xs
xsm
sm
md
lg

"เก๋" รวยอื้อยอดอัดฉีดกว่า 10 ล้าน แถมกระบะวีโก้อีก 1 คัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"น้องเก๋" ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล ถึงคราวเป็นเศรษฐีนี หลังคว้าเหรียญทองโอลิมปิก 2008 โดยจะได้รับเงินอัดฉีดจากรัฐฯ 10 ล้านบาท รวมกับสปอนเซอร์อีก 2 ล้านบาท และรถกระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ 1 คัน

หลังจากที่ "น้องเก๋" ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล นักยกน้ำหนักหญิงรุ่น 53 กิโลกรัม คว้าเหรียญทองเหรียญแรกให้กับทีมชาติไทยใน "ปักกิ่งเกมส์" 2008 ที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 สิงหาคม 2551 จะได้รับเงินอัดฉีดถึง 16 ล้านบาท

โดย "บิ๊กต่าย" จิตรนรา นวรัตน์ อุปนายกสมาคมยกน้ำหนักแห่งประเทศไทย กล่าวว่า "เงินจำนวนดังกล่าวจะแยกเป็นจากกองทุนพัฒนากีฬา ที่ดูแลโดยการกีฬาแห่งประเทศไทย 10 ล้านบาท ซึ่งจะจ่ายทันที 5 ล้านบาทเป็นเงินสด จากนั้นจะแบ่งจ่ายอีก 5 ล้านบาท เป็นรายเดือนจนครบตามจำนวน"

"ส่วนที่ 2 จะเป็นเงินสนับสนุนกีฬาจากผู้สนับสนุนในภาคเอกชน ซึ่งเบื้องต้นมีรายงานว่ามีผู้สนับสนุนหลักอย่าง แม็คโดนัลด์ และช่อง 7 สี เป็นจำนวน 1 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์ช้างอีก 1 ล้านบาทสำหรับผู้คว้าเหรียญทอง"

"ขณะที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์โตโยต้า จะมอบรถยนต์กระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ ให้กับนักกีฬาที่ได้รับเหรียญรางวัลจากปักกิ่งเกมส์ทุกคน โดยในรายของ น้องเก๋ จะได้รับรถยนต์รุ่นดังกล่าวด้วยเช่นกัน"

นอกจากนี้ "บิ๊กต่าย" ยังกล่าวต่อไปด้วยว่า "นาทีนี้ต้องรู้สึกว่าเราพอใจมากที่เห็นนักกีฬาของเราได้เหรียญทอง โดยเฉพาะในรายของ ประภาวดี ที่เขาประสบกับเคราะห์ซ้ำกรรมซัดมาโดยตลอด ไล่มาตั้งแต่เรื่องการถูกตัดจากทีมชุดโอลิมปิก 2004 เพราะเขาแข่งขันรุ่นเดียวกับ อุดมพร พลศักดิ์ ที่สุดท้ายก็คว้าเหรียญทองมาได้ แต่ตอนนั้นไม่มีใครหันมามอง ประภาวดี เลย เขาเสียใจมาก หนีออกจากค่ายเก็บตัว จนต้องไปกล่อมกลับมายกน้ำหนักกันใหม่"

"แต่ความโชคร้ายของเขาก็ยังไม่หมด หลังทำผลงานได้ดีจนติดทีมชาติไปแข่งขันยกน้ำหนักชิงแชมป์โลกที่เชียงใหม่เมื่อปีที่แล้ว แต่ก็พลาดเหรียญรางวัลเพราะเขาไปเจ็บหนักจากอาการข้อศอกหลุด จนต้องพักยาวถึงครึ่งปี แล้วก็พลาดแข่งขันซีเกมส์ที่จังหวัดนครราชสีมา"

"ก็รู้สึกดีใจมากที่ ประภาวดี กลับมาประสบความสำเร็จได้อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เขาสมหวังแล้ว หลังจากที่รอคอยกันมานาน จากนี้ก็เชื่อว่าเขาจะมีชีวิตที่ดีขึ้น ครอบครัวของเขาจะมีฐานะมั่นคงกว่าเดิม"

ส่วนเรื่องการหันหลังให้กับการเป็นนักกีฬาเมื่อประสบความสำเร็จแล้วนั้น อุปนายกสมาคมยกน้ำหนักกล่าวว่า "เราพร้อมฟังการตัดสินใจของนักกีฬา จากนี้ไปเขาอาจจะมีฐานะมั่นคงขึ้นมากแล้ว แต่หากเขายังอยากทำหน้าที่รับใช้ชาติอยู่มันก็เป็นสิ่งที่เราพร้อมสนับสนุน เพราะนักกีฬาชนิดนี้แข่งขันได้จนถึงอายุ 30 ปี หรือถ้าดูแลรักษาตัวดีกว่านั้นก็อาจจะยืดอายุในการเป็นนักกีฬาออกไปอีกได้ เรื่องนี้คงต้องรอคุยกันเมื่อเขากลับมาถึงเมืองไทยอีกครั้ง"

ขณะเดียวกันมีกระแสข่าวว่า "น้องเอ" เพ็ญศิริ เหล่าศิริกุล นักยกน้ำหนักสาวทีมชาติไทยในรุ่น 48 กิโลกรัม ออกมาเปรยว่าอยากเลิกจากการเป็นนักกีฬานั้น "บิ๊กต่าย" กล่าวว่า "เรื่องนี้ผมคิดว่าเขาคงพูดด้วยอารมณ์น้อยใจในโชควาสนาของตัวเองมากกว่า เพราะที่ผ่านมานักกีฬาของสมาคมยกน้ำหนัก โดยเฉพาะทั้ง 4 สาว ไม่ว่าจะเป็น เพ็ญศิริ เหล่าศิริกุล, เปรมศิริ บุญพิทักษ์, ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล หรือ วันดี คำเอี่ยม ต่างก็ฝึกฝนกันมาอย่างหนัก พอพลาดเหรียญรางวัล ไม่ได้อย่างที่ตั้งใจไว้ ก็ทำใจลำบากเป็นเรื่องธรรมดา"

"แต่อย่าลืมว่านักกีฬาอย่าง เพ็ญศิริ นั้นอายุยังน้อย แค่ 24 ปีเท่านั้น ถ้ารักษาเนื้อรักษาตัวดีๆ ก็มีโอกาสกลับมาได้ใหม่ในโอลิมปิกครั้งหน้า ผมคิดว่ากลับมามาจากเมืองจีนเมื่อไรคงได้นั่งจับเข่าคุยกันอีกที ผมอยากบอกเขาว่าคนเรามันต้องมีแพ้ก่อนแล้วจึงจะชนะ ไม่มีชีวิตใครสดใสสวยงามอยู่ได้ตลอดเวลาแน่นอน" อุปนายกสมาคมยกน้ำหนักกล่าวทิ้งท้าย
กำลังโหลดความคิดเห็น