xs
xsm
sm
md
lg

ศาลรู้ทันเล่ห์"แม้ว"หนีคุก เดินหน้าพิจารณาคดี"ที่ดินรัชดา"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทีมทนายหน้าเหลี่ยม เล่นเล่ห์ยื่นขอถอนตัวคดีที่ดินรัชดา ขอจำหน่ายคดี งดไต่สวนพยาน แต่ศาลฎีกาทันเกมไม่อนุญาตทั้งสามข้อ ระบุใช้แทคติกกฎหมายหวังล้มกระดานเลิกการไต่สวน ยันมีอำนาจพิจารณาคดี จำเลยหลบหนี ถือว่าสละสิทธิไม่ต่อสู้ ทนายจำเลยออกอาการเซ็ง ไม่ยอมสอบถามพยานตัวเอง ศาลนัดไต่สวนอีกที 19 ส.ค.นี้ ด้านปชป.จี้ อสส.เร่งนำตัวมาดำเนินคดี พร้อมชี้แจงให้นานาชาติเชื่อมั่นในระบบยุติธรรมของไทย "นาม"แจงไม่เคยจ่ายสินบนเรื่องอายัดทรัพย์ให้ใคร ตอก "วิชิต" พูดหวังผลทางการเมือง

วานนี้ (15 ส.ค.) เวลา 10.30 น. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง นายทองหล่อ โฉมงาม ผู้พิพากษาอาวุโสเจ้าของสำนวนพร้อมองค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 คน ออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนพยานจำเลยครั้งที่ 3 คดีหมายเลขดำที่ อม.1/2550 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้องพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานทุจริตซื้อขายที่ดินย่านรัชดาภิเษก มูลค่า 772 ล้านบาท ตามประมวลกฎหมายอาญา 152 , 157 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พ.ศ.2542 มาตรา 4, 100 และ 122

ศาลดับฝัน "เล่ห์แม้ว" ขอจำหน่ายคดี

โดยก่อนเริ่มการพิจารณา นายคำนวณ ชโลปถัมภ์ และนายอเนก คำชุ่ม ทนายความ และทีมทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ได้ยื่นคำร้องต่อศาลว่าจำเลยทั้งสองทำหนังสือแจ้งให้ทนายจำเลยทั้งสองทราบว่า จำเลยทั้งสองไม่ประสงค์จะให้ทนายความที่จำเลยทั้งสองแต่งตั้งดำเนินคดีแทนจำเลยทั้งสองต่อไป ทีมทนายจำเลยจึงขอถอนตัวออกจากการเป็นทนายความจำเลยทั้งสอง และเนื่องจากจำเลยทั้งสองไม่เดินทางมาศาล เพราะได้เดินทางไปพำนักต่างประเทศแล้ว จำเลยทั้งสองจึงยังไม่เข้ามาอยู่ในอำนาจศาล ขอให้ศาลจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ โจทก์ได้รับคำร้องแล้วแถลงว่าขอให้อยู่ในดุลยพินิจของศาล โดยศาลใช้เวลาพิจารณาคำร้องประมาณ 1 ชั่วโมงจึงเสร็จสิ้น พร้อมออกนั่งบัลลังก์อ่านคำสั่งให้คู่ความทราบเบื้องต้นว่า

ศาลไม่อนุญาตให้ทนายจำเลยทั้งสองถอนตัวออกจากการเป็นทนายจำเลยคดีนี้ และไม่อนุญาตให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ เนื่องจากเห็นว่าจำเลยทั้งสองยังอยู่ในอำนาจศาล แต่นายอเนก ทนายความ แถลงโต้แย้งโดยเกรงว่าจะผิดมรรยาททนายความที่จะทำหน้าที่ซักถามโดยที่ตัวลูกความไม่ประสงค์จะให้ดำเนินคดีแทน โดยนายทองหล่อ ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน ชี้แจ้งว่า ศาลไม่อนุญาตให้ทนายความถอนตัวแล้ว และมีคำสั่งให้นำพยานที่เตรียมไว้จำนวน 5 ปาก เข้าเบิกความทันที

เดินหน้าไต่สวนพยานจำเลย

สำหรับพยานที่เข้าเบิกความประกอบด้วย นายทร ชาวพิจิตร เจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีกระทรวงยุติธรรม เบิกความในประเด็น การนำทรัยพ์สินออกขายทอดตลาด สรุปว่า แต่เดิมการขายทรัพย์สินต้องขายให้ได้สูงกว่าราคาประเมิน แต่ขายไม่ออก ต่อมาจึงมีการเปลี่ยนหลักเกณฑ์การกำหนดราคาขายให้ลดลงเหลือ 80 เปอร์เซ็นต์ ของราคาประเมิน หากยังขายไม่ได้ในการขายครั้งที่ 2 หากมีผู้เสนอราคาเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ของราคาประเมิน ก็สามารถขายได้ แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับความยินยอมของลูกหนี้ ซึ่งเป็นเจ้าทรัพย์ให้ความยินยอมด้วย

ต่อมานางวิบูลย์เพ็ญ หิตะพันธ์ เจ้าหน้าที่ตรวจเงินแผ่นดิน 9 สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินของรัฐสภา (สตง.) เข้าเบิกความในประเด็นการตรวจสอบบัญชีรายรับ รายจ่าย ของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาสถาบันการเงิน และธนาคารแห่งประเทศไทย น.ส.มาลี แม้นมินทร์ รองผู้อำนวยการสำนักผังเมือง กรุงเทพมหานคร ขึ้นเบิกความในประเด็น การควบคุมการก่อสร้างอาคารสูงในที่ดินย่านรัชดาภิเษก ที่ก่อนการซื้อขายห้ามสร้างอาคารสูงเกิน 9 ชั้น แต่ภายหลังจำเลยซื้อที่ดินแล้ว มีการเปลี่ยนแปลงอนุญาตให้สร้างตึกสูงได้

จากนั้น นางพวงทิพย์ ปรมาพจน์ ผู้อำนวยการธนาคารแห่งประเทศไทย เข้าเบิกความ การปรับลดราคาที่ดินพิพาท และการเปลี่ยนแปลงการลงบันทึกในระบบบัญชี สุดท้าย นางวิไลวรรณ ศศานนท์ เจ้าหน้าที่ สตง. เข้าเบิกความจนเสร็จสิ้นแล้ว ศาลแจ้งให้คู่ความทราบว่า ศาลจะใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที เพื่อประชุมองค์คณะ และมีคำสั่งเกี่ยวกับคำร้องที่ทนายจำเลยยื่นวันนี้ และให้คู่ความรอฟังคำสั่งในรายงานกระบวนการพิจารณา

"ทนายแม้ว" เมินไม่ทำงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ทนายจำเลยถอนตัว และสั่งให้ดำเนินการไต่สวนพยานที่เตรียมมาให้เสร็จสิ้น ระหว่างที่ไต่สวนศาลเปิดโอกาสให้ทนายความจำเลยซักถามพยาน ซึ่งฝ่ายจำเลยเป็นผู้จัดเตรียมมาตามบัญชีนัดพยาน แต่ปรากฏว่า นายเอนก ซึ่งเป็นทนายที่ขึ้นว่าความ กลับไม่ใช้โอกาสที่จะซักถามพยานเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงอย่างเต็มที่เหมือนการไต่สวนพยานจำเลยที่ผ่านมาช่วงก่อนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน จะหลบหนีไปที่ประเทศอังกฤษ โดยการไต่สวนศาลจึงเป็นผู้ซักถามพยานแทน ขณะที่อัยการโจทก์ กลับใช้โอกาสซักค้านพยานจำเลยอย่างเต็มที่

ศาลชี้หลบหนีสละสิทธิไม่ต่อสู้

ต่อมาเวลา 12.00 น. องค์คณะผู้พิพากษาออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำสั่ง และรายงานกระบวนการพิจารณา โดยได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้จำเลยทั้งสองได้มารายงานตัว และให้การต่อศาลแล้ว โดยได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างพิจารณา และศาลได้อนุญาตให้พิจารณาลับหลังจำเลยทั้งสองได้ตามที่จำเลยทั้งสองร้องขอ ตามข้อกำหนดเกี่ยวกับการดำเนินคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2543 ข้อ 10 จำเลยทั้งสองจึงได้เข้ามาอยู่ในอำนาจของศาลแล้ว แม้ต่อมาจำเลยทั้งสองไม่มาศาล ศาลก็มีอำนาจที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อไปได้

การที่จำเลยทั้งสองหลบหนีไม่มาศาล ย่อมต้องถือว่าจำเลยทั้งสองสละสิทธิในการต่อสู้คดีเอง กรณีจึงไม่มีเหตุที่ศาลจะสั่งจำหน่ายคดีเพื่อให้ได้ตัวจำเลยทั้งสองมาศาลก่อนจึงจะดำเนินกระบวนพิจารณาคดีได้แต่อย่างใด ส่วนการที่ทนายจำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอถอนตัวออกจากการเป็นทนายจำเลยทั้งสอง โดยอ้างว่าจำเลยทั้งสองไม่ประสงค์จะให้ทนายความดังกล่าวดำเนินคดีแทนจำเลยทั้งสองต่อไปนั้น ศาลมีอำนาจหน้าที่ในการไต่สวนแสวงหาพยานหลักฐานเพื่อค้นหาความจริงตามเนื้อหา แม้จำเลยทั้งสองจะไม่มีทนายความศาลก็สามารถดำเนินการไต่สวนตามพยานหลักฐานไปได้

สำหรับการขอถอนตัวจากการเป็นทนายความตามคำร้องของทนายจำเลยทั้งสองดังกล่าว ก็เห็นได้ว่าเป็นการมุ่งประสงค์เพียงให้ศาลหยุดการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีนี้ไว้ อันเป็นการฝ่าฝืนต่อเจตนารมณ์ของการจัดตั้งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงไม่อนุญาตให้ทนายจำเลยทั้งสองถอนตัวจากการเป็นทนายความของจำเลยทั้งสอง

สั่งทนายนำ"วราเทพ"มาไต่สวน

ส่วนที่ ทนายจำเลยทั้งสองยื่นคำร้องว่าไม่ติดใจไต่สวนพยานที่เหลือ คือนายวราเทพ รัตนากร , กรรมการผู้จัดการบริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) , นายวิรัช กุลเพชรประสิทธิ์ , น.ส.หนึ่งหทัย วงษ์ทอง และนายวสันต์ เทียนหอม นั้น ศาลเห็นว่าคดีนี้เป็นระบบไต่สวนที่ศาลจะต้องค้นหาความจริงให้ได้ว่า มีการกระทำผิดเกิดขึ้นและจำเลยทั้งสองเป็นผู้กระทำผิดหรือไม่ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จึงเห็นสมควรให้มีการไต่สวนพยานดังกล่าวต่อไป และให้เลื่อนนัดไต่สวนพยานจำเลยทั้งสองไปเป็นในวันที่ 19 ส.ค. นี้ เวลา 09.30 น. ให้ทนายจำเลยทั้งสอง ติดตามพยาน รวมทั้งนายวราเทพ รัตนากร มาเบิกความในวันดังกล่าวด้วย

ทีมทนายยันไม่ได้ถอดใจ

ภายหลัง นายคำนวณ ชโลปถัมป์ ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน กล่าวยืนยันว่า การยื่นคำร้องขอถอนตัวจากการเป็นทนายความคดีนี้ ไม่ได้เป็นเพราะถอดใจ และไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ลูกความไม่เชื่อในกระบวนการยุติธรรม เมื่อศาลไม่อนุญาตให้ถอนตัวก็ไม่หนักใจ เพราะในฐานะทนายความก็ยังมีหน้าที่ต้องทำให้ข้อเท็จจริงมาสู่ศาลมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

"การยื่นคำร้องเป็นสิทธิส่วนตัวของลูกความ เมื่อแต่งตั้งใครมาเป็นทนายความแก้ต่างให้ก็มีสิทธิที่จะถอนได้ แต่เมื่อศาลมีคำสั่งไม่อนุญาต เราก็ต้องทำตามคำสั่งศาล ซึ่งจะแจ้งเรื่องนี้ให้ลูกความทราบต่อไป"นายคำนวณ กล่าว

ขณะที่นายเอนก คำชุ่ม ทนายความจำเลยอีกคน กล่าวยืนยันเช่นกันว่ายังไม่ถอดใจ การดำเนินคดีก็ต้องว่ากันไปตามข้อเท็จจริง และเอกสารซึ่งฝ่ายจำเลยได้เสนอศาลไปหมดแล้ว ส่วนที่ศาลไม่อนุญาตตามคำร้องของจำเลยในฐานะทนายความก็ถือว่าทำหน้าที่ได้เท่าที่จะทำได้ และดีที่สุดแล้ว ซึ่งพยานที่จะเตรียมเข้านำสืบในวันที่ 19 ส.ค.นี้ ยังเหลืออีกประมาณ 7 ปาก อาทิ นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธปท. ส่วนนายวราเทพ รัตนากร อดีตรมว.คลัง ที่ครั้งแรกจำเลยไม่ติดใจที่จะนำตัวมาไต่สวนเพราะเห็นว่ามีข้อเท็จจริงเพียงพอแล้ว แต่เมื่อศาลมีคำสั่งให้ทนายความติดตามพยานมาเบิกความให้ครบถ้วน ทีมทนายความก็จะประชุมหารือกันอีกครั้ง และจะแถลงให้ศาลทราบในนัดหน้า

"ผมไม่น้อยใจ ผมเป็นทนายอาชีพ อยู่ตรงไหนก็ได้ ไม่ได้ทำเรื่องเดียว แต่เราทำกันหลายเรื่อง ทนายทุกคนทำตามวิชาชีพตามที่ได้รับมอบหมาย เสร็จจากคดีนี้ก็ไปทำคดีอื่น ถือเป็นเรื่องปกติไม่มีอะไร" นายอเนก กล่าว พร้อมกับปฏิเสธว่าการยืนคำร้องขอถอนตัวและศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตเพราะเห็นว่าเป็นการมุ่งประสงค์ให้ศาลหยุดการพิจารณาคดี ว่าไม่มีทนายความคนใดทำผิดมรรยาท และไม่มีใครขัดขวางกระบวนการยุติธรรมทั้งสิ้น

ส่วนเรื่องที่จะยื่นคำให้การของจำเลยทั้งสองเป็นลายลักษณ์อักษรแทนการเข้าเบิกความหรือไม่นั้น นายเอนก กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ในชั้นคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ได้เคยยื่นคำให้การของพ.ต.ท.ทักษิณ ไว้แล้ว และในชั้นศาลด้วย อย่างไรก็ดี ทีมทนายความจะต้องหารืออีกครั้ง ซึ่งจะมีความชัดเจนในวันไต่สวนพยานจำเลยวันที่ 19 ส.ค.นี้

คดียึดทรัพย์รอ"อสส."ลงนาม

ด้าน นายเศกสรรค์ บางสมบุญ หัวหน้าคณะทำงานอัยการรับผิดชอบว่าความคดีนี้ กล่าวถึงการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน จากประเทศอังกฤษ เป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยว่า เมื่อศาลยังไม่มีคำสั่งให้อัยการนำตัวทั้งสองกลับมาดำเนินคดี โดยสั่งเพียงให้ดำเนินกระบวนการไต่สวนต่อไป อัยการก็จะยังไม่ดำเนินการเรื่องนี้ แต่จะรายงานกระบวนพิจารณาคดีนี้ให้ นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุดรับทราบ โดยเรื่องการติดตามตัวหากศาลมีคำสั่งเมื่อใด อัยการก็จะดำเนินการทันที

ส่วนคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะนี้ได้เสนอคำฟ้องให้อัยการสูงสุดพิจารณาแล้ว รอเพียงการลงนามในคำฟ้องเท่านั้น

"การดำเนินคดีที่อยู่ในความรับผิดชอบ อัยการสูงสุดไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ เพราะมีคณะทำงานอยู่แล้ว แต่ได้ให้คำแนะนำว่าให้ดำเนินคดีด้วยพื้นฐานความยุติธรรม และความเป็นธรรมตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ ซึ่งคณะทำงานอัยการก็จะทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายอย่างดีที่สุด" นายเศกสรรค์ กล่าว

จี้ อสส.เร่งนำตัว "แม้ว" มาดำเนินคดี

นายถาวร เสนเนียม ประธานคณะทำงานด้านกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่ารัฐบาลไม่มีอะไรต้องชี้แจงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ออกแถลงการณ์ตอบโต้ศาลยุติธรรม เป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับรัฐบาลว่า เป็นการพูดแบบไม่รับผิดชอบ และเป็นการปกป้องนาย ไม่ใช่การพูดในฐานะเป็นผู้ใช้อำนาจบริหารแทนประชาชน จึงขอให้นายชูศักดิ์ กลับไปคิดใหม่และเร่งดำเนินการชี้แจง ไม่เช่นนั้นแล้วประเทศชาติก็จะไม่ได้รับความเชื่อถือ

ทั้งนี้ เห็นว่ารัฐบาลมีหน้าที่ต้องชี้แจงแล้ว ยังมีหน้าที่ต้องนำตัวพ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย เพื่อเป็นเยี่ยงอย่างกับคดีอื่นๆด้วย

นายถาวร กล่าวว่า ถ้าตนเป็นอัยการสูงสุด จะรีบประสานงานกับกระบวนการยุติธรรมของประเทศอังกฤษ เพราะพิจารณาดูแล้วเข้าลักษณะที่สามารถจะส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนได้ และต้องเร่งดำเนินการให้เห็นว่ารัฐบาลของไทยเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ อย่าเอาเยี่ยงอย่างเหมือน นายปิ่น จักกะพาก นายราเกซ สักเสนา และนายเอกยุทธ อัญชันบุตร และอย่างปล่อยให้คดีดังกล่าวหมดอายุความไป

ต่อข้อถามว่า คิดว่ากระบวนนำตัวกลับมายากจริงอย่างที่ฝ่ายรัฐบาลบอกไว้หรือไม่ นายถาวร กล่าวว่า ไม่ยาก อยู่ที่การเอาจริงเอาจัง ไม่ใช่ชกมวยแบบล้มมวยต้มคนดู ขอให้ศึกษาข้อกฎหมายให้ชัดเจนและเอาจริงเอาจัง ถ้าแค่ทำหนังสือส่งไปทางไปรษณีย์แล้วนั่งคอย ไม่รู้ว่าเมื่อไรเขาจะตอบมา อย่างนี้คงต้องรอชาติหน้า

"อำนาจของอัยการสูงสุดเป็นการใช้อำนาจแทนรัฐ ไม่ใช่อำนาจที่คุณสอบได้มา การเอาบุคคลที่กระทำความผิดมาอยู่ในเงื้อมมือของรัฐ เป็นอำนาจของรัฐที่เขามอบให้คุณในฐานะสอบเป็นข้าราชการอัยการ และต้องทำหน้าที่นี้ให้สมกับอำนาจหน้าที่ เพราะรับเงินเดือนสูงกว่าข้าราชการธรรมดา เนื่องจากเป็นหน้าที่ที่สำคัญ เพราะฉะนั้นเมื่ออำนาจของอัยการสูงสุดมีมาก ก็ต้องทำหน้าที่ให้เข้มข้น" นายถาวร กล่าว

จี้รัฐบาลชี้แจงนานาประเทศ

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีพ.ต.ท.ทักษิณไปกล่าวร้ายว่า ระบบศาลยุติธรรมในประเทศไทยไม่ได้มาตรฐาน เชื่อถือไม่ได้ ถูกแทรกแซง อย่างนี้ถือเป็นการทำร้ายประเทศไทยที่รุนแรง ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ควรทำ และเป็นหน้าที่รัฐบาลที่จะต้องดำเนินการแก้ไขภาพพจน์เรื่องนี้ ต้องชี้แจงให้ชาวโลกเข้าใจ และที่นายเตช บุนนาค รมว.ต่างประเทศ ทำไปนั้น ถูกต้องแล้ว แต่รัฐบาลเองต้องชัดเจนในเรื่องนี้ ต้องทำให้นานาประเทศเข้าใจว่า ระบบศาลยุติธรรมของเรามีมาตรฐาน

"ผมแปลกใจว่า เมื่อคุณทักษิณ เป็นฝ่ายชนะในคดี คุณทักษิณไม่พูดหรือวิพากษ์วิจารณ์ศาลอย่างนี้เลย แต่พอเห็นว่าตัวเองจะถูกลงโทษ ก็เลยออกมาพูด อย่างนี้ก็เสียหายกับศาลมาก และเสียหายกับประเทศไทยมาก ต่อไปใครจะกล้ามาประเทศไทย ถ้ารู้สึกว่าระบบศาลของเราไม่ยุติธรรม" นายสุเทพ กล่าว

"วิชิต"อ้าง คมช.จะได้รับสินบน

นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ตนมีข้อสงสัยในการออกระเบียบสินบน 25 เปอร์เซ็นต์ ของ คตส.ว่าทำไมต้องออกระเบียบนี้ และทำไมต้องอายัดทรัพย์ครอบครัวชินวัตร และดามาพงษ์ เป็นเงินกว่า 7 หมื่นล้านบาท และการที่ตนสงสัยก็มีที่มาคือ ทรัพย์สินที่คตส.ไปยึดมา ที่เป็นเงินสดในธนาคาร ถือเป็นทรัพย์ทำมาหากินมาแต่ดั้งเดิม ของตระกูลชินวัตร และดามาพงษ์ ไม่ใช่เป็นความร่ำรวยผิดปกติ หรือไม่ฉ้อโกงเขามา

"ทุกคนคงเข้าใจว่า การให้อำนาจกับ คตส.ในการอายัดของพ.ต.ท.ทักษิณ ก็เป็นคำสั่งของคณะปฏิวัติ แต่เมื่อดูทั้งหมดแล้ว ไม่มีข้อความตรงไหนที่บอกให้ คตส.ไปออกระเบียบเอง โดยให้สินบนกับผู้ชี้เบาะแส ถึง 25 เปอร์เซ็นต์ ที่ยึดไป76,000 ล้านบาท คิดเป็นตัวเลขแล้ว ประมาณ 19,000 ล้าน ใครจะรับสินบน และทำไมมันมากมายขนาดนี้"

นายวิชิต กล่าวว่า ที่ตนสงสัยมากที่สุด และอยากถามนายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. ว่า มีใครเข้ามาขอสินบน 25 เปอร์เซ็นต์นี้แล้วหรือไม่ เพราะผู้ที่แจ้งเบาะแส ทำได้ทั้ง 2 ทาง คือ เปิดเผยและไม่เปิดเผยชื่อ ถ้าชี้เบาะแสกับนายนาม โดยตรงไม่ต้องใช้สำเนาบัตรประชาชน แจ้งที่อยู่ เพียงแต่นายนาม ลงชื่อรับรอง ว่าเป็นผู้ชี้เบาะแส ก็มารับได้ ทั้งที่แสดงตนและไม่แสดงตน

"ที่สำคัญได้รับกระแสข่าวว่า มีคนใน คมช.ไปพูดว่า ตนเองกำลังจะรวยแล้ว มีคนประเภทนี้รึเปล่าที่มาชี้เบาะแส อยากถามคุณนาม อย่างตรงไปตรงมา" นายวิชิต กล่าว

"นาม"ยันยังไม่มีใครได้รับสินบน

นายนาม ยิ้มแย้ม อดีตประธาน คตส. กล่าวถึงกรณีที่นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ที่ปรึกษากฎหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ ระบุพาดพิงถึง คตส.ในการอายัดทรัพย์พ.ต.ท.ทักษิณ จำนวน 7.6 หมื่นล้านบาท ว่า เรื่องเหตุผลในการออกคำสั่งขอยึดอายัดทรัพย์นั้น ทาง คตส.ได้ชี้แจงไปนานแล้วว่า มีความจำเป็นอย่างไร ส่วนเรื่องข้อสงสัยในเรื่องการออกระเบียบว่าด้วยการจ่ายสินบนร้อยละ 25 ของ คตส. ที่ออกมาพาดพิงว่ามีคนรับสูงถึง 1.9 ล้านบาท ก็ขอชี้แจงให้เข้าใจว่า กรรมการ คตส. ตลอดจนเจ้าหน้าที่ของ สตง. และผู้ที่มาช่วยงาน คตส. ทั้งหมดไม่มีสิทธิได้รับสินบนดังกล่าว คนนอกที่รู้เบาะแสแล้วแจ้งข้อมูลถึงทรัพย์ที่ผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดไปซุกซ่อนไว้ถึงจะมีสิทธิได้รับ โดยมีข้อแม้ว่า คดีทางชั้นศาลต้องถึงที่สุดแล้วเท่านั้น และจนถึงปัจจุบันตนก็ไม่เคยเซ็นต์จ่ายให้ใคร แม้แต่รายเดียว เพราะคดีที่ คตส.ส่งฟ้อง หรืออัยการส่งฟ้องยังไม่ถึงที่สุดสักคดี

ทั้งนี้ สาเหตุที่เราต้องออกระเบียบว่าด้วยสินบนเพราะขณะนั้น ไม่มีใครให้ข้อมูลกับ คตส. และยืนยันว่าข้อมูลที่ คตส.มีคำสั่งให้อายัดทรัพย์นั้น ก็เป็นการทำงานหนักของเจ้าหน้าที่ สตง. ที่แกะรอยตามเส้นทางการเดินของเงินที่ฝากตามธนาคารและสั่งจ่ายทางเช็ค ไม่เคยมีใครกล้าแจ้งเบาะแสเรื่องทรัพย์ต่อ คตส.เลยสักราย

"การออกมาพูดของเขา ก็สักแต่ว่ามีปากก็พูดไป โดยไม่รับผิดชอบต่อคำพูด เที่ยวพูดสร้างความเสียหายให้ด้วยการดิสเครติด แม้จะเป็นนักกฎหมายก็ไม่ใช่ว่าจะพูดจากขาวให้เป็นดำ หรือจากดำให้เป็นขาวได้เสียเมื่อไหร่ การจะพูดจาต้องมีหลักมีฐานพูดอย่างนี้มันเข้าทำนองว่า หวังผลประโยชน์ทางการเมือง"นายนาม กล่าว

นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตกรรมการ คตส. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตั้งแต่คตส.สอบคดีต่าง ๆ มาไม่เคยมีผู้มาแจ้งเบาะแสเลย มีเพียงคดีการทุจริตบ้านเอื้ออาทร โดยเมื่อ คตส.เรียกผู้ที่มาแจ้งเบาะแสให้มาเซ็นชื่อรับรอง เจ้าตัวกลับไม่มา ทราบมาว่ามีปัญหากับพ่อตา ส่วนในคดีการอายัดทรัพย์ 6.9 หมื่นล้านบาทนั้น ก็เป็นเรื่องที่คุณหญิง จารุวรรณ เมณฑกา ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการติดตามบัญชีที่เกี่ยวข้องกับเงิน 7.3 หมื่นล้านบาทในการขายหุ้นชินคอร์ป ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน โดยได้ไล่ตามบัญชี ซึ่งเป็นเรื่องการใช้อำนาจหน้าที่ ไม่ใช่การชี้เบาะแส จึงไม่มีผู้ได้รับสินบนแต่อย่างใด ดังนั้นจึงไม่ทราบว่าจะเอาเงินสินบนไปให้หมาที่ไหน
กำลังโหลดความคิดเห็น