ท่านผู้อ่านที่เคารพ คิดถึงครับ ผมไม่ได้เขียนเสียตั้งนาน
ต้องขอบคุณ คุณหมอขจร วณาพรรณ แพทย์อาวุโสแห่งมหานครนิวยอร์ก ที่ทำให้ผมปวดอยากเขียนขึ้นมา เพราะท่านส่งข้อความลัดฟ้ามาดังนี้
“Beware! Mr.Samak is suffering from “Toxic Shit Syndrome”. It is quite infectious. Please stay away from him.”
“โปรดระวัง นายสมัครกำลังป่วยด้วยอาการโรคขี้เป็นพิษเรื้อรัง โรคนี้ติดกันง่ายมาก โปรดอยู่ห่างๆ อย่าเข้าใกล้คนไข้”
“Toxic Shit Syndrome” แปลตรงตัวตามลำดับ Toxic=เป็นพิษ Shit= ขี้ Syndrome= โรคหรืออาการผิดปกติ
คุณหมอเขียนมาก่อนกรณีหัสนาฏกรรม “ขี้แตก 40 นาทีที่ อตก.” หรือ “พญาม้อยชมสุขา อตก.”
คุณหมอจึงไม่มีโอกาสเห็นการเผชิญหน้าหน้าห้องส้วม ซึ่งนายสมัครกับผู้สื่อข่าวทีวีและหนังสือต่างก็ตะโกนคำว่า “ทุเรศ ทุเรศ ทุเรศ” สาดใส่กันอย่างไม่ลดละ ต่างกันแต่ว่าสื่อนั้นตะโกนในใจ สื่อทุกคนเป็นรุ่นลูกรุ่นหลานของนายสมัคร เกิดทีหลังนายสมัครนานจนอาจจะไม่เคยอ่านหนังสือ “สมบัติผู้ดี” เลยก็ได้ หนังสือนี้ผมเชื่อว่า นายสมัครเคยอ่านสมัยเป็นเด็ก
“ไม่มีใครสั่งใครสอนบ้างรึไง ไม่รู้บ้างรึไง ไอ้เรื่องใครจะขี้แตก ใครจะเข้าส้วม นี่มันเป็นเรื่องส่วนตัว โธ่โว้ย หัวก็ไม่ยอมวาง หางก็ไม่ยอมเว้น นี่มันเรื่องส่วนตัว ส่วนตัว ส่วนตัว รู้บ้างมั้ยยยยย” ผมรับรองว่าสำนวนนี้ดัดแปลง มิใช่ของนายสมัครร้อยเปอร์เซ็นต์
ฝ่ายนักข่าวเฝ้าห้องส้วมทั้งหลายก็ไม่ใช่ย่อย สวมวิญญาณ สุทิน วรรณบวร ผู้สื่อข่าวหัวเห็ดคู่ปรับที่เคยต่อปากกับสมัครแบบหมัดต่อหมัดมาตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มจนกระทั่งถึงทุกวันนี้
“รู้มั้ยยย คุณเป็นคนสาธารณะ รู้มั้ยยย นี่มันคนสาธารณะในที่สาธารณะ ถ้าไม่อยากเป็นข่าวก็ลาออกไปเลี้ยงแมวที่บ้านซะซี รู้มั้ยโว้ยย รู้มั้ยยย”
ความจริงผมรู้จักประวัตินายสมัครมาตั้งแต่อยู่ธรรมศาสตร์ เขาเป็นนักเรียนรุ่นเดียวกับภริยาผม และนายชวน หลีกภัย นายอุทัย พิมพ์ใจชน และคนดังในรุ่นอีกหลายๆคน รวมทั้งลูกพี่ที่นายสมัครเดินตามตูดต้อยๆ ชื่อวิทยา สุขดำรง ซึ่งมีชื่อเสียงในทางเชียร์(กีฬา) และโต้วาทีมีหลายคนยอมรับว่า นายสมัครเป็นนักโต้วาทีฝีปากคมคนหนึ่งของธรรมศาสตร์ ในขณะที่นายชวนเอาดีทางเล่นละครเสียดสีการเมือง
จบจากมหาวิทยาลัยนายสมัครไปมีอาชีพหลายอย่าง แต่อย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้คนรู้จักเขาก็คือการเป็นคอลัมนิสต์ นสพ.สยามรัฐ ใช้นามปากกาว่า “นายหมอดี” และต่อมาก็มาจัดรายการทีวีและวิทยุคู่กับนายดุสิต ศิริวรรณ ผมสังเกตการเขียนการพูดของนายสมัครแล้ว ก็ต้องสรุปให้เพื่อนๆ ฟังว่า นายสมัครเป็นประเภท พูด “คล่อก” คือเหนือระดับพูดคล่องขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ส่วนวิธีพูดและเนื้อหาสาระที่นำมาพูดนั้นมักจะน้ำท่วมทุ่งแบบจับแพะชนแกะ นำเอาเหตุอย่างหนึ่งมาสรุปเป็นผลอีกอย่างหนึ่ง ผู้ฟังที่ด้อยความรู้อาจจะประทับใจจนอ้าปากหวอ และนายสมัครมักจะวางภูมิว่าตนรู้ดีกว่าผู้ฟังอยู่เสมอไม่ว่าเรื่องอะไร ยกเอาเรื่องสารพัดที่ฟังปุ๊บคนที่รู้ก็รู้ทันทีว่าผู้พูดรู้แค่งูๆ ปลาๆ เท่านั้น
จนกระทั่งวันหนึ่งในปี 2515 เมื่อมาเผชิญหน้ากับผู้พูดที่ทั้งเก่งกว่าและมีความรู้สูงกว่าจนเทียบชั้นกันไม่ติด นายสมัครในทีวีวันนั้นจึงกลายเป็นทารกอมมือใบ้กินไปสิ้นเชิง หนังสือพิมพ์ลงข่าวกันเกรียวกราวทุกฉบับ สุภาพบุรุษผู้ปราบเซียนปากพล่อยวันนั้น ชื่อ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์! โต้กันเรื่องปฏิรูประบบราชการ
ผมจะไม่พูดถึงนายสมัคร ณ วันนี้ในฐานะนายกฯ ที่ผู้คนทั้งนั้นพากันหุยฮาว่าเป็นนายกฯ โคตรโกหก พูดเช้าอย่าง-เย็นอย่าง พูดแล้วปฏิเสธว่าไม่ได้พูด หลักฐานที่มีอยู่ในวิดีโอหรือทีวีมันเอามาจากที่ไหนไม่รู้ ไม่ใช่ผม ใครบอกว่าธนาคารเจ๊ง ไม่ใช่ผม ผมไม่ได้พูด ใครบอกว่าผมจะจัดการพันธมิตรฯ ให้เด็ดขาดไม่ปล่อยไว้ ไม่ใช่ผม ผมไม่ได้พูด
ผมได้แต่นึกสมเพชว่า สมมติว่านายสมัครเป็นนายกฯ จริงๆ และสมมติว่าประเทศไทยเดี๋ยวนี้เป็นประเทศไทยของพวกเราจริงๆ เราจะพากันเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
ผมไม่รู้ว่าจะเขียนเรื่อง Toxic Shit Syndrome ที่นายสมัครเป็นอยู่อย่างไรดี คงต้องขอให้คุณหมอผู้รู้มาสาธยายต่อ ผมหมดความรู้แค่นี้ ผมรู้แต่เพียงว่า นายสมัครคงเป็นคนตะกละ เห็นอะไรอดชิมไม่ได้ จึงเที่ยวทำรุ่มร่ามไปที่ไหนขี้แตกที่นั่น ไม่อดทนสำรวมให้สมกับเกียรติยศตำแหน่งของตน จริงอยู่ นายสมัครอาจจะย้อนถามว่า แล้วอ้าว มันเรื่องอะไรของเอง รัฐธรรมนูญมีเขียนไว้หรือเปล่าว่า ห้ามนายกฯ ขี้แตก
เออ จริงซิแฮะ รัฐธรรมนูญไม่มีห้ามไว้ มีแต่เรื่องอื่นๆ ห้ามไว้เยอะแยะ แม้แต่ศาลตัดสินแล้ว นายสมัครกับพรรคพวกก็ยังหน้าด้านไม่แยแส
ผมไม่อยากเอาเปรียบท่านผู้อ่านจนเกินไป เดี๋ยวจะหาว่าเอาเรื่องขี้ๆ อะไรมาเขียนก็ไม่รู้ จึงจะขอแถมขี้อีกเรื่องหนึ่ง ที่เป็นของคู่กับผู้นำนักการเมืองทุกยุคทุกสมัยในโลกตะวันตก ไม่ใช่ Toxic Shit ของสมัคร แต่เป็น Bullshit ของนักการเมืองฝรั่ง ซึ่งนักการเมืองไทยทุกระดับในรัฐบาลปัจจุบัน โดยเฉพาะนายสมัครนำมาพ่นออกจากปากอยู่ทุกวัน
Bullshit แปลตรงๆว่า ขี้วัว แต่แปลเอาความหมายว่า พูดจาเลอะเทอะเหลวไหล
ใครก็ได้ที่พูดจาเลอะเทอะเหลวไหล ก็เรียกว่า Bullshit ทั้งสิ้น ไม่จำกัดว่าจะเป็นนักการเมืองหรือไม่ บางที Bullshit อาจจะไม่ต้องเลอะเทอะเหลวไหลอย่างตรงไปตรงมา อาจจะเป็นการพูดแบบยอกย้อนซ่อนเงื่อนไม่จริงใจ หรือเพ้อฝันหลอกตัวเองและคนอื่นในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความจริงหรือเป็นไปไม่ได้
ผมอยากเห็นนักรัฐศาสตร์หรือภาษาศาสตร์ไทย บัญญัติศัพท์ขึ้นมาสักคำหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องเป็นนิยามของคำว่า Bullshit ของนักการเมืองฝรั่ง แต่ให้สามารถครอบคลุม “ขี้ปาก” นักการเมืองไทย เป็นคำข้างเคียงหรือน้องๆ ของคำว่า “ลิ้นตวัดถึงใบหู” ซึ่งเป็นคุณสมบัติของนักการเมืองไทยส่วนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ย้ายพรรคเกิน 1 ครั้ง
ผมขอยกตัวอย่าง Bullshit ของนักการเมืองฝรั่ง เริ่มต้นด้วยสุนทรพจน์อันงดงามของวุฒิสมาชิกสตรีฝ่ายก้าวหน้าแห่งมลรัฐแคลิฟอร์เนีย
“ Our democracy is the centerpiece of who we are as a nation. And it is the fondest hope of all Americans that we can help bring democracy to every corner of the world.”
“ประชาธิปไตยคือจุดศูนย์กลางว่าเราคือใครในฐานะที่เป็นชาติ และเป็นความฝันอันสูงสุดของอเมริกันทุกคนว่าเราจะสามารถช่วยนำประชาธิปไตยไปสู่ทุกมุมโลก”
ปฏิกิริยาของผมเป็นภาษาไทยก็คือ อ้วก แต่ของฝรั่งจะเป็น Bullshit
“Let's take a deep breath and face the facts, folks. The United States is a bullshit country run by bullshit politicians, supported to the hilt by bullshit 'news' media”.
“หายใจให้ทั่วท้องนะสหาย สู้หน้ากับความจริงบ้างนะเพื่อน สหรัฐอเมริกาคือประเทศ Bullshit บริหารโดยนักการเมือง Bullshit และสนับสนุนจนสุดลิ่มทิ่มประตูโดยสื่อมวลชน Bullshit”
ตัวอย่างของ Bullshit ทางการเมืองมีมากมายเหลือเกิน เพราะนักการเมืองหายใจเข้าออกเป็นอำนาจ ผลประโยชน์ และชัยชนะ จึงจำต้องใช้ยุทธวิธีทุกอย่าง รวมทั้งการใช้ปากพ่น และเลีย ตัวอย่างของนักการเมืองไทยที่เก่งทั้งสองอย่างมีอยู่นับไม่ถ้วน
การที่ประธานาธิบดีบุชมาเยือนเมืองไทยครั้งล่าสุดก่อนไปเยี่ยมโอลิมปิกที่เมืองจีน ปาฐกถาทั้งหมดทั้งสิ้นของบุชเกี่ยวกับประชาธิปไตยของไทยของจีน และคำแนะนำเรียกร้องของบุชนั่นแหละ คือ Bullshit ขนานแท้และดั้งเดิมของอเมริกัน คนที่พูดเป็นอภิมหาแชมเปี้ยน Bullshit นิรันดร์กาลของอเมริกัน บุชได้ชื่อว่าเป็นประธานาธิบดีที่ฉลาดน้อยที่สุดของอเมริกัน พูด 10 ประโยคผิดไวยากรณ์อย่างน้อย 6 ครั้ง ถ้าเขียนหนังสือเองหนึ่งหน้าจะสะกดการันต์ผิด และผิดไวยากรณ์เสียจนนับไม่ถ้วน ซ้ำมิหนำตัวเองเป็นประธานาธิบดีเป็ดง่อยอีกไม่กี่วันจะพ้นตำแหน่ง เปอร์เซ็นต์ความน่าเชื่อถือในโพลน้อยที่สุด พูดอะไรก็ไม่มีใครฟังแล้วในอเมริกา ข้อสำคัญไทยปล่อยให้บุชมา Bullshit สั่งสอนจีนซึ่งเป็นพี่เบิ้มของเอเชียในบ้านของเราได้อย่างไร
ผมลองเปิด Bush Bullshits ดูจาก www.google.com แม่เจ้าโวย มีตั้ง 5,630,000รายการResults 1 - 10 of about 5,630,000 for Bush bullshits. (0.24 seconds)
ผมขอลอกตัวอย่างสดๆ ร้อนๆ มาทั้งดุ้นอันหนึ่ง ขอโทษด้วยครับ ผมหมดกำลังใจแปล
ANOTHER OF BUSH & HIS RETARDS BULLSHIT MESS - SQUEAKEY'S WORLD ...
ANOTHER OF BUSH & HIS RETARDS BULLSHIT MESS. Tuesday, 8. July 2008, 18:45:15. Endangered, help, polar bears. THE POLAR BEARS ARE IN TROUBLE, THANKS TO BUSH ...
my.opera.com/SqueakeyCat/blog/2008/07/08/another-of-bush - 40k - Cached - Similar pages - Note this
ที่ผมสนใจมากกว่าคืองานเลี้ยงอาหารค่ำที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล 3-4 คืนมานี้ สมัครกับบุชใครจะ Bullshit ใครว่าอย่างไร ไม่รู้ใคร Bullshit มากกว่ากัน ไม่รู้ว่า Bullshit เท็กซัส กับ Bullshit อตก.ไหนจะมันกว่ากัน
Oh Shit นี่เป็นคำอุทานแบบฝรั่ง โปรดอย่าแปลว่าโอ้ขี้นะครับ
โอ้พระเจ้า การเมืองไทยไม่มีเรื่องดีกว่านี้ให้ผมเขียนอีกแล้วหรือ
(ฉบับหน้าโปรดรอ: ความเรียงเรื่องการโค่นล้มรัฐบาลนายสมัครโดยไม่ผิดกฎหมาย)
ต้องขอบคุณ คุณหมอขจร วณาพรรณ แพทย์อาวุโสแห่งมหานครนิวยอร์ก ที่ทำให้ผมปวดอยากเขียนขึ้นมา เพราะท่านส่งข้อความลัดฟ้ามาดังนี้
“Beware! Mr.Samak is suffering from “Toxic Shit Syndrome”. It is quite infectious. Please stay away from him.”
“โปรดระวัง นายสมัครกำลังป่วยด้วยอาการโรคขี้เป็นพิษเรื้อรัง โรคนี้ติดกันง่ายมาก โปรดอยู่ห่างๆ อย่าเข้าใกล้คนไข้”
“Toxic Shit Syndrome” แปลตรงตัวตามลำดับ Toxic=เป็นพิษ Shit= ขี้ Syndrome= โรคหรืออาการผิดปกติ
คุณหมอเขียนมาก่อนกรณีหัสนาฏกรรม “ขี้แตก 40 นาทีที่ อตก.” หรือ “พญาม้อยชมสุขา อตก.”
คุณหมอจึงไม่มีโอกาสเห็นการเผชิญหน้าหน้าห้องส้วม ซึ่งนายสมัครกับผู้สื่อข่าวทีวีและหนังสือต่างก็ตะโกนคำว่า “ทุเรศ ทุเรศ ทุเรศ” สาดใส่กันอย่างไม่ลดละ ต่างกันแต่ว่าสื่อนั้นตะโกนในใจ สื่อทุกคนเป็นรุ่นลูกรุ่นหลานของนายสมัคร เกิดทีหลังนายสมัครนานจนอาจจะไม่เคยอ่านหนังสือ “สมบัติผู้ดี” เลยก็ได้ หนังสือนี้ผมเชื่อว่า นายสมัครเคยอ่านสมัยเป็นเด็ก
“ไม่มีใครสั่งใครสอนบ้างรึไง ไม่รู้บ้างรึไง ไอ้เรื่องใครจะขี้แตก ใครจะเข้าส้วม นี่มันเป็นเรื่องส่วนตัว โธ่โว้ย หัวก็ไม่ยอมวาง หางก็ไม่ยอมเว้น นี่มันเรื่องส่วนตัว ส่วนตัว ส่วนตัว รู้บ้างมั้ยยยยย” ผมรับรองว่าสำนวนนี้ดัดแปลง มิใช่ของนายสมัครร้อยเปอร์เซ็นต์
ฝ่ายนักข่าวเฝ้าห้องส้วมทั้งหลายก็ไม่ใช่ย่อย สวมวิญญาณ สุทิน วรรณบวร ผู้สื่อข่าวหัวเห็ดคู่ปรับที่เคยต่อปากกับสมัครแบบหมัดต่อหมัดมาตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มจนกระทั่งถึงทุกวันนี้
“รู้มั้ยยย คุณเป็นคนสาธารณะ รู้มั้ยยย นี่มันคนสาธารณะในที่สาธารณะ ถ้าไม่อยากเป็นข่าวก็ลาออกไปเลี้ยงแมวที่บ้านซะซี รู้มั้ยโว้ยย รู้มั้ยยย”
ความจริงผมรู้จักประวัตินายสมัครมาตั้งแต่อยู่ธรรมศาสตร์ เขาเป็นนักเรียนรุ่นเดียวกับภริยาผม และนายชวน หลีกภัย นายอุทัย พิมพ์ใจชน และคนดังในรุ่นอีกหลายๆคน รวมทั้งลูกพี่ที่นายสมัครเดินตามตูดต้อยๆ ชื่อวิทยา สุขดำรง ซึ่งมีชื่อเสียงในทางเชียร์(กีฬา) และโต้วาทีมีหลายคนยอมรับว่า นายสมัครเป็นนักโต้วาทีฝีปากคมคนหนึ่งของธรรมศาสตร์ ในขณะที่นายชวนเอาดีทางเล่นละครเสียดสีการเมือง
จบจากมหาวิทยาลัยนายสมัครไปมีอาชีพหลายอย่าง แต่อย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้คนรู้จักเขาก็คือการเป็นคอลัมนิสต์ นสพ.สยามรัฐ ใช้นามปากกาว่า “นายหมอดี” และต่อมาก็มาจัดรายการทีวีและวิทยุคู่กับนายดุสิต ศิริวรรณ ผมสังเกตการเขียนการพูดของนายสมัครแล้ว ก็ต้องสรุปให้เพื่อนๆ ฟังว่า นายสมัครเป็นประเภท พูด “คล่อก” คือเหนือระดับพูดคล่องขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ส่วนวิธีพูดและเนื้อหาสาระที่นำมาพูดนั้นมักจะน้ำท่วมทุ่งแบบจับแพะชนแกะ นำเอาเหตุอย่างหนึ่งมาสรุปเป็นผลอีกอย่างหนึ่ง ผู้ฟังที่ด้อยความรู้อาจจะประทับใจจนอ้าปากหวอ และนายสมัครมักจะวางภูมิว่าตนรู้ดีกว่าผู้ฟังอยู่เสมอไม่ว่าเรื่องอะไร ยกเอาเรื่องสารพัดที่ฟังปุ๊บคนที่รู้ก็รู้ทันทีว่าผู้พูดรู้แค่งูๆ ปลาๆ เท่านั้น
จนกระทั่งวันหนึ่งในปี 2515 เมื่อมาเผชิญหน้ากับผู้พูดที่ทั้งเก่งกว่าและมีความรู้สูงกว่าจนเทียบชั้นกันไม่ติด นายสมัครในทีวีวันนั้นจึงกลายเป็นทารกอมมือใบ้กินไปสิ้นเชิง หนังสือพิมพ์ลงข่าวกันเกรียวกราวทุกฉบับ สุภาพบุรุษผู้ปราบเซียนปากพล่อยวันนั้น ชื่อ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์! โต้กันเรื่องปฏิรูประบบราชการ
ผมจะไม่พูดถึงนายสมัคร ณ วันนี้ในฐานะนายกฯ ที่ผู้คนทั้งนั้นพากันหุยฮาว่าเป็นนายกฯ โคตรโกหก พูดเช้าอย่าง-เย็นอย่าง พูดแล้วปฏิเสธว่าไม่ได้พูด หลักฐานที่มีอยู่ในวิดีโอหรือทีวีมันเอามาจากที่ไหนไม่รู้ ไม่ใช่ผม ใครบอกว่าธนาคารเจ๊ง ไม่ใช่ผม ผมไม่ได้พูด ใครบอกว่าผมจะจัดการพันธมิตรฯ ให้เด็ดขาดไม่ปล่อยไว้ ไม่ใช่ผม ผมไม่ได้พูด
ผมได้แต่นึกสมเพชว่า สมมติว่านายสมัครเป็นนายกฯ จริงๆ และสมมติว่าประเทศไทยเดี๋ยวนี้เป็นประเทศไทยของพวกเราจริงๆ เราจะพากันเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
ผมไม่รู้ว่าจะเขียนเรื่อง Toxic Shit Syndrome ที่นายสมัครเป็นอยู่อย่างไรดี คงต้องขอให้คุณหมอผู้รู้มาสาธยายต่อ ผมหมดความรู้แค่นี้ ผมรู้แต่เพียงว่า นายสมัครคงเป็นคนตะกละ เห็นอะไรอดชิมไม่ได้ จึงเที่ยวทำรุ่มร่ามไปที่ไหนขี้แตกที่นั่น ไม่อดทนสำรวมให้สมกับเกียรติยศตำแหน่งของตน จริงอยู่ นายสมัครอาจจะย้อนถามว่า แล้วอ้าว มันเรื่องอะไรของเอง รัฐธรรมนูญมีเขียนไว้หรือเปล่าว่า ห้ามนายกฯ ขี้แตก
เออ จริงซิแฮะ รัฐธรรมนูญไม่มีห้ามไว้ มีแต่เรื่องอื่นๆ ห้ามไว้เยอะแยะ แม้แต่ศาลตัดสินแล้ว นายสมัครกับพรรคพวกก็ยังหน้าด้านไม่แยแส
ผมไม่อยากเอาเปรียบท่านผู้อ่านจนเกินไป เดี๋ยวจะหาว่าเอาเรื่องขี้ๆ อะไรมาเขียนก็ไม่รู้ จึงจะขอแถมขี้อีกเรื่องหนึ่ง ที่เป็นของคู่กับผู้นำนักการเมืองทุกยุคทุกสมัยในโลกตะวันตก ไม่ใช่ Toxic Shit ของสมัคร แต่เป็น Bullshit ของนักการเมืองฝรั่ง ซึ่งนักการเมืองไทยทุกระดับในรัฐบาลปัจจุบัน โดยเฉพาะนายสมัครนำมาพ่นออกจากปากอยู่ทุกวัน
Bullshit แปลตรงๆว่า ขี้วัว แต่แปลเอาความหมายว่า พูดจาเลอะเทอะเหลวไหล
ใครก็ได้ที่พูดจาเลอะเทอะเหลวไหล ก็เรียกว่า Bullshit ทั้งสิ้น ไม่จำกัดว่าจะเป็นนักการเมืองหรือไม่ บางที Bullshit อาจจะไม่ต้องเลอะเทอะเหลวไหลอย่างตรงไปตรงมา อาจจะเป็นการพูดแบบยอกย้อนซ่อนเงื่อนไม่จริงใจ หรือเพ้อฝันหลอกตัวเองและคนอื่นในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความจริงหรือเป็นไปไม่ได้
ผมอยากเห็นนักรัฐศาสตร์หรือภาษาศาสตร์ไทย บัญญัติศัพท์ขึ้นมาสักคำหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องเป็นนิยามของคำว่า Bullshit ของนักการเมืองฝรั่ง แต่ให้สามารถครอบคลุม “ขี้ปาก” นักการเมืองไทย เป็นคำข้างเคียงหรือน้องๆ ของคำว่า “ลิ้นตวัดถึงใบหู” ซึ่งเป็นคุณสมบัติของนักการเมืองไทยส่วนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ย้ายพรรคเกิน 1 ครั้ง
ผมขอยกตัวอย่าง Bullshit ของนักการเมืองฝรั่ง เริ่มต้นด้วยสุนทรพจน์อันงดงามของวุฒิสมาชิกสตรีฝ่ายก้าวหน้าแห่งมลรัฐแคลิฟอร์เนีย
“ Our democracy is the centerpiece of who we are as a nation. And it is the fondest hope of all Americans that we can help bring democracy to every corner of the world.”
“ประชาธิปไตยคือจุดศูนย์กลางว่าเราคือใครในฐานะที่เป็นชาติ และเป็นความฝันอันสูงสุดของอเมริกันทุกคนว่าเราจะสามารถช่วยนำประชาธิปไตยไปสู่ทุกมุมโลก”
ปฏิกิริยาของผมเป็นภาษาไทยก็คือ อ้วก แต่ของฝรั่งจะเป็น Bullshit
“Let's take a deep breath and face the facts, folks. The United States is a bullshit country run by bullshit politicians, supported to the hilt by bullshit 'news' media”.
“หายใจให้ทั่วท้องนะสหาย สู้หน้ากับความจริงบ้างนะเพื่อน สหรัฐอเมริกาคือประเทศ Bullshit บริหารโดยนักการเมือง Bullshit และสนับสนุนจนสุดลิ่มทิ่มประตูโดยสื่อมวลชน Bullshit”
ตัวอย่างของ Bullshit ทางการเมืองมีมากมายเหลือเกิน เพราะนักการเมืองหายใจเข้าออกเป็นอำนาจ ผลประโยชน์ และชัยชนะ จึงจำต้องใช้ยุทธวิธีทุกอย่าง รวมทั้งการใช้ปากพ่น และเลีย ตัวอย่างของนักการเมืองไทยที่เก่งทั้งสองอย่างมีอยู่นับไม่ถ้วน
การที่ประธานาธิบดีบุชมาเยือนเมืองไทยครั้งล่าสุดก่อนไปเยี่ยมโอลิมปิกที่เมืองจีน ปาฐกถาทั้งหมดทั้งสิ้นของบุชเกี่ยวกับประชาธิปไตยของไทยของจีน และคำแนะนำเรียกร้องของบุชนั่นแหละ คือ Bullshit ขนานแท้และดั้งเดิมของอเมริกัน คนที่พูดเป็นอภิมหาแชมเปี้ยน Bullshit นิรันดร์กาลของอเมริกัน บุชได้ชื่อว่าเป็นประธานาธิบดีที่ฉลาดน้อยที่สุดของอเมริกัน พูด 10 ประโยคผิดไวยากรณ์อย่างน้อย 6 ครั้ง ถ้าเขียนหนังสือเองหนึ่งหน้าจะสะกดการันต์ผิด และผิดไวยากรณ์เสียจนนับไม่ถ้วน ซ้ำมิหนำตัวเองเป็นประธานาธิบดีเป็ดง่อยอีกไม่กี่วันจะพ้นตำแหน่ง เปอร์เซ็นต์ความน่าเชื่อถือในโพลน้อยที่สุด พูดอะไรก็ไม่มีใครฟังแล้วในอเมริกา ข้อสำคัญไทยปล่อยให้บุชมา Bullshit สั่งสอนจีนซึ่งเป็นพี่เบิ้มของเอเชียในบ้านของเราได้อย่างไร
ผมลองเปิด Bush Bullshits ดูจาก www.google.com แม่เจ้าโวย มีตั้ง 5,630,000รายการResults 1 - 10 of about 5,630,000 for Bush bullshits. (0.24 seconds)
ผมขอลอกตัวอย่างสดๆ ร้อนๆ มาทั้งดุ้นอันหนึ่ง ขอโทษด้วยครับ ผมหมดกำลังใจแปล
ANOTHER OF BUSH & HIS RETARDS BULLSHIT MESS - SQUEAKEY'S WORLD ...
ANOTHER OF BUSH & HIS RETARDS BULLSHIT MESS. Tuesday, 8. July 2008, 18:45:15. Endangered, help, polar bears. THE POLAR BEARS ARE IN TROUBLE, THANKS TO BUSH ...
my.opera.com/SqueakeyCat/blog/2008/07/08/another-of-bush - 40k - Cached - Similar pages - Note this
ที่ผมสนใจมากกว่าคืองานเลี้ยงอาหารค่ำที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล 3-4 คืนมานี้ สมัครกับบุชใครจะ Bullshit ใครว่าอย่างไร ไม่รู้ใคร Bullshit มากกว่ากัน ไม่รู้ว่า Bullshit เท็กซัส กับ Bullshit อตก.ไหนจะมันกว่ากัน
Oh Shit นี่เป็นคำอุทานแบบฝรั่ง โปรดอย่าแปลว่าโอ้ขี้นะครับ
โอ้พระเจ้า การเมืองไทยไม่มีเรื่องดีกว่านี้ให้ผมเขียนอีกแล้วหรือ
(ฉบับหน้าโปรดรอ: ความเรียงเรื่องการโค่นล้มรัฐบาลนายสมัครโดยไม่ผิดกฎหมาย)