วานนี้ (20 ส.ค.)นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวตอบโต้นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กรณีระบุว่ากกต. พิจารณายุบพรรคการเมืองแบบ 2 มาตรฐานว่า การที่กกต.เลื่อนการพิจาณณายุบพรรคพลังประชาชนออกไป 14 วัน ส่วนการพิจารณายุบพรรคชาติไทยกับพรรคมัชฌิมาธิปไตย เลื่อนออกไปเพียง 7 วัน ก็เป็นเวลาที่แตกต่างกันเพียง 7 วันเท่านั้น จึงไม่ค่อยมีข้อแตกต่างเท่าใด ดังนั้นยืนยันว่า กกต.ไม่ได้ทำงาน 2 มาตรฐาน เพราะมีการกำหนดวันพิจารณาลงมติที่แน่นอน
"ตอนประชุมประธานกกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองส่งเอกสารสรุปความเห็นของอนุกรรมการฯมาให้กกต.เพียง 18 แผ่น ไม่มีเอกสารสอบพยานทั้งของหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคพลังประชาชน ซึ่ง กกต. ส่วนใหญ่ต้องการเอกสารทั้งหมดว่ามีเนื้อหาอะไรบ้าง เพื่อมาศึกษาประกอบการพิจารณาก่อนลงมติ จึงต้องเลื่อน"
นายสุเมธ กล่าวว่า ตนไม่กดดัน และไม่ห่วงว่า กกต จะมีมติอย่างไร เพราะก่อนหน้านี้ในส่วนเสนอยุบพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาฯ กกต.ก็มีมติ 3 ต่อ 2 ส่วนการลงมติของพรรคพลังประชาชน ก็แล้วแต่กกต. แต่ละคนว่าจะมีมาตรฐานอย่างไร ซึ่งตรงนี้จะแสดงให้เห็นว่ากกต. แต่ละคนมีความเห็นเป็นอย่างไร
สำหรับความคืบหน้ากรณีการพิจารณาสำนวนร้องคัดค้านการทุจริตเลือกตั้งของนายวิฑูรย์ นามบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสรุปสำนวนของอนุฯ ที่มีนาย สุธน แสงสายัณห์ เป็นประธาน และทราบว่าทางอนุฯจะทำความเห็นเสนอต่อประธาน กกต.ในวันที่ 20 ส.ค.นี้
นายสุเมธ ยังกล่าวถึงการยุบพรรคหลายๆพรรคจะกระทบต่อการบริหารประเทศหรือไม่ ว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน เพราะพ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา 98 ระบุชัดว่า หากศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมืองใด และปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า หัวหน้าพรรคการเมือง หรือกรรมการบริหารพรรคการเมืองผู้ใดมีส่วนร่วม รู้เห็น หรือปล่อยปละละเลย หรือไม่ยับยั้ง แก้ไขการกระทำดังกล่าว ให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคมีกำหนด 5 ปี แต่ถ้าหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคไม่มีส่วนรู้เห็น เกี่ยวข้อง ก็ไม่น่าจะถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งอยู่แล้ว ฝ่ายบริหารก็ทำงานต่อไปได้ เพียงแต่พรรคถูกยุบก็หาพรรคใหม่สังกัดภายใน 60 วัน อย่างไรก็ตาม ต้องขึ้นอยู่กับทางอัยการสูงสุด และสุดท้ายก็ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
ด้านนางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า ได้รับสำเนาเอกสารสำนวนยุบพรรคพลังประชาชนจากนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. เมื่อวันที่ 15 ส.ค. และได้อ่านก่อนเข้าประชุม กกต. เช้าวันที่ 19 ส.ค.และพบว่าประธาน กกต. ได้มีเกษียณสั่งท้ายของบันทึกความเห็นของอนุกรรมการฯ ว่า นัดพิจารณาเรื่องนี้วันที่ 2 ก.ย. เวลา 09.30 น. จึงตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดประธาน กกต.ให้สัมภาษณ์ว่าจะนัดลงมติ 19 ส.ค. จึงได้นำไปพูดคุยในที่ประชุมกกต.เพื่อหาข้อสรุป ประธาน กกต. ก็ยอมรับว่าเขียนผิดไป ตนเองก็มองว่าหากเอกสารเหล่านี้ส่งผ่านไปถึงบุคคลอื่น จะเกิดปัญหาทันทีว่ากกต.เร่งพิจารณา คดียุบพรรคหรือไม่ จึงเห็นว่าควรให้ลงมติวันที่ 2 ก.ย. ซึ่งไม่ได้เป็นการยื้อเวลา เพราะไม่มีเหตุผล แต่เป็นเรื่องผิดพลาดทางเทคนิคของประธาน กกต. จึงต้องดำเนินการตามวันที่มีการระบุไว้
"ยืนยันว่า ไม่มี กกต. คนใดขอเลื่อนเวลาพิจารณาเรื่องดังกล่าว ส่วนตัวก็เห็นว่าไม่จำเป็นต้องดูเอกสารเพิ่มเติม เพราะการพิจารณายุบพรรคหรือตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่ถูกยุบอยู่ที่ดุลยพินิจของศาลรัฐธรรมนูญ กกต.เพียงแต่ทำความเห็นส่งไปให้เท่านั้น อีกทั้งคำพิพากษาคดีทุจริตเลือกตั้งของนายงยุทธ ถือว่าถึงที่สุดแล้ว"
นางสดศรี ยังกล่าวถึงการตั้งพรรคเพื่อไทย เพื่อรองรับกรณีพรรคพลังประชาชนถูกยุบว่า กฎหมายไม่ได้ระบุว่าเมื่อพรรคการเมืองถูกยุบแล้วจะไม่สามารถตั้งพรรคการเมืองใหม่ได้ แค่อย่าใช้ชื่อเก่า และกฎหมายก็ไมได้กำหนดโทษกับพรรคที่ถูกตั้งมาเป็นนอมินี จึงเป็นเรื่องยากที่จะเอาผิด
"ดิฉันโดนพันธมิตรฯด่า หาว่าร่วมกับสมชัย ( จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวน) เป็นตัวการยื้อเวลา ทั้งที่เราไม่รู้เรื่อง อยากเอาเอกสารมาให้ดู แต่เป็นความลับ ประธาน กกต. ก็บอกเองว่าเขียนผิด พลาดไป และบอกให้พิจารณาเลยได้หรือไม่ แต่นายสมชัย บอกว่า ผมบอกสื่อไปแล้วว่าจะลงมติวันที่ 2 ก.ย. และมีความเห็นกันว่าจะกลายเป็นเร่งพิจารณาเรื่องนี้หรือไม่ เพราะ เมื่อประเด็นการเมืองเข้ามายุ่งกับกกต. ทำให้วันเวลาเป็นเรื่องกดดันกกต. เมื่อระบุแล้วว่าเป็นวันที่ 2 ก.ย. เราก็กลัวว่า เอกสารจะไปถึงสื่อเผยแพร่สู่สาธารณชน แล้วอาจถูกวิจารณ์กันว่า หากินกันหรือไม่ " นางสดศรี กล่าว
ด้านนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. ชี้แจงถึงการเลื่อนวันลงมติยุบพรรคพลังประชาชนว่า ตนดูปฏิทินผิดวันไปจึงได้เขียนในหนังสือนัดเป็นวันที่ 2 ก.ย. และพอหารือกับที่ประชุมว่า เมื่อเป็นเอกสารลับเฉพาะกกต. 5 คน ขอแก้วันที่ได้หรือไม่ กกต.คนอื่นก็บอกว่าไมได้ เพราะได้พูดออกไปแล้วว่า ประธานกกต. นัดไว้วันที่ 2 ก.ย. ประกอบกับมีกกต.บางคนบอกว่าเพิ่งได้รับเอกสารเมื่อวันที่ 18 ส.ค. ที่ผ่านมา ทำให้จากที่ฟังการพูดคุยในที่ประชุมแล้วเห็นว่ายังไม่พร้อมที่จะลงมติ จึงให้โอกาสกันเพื่อจะได้ไม่มีข้อโต้แย้งภายหลัง
"ที่เลื่อนลงมติออกไปเป็น 2 ก.ย. ผมคิดว่า ไม่ใช่เป็นการช่วยแก้ปัญหาให้ประธาน กกต. อย่างที่มีการกล่าวกัน เพราะเอกสารลับจ่ายไปก็รู้กันในหมู่ กกต. 5 คน สามารถปรับเปลี่ยนได้ว่าจะลงมติในวันที่ 19 ส.ค. เลยหรือไม่ และแจ้งต่อที่ประชุมแล้วว่าวันที่ผิด ก็แก้วันที่ ขอเป็นวันที่ใกล้เข้ามา แต่ กกต.บางคนก็บอกว่า ประธานพูดไปแล้วจะลงมติวันที่ 2 ก.ย. ประจวบกับมีการโต้แย้งเรื่องเอกสารหลักฐานที่ผมก็คิดว่าสำคัญกว่าเรื่องวันที่ผิด" ประธานกกต. กล่าว
"ตอนประชุมประธานกกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองส่งเอกสารสรุปความเห็นของอนุกรรมการฯมาให้กกต.เพียง 18 แผ่น ไม่มีเอกสารสอบพยานทั้งของหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคพลังประชาชน ซึ่ง กกต. ส่วนใหญ่ต้องการเอกสารทั้งหมดว่ามีเนื้อหาอะไรบ้าง เพื่อมาศึกษาประกอบการพิจารณาก่อนลงมติ จึงต้องเลื่อน"
นายสุเมธ กล่าวว่า ตนไม่กดดัน และไม่ห่วงว่า กกต จะมีมติอย่างไร เพราะก่อนหน้านี้ในส่วนเสนอยุบพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาฯ กกต.ก็มีมติ 3 ต่อ 2 ส่วนการลงมติของพรรคพลังประชาชน ก็แล้วแต่กกต. แต่ละคนว่าจะมีมาตรฐานอย่างไร ซึ่งตรงนี้จะแสดงให้เห็นว่ากกต. แต่ละคนมีความเห็นเป็นอย่างไร
สำหรับความคืบหน้ากรณีการพิจารณาสำนวนร้องคัดค้านการทุจริตเลือกตั้งของนายวิฑูรย์ นามบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสรุปสำนวนของอนุฯ ที่มีนาย สุธน แสงสายัณห์ เป็นประธาน และทราบว่าทางอนุฯจะทำความเห็นเสนอต่อประธาน กกต.ในวันที่ 20 ส.ค.นี้
นายสุเมธ ยังกล่าวถึงการยุบพรรคหลายๆพรรคจะกระทบต่อการบริหารประเทศหรือไม่ ว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน เพราะพ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา 98 ระบุชัดว่า หากศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมืองใด และปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า หัวหน้าพรรคการเมือง หรือกรรมการบริหารพรรคการเมืองผู้ใดมีส่วนร่วม รู้เห็น หรือปล่อยปละละเลย หรือไม่ยับยั้ง แก้ไขการกระทำดังกล่าว ให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคมีกำหนด 5 ปี แต่ถ้าหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคไม่มีส่วนรู้เห็น เกี่ยวข้อง ก็ไม่น่าจะถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งอยู่แล้ว ฝ่ายบริหารก็ทำงานต่อไปได้ เพียงแต่พรรคถูกยุบก็หาพรรคใหม่สังกัดภายใน 60 วัน อย่างไรก็ตาม ต้องขึ้นอยู่กับทางอัยการสูงสุด และสุดท้ายก็ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
ด้านนางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า ได้รับสำเนาเอกสารสำนวนยุบพรรคพลังประชาชนจากนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. เมื่อวันที่ 15 ส.ค. และได้อ่านก่อนเข้าประชุม กกต. เช้าวันที่ 19 ส.ค.และพบว่าประธาน กกต. ได้มีเกษียณสั่งท้ายของบันทึกความเห็นของอนุกรรมการฯ ว่า นัดพิจารณาเรื่องนี้วันที่ 2 ก.ย. เวลา 09.30 น. จึงตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดประธาน กกต.ให้สัมภาษณ์ว่าจะนัดลงมติ 19 ส.ค. จึงได้นำไปพูดคุยในที่ประชุมกกต.เพื่อหาข้อสรุป ประธาน กกต. ก็ยอมรับว่าเขียนผิดไป ตนเองก็มองว่าหากเอกสารเหล่านี้ส่งผ่านไปถึงบุคคลอื่น จะเกิดปัญหาทันทีว่ากกต.เร่งพิจารณา คดียุบพรรคหรือไม่ จึงเห็นว่าควรให้ลงมติวันที่ 2 ก.ย. ซึ่งไม่ได้เป็นการยื้อเวลา เพราะไม่มีเหตุผล แต่เป็นเรื่องผิดพลาดทางเทคนิคของประธาน กกต. จึงต้องดำเนินการตามวันที่มีการระบุไว้
"ยืนยันว่า ไม่มี กกต. คนใดขอเลื่อนเวลาพิจารณาเรื่องดังกล่าว ส่วนตัวก็เห็นว่าไม่จำเป็นต้องดูเอกสารเพิ่มเติม เพราะการพิจารณายุบพรรคหรือตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่ถูกยุบอยู่ที่ดุลยพินิจของศาลรัฐธรรมนูญ กกต.เพียงแต่ทำความเห็นส่งไปให้เท่านั้น อีกทั้งคำพิพากษาคดีทุจริตเลือกตั้งของนายงยุทธ ถือว่าถึงที่สุดแล้ว"
นางสดศรี ยังกล่าวถึงการตั้งพรรคเพื่อไทย เพื่อรองรับกรณีพรรคพลังประชาชนถูกยุบว่า กฎหมายไม่ได้ระบุว่าเมื่อพรรคการเมืองถูกยุบแล้วจะไม่สามารถตั้งพรรคการเมืองใหม่ได้ แค่อย่าใช้ชื่อเก่า และกฎหมายก็ไมได้กำหนดโทษกับพรรคที่ถูกตั้งมาเป็นนอมินี จึงเป็นเรื่องยากที่จะเอาผิด
"ดิฉันโดนพันธมิตรฯด่า หาว่าร่วมกับสมชัย ( จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวน) เป็นตัวการยื้อเวลา ทั้งที่เราไม่รู้เรื่อง อยากเอาเอกสารมาให้ดู แต่เป็นความลับ ประธาน กกต. ก็บอกเองว่าเขียนผิด พลาดไป และบอกให้พิจารณาเลยได้หรือไม่ แต่นายสมชัย บอกว่า ผมบอกสื่อไปแล้วว่าจะลงมติวันที่ 2 ก.ย. และมีความเห็นกันว่าจะกลายเป็นเร่งพิจารณาเรื่องนี้หรือไม่ เพราะ เมื่อประเด็นการเมืองเข้ามายุ่งกับกกต. ทำให้วันเวลาเป็นเรื่องกดดันกกต. เมื่อระบุแล้วว่าเป็นวันที่ 2 ก.ย. เราก็กลัวว่า เอกสารจะไปถึงสื่อเผยแพร่สู่สาธารณชน แล้วอาจถูกวิจารณ์กันว่า หากินกันหรือไม่ " นางสดศรี กล่าว
ด้านนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. ชี้แจงถึงการเลื่อนวันลงมติยุบพรรคพลังประชาชนว่า ตนดูปฏิทินผิดวันไปจึงได้เขียนในหนังสือนัดเป็นวันที่ 2 ก.ย. และพอหารือกับที่ประชุมว่า เมื่อเป็นเอกสารลับเฉพาะกกต. 5 คน ขอแก้วันที่ได้หรือไม่ กกต.คนอื่นก็บอกว่าไมได้ เพราะได้พูดออกไปแล้วว่า ประธานกกต. นัดไว้วันที่ 2 ก.ย. ประกอบกับมีกกต.บางคนบอกว่าเพิ่งได้รับเอกสารเมื่อวันที่ 18 ส.ค. ที่ผ่านมา ทำให้จากที่ฟังการพูดคุยในที่ประชุมแล้วเห็นว่ายังไม่พร้อมที่จะลงมติ จึงให้โอกาสกันเพื่อจะได้ไม่มีข้อโต้แย้งภายหลัง
"ที่เลื่อนลงมติออกไปเป็น 2 ก.ย. ผมคิดว่า ไม่ใช่เป็นการช่วยแก้ปัญหาให้ประธาน กกต. อย่างที่มีการกล่าวกัน เพราะเอกสารลับจ่ายไปก็รู้กันในหมู่ กกต. 5 คน สามารถปรับเปลี่ยนได้ว่าจะลงมติในวันที่ 19 ส.ค. เลยหรือไม่ และแจ้งต่อที่ประชุมแล้วว่าวันที่ผิด ก็แก้วันที่ ขอเป็นวันที่ใกล้เข้ามา แต่ กกต.บางคนก็บอกว่า ประธานพูดไปแล้วจะลงมติวันที่ 2 ก.ย. ประจวบกับมีการโต้แย้งเรื่องเอกสารหลักฐานที่ผมก็คิดว่าสำคัญกว่าเรื่องวันที่ผิด" ประธานกกต. กล่าว