xs
xsm
sm
md
lg

ทักษิณแถลงป้ายสีแผ่นดินแม่ศาลออกหมายจับ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - ประณาม "ทักษิณ" เนรคุณแผ่นดินแม่ข้ามประเทศ กล่าวหากระบวนการยุติธรรมไทยถูกแทรกแซง หวังนำมาเป็นข้ออ้างในการพาเมียและลูกหนีคดีโกงไปอังกฤษ เจอศาลออกหมายจับพร้อมยึดเงินประกัน 13 ล้าน อัยการสูงสุดเรียกถกด่วน กม.ลี้ภัย-ส่งผู้ร้ายข้ามแดน นักวิชาการชี้ลากคอกลับไทยยาก หวั่นซำรอย ราเกซ-ปิ่น ขณะที่ อดีต คตส.ซัดเป็นข้ออ้างของเด็กเกเรเพื่อหนีความผิดตัวเอง วิชา ชี้แค่สร้างเงื่อนไขหวังลี้ภัย คำนูณ ระบุแถลงการณ์ส่อหมิ่นศาล ปชป.จี้รัฐบาลตรวจสอบ เลี้ยบชี้ไม่กระทบการยึดทรัพย์ของกรมสรรพากร บิ๊กแบงก์กรุงเทพยันเงินฝากแม้ว 1.8 หมื่นล้านยังอยู่ครบ สื่อต่างประเทศชี้ "ทักษิณ" จบแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่สุด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา จำเลยในคดีที่ดินรัชดาภิเษก และอีกหลายคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล และ ป.ป.ช.ก็ตัดสินใจหนีประกันตามคาด โดยไม่มารายงานตัวต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่อยู่ระหว่างสืบพยานในคดีใช้อำนาจหน้าที่ทุจริตซื้อที่ดินรัชดาภิเษก ในการอนุญาต ให้ออกนอกประเทศชั่วคราว โดยทั้งสองได้หลบหนี้ไปยังกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ตั้งแต่ค่ำวันที่ 10 ส.ค. หลังเดินทางไปประเทศสาธารณะรัฐประชาชนจีน

***ใช้พูลแมนกระจายแถลงการณ์
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 11.040 น. วานนี้ (11 ส.ค.) พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ส่งแถลงการณ์ เรื่องการไม่มารายงานตัวต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง ด้วยลายมือตัวเอง จากกรุงลอนดอนมายึงสถานีสถานโทรทัศน์ NBT ของกรมประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ผู้ประกาศข่าวอ่านเผยแพร่ถึงประชาชนเกี่ยวกับเหตุผลที่ไม่กลับมาสู้คดีในประเทศไทย
จากการตรวจสอบหัวกระดาษแฟกซ์ที่ส่งมาตามสำนักข่างต่างๆ พบว่าส่งมาจากสำนักงานโรงแรมพูลแมน คิว พาวเวอร์ ซอยรางน้ำ ซึ่งเป็นสถานที่ ที่กล่าวกันว่า "แก๊งออฟโฟร์ ที่กำลังทรงอิทธิพลในรัฐบาลขณะนี้ ใช้เป็นสถานที่พบปะเพื่อวางแผนทางการเมืองต่างๆ โดยมีนายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นพ.สุรพงษ์ สืบวงส์ลี รองนายกฯ และ รมว.คลัง และนายธีรพล นพรัมภา เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นแกนนำ
ในแถลงการณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเอง ภริยา ครอบครัวและคนใกล้ชิด เกิดจากความต้องการจะขจัดตนให้ออกจากการเมือง ด้วยความพยายามลอบสังหาร และแต่งตั้งบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์มาสอบสวนคดี ร่างรัฐธรรมนูญสือทอดอำนาจเผด็จการ แต่งตั้งบุคคลที่สนับสนุนการปฏิวัติรัฐประหารทั้งทางตรงและทางอ้อมเข้าไปเป็นกรรมการ ในองค์กรต่างๆ เพื่อดำเนินการกับตน นอกจากนี้ยังคงมีการสืบทอดระบอบเผด็จการ ในการจัดการการเมืองไทยในระบอบประชาธิปไตย ตามมาด้วยการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม โดยไม่คำนึงถึงระบบกฎหมายระบบข้อเท็จจริง และการสอบสวนดำเนินคดีตามหลักนิติธรรมสากล ทำให้ตนเองและครอบครัวถูกดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรม และยังมีการใช้ระบบ 2 มาตรฐาน ทำให้กระบวนการยุติธรรมของประเทศเสื่อมลง
พ.ต.ท.ทักษิณ ยังอ้างในแถลงการณ์ว่าช่วงอยู่ในประเทศยังได้รับข่าวสารตลอดว่าชีวิตของไม่ปลอดภัย การเดินทางไปที่ไหนตัองใช้รถกันกระสุน (อ่าน...ด่าศาล 2 มาตรฐาน 'ขอลี้ภัย'...ประกอบข่าว)

***บุญสร้างชี้คำพูดแม้วประเทศเสีย
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สูงสุด กล่าวว่า กล่าวว่าการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่าที่ต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศเพราะประเทศไทยยังเป็นเผด็จการและกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซงนั้นกระทบต่อภาพพจน์ประเทศไทยแน่นอน ถ้าบอกว่า ประเทศไทยไม่มีความยุติธรรม ไม่ต้องเป็นผู้ใหญ่แค่ผู้น้อยพูดก็ต้องมีผลกระทบ บางทีคนข้างถนนอาจจะมีความเป็นกลางมากกว่า เพราผู้นำบางที่มีความลำเอียง เขาอาจจะพูดได้ชัดเจน คนไทยทุกคนมีความสำคัญที่จะเป็นทูตหรือยมทูต หรืออาจจะเป็นเอกอัครราชทูต การพูดมีความสำคัญ เราต้องพูดด้วยความยุติธรรมและต้องมองในแง่ดี
อย่าไปคิดว่าท่านพูดผิดหรือถูก ประเทศไทยเป็นประเทศที่ดีพอสมควร แต่ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ บางคนอาจจะโชคร้ายไปตกที่ความไม่สมบูรณ์ตรงนั้น ต้องให้ความยุติธรรมอย่าไปพูดอะไรในจุดที่มองเป็นส่วนเดียว เพราะเมืองไทย ของเรามีความยุติธรรมอยู่มาก ดังนั้น การพูดต้องช่วยเหลือบ้านเมือง ซึ่งเมืองไทยดีทุกอย่าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่าไม่ไว้ใจกระบวนการยุติธรรมเพราะมีการแทรกแซง พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า เราต้องเคารพศาล เพราะองค์กรในบ้านเมืองเรา โดยเฉพาะศาลควรเคารพ เพราะถือเป็นองค์ที่ดีที่สุด ในขณะนี้ เพราะไม่มีอะไร 100% ทั้งหมด แต่ดีเป็นส่วนใหญ่ เพราะเป็นความหวังและมีบทบาทมาก ประชาชนควรให้กำลังใจและความเชื่อมั่นเป็นสิ่งที่ดี เกือบจะสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว หากประชาชนให้ความเชื่อมั่นก็จะไปสู่หนทางที่ดี กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ
เราดูพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านให้ความสำคัญกับศาลมาก สังเกตเวลาศาลเข้าไปเขาเฝ้า ท่านจะให้เวลามาก ประชาชนก็ควรดำเนินรอยตาม พระองค์ท่าน แต่ไม่ได้ว่าใคร เพราะบางท่านอาจจะมีผลกระทบกระเทือนโดยตรงในความ ไม่สมบูรณ์แบบ อาจจะมี 1 % ที่ไม่สมบูรณ์แบบ ต้องดูผลการสอบสวน ประชาชนไม่ได้โง่
พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ควรเคารพคำตัดสินของศาล บางงครั้งอาจจะก้ำกึ่ง แต่ถ้าเราไม่เคารพ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นหลักของบ้านเมืองทุกคน ก็ต้องทำตาม บ้านเมืองก็จะลำบากมากอยู่กันไม่ได้
วันเดียวกันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง เวลา 14.30 น.นายโกเมน สุวัฒิกะ และ น.ส.อัจฉรา ใหม่เอี่ยม ผู้ช่วย ทนายความนายคำนวณ ชโลปถัมป์ ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณแล คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา จำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานทุจริตซื้อขายที่ดินย่านรัชดาภิเษกมูลค่า 772 ล้านบาท ได้เดินทางมายื่นคำร้องแถลงชี้แจงเหตุผลกรณีที่จำเลยทั้งสองเดินทาง ไปประเทศอังกฤษ ไม่เดินทางมารายงานตัวต่อองค์คณะฯตามกำหนดนัด โดยระบุว่า ทนายความได้รับรายงานจากผู้ประสานงานว่าจำเลยทั้งสองยังไม่ได้เดินทางกลับประเทศไทย และไม่สามารถเดินทางมารายงานตัวต่อศาลได้
หลังจากทนายความได้ยื่นคำร้องแล้วได้เดินลงจากอาคารศาลฏีกาฯอีกฟากทันที เพื่อหลบผู้สื่อข่าวโดยไม่ยอมกลับมาแลกบัตรประจำตัวประชาชนคืนจากเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด

***ศาลออกหมายจับ-ยึดเงินประกัน
ต่อมาเวลา 15.00 น.องค์คณะผู้พิพากษาฯพิจารณาคำร้องของจำเลยแล้ว เห็นว่า จำเลยทั้งสองไม่เดินทางกลับประเทศไทยและมารายงานตัวต่อศาลภายในกำหนด เป็นการผิดสัญญาประกัน จึงมีคำสั่งให้ปรับจำเลยทั้งสองตามสัญญาประกัน ให้ธนาคารนำส่งเงินตามสัญญาประกันต่อศาลภายใน 5 วัน และให้ออกหมายจับจำเลยทั้งสอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสัญญาประกันที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ทำไว้กับศาลฎีกาฯนั้น น.ส.พิณทองทา บุตรสาว ได้ใช้สมุดบัญชีเงินฝาก ธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งมูลค่ารวมมูลค่า 15 ล้านบาทขอประกันตัวบิดาและมารดา โดยศาลพิเคราะห์แล้วอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว พ.ต.ท.ทักษิณ โดยตีราคาประกันจำนวน 8 ล้านบาท ส่วนคุณหญิงพจมาน ตีราคาประกัน 5 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การที่ศาลออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ครั้งนี้ถือเป็นการออกหมายจับเป็นครั้งที่สองในคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ โดยครั้งแรกที่ศาลออกหมายจับเพื่อนำตัวมาแสดงต่อศาลและสอบคำให้การ หลังจากที่ อัยการสูงสุด ยื่นฟ้องคดีแล้วศาลมีคำสั่งรับฟ้อง ซึ่งขณะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน อาศัยอยู่ในกรุงลอนดอน ไปๆมาๆ ฮ่องกง สิงคโปร์ หลังการทำรัฐประหารของคณะปฎิรูปการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค) เมื่อวันที่ 19 ก.ย.49 โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงให้สัมภาษณ์กับสื่อทั้งไทยและต่างประเทศ แสดงเจตนารมย์ว่าต้องการเดินทางกลับประเทศเพื่อมาต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม แต่ในที่สุดก็ถูกออกหมายจับอีกเป็นครั้งที่สอง ดังกล่าว

***ไต่สวนพยานจำเลยตามกำหนดเดิม
ด้านนายคำนวณ ชโลปถัมถ์ ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน กล่าวว่า จะแจ้งคำสั่งศาลให้ผู้ประสานงานของทั้งสองทราบเพื่อแจ้งให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ทราบ สำหรับการไต่สวนพยานจำเลยในวันที่ 15 ส.ค. เวลา 09.30 น. จะยังคงต้องดำเนินไปตามปกติ ส่วนจะแถลงต่อศาลขอยื่นคำให้การจำเลย ทั้งสองเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่นั้น ต้องรอดูว่าในการไต่สวนพยานจำเลยวันที่ 15 ส.ค. ศาลจะสอบถามตนในประเด็นใดบ้างหรือไม่ ซึ่งหากปรากฎว่าศาลยังไม่ติดใจสอบถามก็คงจะยังไม่ยื่นคำแถลงใดๆ
ผมไม่ได้ติดต่อกับทั้งสองโดยตรง แต่มีผู้ประสานงานแจ้งให้ทราบ ผมก็ยังไม่ทราบว่าทั้งสองจะเดินทางกลับมาเมื่อใด โดยการเขียนคำร้องต่อศาลเป็นการแจ้ง ให้ทราบว่า ทั้งสองไม่สามารถเดินทางมารายงานตัวได้ โดยไม่ได้นำคำแถลงของ พ.ต.ท.ทักษิณ มาประกอบคำร้องเพราะเป็นคนละส่วนกัน
นายคำนวณ กล่าวว่าไม่กังวลแม้ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิจพจมาน ไม่เดินทางกลับ เพราะในฐานะทนายความ ก็ทำตามหน้าที่ ส่วนกระบวนการพิจารณาจะเป็นอย่างไร ก็เป็นดุลพินิจของศาล

***อัยการถกลี้ภัย-ส่งผู้ร้ายข้ามแดน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ออกแถลงการณ์ไม่กลับมาสู้คดี ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด มีคำสั่งเรียกนายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ และอัยการฝ่ายต่างประเทศ เข้าพบเพื่อประชุมหารือศึกษาข้อกฎหมายระหว่างประเทศ เกี่ยวกับการขอลี้ภัย และ พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน เพื่อหาแนวทางว่าอัยการจะสามารถดำเนินการตามหมายจับของศาลฎีกา นำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน จากประเทศอังกฤษกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยได้หรือไม่อย่างไร โดยยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน
ผู้สื่อข่าวรายงานสำหรับคดีที่ดินรัชดาฯ องค์คณะผู้พิพากษาฯได้ดำเนินกระบวนการพิจารณาไต่สวนพยานโจทก์เสร็จสิ้นแล้ว และกำลังอยู่ระหว่างการไต่สวนพยาน จำเลย ซึ่งเหลือนัดอีกเพียง 3 นัด ในวันที่ 15, 19 และ วันที่ 22 ส.ค. โดย พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน มีบัญชีรายชื่อที่จะต้องเข้าเบิกความในนัดวันที่ 22 ส.ค.อย่างไรก็ตามองค์คณะ ฯ ยังได้กำหนดวันนัดไต่สวนพยานเพิ่มเติมไว้อีก 2 ครั้ง โดยครั้งสุดท้ายวันที่ 2 กันยายน ก่อนจะมีคำสั่งกำหนดวันนัดฟังคำพิพากษาต่อไป

***นักวิชาการชี้นำตัวกลับไทยยาก
นายฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ อาจารย์ประจำภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่าแถลงการณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ แสดงว่าคงรู้สู้คดีไม่ได้ และยังมีคดีต่างๆ อีกมากมายจึงมีความเสี่ยงสูงที่จะติดคุก พ.ต.ท.ทักษิณ และภริยา คงเลือกวิธีลี้ภัย แต่สถานะของพ.ต.ท.ทักษิณ กับ คุณหญิงพจมานแตกต่างกัน วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีสถานะเป็นแค่ผู้ขอใช้ชีวิตในต่างแดน แต่คุณหญิงพจมาน มีสถานะเป็นนักโทษที่ขอประกันตัวออกมาสู้คดีชั้นอุทธรณ์ในคดีเลี่ยงภาษี บริษัทชินวัตรฯ และขออนุญาตศาชลออกต่างประเทศชั่วคราวแล้วไม่กลับมา ซึ่งตรงนี้เข้าข่ายความผิดขั้นรุนแรง เพราะหนีประกัน ฉะนั้นตอนนี้คุณหญิงพจมานน่าจะสามารถขอลี้ภัยทางการเมืองได้ และหากในอนาคนหากคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกตัดสิน ก็จะมีสถานะเช่นเดียวกับคุณหญิงพจมาน
นายฐิตินันท์ กล่าวว่า ขั้นตอนต่อมาต้องไปดูกฎหมายระหว่างประเทศในการส่งผู้ร้ายข้ามแดน แม้ไทยจะขอตัวคนร้ายนั้นๆกลับมาดำเนินคดีได้ แต่ประเทศที่คนร้ายหรือผู้ต้องหาอาศัยอยู่นั้น จะไม่ส่งตัวกลับก็ได้ โดยเฉพาะอังกฤษนั้น กฎหมายฉบับนี้มีความยืดหยุ่นสูง เปิดโอกาสให้ผู้ขอลี้ภัยพำนักอยู่ในอังกฤษได้ โดยผู้ขอลี้ภัยจะอ้างว่า โดนคุกคามทางการเมือง ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรม ไม่มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ตรงนี้เราต้องมองในมุม ของอังกฤษด้วย เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นอดีตนายกฯ แต่โดนรัฐประหาร ตรงนี้อังกฤษอาจพิจารณาอนุญาตให้อดีตนายกฯและครอบครัวลี้ภัย และอาจไม่ส่งตัวให้ไทยด้วย เพราะตัวอย่างชัดๆ คือ กรณีนายปิ่น จักกะพาก ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงบีบีซีที่ตอนนี้พำนักอยู่ในอังกฤษ รวมทั้งนายราเกซ สักเสนา ที่อยู่ในแคนาดา
คิดว่าอดีตนายกฯคงไม่กลับมาไทยง่ายๆ เพราะหากหนีคดีแบบนี้ แสดงว่า เขายอมรับสถานะตัวเองว่าเป็นนักโทษแล้ว แต่มันมีผลกระทบกับการต่อสู้ทวงคืนทรัพย์สินของครอบครัวของอดีตนายกฯด้วย เพราะน่าจะทวงคืนยาก
นายฐิตินันท์ ยอมรับว่าโอกาศที่อังกฤษจะไม่ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ และ ครอบครัวกลับมาไทยมีสูง และขอตั้งคำถามว่า ทำไมศาลอนุญาตให้อดีตนายกฯและภรรยาออกนอกประเทศชั่วคราวในครั้งที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่คนๆ นั้นมีสถานะเป็นผู้ต้องหา และนักโทษในคดีค่อนข้างร้ายแรงอยู่

***คตส.ซัดทักษิณแก้ตัวเป็นเด็กเกเร
นายอุดม เฟื่องฟุ้ง อดีต คตส. ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนคดีที่ ดินรัชดาฯที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิง พจมาน ตกเป็นจำเลย กล่าวตอบโต้แถลงการณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ระบุว่ากระบวนการยุติธรรมถูกแซกแทรก และมีการตั้งคณะบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์ม าสอบสวนคดีว่า ยืนยันว่าการไตร่สวนของ คตส.ยึกหลักตามขั้นตอนของกฎหมายทุกประการ ที่สำคัญไม่ยึดหลักอคติดังที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอ้าง ทั้งนี้กรณีที่ดินรัชดาฯ เป็นไปตามข้อกฎหมายที่เข้าใจง่ายๆว่า เมื่อผู้ซื้อที่ดินขอ
รัฐเป็นภริยานักการเมือง จะซื้อที่ดินดังกล่างไม่ได้ ฉะนั้นในชั้นไต่สวนของคตส.ทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน จึงมีความผิดชัดเจน
ข้ออ้างของพ.ต.ท.ทักษิณ ต่างๆ นาๆ จึงเป็นคำพูดของคนเกเร พูดเหมือนคนพาล และเขาคงเห็นแล้วว่า คงไม่มีสิ่งใดที่สามารถซื้อได้แล้ว และรู้ชะตากรรมของตัวเองว่าจะเป็นเช่นไร เพราะคนที่เป็นโจร ไม่คิดว่าตัวเองผิดหรอก แต่เป็นเพราะกฎหมายทำให้ผิด นายอุดม กล่าวและว่า แม้ว่า พ.ต.ท..ทักษิณ จะขอลี้ภัยแต่คดีต่างๆ ยังต้องดำเนินต่อไปโดยมีระยะเวลาร่วม 20 ปี
ส่วนแถลงการณ์ของ พ.ต.ท..ทักษิณ จะส่งผลกระทบต่อกระบวนการยุติธรรม ของไทยในสายตาต่างประเทศหรือไม่นั้น นายอุดม กล่าวว่า ไม่เป็นปัญหา เพราะเป็นทั้งหมดเป็นเพียงข้ออ้างของผู้ต้องการลี้ภัยไปต่างประเทศเพื่อให้เกิดความชอบธรรม เท่านั้น
ส่วนที่พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่าไม่ปลอดภัยในชีวิต จึงต้องขอลี้ภัย นายอุดม กล่าวว่า อยากถามเหมือนกันว่าไปทำอะไรไว้ถึงคิดว่าตัวเองไม่ปลอดภัย ถ้าไม่ได้ทำจะไปกลัวอะไร

***สัก ชี้แค่ข้ออ้างหวังหนีคดี
นายสัก กอแสงเรือง อดีตโฆษก คตส. กล่าวว่า การอ้างเหตุผลความไม่ปลอดภัยในชีวิต และกระบวนการ ยุติธรรม 2 มาตรฐานนั้น ต้องพิจารณาว่า ขณะนี้รัฐบาลที่บริหารประเทศอยู่เป็นปฏิปักษ์ กับพ.ต.ท. ทักษิณ หรือไม่ ระบบบริหารประเทศผ่านตัวแทนพรรคการเมือง ระบบนิติบัญญัติ เป็นปฏิปักษ์ กับพ.ต.ท. ทักษิณ หรือไม่ ระบบตุลาการเป็นปฏิปักษ์หรือไม่ ซึ่งจะเห็นได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางมายังประเทศไทย เพื่อมาต่อสู้คดีระยะหนึ่งแล้ว และไม่เห็นว่า จะมีการยื่นคัดค้านองค์คณะผู้พิพากษา ในคดีที่เกี่ยวข้องว่า เป็นบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์ หรือเป็นบุคคลที่ขาดคุณสมบัติ ไม่เหมาะสมจะพิจารณาคดี ที่จะทำให้กระบวนการพิจารณามิชอบ แต่เพิ่งมาตั้งข้อสังเกตหลังจากที่ศาลชั้นต้น ไดพิจารณาหลีกเลี่ยงภาษีของคุณหญิงพจมาน และนายบรรพจน์ ดามาพงศ์ ดังนั้นจึงพอจะคาดเดาได้ว่าพ.ต.ท. ทักษิณ คิดอะไรอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุผลการขอลี้ภัย ของพ.ต.ท.. ทักษิณ ฟังขึ้นหรือไม่ นายสักกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับศาลฎีกา จะเป็นผู้พิจารณา เพราะพ้นขั้นตอนของ คตส.ไปแล้ว เพราะ คตส. เป็นเฉพาะพยานฝ่ายโจทก์เท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับการขอลี้ภัย

***วิชา เชื่อสร้างเงื่อนไขขอลี้ภัย
นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช.กล่าวว่า คาดอยู่แล้วว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อาจใช้วิธีหนีไปยังต่างประเทศแทนการมาต่อสู้คดี แต่เห็นว่าการหนีไปอังกฤษของ พ.ต.ท.ทักษิณครั้งนี้ทำอย่างฉุกละหุก ไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า อย่างไรก็ตามการกระทำดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อคดีที่ ป.ป.ช.ดำเนินการอยู่ เพราะทุกคดีอยู่ในชั้นไต่สวนหมดแล้ว ยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งหาก พ.ต.ท.ทักษิณต้องการชี้แจง เพิ่มเติมสามารถทำหนังสือมาชี้แจงแทนได้
ส่วนการที่ พ.ต.ท.ทักษิณระบุเหตุผลในการหนีว่า กระบวนการยุติธรรมของไทย ถูกแทรกแซงนั้น นายวิชา กล่าวว่า อย่ามากล่าวหาลอยๆ เช่นนี้ เพราะอาจกระทบต่อความน่าเชื่อของประเทศในสายตาต่างชาติได้ หากเห็นว่าไม่เป็นกลางตรงไหน ก็ให้ทำหนังสือชี้แจงมา สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูดเป็นการคาดเดาเอาเอง ส่วนตัวมองว่า เป็นการพยายามสร้างเงื่อนไข ให้เข้ากับการลี้ภัยทางการเมืองเท่านั้น

***ระบุแถลงการณ์แม้วส่อหมิ่นศาล
ด้านนาย คำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า เท่าที่ฟังแถลงการณ์ดูแล้ว น่าจะล่อแหลมต่อการหมิ่นศาล หากแถลงการณ์ดังกล่าวเป็นของจริง เพราะเนื้อหา ในคำแถลงการณ์มีบางส่วนที่กล่าวหาพาดพิงถึงการแทรกแซงกระบวนยุติธรรม และการใช้ระบบ 2 มาตรฐาน โดยความเป็นจริงแล้วคดีของพ.ต.ทักษิณ ก็ดำเนินไปตาม กฎหมายไม่มีใครไปแทรกแซง ทั้งเรื่องคดีที่ดินรัชดา หรือคดีหลีกเลี่ยงภาษีที่ศาลฏีกา ได้ตัดสินไปแล้ว อีกทั้งรัฐบาลนี้ส่วนใหญ่เป็นคนของพรรคไทยรักไทยเดิม ซึ่งตน ไม่เห็นว่จะไม่มีความยุติธรรมตรงไหน และข้ออ้างที่ระบุว่า เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณ เดินทาง กลับประเทศไทยก็ไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรที่จะทำร้ายหรือมีการคุกคามพ.ต.ท.ทักษิณ มีเพียงการกล่าวอ้างของพ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น หากพ.ต.ท.ทักษิณ มั่นใจว่าตนเอง บริสุทธิ์ก็ควรต่อสู้คดี
นายคำนูณ กล่าวว่า การเดินทางไปประเทศอังกฤษโดยมีลักษณะการขอลี้ภัยนั้นตนไม่มั่นใจว่า จะเป็นไปได้ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งการเมืองแล้ว หากจะขอลี้ภัยก็ควรขอตั้งแต่มีการรัฐประหารเมื่อ ปี 2549 ขณะนี้เวลาก็ล่วงเลย มาแล้ว จึงไม่น่าจะขอลี้ภัยได้ อย่างไรก็ตามการเดินทางไปอังกฤษครั้งนี้ตนมั่นใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คงไม่กลับมาประเทศไทยแน่ในช่วงเวลาแบบนี้

***จี้รัฐตรวจสอบข้ออ้าง แม้ว
นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรมเงา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเรียกร้องให้ที่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมาดูแลและเอาจริงเอาจังตรวจสอบ เพราะในคำแถลงการณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ หากเป็นเรื่องจริง ก็เป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องแก้ไขโดยด่วน แต่หากไม่ใช่เรื่องจริง ทุกหน่วยงานจะต้องร่วมกันชี้แจงกับต่างชาติรวมทั้งประท้วงไปยังประเทศที่ปล่อยให้มีการกล่าวร้ายกระบวนการยุติธรรมด้วย
นายพีระพันธ์ กล่าวว่าหากตัวอดีตนายกรัฐมนตรีไม่สามารถชี้แจง ทำความเข้าใจ หรือแสดงหลักฐาน ข้อมูลต่างๆ ให้เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณ แถลงไม่เป็นความจริง และเพื่อให้เห็นว่าเป็นการแถลงแก้เกี้ยว เพียงเพื่ออาศัยหาเหตุหลบหลีกกระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้องของไทย ในส่วนของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นประทรวงยุติธรรม หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับความกระทบเทือนจากการแถลงครั้งนี้ เพราะมีการใช้คำว่า กระบวนการยุติธรรม หากองค์กรเหล่านี้ไม่ตรวจสอบเท่ากับยอมรับ ซึ่งจะทำให้เกิดความไม่น่าเชื่อถือ ของสายตาเวทีระดับสากล ดังนั้น วันนี้ ภายในประเทศจะนิ่งเฉยไม่ได้ โดยเฉพาะสถาบันศาลที่ถูกกระทบโดยตรง ต้องออกมายืนยัน หรืออย่างต้องออกมาตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
กระทรวงยุติธรรมต้องเป็นแม่งานในการตรวจสอบเรื่องนี้ว่าจริงหรือไม่ ถ้าไม่จริงจะต้องร่วมมือกับกระทรวงต่างประเทศประท้วง ไม่เช่นนั้น จะถูกสายตา ชาวโลกมองว่าสิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณ แถลงเป็นความจริง หรือถ้าจะเป็นจริงอย่างที่ กล่าวหาก็ต้องตรวจสอบ เพราะเป็นเรื่องใหญ่นำมาซึ่งความเสื่อมเสียของประเทศ หากไม่มีการดำเนินการใดๆทั้งสิ้น ผมในฐานะที่เป็นรมว.ยุติธรรมเงา จะติดตามตรวจสอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้มีการตรวจสอบอย่างจริงจัง เพราะถือเป็นความผิดคดีอาญา

***"ภัยการเมือง" ขอลี้ภัยไม่ได้
นายวรินทร์ เทียมจรัส ส.ว.สรรหา กล่าวว่า โดยหลักการถ้าไม่ใช่คดีการเมือง เช่น การกระทำความผิดทางคดีอาญาของประเทศในหลักการแล้วลี้ภัยทางการเมืองไม่ได้ ส่วนที่ใช้เหตุผลว่าถูกแทรกแซงทางกระบวนการยุตธิรรมนั้นเป็นข้ออ้าง ซึ่งตั้งแต่ปี 2549 แล้วมีการเลือกตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ในประเทศไทยตลอดและใช้สิทธิผ่านศาลมาตลอด ความจริงเป็นเรื่องของกระบวนการยุตธรรมภายใน ไม่ใช่เป็นเรื่องของความเห็นขัดกัน ที่ว่ากระบวนการยุติธรรมล้มเหลวถือเป็นข้ออ้าง ขณะนี้มีปัญหาอยู่ที่ว่าจะใช้หลักการลี้ภัยอย่างไร ซึ่งบางประเทศถ้ามาลี้ภัยก็จะมีการแลกเปลี่ยน เช่นบางประเทศถ้าไปอยู่และถือสัญชาติประเทศนั้นต้องมีเงินเข้าไปลงทุน เขาก็จะให้สิทธิพิเศษ แต่บางประเทศเขาก็ไม่สนใจว่าประเทศอื่นจะคิดอย่างไรเป็นเรื่องอธิปไตยของรัฐของเขา อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณจะไปลี้ภัยที่ไหนก็ได้ถ้ารัฐบาลเขายอมแต่จะอ้างเรื่องภัยทางการเมืองไม่ได้ เนื่องจาก ไม่มีหลักที่จะพูดถึงตรงนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าไม่เรียกลี้ภัยทางการเมืองแล้วจะเรียกว่าอะไร นายวรินทร์ กล่าวว่า ถ้ามีกฎหมายและสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนประเทศภาคีก็สามารถที่จะร้องขอให้ทำการจับตัวและส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ ซึ่งประเทศอังกฤษนั้นตนไม่แน่ใจว่า ประเทศไทยได้เป็นภาคีร่วมหรือไม่ แต่ถ้ามีแล้วศาลไทยลงโทษ รัฐบาลไทยก็สามารถทำหนังสือขอตัวผู้ร้ายข้ามแดนจากอังกฤษได้

***ฮิวแมนไรท์ชี้ซ้ำรอยราเกซ-ปิ่น
นายสุนัย ผาสุก ที่ปรึกษาองค์กรฮิวแมนไรท์วอชท์ประจำประเทศไทย เรื่องที่น่าสนใจคือขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือวีซ่าอะไรเข้าประเทศอังกฤษ หากถือวีซ่า ผู้มีถิ่นพำนักเป็นการถาวรในประเทศ ก็สามารถเดินทางเข้าออกประเทศอังกฤษได้ตลอดเวลา ซึ่งตนกำลังสงสัยว่า พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัวจะขอลี้ภัยจากปัญหาทางการเมืองหรือต้องการหลบหนีคดีอาญากันแน่ เพราะที่ผ่านมาก็ไม่ได้ปฏิเสธ การไต่สวนของศาลตั้งแต่ต้น ตรงกันข้ามกลับยอมรับอำนาจศาลแล้ว หากจะบอกว่า ต้นทางของสำนวนเกิดมาจากคตส. จึงไม่ยอมรับ แต่กรณีนี้ศาลรัฐธรรมนูญก็ตัดสินแล้วว่าคตส.มีความชอบธรรมในการทำสำนวน อีกทั้งเมื่อคดีเข้าสู่ศาล พ.ต.ท.ทักษิณก็แต่งตั้งทนายขึ้นสู้คดี และไม่ได้แย้งอำนาจศาล แต่ตอนนี้จะมากล่าวหาว่ากระบวนการของศาลมีการแทรกแซงทั้งที่ยอมรับตั้งแต่แรก ดังนั้น จึงมองว่าพ.ต.ท.ทักษิณหนีไปเพราะกลัวประเด็นทางกฎหมายมากกว่า โดยประเด็นนี้อาจต้องขอความร่วมมือเพื่อส่งผู้ร้ายข้ามแดน
นายสุนัย กล่าวว่า แม้ว่าไทยจะทำสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศอังกฤษ แต่ที่ผ่านมากระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดนมีความล่าล้า ถ้ามีทนายเก่งๆ ก็จะทำให้การขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้นถูกดอง เช่น กรณีของนายราเกซ สักเสนา หรือ นายปิ่น จักกะพาก แต่ด้วยเทคนิคทางกฎหมายก็ทำให้จนถึงขณะนี้ไม่สามารถนำตัวมาขึ้นศาลไทยได้ แต่ที่ผ่านมามีผู้นำโลกที่หลบหนีการจับกุม แต่ก็ไม่พ้นต้องถูกจับกุมตามหลักการยุติธรรมระหว่างประเทศและถูกส่งตัวกลับไปดำเนินคดีภายในประเทศ เช่น นายฟูจิมูริ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่หนีคดีคอรัปชั่นแต่ก็ถูกจับตัวขณะหลบหนี ไปอยู่อเมริกาใต้ อีกทั้งมีกรณีของพล.อ.ออกุสโต ปิโนเชต์ อดีตผู้นำเผด็จการของชิลี ก็ถูกจับกุมในคดีการละเมิดสิทธิมนุษชน โดยกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณถือเป็นกรณี การทุจริตที่มองได้ว่าเป็นเรื่องทางการเมือง ซึ่งต้องดูว่าจะประสานงานส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้หรือไม่

***เลี้ยบชี้ไม่กระทบสรรพากร
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวว่า แม้ พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมานไปอยู่ประเทศอังกฤษก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการอายัดทรัพย์สินที่บุคคลทั้ง 2 ถูกตรวจสอบในคดีเลี่ยงภาษี เนื่องจากกรมสรรพากร ยังทำหน้าที่ตามกฎหมายเช่นเดิม เพื่อนำทรัพย์สินที่เข้าข่ายเป็นรายได้ภาษีที่ถูกต้องตามกฎหมายกลับมาเป็นทรัพย์สินของกรมสรรพากร

***บัวหลวงยันเงินแม้วอยู่ครบ
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ได้ตอบข้อซักถามของผู้สื่อข่าวในกรณี คตส.อายัดเงินฝาก พ.ต.ท.ทักษิณที่ธนาคารกรุงเทพประมาณ 18,000 ล้านบาท ว่า เงินฝากดังกล่าวตอนนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนตอบข้อซักถาม นายชาติศิริใช้เวลาคิดค่อนข้างนาน ขณะที่นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCIB กล่าวว่า เงินฝาก พ.ต.ท.ทักษิณที่อยู่ใน SCIB มีเพียง 1 ล้านบาท เนื่องจากมีการถอนเงินออกไปก่อนที่จะถูกอายัด
รายงานข่าวระบุว่า ยอดเงินฝากที่ คตส.อายัดไว้จำนวน 6.8 หมื่นล้านบาท กระจายกว่า 16 บัญชี นอกจาก 1.8 หมื่นล้านบาทในธนาคารกรุงเทพแล้ว เงินฝากก้อนใหญ่ยังอยู่ที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ 3.9 หมื่นล้านบาท ธนาคารออมสิน 1.5 หมื่นล้านบาท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯ 2.7 พันล้านบาท บลจ.ไทยพาณิชย์ 2.2 พันล้านบาท ธนาคารกรุงศีอยุธยา 2.1 พันล้านบาท ธนาคารธนชาต 1.4 พันล้านบาท เป็นต้น

**สื่อนอกชี้ "ทักษิณ"จบแล้ว**
บรรดาสื่อต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์บีบีซี , สำนักข่าวรอยเตอร์, สำนักข่าวเอเอฟพี, บลูมเบิร์ก, ตลอดจนหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆ ในอังกฤษ ต่างสนใจรายงานข่าวการหลบหนีคดีและถูกศาลออกหมายจับของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และภรรยา
เอเอฟพียังพูดถึงคดีความอื่นๆ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณถูกฟ้องร้องอยู่ และกล่าวด้วยว่า ภายหลังการเลือกตั้งที่ทำให้พรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นพันธมิตรของ พ.ต.ท.ทักษิณได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ได้เกิดการประท้วงตามท้องถนนซึ่งจวบจนบัดนี้สามารถทำลายแผนการของพรรคพลังประชาชน ที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ
สำนักข่าวแห่งนี้ยังอ้างความเห็นของนายฐิตินันท์ พงศ์สุทธิรักษ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่กล่าวว่า ยังจะต้องคอยติดตามกันต่อไปว่า การหนีไปลี้ภัยต่างประเทศของอดีตผู้นำที่ก่อให้เกิดความแตกแยกผู้นี้ จะสามารถบรรเทาความตึงเครียดในประเทศไทยได้หรือไม่ แต่ที่พูดได้แน่ๆ คือ เกมจบลงแล้วสำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณ
"เวลานี้เขากำลังพัวพันกับคดีความทางกฎหมายอย่างซับซ้อน ซึ่งไม่มีทางที่จะเอาชนะได้ -เขาจบสิ้นปิดฉากทางการเมืองลงไปแล้ว" นายฐิตินันท์บอกกับเอเอฟพี
ทางด้านสำนักข่าวรอยเตอร์กล่าวว่า นักวิเคราะห์หลายรายมีความเห็นว่า การหลบหนีไปของ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจหมายถึงรัฐบาลนายสมัคร จะมีเวลาหยุดพักจากการถูกประท้วงต่อต้านบนท้องถนน และสามารถที่จะมุ่งความสนใจไปที่เรื่องเศรษฐกิจ
แต่รอยเตอร์ก็บอกว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศออกมาแล้วว่าจะยังไม่เลิกประท้วงจนกว่ารัฐบาลผสมของนายสมัครจะล้มไป โดยสำนักข่าวแห่งนี้อ้างคำพูดของ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกของพันธมิตรฯที่กล่าวว่า การหลบหนีลี้ภัยของทักษิณถือเป็นชัยชนะอีกอย่างหนึ่งของทางพันธมิตรฯ แต่เป้าหมายสูงสุดของพันธมิตรนั้นอยู่ที่การยุติระบอบทักษิณ ด้วยการเตะรัฐบาลหุ่นออกไป
รอยเตอร์ยังรายงานว่า นักวิเคราะห์หลายรายเห็นว่า การที่คุณหญิงพจมานมีหวังจะต้องถูกจำคุก ภายหลังการพิพากษาของศาลชั้นต้นในคดีโกงภาษีเมื่อเดือนที่แล้ว น่าจะเป็นเหตุผลที่บังคับให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องออกนอกประเทศ และการที่เขาใช้ถ้อยคำโจมตีระบบศาลยุติธรรม อันอยู่ในลักษณะหมิ่นศาลไทย ซึ่งมีการใช้กฎหมายลงโทษในเรื่องนี้อย่างเข้มงวด ย่อมหมายความว่า เขาจะไม่สามารถกลับมาเมืองไทยอีกเป็นเวลานาน
ทั้งนี้รอยเตอร์อ้างคำพูดของ นายคริส เบเกอร์ นักวิเคราะห์การเมืองที่เคยเขียนหนังสือชีวประวัติ พ.ต.ท.ทักษิณมาแล้ว โดยนายเบเกอร์บอกว่า จากการที่เขาดูหมิ่นศาลเช่นนี้ ทำให้เขาจะต้องจากไปอีกนาน
"เขาเป็นคนที่ค่อนข้างเจ้าอารมณ์ และเขาก็พูดแรงๆ ด้วยความโกรธบ่อยครั้งมากในอดีต" นายเบเกอร์กล่าวต่อ "สิ่งที่ผมเดาก็คือ ในระยะไม่กี่สัปดาห์ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เขาได้โปรยเงินทองออกไปจำนวนมากเพื่อพยายามและนำตัวเขาให้หลุดจากเรื่องนี้ และมันประสบความล้มเหลว และเขาจึงรู้สึกโกรธมาก"
ทางด้านสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ก็ได้สัมภาษณ์นายเบเกอร์เช่นกัน โดยอ้างคำพูดของเขาที่กล่าวว่า "สิ่งที่ดำเนินไปมากมายเหลือเกินในปีที่ผ่านมา คือเรื่องราวความพยายามของ พ.ต.ท.ทักษิณที่จะนำตัวเองให้หลุดจากเบ็ดเกี่ยว" นายเบเกอร์บอก "ผมสงสัยว่าเขากำลังกระแทกกับทางตัน ซึ่งเขาตระหนักว่า ไม่มีคุณค่าที่จะเล่นพนันต่อไปแล้ว"
สำนักข่าวรอยเตอร์ยังได้พูดเรื่องอนาคตของนายสมัครและพรรคพลังประชาชน และอ้างคำกล่าวของ นายบุญเกียรติ การะเวกพันธ์ แห่งมหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่กล่าวว่า "เรือลำนี้เต็มไปด้วยรูรั่ว ทั้งใหญ่ทั้งเล็ก และพร้อมที่จะจมได้ตลอดเวลา มันจึงขึ้นอยู่กับตัวกัปตันที่จะต้องพยายามเอาตัวรอดจากบรรดาคลื่นลม และประคับประคองให้อยู่ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้"
อนึ่ง รอยเตอร์ยังได้เผยแพร่รายงานข่าวอีกชิ้นหนึ่ง ที่มุ่งจะตอบคำถามว่า รัฐบาลนายสมัครจะอยู่ได้นานขึ้นไหม เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ หนีคดีไปแล้ว
นายนพพร วงศ์อนันต์ ซึ่งเป็นผู้เขียนรายงานชิ้นนี้บอกว่า ได้ไปสัมภาษณ์นักวิเคราะห์การเมืองหลายๆ คน และพอสรุปได้ว่า สถานการณ์การเมืองที่อาจจะเกิดขึ้นได้ มีกันอยู่ 3 รูปแบบ ได้แก่
--แรงกดดันยังคงมีอยู่ทั้งต่อรัฐบาลและพรรคพลังประชาชน และ/หรือ กระทั่งคณะรัฐมนตรีก็อาจถูกระงับการปฏิบัติหน้าที่ เมื่อมีการตัดสินคดีความต่างๆ ที่รัฐบาลและพรรคถูกฟ้องร้อง
สถานการณ์เช่นนี้อาจทำให้ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ และนายสมัครน่าที่จะเข็นโครงการประชานิยมออกมา เพื่อให้ตัวเขาพรักพร้อมยิ่งขึ้น
--การจากไปของทักษิณ ทำให้ฝ่ายค้านยอมถอยยอมผ่อนปรนให้รัฐบาลนายสมัคร
ทว่านักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ไม่คิดว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นได้
--พรรคพลังประชาชนแตกเป็นเสี่ยงๆ รัฐบาลผสมล้มคว่ำ และมีการเลือกตั้งใหม่
พรรคประชาธิปัตย์อาจจะมีโอกาสคว้าชัยชนะ.
กำลังโหลดความคิดเห็น