เอเอฟพี - ยังไม่รู้ชะตากรรม"มูชาร์รัฟ" หลังถอดใจลงจากตำแหน่งประธานาธิบดีปากีสถาน คาดเขาอาจเดินทางไปซาอุดีอาระเบียก่อนบ่ายหน้าสู่ลอนดอนหรือตุรกีต่อไป ขณะที่รัฐบาลเตรียมหาตัวผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีซึ่งจะเลือกตั้งภายใน 30 วัน ส่วนสหรัฐฯ เร่งวางท่าทีใหม่ หวังสานต่อความร่วมมือต่อต้านกลุ่มก่อการร้ายตอลิบานและอัลกออิดะห์
ภายหลังจากที่ประธานาธิบดีเปอร์เวซ มูชาร์รัฟ ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันจันทร์ (18) เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าสู่กระบวนการถอดถอนจากตำแหน่ง ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลเตรียมยื่นเรื่องเข้าสู่รัฐสภาในวันอังคาร ปรากฏว่ายังไม่มีรายงานแน่ชัดว่ามูชาร์รัฟจะใช้ชีวิตหลังอำลาการเมืองที่ใดแน่ แต่เป็นที่คาดว่าเขาคงจะเดินทางไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย หลังจากนั้นอาจเดินทางต่อไปยังลอนดอนหรือตุรกี ทว่า คนใกล้ชิดของมูชาร์รัฟยืนยันว่าเขาจะเดินทางกลับปากีสถานหลังเสร็จสิ้นพิธีกรรมทางศาสนา
นอกจากนั้น มีการคาดการณ์ว่ามูชาร์รัฟตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งครั้งนี้ หลังจากที่กองทัพของปากีสถานและสหรัฐฯ ออกหน้าเจรจาเพื่อหาทางให้เขาพ้นความผิดในข้อหาอาญาด้วย
ด้านพรรคของนาวาซ ชารีฟ อดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งถูกมูชาร์รัฟเนรเทศออกนอกประเทศเมื่อปี 1999 กล่าวว่า มูชาร์รัฟไม่ควรได้รับอนุญาตให้ออกจากปากีสถานโดยไม่มีความผิด ในขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลที่เป็นแกนหลัก ซึ่งในอดีตมี เบนาซีร์ บุตโตเป็นผู้นำ กลับไม่ได้แสดงความเห็นใดๆ
ขณะนี้พรรคร่วมรัฐบาลกำลังเร่งหารือกันในเรื่องประธานาธิบดีคนใหม่ และการคืนตำแหน่งให้กับผู้พิพากษาระดับอาวุโสที่ถูกมูชาร์รัฟสั่งปลดในช่วงประกาศภาวะฉุกเฉินเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยฟารูค นาอิค รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ระบุว่าผู้นำพรรคร่วมรัฐบาลจะประชุมเรื่องการคืนตำแหน่งแก่ผู้พิพากษาในวันอังคาร
คนของพรรคร่วมรัฐบาลทั้งสองพรรคยังแสดงความเห็นด้วยว่า อาซิฟ อาลี ซาร์ดารี สามีของ เบนาซีร์ บุตโต ผู้ถูกลอบสังหารเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว มีแนวโน้มที่จะได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนใหม่มากทึ่สุด
อย่างไรก็ตาม บุคคลอื่นๆ ที่อยู่ในข่ายพิจารณา ยังมี เมห์มุด ข่าน อะชัคซาอิ จากพรรคชาตินิยมในจังหวัดบาลุชิสถาน และอัฟตาบ โชบาน มิรานี จากจังหวัดสินธ์ทางภาคใต้ อีกทั้งอาจมีผู้สมัครหญิง คือ เฟห์มิดา มิร์ซา ประธานสภาผู้แทนราษฎร หรือฟาร์ยัล ตาลปุร์ ซึ่งเป็นญาติของซาร์ดารีด้วย
**ท่าทีของสหรัฐฯ**
ในขณะที่บรรดาผู้นำโลกต่างสนับสนุนอย่างเต็มที่เพื่อให้ปากีสถานมีเสถียรภาพและเอกภาพภายหลังการลาออกของมูชาร์รัฟ ทำเนียบขาวก็ออกมาระบุว่า สหรัฐฯ จะยังคงร่วมมือกับรัฐบาลตามระบอบประชาธิปไตยของปากีสถานต่อไป และมีพันธะต่อ "ปากีสถานที่แข็งแกร่ง" ทั้งในด้านของประชาธิปไตยและการต่อสู้กับการก่อการร้าย อันเป็นภารกิจที่ท้าทายสหรัฐฯ เป็นอยางยิ่ง
อันที่จริง สหรัฐฯ เคลื่อนไหวในเรื่องอนาคตของปากีสถานมาตั้งแต่ที่ผลการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนกุมภาพันธ์ส่งสัญญาณว่า มูชาร์รัฟนั้นไม่ได้มีบทบาทเป็นผู้นำสำคัญทางการเมืองของปากีสถานอีกต่อไป และขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรียูซุฟ ราซา กิลานี ก็ดูเหมือนจะไม่มีอำนาจเต็มที่ในการต่อกรกับกลุ่มตอลิบานและอัลกออิดะห์ซึ่งหลบเข้ามาจัดตั้งกลุ่มอยู่ในปากีสถานหลังจากที่ถูกกดดันจากรัฐบาลอัฟกานิสถานและสหรัฐฯ ในปี 2001
ทว่า พวกผู้เชี่ยวชาญของสหรัฐฯ บางคนกล่าวว่ามูชาร์รัฟนั้นหาใช่พันธมิตรที่แท้จริงของสหรัฐฯ ในแง่การทำสงครามต่อต้านการก่อการร้าย โดยกล่าวหาว่ามูชาร์รัฟนั้นใช้วิธีแทงกั๊กเพราะในขณะที่ปากีสถานในยุคสมัยของเขาได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ เป็นมูลค่ากว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ แต่หลังเหตุการณ์ 9/11 แหล่งกบดานของกลุ่มอัลกออิดะห์ในปากีสถานกลับขยายตัวอย่างรวดเร็วไปพร้อมๆ กัน
ภายหลังจากที่ประธานาธิบดีเปอร์เวซ มูชาร์รัฟ ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันจันทร์ (18) เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าสู่กระบวนการถอดถอนจากตำแหน่ง ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลเตรียมยื่นเรื่องเข้าสู่รัฐสภาในวันอังคาร ปรากฏว่ายังไม่มีรายงานแน่ชัดว่ามูชาร์รัฟจะใช้ชีวิตหลังอำลาการเมืองที่ใดแน่ แต่เป็นที่คาดว่าเขาคงจะเดินทางไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย หลังจากนั้นอาจเดินทางต่อไปยังลอนดอนหรือตุรกี ทว่า คนใกล้ชิดของมูชาร์รัฟยืนยันว่าเขาจะเดินทางกลับปากีสถานหลังเสร็จสิ้นพิธีกรรมทางศาสนา
นอกจากนั้น มีการคาดการณ์ว่ามูชาร์รัฟตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งครั้งนี้ หลังจากที่กองทัพของปากีสถานและสหรัฐฯ ออกหน้าเจรจาเพื่อหาทางให้เขาพ้นความผิดในข้อหาอาญาด้วย
ด้านพรรคของนาวาซ ชารีฟ อดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งถูกมูชาร์รัฟเนรเทศออกนอกประเทศเมื่อปี 1999 กล่าวว่า มูชาร์รัฟไม่ควรได้รับอนุญาตให้ออกจากปากีสถานโดยไม่มีความผิด ในขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลที่เป็นแกนหลัก ซึ่งในอดีตมี เบนาซีร์ บุตโตเป็นผู้นำ กลับไม่ได้แสดงความเห็นใดๆ
ขณะนี้พรรคร่วมรัฐบาลกำลังเร่งหารือกันในเรื่องประธานาธิบดีคนใหม่ และการคืนตำแหน่งให้กับผู้พิพากษาระดับอาวุโสที่ถูกมูชาร์รัฟสั่งปลดในช่วงประกาศภาวะฉุกเฉินเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยฟารูค นาอิค รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ระบุว่าผู้นำพรรคร่วมรัฐบาลจะประชุมเรื่องการคืนตำแหน่งแก่ผู้พิพากษาในวันอังคาร
คนของพรรคร่วมรัฐบาลทั้งสองพรรคยังแสดงความเห็นด้วยว่า อาซิฟ อาลี ซาร์ดารี สามีของ เบนาซีร์ บุตโต ผู้ถูกลอบสังหารเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว มีแนวโน้มที่จะได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนใหม่มากทึ่สุด
อย่างไรก็ตาม บุคคลอื่นๆ ที่อยู่ในข่ายพิจารณา ยังมี เมห์มุด ข่าน อะชัคซาอิ จากพรรคชาตินิยมในจังหวัดบาลุชิสถาน และอัฟตาบ โชบาน มิรานี จากจังหวัดสินธ์ทางภาคใต้ อีกทั้งอาจมีผู้สมัครหญิง คือ เฟห์มิดา มิร์ซา ประธานสภาผู้แทนราษฎร หรือฟาร์ยัล ตาลปุร์ ซึ่งเป็นญาติของซาร์ดารีด้วย
**ท่าทีของสหรัฐฯ**
ในขณะที่บรรดาผู้นำโลกต่างสนับสนุนอย่างเต็มที่เพื่อให้ปากีสถานมีเสถียรภาพและเอกภาพภายหลังการลาออกของมูชาร์รัฟ ทำเนียบขาวก็ออกมาระบุว่า สหรัฐฯ จะยังคงร่วมมือกับรัฐบาลตามระบอบประชาธิปไตยของปากีสถานต่อไป และมีพันธะต่อ "ปากีสถานที่แข็งแกร่ง" ทั้งในด้านของประชาธิปไตยและการต่อสู้กับการก่อการร้าย อันเป็นภารกิจที่ท้าทายสหรัฐฯ เป็นอยางยิ่ง
อันที่จริง สหรัฐฯ เคลื่อนไหวในเรื่องอนาคตของปากีสถานมาตั้งแต่ที่ผลการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนกุมภาพันธ์ส่งสัญญาณว่า มูชาร์รัฟนั้นไม่ได้มีบทบาทเป็นผู้นำสำคัญทางการเมืองของปากีสถานอีกต่อไป และขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรียูซุฟ ราซา กิลานี ก็ดูเหมือนจะไม่มีอำนาจเต็มที่ในการต่อกรกับกลุ่มตอลิบานและอัลกออิดะห์ซึ่งหลบเข้ามาจัดตั้งกลุ่มอยู่ในปากีสถานหลังจากที่ถูกกดดันจากรัฐบาลอัฟกานิสถานและสหรัฐฯ ในปี 2001
ทว่า พวกผู้เชี่ยวชาญของสหรัฐฯ บางคนกล่าวว่ามูชาร์รัฟนั้นหาใช่พันธมิตรที่แท้จริงของสหรัฐฯ ในแง่การทำสงครามต่อต้านการก่อการร้าย โดยกล่าวหาว่ามูชาร์รัฟนั้นใช้วิธีแทงกั๊กเพราะในขณะที่ปากีสถานในยุคสมัยของเขาได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ เป็นมูลค่ากว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ แต่หลังเหตุการณ์ 9/11 แหล่งกบดานของกลุ่มอัลกออิดะห์ในปากีสถานกลับขยายตัวอย่างรวดเร็วไปพร้อมๆ กัน
