ประธาน กกต.เผยทำความเห็นยุบพรรคพลังประชาชน เรียบร้อยแล้ว ใช้มาตรฐานเดียวกับยุบชาติไทย-มัชฌิมาฯ เตรียมประชุม กกต.เพื่อลงมติ 19 ส.ค.นี้ ด้าน"หมัก" เพิ่งรู้มีคนเกลียดเยอะ ระบุทุกพรรคตายหมู่ เพราะรัฐธรรมนูญ สบถลั่น อะไรวะ! แค่ทำกับข้าวต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ ด้วย "สุเทพ" มั่นใจปชป.ไม่ถูกยุบ เพราะเงื่อนไขไม่เหมือนกัน ขณะที่"วิฑูรย์" ก็มั่นใจว่าไม่มีใบแดง
วานนี้ (15 ส.ค.) นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง กล่าวว่า หลังจาก คณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณียุบพรรคพลังประชาชน ได้สรุปสำนวนและเสนอรายงานผลการสอบสวนมาให้แล้ว ขณะนี้ตนได้ทำความเห็นกรณีเสนอยุบพรรคพลังประชาชนเสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งทำสำเนาแจกให้ กกต. ทุกคนแล้ว โดยจะนำเข้าพิจารณาในที่ประชุม กกต.วันที่ 19 ส.ค. เวลา 09.30 น. คาดว่า จะสามารถลงมติได้เลย
อย่างไรก็ตาม ในส่วนความเห็นของนายทะเบียนพรรคการเมือง ตนคงยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ถือเป็นความลับ แต่ยอมรับว่า เป็นไปอย่างที่สื่อมวลชนเสนอข่าว ก่อนหน้านี้
ส่วนความคืบหน้าในการเสนอยุบพรรคชาติไทย และมัชฌิมาฯนั้น ขณะนี้ถือว่าพ้นจากความรับผิดชอบของกกต.แล้ว อยู่ในชั้นของอัยการสูงสุด ซึ่งขั้นตอนนี้กฎหมาย ไม่ได้กำหนดว่าให้ใช้เวลาเท่าใด และที่ยังไม่มีการเสนอเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ จะเป็นการถ่วงเวลาขอองอัยการสูงสุดหรือไม่ สื่อต้องไปถามเอาเอง
นายสุเมธ อุปนิสากร กกต. ด้านการมีส่วนร่วม เปิดเผยว่าในการประชุมวันที่ 19 ส.ค. น่าจะลงมติได้ เพราะส่วนตัวก็มองว่าเรื่องไม่ได้มีอะไรซับซ้อน เพียงแต่นายทะเบียนพรรคการเมือง แจ้งรายละเอียดให้ทราบ เพื่อขอมติจากที่ประชุม เหมือนกับกรณีที่มีการยุบพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตยที่ผ่านมา หากประธาน กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง เห็นควรจะส่งเรื่องดังกล่าวให้อัยการสูงสุด ก็ขอมติจาก กกต. ทั้ง 4 คน โดยเป็นความเห็นชอบจาก กกต. แต่หากกกต.ทุกคนฟังและพิจารณาแล้วไม่เห็นด้วย ประธาน กกต.ก็จะไม่ส่งอัยการสูงสุด ทั้งนี้เมื่อเรื่องไปถึงอัยการสูงสุดแล้ว หากอัยการไม่เห็นด้วยกับที่กกต.เสนอ ก็ต้องตั้งคณะทำงานร่วม 2 ฝ่ายมาศึกษาเหมือนกรณียุบพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย
"หมัก" ยอมรับไม่ฉลาดเหมือน "แม้ว"
ด้าน นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้กล่าวสุนทรพจน์ แสดงวิสัยทัศน์ เรื่อง"วิสัยทัศน์ประเทศไทย สู่ปี 2570" โดยในตอนหนึ่งนายสมัคร ได้กล่าวถึงปัญหาการเมืองเกี่ยวกับเรื่องยุบพรรค ว่า รัฐธรรมนูญที่ทำไว้นั้น เป็นกับดัก ที่จะต้องทำใหม่ เพื่อจะจัดการการเมืองที่เขาไม่ต้องการให้อยู่ และคนที่ไม่อยากให้อยู่ เขาไม่อยู่แล้ว แต่คนที่อยู่นั้นจะเอาไปผูกพัน พัวพัน ตนบอกว่าไม่ได้ มันคนละคน มันคนละความคิด คนละสถานะความร่ำรวย มันคนละวิสัยทัศน์
"เวลานี้เป็นหน้าที่ของพวกผม เราพร้อมที่จะเดินหน้าต่อไป มันดูกระโดกกระเดก ดูขี้ริ้ว ขี้เหร่ ผมชอบใช้คำนี้ แล้วหนังสือพิมพ์ก็นำไปเทียบเคียง แน่นอนครับผมไม่ใช่คนปราดเปรื่องไม่ใช่คนคิดเหมือนายกรัฐมนตรีคนก่อน แต่ผมอยู่ในแวดวงการเมืองมาค่อนชีวิต ผมเห็นได้ความเป็นมา ความเป็นไป ผมรู้ว่าอะไรควรทำ อะไรควรเว้น และเมื่อต้องมารับหน้าที่ ผมไม่อวดศักดามาแสดงวิสัยทัศน์ ไม่ครับ บางสิ่ง บางอย่างที่ผมคิดไม่ค่อยมีใครรู้" นายสมัคร กล่าวและ ว่าตอนที่ตนเองเป็นรมว.มหาดไทย เมื่อ 32 ปีที่แล้ว ดังทั้งประเทศไทย
อะไรวะ!แค่ทำกับข้าวต้องพ้นตำแหน่ง
นายสมัคร กล่าวว่า วันนี้ไม่ใช่การร้องขอ แต่เป็นการบอกว่ารัฐบาลนี้จะเดินหน้าไปได้ไกลแค่ไหนไม่ทราบได้ 2-3 วันข้างหน้า อาจจะมีคนที่ไม่ชอบรัฐบาล ที่นำโดยพรรคพลังประชาชน จะยุบพรรคซะเลยก็ได้ ก็จบ หรือเขาต้องการจะบอกว่าการจัดรายการ "ชิมไปบ่นไป" มันเสียหายกับบ้านเมือง บ้านเมืองจะต้องล่มสลาย เพราะไอ้ไปทำกับข้าว
"ทำเมื่อวันที่ 6 ก.พ. ทำไว้แล้ว เอามาออกอากาศ ตรงนั้นแหละ เป็นความผิด ผมเห็นเอกสารเมื่อวาน หนาเกือบ 2 นิ้ว สอบกันโอ่โห ผมเพิ่มรู้ว่า คนเกลียดผม เขียนจดหมายลงไป อ้างกันถึงชาร์ลส์ เดอโกลด์ อ้างใครต่อใคร คือ หมายความว่า ผมมีนิสัยทุจริต มีความคิดที่ต้องการจะเอาสถานะของตัวไปโฆษณาหากิน ผมทำมา 7 ปีแล้วไม่เคยคิดอะไร สัญญาไม่เคยเซ็น อะไรไม่เคยเกี่ยวข้อง เขาชอบ เขาชวนไป เราเป็นคนดัง เขาก็ชวนไปทำกับข้าว ไม่เคยคิดอะไรอื่นเลย แต่ไปอ่านรายงานแล้ว โอ้โห ดูแล้วมันน่ากลัว ท่านเผลอไปเผลอมา เดี๋ยวท่านทั้งหลายบอก อะไรว่ะ แค่ทำกับข้าวเท่านั้น ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เขาจะเอากันให้พ้น ผมเล่าให้ฟังตรงนี้ไว้ เพราะไม่ใช่เครื่องต่อรอง"นายสมัครกล่าว
เย้ย"หอกทมิฬ แทงทมิฬ"
นายสมัคร กล่าวว่า หากเสร็จเรียบร้อยเขาจะบอกว่า รื้อไป ยุบพรรคพลังประชาชน ก็หมด เขาเขียนว่า ยุบพรรคเราต้องโดนด้วย เมื่อก่อนไม่มี เมื่อก่อนนี้ทำผิดให้ใบแดงอันเดียว แต่บัดนี้มี วรรค 2 ถ้ากรรมการบริหารโดน ทั้งพรรคก็โดน เขียนไว้อย่างนี้ เพื่อต้องการอะไร ก็ต้องการล่า 2 คน คนหนึ่งอยู่ 111 ไม่ปรากฏตัวเลือกตั้ง ก็รอดไป ไอ้คนนี้ไปอยู่เมืองนอก ไม่อยู่ 111 ลงเลือกตั้งได้ ก็โดนประกบ ตั้งแต่ก่อนสมัครเลือกตั้ง ยาวกันตลอดมา ก็เอาไอ้คนนี้ให้ได้ปั๊บ ก็ยุบยุบพรรคพลังประชาชน
"แต่บังเอิญ หอกทมิฬ แทงทมิฬ ดำเนินการไป ชาติไทย มัชฌิมาฯ ก็โดนด้วย ไปๆมาๆ เพื่อแผ่นดินก็โดนด้วย 2-3 วันนี้ เขาบอกประชาธิปัตย์จะโดนด้วย แล้วตกลงประเทศไทยจะเป็นยังไง ถ้ามันต้องยุบกันหมด ใครมันจะเหลือ การเมืองยังไง นี่มันหอกทมิฬ แทงทมิฬ" นายสมัครกล่าว และว่าส่วนไอ้ที่เขาบอก ออกกฎหมายว่าจะปลุกระดมต้องขออนุญาตก่อน ไม่ได้คิดเองหรอก พวกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เขาทำเอาไว้ เจตนาต้องการจะฆ่าแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ไอ้พวกที่ไปเย้วๆ ที่หน้าบ้านสี่เสา แต่ไอ้พวกนั้นเลิก นปก. เลิก ไอ้พวกไม่เลิก อยู่สะพานมัฆวาน พอจะออกฎหมายฉบับนี้เข้า โอ้ย หอกทมิฬจะไปแทงทมิฬ การเมืองเป็นอย่างนี้แหล่ะครับ แต่มันจะเป็นยังไงก็ได้ ไม่เป็นปัญหา เพราะผมเป็นพวกโลว์คอสต์แอร์ไลน์ ต้นทุนต่ำ ขาดทุนหน่อย หรือหยุดบินยังไง ไม่เป็นปัญหา ไม่มีปัญหาทั้งส่วนตัว ครอบครัว และเพื่อนพ้องทั้งหลาย วันนี้ขอบคุณที่นั่งฟังนายกรัฐมนตรีที่มาแบบกระโดกกระเดก
ภายหลังการแสดงวิสัยทัศน์เสร็จสิ้น ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจคดียุบพรรคและคดี “ชิมไป บ่นไป” หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า บอกในการแสดงวิสัยทัศน์ไปแล้ว ไม่ขอพูดอีก พร้อมกับไล่ถามสื่อทีวีที่กำลังถ่ายอยู่ว่ามาจากช่องไหน อย่างอารมณ์ดี
เมื่อถามถึงท่าทีของรัฐบาลต่อแถลงการณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กล่าวให้ร้ายกระบวนการยุติธรรมไทย นายสมัคร ไม่ตอบคำถาม พร้อมกับเดินฝ่าวงผู้สื่อข่าวโบกมือขอทางขึ้นรถทันที
"สุเทพ"ยันไม่มีเหตุเรื่องยุบ ปชป.
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า เมื่อ กกต. มีมติยุบพรรคพลังประชาชนแล้ว คิวต่อไปจะยุบพรรคประชาธิปัตย์ว่า เรื่องนี้ข้อเท็จจริงไม่เป็นอย่างที่คนปั่นข่าวกันอยู่ ซึ่งข้อเท็จจริงที่ตนให้ฝ่ายกฎหมายไปดู คือมีผู้สมัครของพรรคคนหนึ่งเป็นลูกชายเจ้าของโรงหนัง และมีการโปรโมตกิจการของโรงหนังมาก่อนนานแล้ว ซึ่งผู้สมัครคนนี้ เดิมทีอยู่พรรคชาติไทยมาก่อน จนกระทั่งย้ายมาอยู่พรรคประชาธิปัตย์ และเมื่อมีกฤษฏีกา การเลือกตั้งผู้สมัครคนนี้ก็ไม่ได้ทำกิจกรรมนี้อีก นี่คือข้อเท็จจริง สมมุติว่า กกต.เห็นว่าการแจกตั๋วหนังก่อนมีการเลือกตั้งเป็นความผิด ก็เป็นความผิดของผู้สมัครคนนั้น ซึ่งก็ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค
ส่วนที่มีข้อกล่าวหาว่า เป็นความผิดของนายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.สัดส่วน ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าในภาคอีสาน และกรรมการบริหารพรรค ไม่ได้ร่วมในการกระทำความผิดเรื่องแจกตั๋วหนัง ดังนั้นจึงมองไม่เห็นว่าจะไปยุบพรรคประชาธิปัตย์ได้อย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูจากข้อกฎหมาย และหลักฐานมั่นใจว่าไม่ยุบพรรคหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า มั่นใจพรรคประชาธิปัตย์จะไม่ถูกยุบด้วยเรื่องนี้ เพราะได้มอบหมาบให้ นายถาวร เสนเนียม หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย ไปรวบรวมหลักฐาน จึงคิดว่า อนุกรรมการฯ มีความเห็นอย่างไร หรือเรียกไปชี้แจง เราก็จะเอาพยานหลักฐานรวมทั้งตัวบุคคลไปชี้แจง ถ้ากกต.ใหญ่พิจารณาก็พร้อมชี้แจง หรือเรื่องไปถึงศาลเราก็พร้อมจะสู้คดี
เมื่อถามว่า มีการวิเคราะห์หรือไม่ว่า ถ้าหากอนุกรรมการสอบสวน ระบุว่า ยุบพรรคพลังประชาชน และกกต.ใหญ่อาจยื่นตามนั้น จะส่งผลต่อสถานการณ์การเมืองถึงขั้นยุบสภา หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ได้วิเคราะห์อะไร หาก กกต.เห็นว่าสมควรส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรญนูญ เพื่อพิจารณายุบพรรคพลังประชาชน ซึ่งสื่บเนื่องมาจากกรณีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ซึ่งเป็นรองหัวหน้าพรรคที่กระทำความผิด และกรณีของนายยงยุทธ ก็แตกต่างกับกรณีของ นายวิฑูรย์ และถ้าพรรคพลังประชาชนถูกยุบ กรรมการบริหารพรรค ก็อาจถูกพิพากษาให้เว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี ส่วนสมาชิกคนอื่น ก็สามารถไปอยู่พรรคอื่นได้ และจำนวน ส.ส.พรรคพลังประชาชน ก็ยังมีมากพอที่จะไปร่วมพรรคอื่น จัดตั้งรัฐบาลได้
"ผมจึงไม่เห็นว่า การเมืองจะวุ่นวายอะไร ก็เป็นเรื่องปกติเท่านั้นเอง และคิดว่าถ้ากรณีที่กกต.มีมติให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย นายสมัคร ก็ไม่สามารถยุบสภาได้ เพราะจะเหมือนกับว่า ยุบสภาหนีปัญหา หนีความผิด และจะเป็นประเด็นทางการเมืองต่อไป ซึ่งผมไม่คิดว่าการยุบสภา จะเป็นทางออก อย่างไรก็ตาม ผมไม่คิดว่าพรรคการเมืองทั้งหมดถูกยุบ เพราะต้องว่าไปตามข้อเท็จจริง และอย่าไปคิดว่า การเมืองถึงทางตัน ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ถ้าพรรคที่ถูกยุบ สมาชิกพรรคก็ไปหาพรรคใหม่"นายสุเทพ กล่าว
เมื่อถามว่า คิดว่าเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ต่างประเทศ จะมีผลต่อพรรคที่เกิดใหม่ และพรรคพลังประชาชนหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า กรณีของพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเรื่องที่ต้องแยกพิจารณา ถึงแม้พ.ต.ท.ทักษิณ จะไปอยู่ต่างประเทศแล้ว แต่คงไม่หยุดเคลื่อนไหวทางการเมือง เพราะจดหมายที่ส่งมา บอกชัดเจนว่าจะสู้ทางการเมืองต่อไป ดังนั้น บ้านเมืองก็จะวุ่นวายเ พราะพ.ต.ท.ทักษิณต่อไป
ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณจะให้เงินให้ทองมาสนับสนุนพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง หรือหลายพรรคการเมือง ที่จะต้องแตกตัวไปตั้งพรรคในวันข้างหน้า หลังจากที่พรรคพลังประชาชนถูกยุบไปแล้วก็ยังจะยังส่งผลกับการเมืองอยู่
"ต้องยอมรับความจริงว่า พรรคไทยรักไทย หรือพรรคพลังประชาชน อยู่ด้วยการสนับสนุนของคุณทักษิณ และครอบครัวคุณทักษิณ ด้วยเงิน ด้วยทอง ของพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะฉะนั้นจะเปลี่ยนชื่อไปเป็นอย่างอื่น หรือจะแตกตัวไปเป็น 2-3 พรรค ก็ยังเป็นคุณทักษิณอยู่ดี”นายสุเทพกล่าว
ส่วนการเตรียมการของพรรคประชาธิปัตย์ หากถูกยุบพรรคนายสุเทพ กล่าวว่า เตรียมการเอาไว้ เผื่อว่ามีการยุบสภา หรือมีการเลือกตั้งใหม่ พรรคก็ต้องมีความพร้อม เพราะฉะนั้นตนก็ต้องเตรียมการเอาไว้ ให้พร้อม แต่ไม่ได้คิดว่าจะมีการยุบสภาในเร็วๆนี้ เพราะถ้าดูตามที่นายกฯ ประเทศไว้ว่าจะจัดงานวันแม่ถึงวันพ่อ 116 วัน ฉะนั้นถ้าจะมีเหตุการณ์ทางการเมืองเกิดขึ้นก็ควรจะเกิดขึ้นหลังงานเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
"วิฑูรย์" นำทีมแจงอนุฯ กกต.
ในวันเดียวกันนี้ นายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายศุภชัย ศรีหล้า นายวุฒิพงษ์ นามบุตร ส.ส. อุบลราชธานี เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ และ นายวิทวัส พันธ์นิกุล ผู้สมัคร ส.ส. เขตเดียวกัน พรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้าชี้แจงต่อ อนุกรรมการสืบสวนสอบสวนสำนวนร้องคัดค้านการทุจริตเลือกตั้ง โดยนายวิฑูรย์ ปฎิเสธข้อกล่าวหา ที่ระบุว่าได้จัดมหรสพ และมีการจัดฉายหนัง แจกตั๋วชมภาพยนตร์ เรื่องดังกล่าวนี้ไม่เป็นความจริง ตนยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้อง และก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว
"ข้อกล่าวหาของนายสมบัติ รัตโน เพื่อต้องการเชื่อมโยง ลากให้ผมเข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าว เพื่อให้โดนใบแดง ยืนยันในวันดังกล่าวมีเพียงการแนะนำตัวผู้สมัคร นโยบายของพรรคเท่านั้น ไม่ได้มีการฉายภาพยนตร์ อื่นใด แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้มี กกต.จังหวัด และสื่อมวลชนมาร่วมสังเกตการณ์ ที่ว่ามีการแจกตั๋วชมภาพยนตร์ ก็เป็นการนำตั๋วหนัง ตั้งแต่ปี 2518 มากล่าวอ้าง และเป็นช่วงก่อนที่นายวิทวัส พันธ์นิกุล ผู้สมัครของพรรคที่ไม่ได้รับเลือกตั้ง จะเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ โดยก่อนหน้านี้ นายวิทวัส เคยเป็นสมาชิกพรรคชาติไทย จึงขอยืนยันว่าไม่มีการแจกตั๋วหนังในช่วงที่พระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง" นายวิฑูรย์ กล่าว
ส่วนการที่ นายสมัคร สุนทรเวช ออกมาระบุว่า จะมีใบแดงนั้น ตนเห็นว่านายสมัคร เป็นผู้ใหญ่แล้ว อย่ามาตีโพยตีพาย อย่ามาพยากรณ์ และตัดสินองค์กรอื่นว่าจะวินิจฉัยอย่างไร เพราะชัดเจนว่าไม่มีการกระทำตามที่พรรคพลังประชาชนร้องมา ที่บอกว่ามีหลักฐานเด็ดนั้น ขอยืนยันว่า ไม่มีอะไรเด็ดแน่นอน เพราะความจริงมีเพียงเท่านี้
นายวิฑูรย์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งหลังการเข้าชี้แจงว่า สามารถชี้แจงได้ทุกประเด็น จึงมั่นใจว่าตนเอง และส.ส. เขต 1 จ.อุบลฯ ของพรรค จะไม่โดนใบแดงตามที่พรรคพลังประชาชนสร้างข่าวกดดัน กกต. อย่างแน่นอน
ด้านนายสุธน แสงสายัณห์ ประธานอนุกรรมการสอบข้อเท็จจริงตามคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งของนายวิฑูรย์ กล่าวว่า เรื่องนี้จะสรุปสำนวนได้ภายในสัปดาห์หน้า เพราะต้องใช้เวลาในการตรวจสอบสำนวนอีกครั้ง ว่าจะต้องมีการเชิญบุคคล หรือขอหลักฐานเพิ่มจากทั้งสองฝ่ายอีกหรือไม่
วานนี้ (15 ส.ค.) นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง กล่าวว่า หลังจาก คณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณียุบพรรคพลังประชาชน ได้สรุปสำนวนและเสนอรายงานผลการสอบสวนมาให้แล้ว ขณะนี้ตนได้ทำความเห็นกรณีเสนอยุบพรรคพลังประชาชนเสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งทำสำเนาแจกให้ กกต. ทุกคนแล้ว โดยจะนำเข้าพิจารณาในที่ประชุม กกต.วันที่ 19 ส.ค. เวลา 09.30 น. คาดว่า จะสามารถลงมติได้เลย
อย่างไรก็ตาม ในส่วนความเห็นของนายทะเบียนพรรคการเมือง ตนคงยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ถือเป็นความลับ แต่ยอมรับว่า เป็นไปอย่างที่สื่อมวลชนเสนอข่าว ก่อนหน้านี้
ส่วนความคืบหน้าในการเสนอยุบพรรคชาติไทย และมัชฌิมาฯนั้น ขณะนี้ถือว่าพ้นจากความรับผิดชอบของกกต.แล้ว อยู่ในชั้นของอัยการสูงสุด ซึ่งขั้นตอนนี้กฎหมาย ไม่ได้กำหนดว่าให้ใช้เวลาเท่าใด และที่ยังไม่มีการเสนอเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ จะเป็นการถ่วงเวลาขอองอัยการสูงสุดหรือไม่ สื่อต้องไปถามเอาเอง
นายสุเมธ อุปนิสากร กกต. ด้านการมีส่วนร่วม เปิดเผยว่าในการประชุมวันที่ 19 ส.ค. น่าจะลงมติได้ เพราะส่วนตัวก็มองว่าเรื่องไม่ได้มีอะไรซับซ้อน เพียงแต่นายทะเบียนพรรคการเมือง แจ้งรายละเอียดให้ทราบ เพื่อขอมติจากที่ประชุม เหมือนกับกรณีที่มีการยุบพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตยที่ผ่านมา หากประธาน กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง เห็นควรจะส่งเรื่องดังกล่าวให้อัยการสูงสุด ก็ขอมติจาก กกต. ทั้ง 4 คน โดยเป็นความเห็นชอบจาก กกต. แต่หากกกต.ทุกคนฟังและพิจารณาแล้วไม่เห็นด้วย ประธาน กกต.ก็จะไม่ส่งอัยการสูงสุด ทั้งนี้เมื่อเรื่องไปถึงอัยการสูงสุดแล้ว หากอัยการไม่เห็นด้วยกับที่กกต.เสนอ ก็ต้องตั้งคณะทำงานร่วม 2 ฝ่ายมาศึกษาเหมือนกรณียุบพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย
"หมัก" ยอมรับไม่ฉลาดเหมือน "แม้ว"
ด้าน นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้กล่าวสุนทรพจน์ แสดงวิสัยทัศน์ เรื่อง"วิสัยทัศน์ประเทศไทย สู่ปี 2570" โดยในตอนหนึ่งนายสมัคร ได้กล่าวถึงปัญหาการเมืองเกี่ยวกับเรื่องยุบพรรค ว่า รัฐธรรมนูญที่ทำไว้นั้น เป็นกับดัก ที่จะต้องทำใหม่ เพื่อจะจัดการการเมืองที่เขาไม่ต้องการให้อยู่ และคนที่ไม่อยากให้อยู่ เขาไม่อยู่แล้ว แต่คนที่อยู่นั้นจะเอาไปผูกพัน พัวพัน ตนบอกว่าไม่ได้ มันคนละคน มันคนละความคิด คนละสถานะความร่ำรวย มันคนละวิสัยทัศน์
"เวลานี้เป็นหน้าที่ของพวกผม เราพร้อมที่จะเดินหน้าต่อไป มันดูกระโดกกระเดก ดูขี้ริ้ว ขี้เหร่ ผมชอบใช้คำนี้ แล้วหนังสือพิมพ์ก็นำไปเทียบเคียง แน่นอนครับผมไม่ใช่คนปราดเปรื่องไม่ใช่คนคิดเหมือนายกรัฐมนตรีคนก่อน แต่ผมอยู่ในแวดวงการเมืองมาค่อนชีวิต ผมเห็นได้ความเป็นมา ความเป็นไป ผมรู้ว่าอะไรควรทำ อะไรควรเว้น และเมื่อต้องมารับหน้าที่ ผมไม่อวดศักดามาแสดงวิสัยทัศน์ ไม่ครับ บางสิ่ง บางอย่างที่ผมคิดไม่ค่อยมีใครรู้" นายสมัคร กล่าวและ ว่าตอนที่ตนเองเป็นรมว.มหาดไทย เมื่อ 32 ปีที่แล้ว ดังทั้งประเทศไทย
อะไรวะ!แค่ทำกับข้าวต้องพ้นตำแหน่ง
นายสมัคร กล่าวว่า วันนี้ไม่ใช่การร้องขอ แต่เป็นการบอกว่ารัฐบาลนี้จะเดินหน้าไปได้ไกลแค่ไหนไม่ทราบได้ 2-3 วันข้างหน้า อาจจะมีคนที่ไม่ชอบรัฐบาล ที่นำโดยพรรคพลังประชาชน จะยุบพรรคซะเลยก็ได้ ก็จบ หรือเขาต้องการจะบอกว่าการจัดรายการ "ชิมไปบ่นไป" มันเสียหายกับบ้านเมือง บ้านเมืองจะต้องล่มสลาย เพราะไอ้ไปทำกับข้าว
"ทำเมื่อวันที่ 6 ก.พ. ทำไว้แล้ว เอามาออกอากาศ ตรงนั้นแหละ เป็นความผิด ผมเห็นเอกสารเมื่อวาน หนาเกือบ 2 นิ้ว สอบกันโอ่โห ผมเพิ่มรู้ว่า คนเกลียดผม เขียนจดหมายลงไป อ้างกันถึงชาร์ลส์ เดอโกลด์ อ้างใครต่อใคร คือ หมายความว่า ผมมีนิสัยทุจริต มีความคิดที่ต้องการจะเอาสถานะของตัวไปโฆษณาหากิน ผมทำมา 7 ปีแล้วไม่เคยคิดอะไร สัญญาไม่เคยเซ็น อะไรไม่เคยเกี่ยวข้อง เขาชอบ เขาชวนไป เราเป็นคนดัง เขาก็ชวนไปทำกับข้าว ไม่เคยคิดอะไรอื่นเลย แต่ไปอ่านรายงานแล้ว โอ้โห ดูแล้วมันน่ากลัว ท่านเผลอไปเผลอมา เดี๋ยวท่านทั้งหลายบอก อะไรว่ะ แค่ทำกับข้าวเท่านั้น ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เขาจะเอากันให้พ้น ผมเล่าให้ฟังตรงนี้ไว้ เพราะไม่ใช่เครื่องต่อรอง"นายสมัครกล่าว
เย้ย"หอกทมิฬ แทงทมิฬ"
นายสมัคร กล่าวว่า หากเสร็จเรียบร้อยเขาจะบอกว่า รื้อไป ยุบพรรคพลังประชาชน ก็หมด เขาเขียนว่า ยุบพรรคเราต้องโดนด้วย เมื่อก่อนไม่มี เมื่อก่อนนี้ทำผิดให้ใบแดงอันเดียว แต่บัดนี้มี วรรค 2 ถ้ากรรมการบริหารโดน ทั้งพรรคก็โดน เขียนไว้อย่างนี้ เพื่อต้องการอะไร ก็ต้องการล่า 2 คน คนหนึ่งอยู่ 111 ไม่ปรากฏตัวเลือกตั้ง ก็รอดไป ไอ้คนนี้ไปอยู่เมืองนอก ไม่อยู่ 111 ลงเลือกตั้งได้ ก็โดนประกบ ตั้งแต่ก่อนสมัครเลือกตั้ง ยาวกันตลอดมา ก็เอาไอ้คนนี้ให้ได้ปั๊บ ก็ยุบยุบพรรคพลังประชาชน
"แต่บังเอิญ หอกทมิฬ แทงทมิฬ ดำเนินการไป ชาติไทย มัชฌิมาฯ ก็โดนด้วย ไปๆมาๆ เพื่อแผ่นดินก็โดนด้วย 2-3 วันนี้ เขาบอกประชาธิปัตย์จะโดนด้วย แล้วตกลงประเทศไทยจะเป็นยังไง ถ้ามันต้องยุบกันหมด ใครมันจะเหลือ การเมืองยังไง นี่มันหอกทมิฬ แทงทมิฬ" นายสมัครกล่าว และว่าส่วนไอ้ที่เขาบอก ออกกฎหมายว่าจะปลุกระดมต้องขออนุญาตก่อน ไม่ได้คิดเองหรอก พวกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เขาทำเอาไว้ เจตนาต้องการจะฆ่าแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ไอ้พวกที่ไปเย้วๆ ที่หน้าบ้านสี่เสา แต่ไอ้พวกนั้นเลิก นปก. เลิก ไอ้พวกไม่เลิก อยู่สะพานมัฆวาน พอจะออกฎหมายฉบับนี้เข้า โอ้ย หอกทมิฬจะไปแทงทมิฬ การเมืองเป็นอย่างนี้แหล่ะครับ แต่มันจะเป็นยังไงก็ได้ ไม่เป็นปัญหา เพราะผมเป็นพวกโลว์คอสต์แอร์ไลน์ ต้นทุนต่ำ ขาดทุนหน่อย หรือหยุดบินยังไง ไม่เป็นปัญหา ไม่มีปัญหาทั้งส่วนตัว ครอบครัว และเพื่อนพ้องทั้งหลาย วันนี้ขอบคุณที่นั่งฟังนายกรัฐมนตรีที่มาแบบกระโดกกระเดก
ภายหลังการแสดงวิสัยทัศน์เสร็จสิ้น ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจคดียุบพรรคและคดี “ชิมไป บ่นไป” หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า บอกในการแสดงวิสัยทัศน์ไปแล้ว ไม่ขอพูดอีก พร้อมกับไล่ถามสื่อทีวีที่กำลังถ่ายอยู่ว่ามาจากช่องไหน อย่างอารมณ์ดี
เมื่อถามถึงท่าทีของรัฐบาลต่อแถลงการณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กล่าวให้ร้ายกระบวนการยุติธรรมไทย นายสมัคร ไม่ตอบคำถาม พร้อมกับเดินฝ่าวงผู้สื่อข่าวโบกมือขอทางขึ้นรถทันที
"สุเทพ"ยันไม่มีเหตุเรื่องยุบ ปชป.
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า เมื่อ กกต. มีมติยุบพรรคพลังประชาชนแล้ว คิวต่อไปจะยุบพรรคประชาธิปัตย์ว่า เรื่องนี้ข้อเท็จจริงไม่เป็นอย่างที่คนปั่นข่าวกันอยู่ ซึ่งข้อเท็จจริงที่ตนให้ฝ่ายกฎหมายไปดู คือมีผู้สมัครของพรรคคนหนึ่งเป็นลูกชายเจ้าของโรงหนัง และมีการโปรโมตกิจการของโรงหนังมาก่อนนานแล้ว ซึ่งผู้สมัครคนนี้ เดิมทีอยู่พรรคชาติไทยมาก่อน จนกระทั่งย้ายมาอยู่พรรคประชาธิปัตย์ และเมื่อมีกฤษฏีกา การเลือกตั้งผู้สมัครคนนี้ก็ไม่ได้ทำกิจกรรมนี้อีก นี่คือข้อเท็จจริง สมมุติว่า กกต.เห็นว่าการแจกตั๋วหนังก่อนมีการเลือกตั้งเป็นความผิด ก็เป็นความผิดของผู้สมัครคนนั้น ซึ่งก็ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค
ส่วนที่มีข้อกล่าวหาว่า เป็นความผิดของนายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.สัดส่วน ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าในภาคอีสาน และกรรมการบริหารพรรค ไม่ได้ร่วมในการกระทำความผิดเรื่องแจกตั๋วหนัง ดังนั้นจึงมองไม่เห็นว่าจะไปยุบพรรคประชาธิปัตย์ได้อย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูจากข้อกฎหมาย และหลักฐานมั่นใจว่าไม่ยุบพรรคหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า มั่นใจพรรคประชาธิปัตย์จะไม่ถูกยุบด้วยเรื่องนี้ เพราะได้มอบหมาบให้ นายถาวร เสนเนียม หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย ไปรวบรวมหลักฐาน จึงคิดว่า อนุกรรมการฯ มีความเห็นอย่างไร หรือเรียกไปชี้แจง เราก็จะเอาพยานหลักฐานรวมทั้งตัวบุคคลไปชี้แจง ถ้ากกต.ใหญ่พิจารณาก็พร้อมชี้แจง หรือเรื่องไปถึงศาลเราก็พร้อมจะสู้คดี
เมื่อถามว่า มีการวิเคราะห์หรือไม่ว่า ถ้าหากอนุกรรมการสอบสวน ระบุว่า ยุบพรรคพลังประชาชน และกกต.ใหญ่อาจยื่นตามนั้น จะส่งผลต่อสถานการณ์การเมืองถึงขั้นยุบสภา หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ได้วิเคราะห์อะไร หาก กกต.เห็นว่าสมควรส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรญนูญ เพื่อพิจารณายุบพรรคพลังประชาชน ซึ่งสื่บเนื่องมาจากกรณีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ซึ่งเป็นรองหัวหน้าพรรคที่กระทำความผิด และกรณีของนายยงยุทธ ก็แตกต่างกับกรณีของ นายวิฑูรย์ และถ้าพรรคพลังประชาชนถูกยุบ กรรมการบริหารพรรค ก็อาจถูกพิพากษาให้เว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี ส่วนสมาชิกคนอื่น ก็สามารถไปอยู่พรรคอื่นได้ และจำนวน ส.ส.พรรคพลังประชาชน ก็ยังมีมากพอที่จะไปร่วมพรรคอื่น จัดตั้งรัฐบาลได้
"ผมจึงไม่เห็นว่า การเมืองจะวุ่นวายอะไร ก็เป็นเรื่องปกติเท่านั้นเอง และคิดว่าถ้ากรณีที่กกต.มีมติให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย นายสมัคร ก็ไม่สามารถยุบสภาได้ เพราะจะเหมือนกับว่า ยุบสภาหนีปัญหา หนีความผิด และจะเป็นประเด็นทางการเมืองต่อไป ซึ่งผมไม่คิดว่าการยุบสภา จะเป็นทางออก อย่างไรก็ตาม ผมไม่คิดว่าพรรคการเมืองทั้งหมดถูกยุบ เพราะต้องว่าไปตามข้อเท็จจริง และอย่าไปคิดว่า การเมืองถึงทางตัน ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ถ้าพรรคที่ถูกยุบ สมาชิกพรรคก็ไปหาพรรคใหม่"นายสุเทพ กล่าว
เมื่อถามว่า คิดว่าเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ต่างประเทศ จะมีผลต่อพรรคที่เกิดใหม่ และพรรคพลังประชาชนหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า กรณีของพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเรื่องที่ต้องแยกพิจารณา ถึงแม้พ.ต.ท.ทักษิณ จะไปอยู่ต่างประเทศแล้ว แต่คงไม่หยุดเคลื่อนไหวทางการเมือง เพราะจดหมายที่ส่งมา บอกชัดเจนว่าจะสู้ทางการเมืองต่อไป ดังนั้น บ้านเมืองก็จะวุ่นวายเ พราะพ.ต.ท.ทักษิณต่อไป
ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณจะให้เงินให้ทองมาสนับสนุนพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง หรือหลายพรรคการเมือง ที่จะต้องแตกตัวไปตั้งพรรคในวันข้างหน้า หลังจากที่พรรคพลังประชาชนถูกยุบไปแล้วก็ยังจะยังส่งผลกับการเมืองอยู่
"ต้องยอมรับความจริงว่า พรรคไทยรักไทย หรือพรรคพลังประชาชน อยู่ด้วยการสนับสนุนของคุณทักษิณ และครอบครัวคุณทักษิณ ด้วยเงิน ด้วยทอง ของพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะฉะนั้นจะเปลี่ยนชื่อไปเป็นอย่างอื่น หรือจะแตกตัวไปเป็น 2-3 พรรค ก็ยังเป็นคุณทักษิณอยู่ดี”นายสุเทพกล่าว
ส่วนการเตรียมการของพรรคประชาธิปัตย์ หากถูกยุบพรรคนายสุเทพ กล่าวว่า เตรียมการเอาไว้ เผื่อว่ามีการยุบสภา หรือมีการเลือกตั้งใหม่ พรรคก็ต้องมีความพร้อม เพราะฉะนั้นตนก็ต้องเตรียมการเอาไว้ ให้พร้อม แต่ไม่ได้คิดว่าจะมีการยุบสภาในเร็วๆนี้ เพราะถ้าดูตามที่นายกฯ ประเทศไว้ว่าจะจัดงานวันแม่ถึงวันพ่อ 116 วัน ฉะนั้นถ้าจะมีเหตุการณ์ทางการเมืองเกิดขึ้นก็ควรจะเกิดขึ้นหลังงานเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
"วิฑูรย์" นำทีมแจงอนุฯ กกต.
ในวันเดียวกันนี้ นายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายศุภชัย ศรีหล้า นายวุฒิพงษ์ นามบุตร ส.ส. อุบลราชธานี เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ และ นายวิทวัส พันธ์นิกุล ผู้สมัคร ส.ส. เขตเดียวกัน พรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้าชี้แจงต่อ อนุกรรมการสืบสวนสอบสวนสำนวนร้องคัดค้านการทุจริตเลือกตั้ง โดยนายวิฑูรย์ ปฎิเสธข้อกล่าวหา ที่ระบุว่าได้จัดมหรสพ และมีการจัดฉายหนัง แจกตั๋วชมภาพยนตร์ เรื่องดังกล่าวนี้ไม่เป็นความจริง ตนยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้อง และก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว
"ข้อกล่าวหาของนายสมบัติ รัตโน เพื่อต้องการเชื่อมโยง ลากให้ผมเข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าว เพื่อให้โดนใบแดง ยืนยันในวันดังกล่าวมีเพียงการแนะนำตัวผู้สมัคร นโยบายของพรรคเท่านั้น ไม่ได้มีการฉายภาพยนตร์ อื่นใด แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้มี กกต.จังหวัด และสื่อมวลชนมาร่วมสังเกตการณ์ ที่ว่ามีการแจกตั๋วชมภาพยนตร์ ก็เป็นการนำตั๋วหนัง ตั้งแต่ปี 2518 มากล่าวอ้าง และเป็นช่วงก่อนที่นายวิทวัส พันธ์นิกุล ผู้สมัครของพรรคที่ไม่ได้รับเลือกตั้ง จะเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ โดยก่อนหน้านี้ นายวิทวัส เคยเป็นสมาชิกพรรคชาติไทย จึงขอยืนยันว่าไม่มีการแจกตั๋วหนังในช่วงที่พระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง" นายวิฑูรย์ กล่าว
ส่วนการที่ นายสมัคร สุนทรเวช ออกมาระบุว่า จะมีใบแดงนั้น ตนเห็นว่านายสมัคร เป็นผู้ใหญ่แล้ว อย่ามาตีโพยตีพาย อย่ามาพยากรณ์ และตัดสินองค์กรอื่นว่าจะวินิจฉัยอย่างไร เพราะชัดเจนว่าไม่มีการกระทำตามที่พรรคพลังประชาชนร้องมา ที่บอกว่ามีหลักฐานเด็ดนั้น ขอยืนยันว่า ไม่มีอะไรเด็ดแน่นอน เพราะความจริงมีเพียงเท่านี้
นายวิฑูรย์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งหลังการเข้าชี้แจงว่า สามารถชี้แจงได้ทุกประเด็น จึงมั่นใจว่าตนเอง และส.ส. เขต 1 จ.อุบลฯ ของพรรค จะไม่โดนใบแดงตามที่พรรคพลังประชาชนสร้างข่าวกดดัน กกต. อย่างแน่นอน
ด้านนายสุธน แสงสายัณห์ ประธานอนุกรรมการสอบข้อเท็จจริงตามคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งของนายวิฑูรย์ กล่าวว่า เรื่องนี้จะสรุปสำนวนได้ภายในสัปดาห์หน้า เพราะต้องใช้เวลาในการตรวจสอบสำนวนอีกครั้ง ว่าจะต้องมีการเชิญบุคคล หรือขอหลักฐานเพิ่มจากทั้งสองฝ่ายอีกหรือไม่