลื่อน ก็ไม่นานเกินไป รวมทั้งที่สุดแล้วหาก กกต.ลงมติอย่างไร ก็ยังมีอีกหลายขั้นตอนที่ต้องดำเนินการกว่าเรื่องจะส่งไปถึงศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้วินิจฉัย”เลขา กกต. กล่าว
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ ที่การตัดสินของ กกต.ในกรณีนี้จะต่างจากการมีมติเสนอให้ยุบพรรค พรรคชาติไทย และมัชฌิมาธิปไตย นายสุทธิพล ยืนยันว่า กกต.จะไม่ดับเบิลสแตนดาร์ดอย่างแน่นอน ส่วนความคืบหน้าในกรณียุบ 2 พรรคนั้น ทราบว่าทางอัยการสูงสุดยังไม่ได้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจจะรอเอกสารสำนวนต้นฉบับที่ร้องขอมายัง กกต.อยู่ เพราะ กกต.ก็ได้ประสานว่าขอให้ทำหนังสือมาเป็นลายลักษณ์อักษร ว่าต้องการเอกสารชิ้นใด เรื่องใดบ้างจะได้จัดส่งให้ถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่องพ้นจากชั้นของ กกต.ไปแล้ว กกต.ก็ไม่มีอำนาจไปเร่งรัด ก้าวก่าย เพราะกฎหมายก็ไม่ได้กำหนดกรอบเวลาไว้ว่า อัยการสูงสุดต้องส่งเรื่องดังกล่าวไปให้ศาลรัฐธรรมนูญภายในระยะเวลาเท่าใด แต่ กกต.ก็จะประสานกับอัยการฯ อย่างใกล้ชิด
นายสุเมธ อุปนิสากร กกต. ด้านกิจการการมีส่าวนร่วม กล่าวถึงเหตุของการเลื่อนลงมติยุบพรรคพลังประชาชนว่า เนื่องจากสิ่งที่นายอภิชาต เสนอมา เป็นเพียงความเห็นของนายทะเบียนพรรคการเมือง และผลสรุปความเห็นของอนุกรรมการสอบข้อเท็จจริง แต่ไม่ได้แนบเอกสารประกอบการพิจารณามาด้วย นาย สมชัย จึงประเสริฐ กกต. ด้านสืบสวนสอบสวน และ นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง จึงเสนอว่า ควรจะได้พิจารณาเอกสารประกอบด้วย ซึ่งตน และ กกต.คนอื่นก็เห็นด้วย จึงมีมติเลื่อนการพิจารณาออกไป
“ยืนยันว่า กกต.ไม้ได้ยื้อเวลา และในวันที่ 2 ก.ย. นี้จะลงมติได้อย่างแน่นอน ไม่มีการเลื่อนออกไปอีก”
ขณะที่ นายประพันธ์ ได้หารือต่อที่ประชุมว่า ควรเลื่อนการพิจารณาลงมติออกไปก่อน เนื่องจากเอกสารที่ทางนายทะเบียนพรรคการเมืองจัดส่งมาให้นั้นยังไม่ครบถ้วน ไม่มีรายละเอียดเนื้อหาของสำนวน รวมทั้งเอกสารข้อมูลการชี้แจงของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชาชน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน ประกอบกับเมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่นายอภิชาต ได้แจกจ่ายสำเนารายงานความเห็นของอนุกรรมการสอบข้อเท็จจริงฯ ตนเองเดินทางไปเปิดโครงการหมู่บ้านปลอดการซื้อขายเสียง ที่บ้านหนองไผ่แดง อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ ส่วนนางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง ก็เดินทางไปเปิดโครงการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์ ที่โรงเรียนขันเงิน อ.หลังสวน จ.ชุมพร ทำให้ไม่ได้รับเอกสารไปศึกษา
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณี กกต. เลื่อนพิจารณาลงมติยุบพรรคพลังประชาชนไปเป็นวันที่ 2 ก.ย.ว่า เราไม่ทราบว่ามีอนุกรรมการเสียงแตกหรือไม่ แต่อยู่ในกระบวนการ กกต.ก็ต้องพิจารณาไป ถ้าเขาต้องการมีข้อมูล หรือข้อกฎหมายเพิ่มเติมก็เป็นสิทธิ์ที่ทำได้
ทั้งนี้ ขอให้ กกต.ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ถ้าคิดว่ามีประเด็นที่จะให้เกิดความรอบคอบ มั่นใจ และเป็นธรรม ก็สามารถใช้เวลาได้ สัปดาห์สองสัปดาห์ก็คงไม่เป็นไร เพราะที่ผ่านมาหลายเรื่องที่ตรวจสอบก็ต้องใช้เวลา แต่ทั้งหมด กกต.ก็ต้องรู้ว่าในที่สุดแล้วต้องมีคำชี้ออกมา แต่หาก กกต.ทำงานผิดปกติ สังคมก็จะตรวจสอบเอง
สำหรับคดีของพรรคประชาธิปัตย์นั้น ทราบเพียงว่าผู้ที่ถูกร้องได้ไปชี้แจงหมดแล้ว และยังไม่มีใครมาบอกกับตนว่า มีปัญหา บางทีของอย่างนี้เราไม่ทราบอาจมีการอ้างข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายเพิ่มเติม แต่คิดว่าอย่างน้อยที่สุด จะตัดสินอะไรถ้ามีคำอธิบายชัดเจน ตรงไปตรงมา รอบคอบก็ไม่เป็นไร และคิดว่า กกต.ไม่ควรที่จะนำกระแสกดดันของสังคมมาตัดสินด้วย ควรจะพิจารณาไปตามข้อเท็จจริงที่ตรวจสอบได้ และเป็นไปตามข้อกฎหมายโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ
อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่อยากให้ให้ข่าวคราวต่างๆเกี่ยวกับเรื่องยุบพรรค มาบั่นทอนความเชื่อมั่นในการทำงานของรัฐบาล หรือการแก้ปัญหาของรัฐบาลจะลดน้อยถอยลง และประชาชนจะมีความรู้สึกว่า รัฐบาลไม่มาแก้ปัญหาของประชาชน มัวแต่แก้ปัญหาของตัวเอง
วานนี้ (19 ส.ค.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.)ได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาสำนวนยุบพรรคพลังประชาชน ซึ่งก่อนการประชุม กกต.ทั้ง 5 คน ต่างก็ปฏิเสธที่จะตอบคำถามสื่อมวลชนถึงกระแสข่าวก่อนหน้านี้ว่า กกต.เสียงแตก เกี่ยวกับการจะลงมติในสำนวนดังกล่าว
หลังการประชุม นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการกกต. กล่าวว่า ที่ประชุม กกต. มีมติให้คณะอนุกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณียุบพรรคพลังประชาชน นำเอกสารในการดำเนินการสอบสวนทั้งหมด เข้าชี้แจงต่อ กกต.ในวันที่ 26 ส.ค. และ กกต.ได้นัดลงมติในเรื่องดังกล่าวในวันที่ 2 ก.ย.นี้
ทั้งนี้ เหตุที่ต้องเลื่อนการลงมติออกไปเนื่องจากมี กกต.บางคนเสนอ ให้มีการนำเอกสารทั้งหมดมาตรวจสอบ และศึกษาอีกครั้ง เพราะเอกสารที่นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองถ่ายสำเนาให้กับ กกต.คนอื่นๆ เป็นเพียงความเห็นของอนุกรรมการฯ และความเห็นของนายทะเบียนพรรคการเมืองเท่านั้น ซึ่ง กกต.คนอื่นๆ ก็เห็นตรงกัน เพราะต้องการให้เกิดความรอบคอบที่สุด
“กกต.ไม่ได้ยื้อเวลา ดูจากพฤติกรรมของ กกต.จะเห็นว่ามีการกำหนดกรอบเวลาในการดำเนินการไว้ชัดเจน แต่เมื่อถึงขั้นตอนการลงมติ ก็ต้องดูรายละเอียดให้ครบทุกด้าน ซึ่งในการประชุมพิจารณาไม่ได้มีการพูดถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงหาก กกต.เลื่อนการลงมติออกไป และคาดว่าคงไม่กระทบ เพราะระยะเวลาที่เลื่อน ก็ไม่นานเกินไป รวมทั้งที่สุดแล้วหาก กกต.ลงมติอย่างไร ก็ยังมีอีกหลายขั้นตอนที่ต้องดำเนินการกว่าเรื่องจะส่งไปถึงศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้วินิจฉัย”เลขา กกต. กล่าว
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ ที่การตัดสินของ กกต.ในกรณีนี้จะต่างจากการมีมติเสนอให้ยุบพรรค พรรคชาติไทย และมัชฌิมาธิปไตย นายสุทธิพล ยืนยันว่า กกต.จะไม่ดับเบิลสแตนดาร์ดอย่างแน่นอน ส่วนความคืบหน้าในกรณียุบ 2 พรรคนั้น ทราบว่าทางอัยการสูงสุดยังไม่ได้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจจะรอเอกสารสำนวนต้นฉบับที่ร้องขอมายัง กกต.อยู่ เพราะ กกต.ก็ได้ประสานว่าขอให้ทำหนังสือมาเป็นลายลักษณ์อักษร ว่าต้องการเอกสารชิ้นใด เรื่องใดบ้างจะได้จัดส่งให้ถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่องพ้นจากชั้นของ กกต.ไปแล้ว กกต.ก็ไม่มีอำนาจไปเร่งรัด ก้าวก่าย เพราะกฎหมายก็ไม่ได้กำหนดกรอบเวลาไว้ว่า อัยการสูงสุดต้องส่งเรื่องดังกล่าวไปให้ศาลรัฐธรรมนูญภายในระยะเวลาเท่าใด แต่ กกต.ก็จะประสานกับอัยการฯ อย่างใกล้ชิด
นายสุเมธ อุปนิสากร กกต. ด้านกิจการการมีส่าวนร่วม กล่าวถึงเหตุของการเลื่อนลงมติยุบพรรคพลังประชาชนว่า เนื่องจากสิ่งที่นายอภิชาต เสนอมา เป็นเพียงความเห็นของนายทะเบียนพรรคการเมือง และผลสรุปความเห็นของอนุกรรมการสอบข้อเท็จจริง แต่ไม่ได้แนบเอกสารประกอบการพิจารณามาด้วย นาย สมชัย จึงประเสริฐ กกต. ด้านสืบสวนสอบสวน และ นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง จึงเสนอว่า ควรจะได้พิจารณาเอกสารประกอบด้วย ซึ่งตน และ กกต.คนอื่นก็เห็นด้วย จึงมีมติเลื่อนการพิจารณาออกไป
“ยืนยันว่า กกต.ไม้ได้ยื้อเวลา และในวันที่ 2 ก.ย. นี้จะลงมติได้อย่างแน่นอน ไม่มีการเลื่อนออกไปอีก”
ขณะที่ นายประพันธ์ ได้หารือต่อที่ประชุมว่า ควรเลื่อนการพิจารณาลงมติออกไปก่อน เนื่องจากเอกสารที่ทางนายทะเบียนพรรคการเมืองจัดส่งมาให้นั้นยังไม่ครบถ้วน ไม่มีรายละเอียดเนื้อหาของสำนวน รวมทั้งเอกสารข้อมูลการชี้แจงของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชาชน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน ประกอบกับเมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่นายอภิชาต ได้แจกจ่ายสำเนารายงานความเห็นของอนุกรรมการสอบข้อเท็จจริงฯ ตนเองเดินทางไปเปิดโครงการหมู่บ้านปลอดการซื้อขายเสียง ที่บ้านหนองไผ่แดง อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ ส่วนนางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง ก็เดินทางไปเปิดโครงการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์ ที่โรงเรียนขันเงิน อ.หลังสวน จ.ชุมพร ทำให้ไม่ได้รับเอกสารไปศึกษา
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณี กกต. เลื่อนพิจารณาลงมติยุบพรรคพลังประชาชนไปเป็นวันที่ 2 ก.ย.ว่า เราไม่ทราบว่ามีอนุกรรมการเสียงแตกหรือไม่ แต่อยู่ในกระบวนการ กกต.ก็ต้องพิจารณาไป ถ้าเขาต้องการมีข้อมูล หรือข้อกฎหมายเพิ่มเติมก็เป็นสิทธิ์ที่ทำได้
ทั้งนี้ ขอให้ กกต.ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ถ้าคิดว่ามีประเด็นที่จะให้เกิดความรอบคอบ มั่นใจ และเป็นธรรม ก็สามารถใช้เวลาได้ สัปดาห์สองสัปดาห์ก็คงไม่เป็นไร เพราะที่ผ่านมาหลายเรื่องที่ตรวจสอบก็ต้องใช้เวลา แต่ทั้งหมด กกต.ก็ต้องรู้ว่าในที่สุดแล้วต้องมีคำชี้ออกมา แต่หาก กกต.ทำงานผิดปกติ สังคมก็จะตรวจสอบเอง
สำหรับคดีของพรรคประชาธิปัตย์นั้น ทราบเพียงว่าผู้ที่ถูกร้องได้ไปชี้แจงหมดแล้ว และยังไม่มีใครมาบอกกับตนว่า มีปัญหา บางทีของอย่างนี้เราไม่ทราบอาจมีการอ้างข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายเพิ่มเติม แต่คิดว่าอย่างน้อยที่สุด จะตัดสินอะไรถ้ามีคำอธิบายชัดเจน ตรงไปตรงมา รอบคอบก็ไม่เป็นไร และคิดว่า กกต.ไม่ควรที่จะนำกระแสกดดันของสังคมมาตัดสินด้วย ควรจะพิจารณาไปตามข้อเท็จจริงที่ตรวจสอบได้ และเป็นไปตามข้อกฎหมายโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ
อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่อยากให้ให้ข่าวคราวต่างๆเกี่ยวกับเรื่องยุบพรรค มาบั่นทอนความเชื่อมั่นในการทำงานของรัฐบาล หรือการแก้ปัญหาของรัฐบาลจะลดน้อยถอยลง และประชาชนจะมีความรู้สึกว่า รัฐบาลไม่มาแก้ปัญหาของประชาชน มัวแต่แก้ปัญหาของตัวเอง