เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก ครั้งที่ 29 หนึ่งเดียวในขณะนี้ของไทย "น้องเก๋" ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล เดินทางกลับถึงประเทศไทยเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยบรรยากาศการต้อนรับเป็นไปอย่างชื่นมื่นและยิ่งใหญ่ โดยมีญาติสนิทรวมทั้งสื่อมวลชนไปรอต้อนรับกันแน่นขนัด "น้องเก๋" ขอบคุณกำลังใจจากพี่น้องชาวไทย แต่ขอร้องให้ทุกฝ่ายอย่าเพิ่งจัดงานฉลองหรือเชิญตัวเพราะตามมารยาทต้องรอเพื่อนร่วมทีม และทัพนักกีฬาไทยประเภทอื่นๆ ด้วย
"น้องเก๋" ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล นักยกน้ำหนักสาวไทยเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก เกมส์ 2008 ที่กรุงปักกิ่ง เดินทางกลับถึงประเทศไทย เมื่อช่วงเที่ยงของวันศุกร์ที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา หลายฝ่ายแห่ไปต้อนรับไม่ว่าจะเป็น พ่อแม่ญาติพี่น้อง, เทศบาลนครสวรรค์, โรงเรียนสตรีนครสวรรค์, นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยนอร์ธเชียงใหม่ และพี่น้องชาวปากน้ำโพอีก 7 คันรถบัสนายกนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย, ฉัตร หาญพัฒนนันท์ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งได้มอบสร้อยคอทองคำหนัก 10 บาท และที่ขาดไม่ได้เลยคือกองทัพสื่อมวลชนกว่า 200 ชีวิต
ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล ฮีโร่เหรียญทองยกน้ำหนักรุ่นไม่เกิน 53 กิโลกรัม โอลิมปิกเกมส์ 2008 และทัพนักกีฬายกน้ำหนักชุดสู้ศึกปักกิ่งเกมส์ เดินทางกลับถึงประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยเที่ยวบิน TG 675 จากกรุงปักกิ่งถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ พอเครื่องบินลงจอดสนิทเรียบร้อย ทางเจ้าหน้าที่ของสมาคมยกน้ำหนักแห่งประเทศไทย ได้ให้เกียรติคุณพ่อจันทร์แก้ว-คุณแม่ภาวลี เจริญรัตนธารากุล รวมถึงน้องสาวขึ้นไปรับฮีโร่สาวคนเก่งถึงบนเครื่องบิน พอเห็นหน้าบุพพการี "น้องเก๋" ได้โผเข้ากอดและหอมทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณแม่ภาวลีซึ่งน้องเก๋บ่นก่อนหน้านี้ว่าคิดถึงและอยากพบหน้าเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นห่วงอาการซึ่งคุณแม่เป็นลมเข้าโรงพยาบาลระหว่างการลุ้นเหรียญทองนั่นเอง
ต่อมาในเวลา 13.30 นาที ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล พร้อมทั้งคณะยกลูกเหล็กไทย ได้เดินทางออกมายังอาคารรับรองพิเศษสนามบินสุวรรณภูมิ ระหว่างทางที่เจ้าของเหรียญทองชาวไทยเดินไปยังอาคารรับรองนั้น มีเสียงตะโกนไชโยโห่ร้องจาก นักเรียนโรงเรียนสตรีนครสวรรค์ ว่า “พี่เก๋ สตรี นครสวรรค์” ดังกึงก้องไปทั่วบริเวณ ทำให้สาวเก๋ ถึงกับต้องออกมายกมือไหว้ขอบคุณและโบกมือให้นักเรียนกลุ่มดังกล่าว จนทำให้เรียกกรี๊ดได้อีกพอสมควร
หลังจากนั้นเป็นคิวที่ฮีโร่สาวหน้าใสขึ้นเวทีแถลงข่าวและเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ถ่ายภาพหลากหลายแอกชันของเธอร่วมกับคุณพ่อ-แม่ อย่างจุใจ กินเวลาถึงเกือบ 10 นาที จากนั้นน้องเก๋ ได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกหลังกลับสู่แผ่นดินไทย ด้วยการกราบขอบพระคุณพี่น้องชาวไทย พร้อมทั้งวิงวอนทุกฝ่ายว่าอย่าเพิ่งฉลองความสำเร็จให้เธอในช่วงเวลานี้
“เก๋ขอขอบคุณพี่น้องชาวไทยที่ให้กำลังใจเก๋มาตลอด และขอโทษที่เก๋อาจจะไม่ได้ไปพบหน้าพี่น้องมากนักในช่วงเวลานี้ เนื่องจากเก๋อยากจะขอให้ทุกคนเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ เพราะกีฬาโอลิมปิกยังคงแข่งขันกันอยู่ และยังมีนักกีฬาความหวังของไทยอยู่ในเส้นทางลุ้นเหรียญ เก๋อยากจะให้คณะทั้งหมดเสร็จภาระกิจเสียก่อน แล้วเราจะได้มาฉลองพร้อมๆกัน ซึ่งเก๋คิดว่าเราน่าจะมีเหรียญมากกว่าเหรียญทองของเก๋นี้แน่นอน” ฮีโร่สาว เผย
หลังจากนั้นได้มีการเปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวยิงคำถามอย่างละเอียดใส่ฮีโร่สาวคนใหม่ซึ่งน้องเก๋ ได้เปิดใจอย่างหมดเปลือกทั้งเรื่องความรัก เรื่องของอนาคตในการรับใช้ชาติ รวมถึงแนวทางการใช้ชีวิตหลังได้เงินอัดฉีดที่ล่าสุดมีการคาดการณ์ว่า เงินรางวัลรวมของเก๋ น่าจะทะลุไปถึง 20 ล้านบาทแล้ว
"เก๋"เครียดหลังสื่อตีข่าวเป็นทาสสมาคมฯ
นอกจากนี้ ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล จอมพลังดีกรีเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ ได้เผยถึงข่าวที่ว่าตัวเธอถูกกีดกันจากผู้ใหญ่ในสมาคมยกน้ำหนักแห่งประเทศไทย ด้วยการสั่งงดให้ข่าวกับสื่อหากเดินทางถึงประเทศไทย โดย "น้องเก๋" ได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าวบนเวทีแถลงข่าวที่ท่าอากาศยานสวรรณภูมิยอมรับว่า รู้สึกเครียดมากที่เห็นข่าวว่าสมาคมฯสั่งห้ามตัวเธอให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ตลอดจนห้ามการโชว์ตัวในสื่อทุกประเภท
"ตอนอยู่บนเครื่องบิน เก๋ได้อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ของไทยหลายฉบับ ว่ามีสื่อหลายแขนงกำลังที่จะติดต่อขอสัมภาษณ์เก๋อยู่ แต่ติดอยู่ที่ผู้ใหญ่ของสมาคมนั่นก็คือ คุณบุษบา ยอดบางเตย เรื่องนี้ทำให้เก๋ไม่สบายใจมาก เพราะเก๋เคารพ ทั้งคุณบุษบา และพล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย เหมือนพ่อ-แม่คนหนึ่ง"
"ข่าวที่ว่าสมาคมกีดกัน หรือเก๋ตกเป็นทาสของสมาคมนั้น มันไม่เป็นความจริงเลย เรามากันเป็นทีม ฉะนั้นเก๋ก็อยากจะทำอะไรเพื่อส่วนรวมก่อน" ประภาวดีร่ายยาว
ด้าน "มาดามบุษ" ในฐานะนายกสมาคมฯ และผู้จัดการทีมยกน้ำหนักไทย ก็ออกมาชี้แจงในเรื่องดังกล่าวเช่นกันว่า "ขอเรียนว่าสมาคมไม่ได้มีการกีดกันแต่อย่างใด แต่เพียงอยากให้รอนักกีฬาของไทยทั้งคณะกลับมาก่อน เพราะเราคือทีมชาติไทยด้วยกันทั้งสิ้น"
หลังการให้สัมภาษณ์ "น้องเก๋" และทัพยกน้ำหนักไทยมีคิวออกเดินทางไปยังจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งเป็นสถานที่เก็บตัวฝึกซ้อมสำหรับโอลิมปิกครั้งนี้ในตอนเย็นทันที โดยจะออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 17.15 น.ด้วยเที่ยวบิน TG 116 และถึงสนามบินเชียงใหม่เวลา 18.25 น.
"น้องเก๋" ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล นักยกน้ำหนักสาวไทยเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก เกมส์ 2008 ที่กรุงปักกิ่ง เดินทางกลับถึงประเทศไทย เมื่อช่วงเที่ยงของวันศุกร์ที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา หลายฝ่ายแห่ไปต้อนรับไม่ว่าจะเป็น พ่อแม่ญาติพี่น้อง, เทศบาลนครสวรรค์, โรงเรียนสตรีนครสวรรค์, นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยนอร์ธเชียงใหม่ และพี่น้องชาวปากน้ำโพอีก 7 คันรถบัสนายกนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย, ฉัตร หาญพัฒนนันท์ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งได้มอบสร้อยคอทองคำหนัก 10 บาท และที่ขาดไม่ได้เลยคือกองทัพสื่อมวลชนกว่า 200 ชีวิต
ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล ฮีโร่เหรียญทองยกน้ำหนักรุ่นไม่เกิน 53 กิโลกรัม โอลิมปิกเกมส์ 2008 และทัพนักกีฬายกน้ำหนักชุดสู้ศึกปักกิ่งเกมส์ เดินทางกลับถึงประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยเที่ยวบิน TG 675 จากกรุงปักกิ่งถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ พอเครื่องบินลงจอดสนิทเรียบร้อย ทางเจ้าหน้าที่ของสมาคมยกน้ำหนักแห่งประเทศไทย ได้ให้เกียรติคุณพ่อจันทร์แก้ว-คุณแม่ภาวลี เจริญรัตนธารากุล รวมถึงน้องสาวขึ้นไปรับฮีโร่สาวคนเก่งถึงบนเครื่องบิน พอเห็นหน้าบุพพการี "น้องเก๋" ได้โผเข้ากอดและหอมทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณแม่ภาวลีซึ่งน้องเก๋บ่นก่อนหน้านี้ว่าคิดถึงและอยากพบหน้าเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นห่วงอาการซึ่งคุณแม่เป็นลมเข้าโรงพยาบาลระหว่างการลุ้นเหรียญทองนั่นเอง
ต่อมาในเวลา 13.30 นาที ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล พร้อมทั้งคณะยกลูกเหล็กไทย ได้เดินทางออกมายังอาคารรับรองพิเศษสนามบินสุวรรณภูมิ ระหว่างทางที่เจ้าของเหรียญทองชาวไทยเดินไปยังอาคารรับรองนั้น มีเสียงตะโกนไชโยโห่ร้องจาก นักเรียนโรงเรียนสตรีนครสวรรค์ ว่า “พี่เก๋ สตรี นครสวรรค์” ดังกึงก้องไปทั่วบริเวณ ทำให้สาวเก๋ ถึงกับต้องออกมายกมือไหว้ขอบคุณและโบกมือให้นักเรียนกลุ่มดังกล่าว จนทำให้เรียกกรี๊ดได้อีกพอสมควร
หลังจากนั้นเป็นคิวที่ฮีโร่สาวหน้าใสขึ้นเวทีแถลงข่าวและเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ถ่ายภาพหลากหลายแอกชันของเธอร่วมกับคุณพ่อ-แม่ อย่างจุใจ กินเวลาถึงเกือบ 10 นาที จากนั้นน้องเก๋ ได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกหลังกลับสู่แผ่นดินไทย ด้วยการกราบขอบพระคุณพี่น้องชาวไทย พร้อมทั้งวิงวอนทุกฝ่ายว่าอย่าเพิ่งฉลองความสำเร็จให้เธอในช่วงเวลานี้
“เก๋ขอขอบคุณพี่น้องชาวไทยที่ให้กำลังใจเก๋มาตลอด และขอโทษที่เก๋อาจจะไม่ได้ไปพบหน้าพี่น้องมากนักในช่วงเวลานี้ เนื่องจากเก๋อยากจะขอให้ทุกคนเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ เพราะกีฬาโอลิมปิกยังคงแข่งขันกันอยู่ และยังมีนักกีฬาความหวังของไทยอยู่ในเส้นทางลุ้นเหรียญ เก๋อยากจะให้คณะทั้งหมดเสร็จภาระกิจเสียก่อน แล้วเราจะได้มาฉลองพร้อมๆกัน ซึ่งเก๋คิดว่าเราน่าจะมีเหรียญมากกว่าเหรียญทองของเก๋นี้แน่นอน” ฮีโร่สาว เผย
หลังจากนั้นได้มีการเปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวยิงคำถามอย่างละเอียดใส่ฮีโร่สาวคนใหม่ซึ่งน้องเก๋ ได้เปิดใจอย่างหมดเปลือกทั้งเรื่องความรัก เรื่องของอนาคตในการรับใช้ชาติ รวมถึงแนวทางการใช้ชีวิตหลังได้เงินอัดฉีดที่ล่าสุดมีการคาดการณ์ว่า เงินรางวัลรวมของเก๋ น่าจะทะลุไปถึง 20 ล้านบาทแล้ว
"เก๋"เครียดหลังสื่อตีข่าวเป็นทาสสมาคมฯ
นอกจากนี้ ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล จอมพลังดีกรีเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ ได้เผยถึงข่าวที่ว่าตัวเธอถูกกีดกันจากผู้ใหญ่ในสมาคมยกน้ำหนักแห่งประเทศไทย ด้วยการสั่งงดให้ข่าวกับสื่อหากเดินทางถึงประเทศไทย โดย "น้องเก๋" ได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าวบนเวทีแถลงข่าวที่ท่าอากาศยานสวรรณภูมิยอมรับว่า รู้สึกเครียดมากที่เห็นข่าวว่าสมาคมฯสั่งห้ามตัวเธอให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ตลอดจนห้ามการโชว์ตัวในสื่อทุกประเภท
"ตอนอยู่บนเครื่องบิน เก๋ได้อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ของไทยหลายฉบับ ว่ามีสื่อหลายแขนงกำลังที่จะติดต่อขอสัมภาษณ์เก๋อยู่ แต่ติดอยู่ที่ผู้ใหญ่ของสมาคมนั่นก็คือ คุณบุษบา ยอดบางเตย เรื่องนี้ทำให้เก๋ไม่สบายใจมาก เพราะเก๋เคารพ ทั้งคุณบุษบา และพล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย เหมือนพ่อ-แม่คนหนึ่ง"
"ข่าวที่ว่าสมาคมกีดกัน หรือเก๋ตกเป็นทาสของสมาคมนั้น มันไม่เป็นความจริงเลย เรามากันเป็นทีม ฉะนั้นเก๋ก็อยากจะทำอะไรเพื่อส่วนรวมก่อน" ประภาวดีร่ายยาว
ด้าน "มาดามบุษ" ในฐานะนายกสมาคมฯ และผู้จัดการทีมยกน้ำหนักไทย ก็ออกมาชี้แจงในเรื่องดังกล่าวเช่นกันว่า "ขอเรียนว่าสมาคมไม่ได้มีการกีดกันแต่อย่างใด แต่เพียงอยากให้รอนักกีฬาของไทยทั้งคณะกลับมาก่อน เพราะเราคือทีมชาติไทยด้วยกันทั้งสิ้น"
หลังการให้สัมภาษณ์ "น้องเก๋" และทัพยกน้ำหนักไทยมีคิวออกเดินทางไปยังจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งเป็นสถานที่เก็บตัวฝึกซ้อมสำหรับโอลิมปิกครั้งนี้ในตอนเย็นทันที โดยจะออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 17.15 น.ด้วยเที่ยวบิน TG 116 และถึงสนามบินเชียงใหม่เวลา 18.25 น.