วันนี้ขอพูดถึง พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข เพราะภาระหน้าที่ของ ผบ.ทอ.ที่ชื่อชลิตกำลังจะเป็นตำนานของกองทัพอากาศเพราะท่านจะต้องจัดกำลังทัพใหม่ให้เหมาะสมกับสถานการณ์บ้านเมือง ซึ่งมีความยากลำบากในการแต่งตั้ง ผบ.ทอ.คนใหม่แทนตามวาระ
ในภาวการณ์ทางการเมืองที่ยุ่งเหยิงที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เมื่อสังคมไทยเกิดการแตกแยกเป็นหลายส่วน และแต่ละส่วนก็รวมตัวกันเป็น 2 ฝ่าย คือฝ่ายอำนาจเก่าในระบอบทักษิณกับฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณ และยังไม่มีวี่แววที่จะยุติได้ง่ายๆ เพราะเงื่อนไขการเมืองที่เกิดจากตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เองที่ยังเป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง โดยหวังที่จะใช้อำนาจฝ่ายบริหารตัดตอนหรือยับยั้งขบวนการสนับสนุนข้อมูล หรืออำพรางเบาะแสหรือหลักฐานสำคัญในคดีต่างๆ ที่ คตส.รวบรวมส่งฟ้องศาลต่างๆ ทั้งคดีอาญา และคดีทางการเมืองเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภรรยาถูกศาลอาญาพิพากษาจำคุกกรณีจงใจหลีกเลี่ยงภาษีเป็นเวลา 3 ปี แต่ยังเหลืออีกสองศาลจึงต้องดิ้นรนสุดฤทธิ์
ความซับซ้อนของกลการเมืองจึงยุ่งยากเกินจะหยั่งถึง และมีอิทธิพลต่อกองทัพเป็นอย่างมาก เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 10 ซึ่งกำลังเบ่งบานในกองทัพ และในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่เท่านี้ยังไม่พอ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นอภิมหาเศรษฐีมีเงินมหาศาล ถึงแม้ว่าถูกอายัดไว้บ้างบางส่วนแล้วก็ตาม แต่เงินสดในมือยังคงมีอยู่มากมายที่สามารถจะทำอะไรก็ได้ จะซื้ออะไรก็ได้ และเขาเป็นผู้อุปถัมภ์งานเลี้ยงรุ่น ตท. 10 มาตลอด และเมื่อเป็นนายกรัฐมนตรีก็สามารถจัดสรรตำแหน่งดีๆ มีอำนาจบังคับบัญชาหน่วยทหารหลักทั้งสามเหล่าทัพ จนเกิดการรัฐประหารในวันที่ 19 กันยายน 2549
และปัจจุบัน ตท. 10 หลายคนมียศ ตำแหน่ง และอาวุโสในกองทัพ พร้อมที่จะก้าวขึ้นในตำแหน่งผู้บัญชาการเหล่าทัพ โดยเฉพาะกองทัพอากาศซึ่งเป็นกองทัพตัวแปรในการปฏิบัติการทางทหาร เพราะมีอำนาจทำลายแบบฉับพลันสูง สามารถเคลื่อนย้ายกำลังได้รวดเร็วทุกภูมิประเทศ และทุกสภาพอากาศ กำลังทางอากาศสามารถย้ายที่ตั้งได้รวดเร็วทำให้การยึดที่ตั้งแบบจู่โจมกระทำได้ยาก กองทัพอากาศมีหน่วยบินรบพร้อมรบได้ทันทีหนึ่งฝูงบินหย่อนกำลัง ซึ่งคุณสมบัติการจู่โจมใช้อาวุธที่สามารถใช้ได้ตั้งแต่น้อยไปหามาก หรือแม้กระทั่งบินขู่ด้วยการทำ Sonic Boom คือการบินเหนือเสียงจนเกิดแรงกระแทกของอากาศข้างหลังเครื่องบินเป็นเสียงระเบิดแต่ทหารอากาศยึดครองพื้นที่ไม่ได้
จากอดีตของกองทัพเองที่มีการแตกแยกเสมอมาตั้งแต่ พ.ศ. 2475 และใครได้อำนาจปกครองก็สามารถจัดการกับส่วนที่เป็นปฏิปักษ์ได้ด้วยวินัยทหาร ซึ่งมีความแข็งแกร่งมากต่างกับข้าราชการพลเรือนหรือข้าราชการการเมือง กองทัพอากาศมีฐานะเป็นกองทัพใน พ.ศ. 2480 ความแตกแยกเริ่มต้นใน พ.ศ. 2492 เป็นต้นมา เมื่อคณะรัฐประหาร 8 พฤศจิกายน 2490 เกิดแตกแยกกันเอง และทำให้มีการเปลี่ยนแปลงตัว ผบ.ทอ.จาก พล.อ.ท.กาพย์ ทัตตานนท์ มาเป็น พล.อ.อ.ฟื้น ร.ฤทธาคนี เพราะพล.อ.ท.กาพย์ เกิดมีความใกล้ชิดกับกลุ่มที่อยู่ตรงข้ามกับจอมพล ป.พิบูลสงคราม แต่ขณะนั้นเป็นห้วงที่กองทัพอากาศกำลังพัฒนาบุคลากร และคนเก่งๆ ส่วนใหญ่อยู่ต่างประเทศ หรือเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาพล.อ.อ.ฟื้นในกองบินใหญ่ภาคสนามเสียเป็นส่วนมาก เช่น
พล.อ.อ.ทวี จุลละทรัพย์ จอมพลอากาศเฉลิมเกียรติ วัฒนางกูร หลังจากนั้นก็มีการแข่งขันกันเป็นคู่ๆ บ้าง สามเส้าบ้าง เช่น คู่ พล.อ.อ.กมล ตุงคะเดชะ กับ พล.อ.อ.สวัสดิ์ พรชำนิ ซึ่งมีบารมีสูงเพราะกำลังรบอยู่ในมือ จึงมีการยุบกองบินยุทธการโดย พล.อ.อ.กมล คู่ที่ 2 พล.อ.อ.พะเนียง กานต์รัตน์ กับ พล.อ.อ.คำรณ ลีละศิริ ซึ่งขณะกำลังพิจารณานั้นท่านเกิดหัวใจวายเสียชีวิต คู่ที่ 3 พล.อ.อ.ทะแกล้ว ศุษิลวรณ์ กับ พล.อ.อ.บัญชา สุขานุศาสน์ท่านหลังได้รับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท การบินไทย คู่ที่ 4 พล.อ.อ.ประพันธ์ ธูปะเตมีย์ ซึ่งมีพล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก สนับสนุน กับ พล.อ.อ.อรุณ พร้อมเทพ และท่านหลังได้รับเชิญให้ร่วมรัฐประหาร 9 กันยายน 2528 ที่ น.ท.มนัส รูปขจร น้องชาย พล.ต.มนูญกฤต จับตัว ผบ.ทอ.
คู่ที่ 5 เริ่มศักราช นนอ. 1 พล.อ.อ.เกษตร โรจนนิล กับ พล.อ.อ.วรนาถ อภิจารี เพื่อนรุ่น นนอ.ชุดแรกของ ทอ.ไทย มีการชิงไหวชิงพริบกันและชิงตำแหน่งกัน จนเกิดรัฐประหาร รสช.และกรณีพฤษภาทมิฬ 2535 พล.อ.อ.กันต์ พิมานทิพย์ ซึ่งครั้งหนึ่ง รสช.คิดว่าเอาใจออกห่างไปเข้ากับกลุ่ม พล.อ.ชาติชาย จึงถูกจัดออกจากศูนย์อำนาจ ทอ.แต่พลังประชาชนหลัง 17 พฤษภาคม 2535 ผลักดันเป็น ผบ.ทอ.คู่ที่ 6 พล.อ.อ.ม.ร.ว.ศิริพงษ์ ทองใหญ่ กับพล.อ.อ.สุเทพ เทพรักษ์ และเกิดสามเส้า พล.อ.อ.สามารถ โสดสถิตย์ กับ พล.อ.อ.เกรียงไกร สินธวานนท์ กับ พล.อ.อ.อมร แนวมาลี แต่พล.อ.อ.อมรได้รับตำแหน่ง คู่ที่ 8 พล.อ.อ.ธนนิตย์ เทียมทันต์ กับ พล.อ.อ.ธีรศิลป์ คัมภีร์ญาณนนท์ พล.อ.อ.ธนนิตย์ได้ตำแหน่งเกิดสี่เส้าพล.อ.อ.มหินทรา เทียมทัศน์ พล.อ.อ.ธีรศิลป์ คัมภีรญาณนนท์ พล.อ.อ.สนั่น ทั่วทิพย์ และพล.อ.อ.ประพัฒน์ วีณะคุปต์ แต่พล.อ.อ.สนั่น ทั่วทิพย์ ได้เป็น ผบ.ทอ.ภายใต้การสนับสนุนของ พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ ผบ.ทหารสูงสุด คู่ที่ 10 พล.อ.อ.ปอง มณีศิลป์ กับ พล.อ.อ.เทอดศักดิ์ สัจจะรักษ์ ที่ผิดหวังแต่ได้เป็นผู้ว่าการท่าฯ และถูกปลดเพราะการเมือง จนถึงสามเส้าพล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา กับ พล.อ.อ.อนุพันธ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา กับ พล.อ.อ.เฉลิม ชุ่มชื่นสุขซึ่งพล.อ.คงศักดิ์ได้เป็นผบ.ทอ.และเป็นคนแรกที่ลาออกไปเล่นการเมือง และคู่สุดท้าย พล.อ.อ.ระเด่น พึ่งพักตร์ กับ พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี เกิดกรณีอื้อฉาว ฮ. 6 ทำให้ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ได้ตำแหน่ง ผบ.ทอ.เป็นตาอยู่และนี่เป็นตำนานการแข่งขันผบ.ทอ.ที่เป็นเรื่องปกติ
คนรู้จัก พล.อ.อ.ชลิต แล้วจะรู้ว่าเป็นคนไม่มีความใฝ่สูง และมองว่าตำแหน่งอะไรก็ได้ที่ไม่ทำให้พี่ เพื่อนและน้องต้องเสียใจ เป็นนักบิน F-5 ขนานแท้มาตลอด ไม่เคยมีอุบัติเหตุหรืออุบัติการณ์มีฝีมือคงเส้นคงวาตลอดในฐานะเสืออากาศคนหนึ่ง แต่ไม่เคยคิดแย่งตำแหน่งผู้บังคับฝูงบินกับเพื่อนรุ่น จึงเป็นที่รักของเพื่อนๆ พูดจาไพเราะไม่เคยใช้คำหยาบคาย มีความรู้ดี แต่ไม่แสดงตนว่าเก่งเหนือใคร ซื่อสัตย์ เมื่อผู้บังคับบัญชาให้เลือกที่จะเป็นผู้บังคับการกองบินแต่ต้องแย่งกับเพื่อนรุ่นจึงเลือกตำแหน่งผู้บังคับการกรมนักเรียนนายเรืออากาศ ดูแลวินัยนักเรียนนายเรืออากาศ และต่อมาเป็นผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรืออากาศ
แต่ความแน่วแน่ลักษณะอ่อนนอกแข็งใน มีการปกครองบังคับบัญชาตามแนวพรหมวิหาร 4 ในส่วนทางการเมืองนั้นมีความเที่ยงตรงไม่วอกแวกหรือขาดหลักวัตถุประสงค์ของการทำรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 จึงพูดจาชัดเจนตรงตามที่เป็นจริง และการเป็นทหารอากาศตามอุดมคติทหารอากาศ คือ ความซื่อสัตย์ กล้าหาญ เพื่อชาติ พระเจ้าอยู่หัว ประชาชนและชาวทหารอากาศ จึงทำให้หลายคนเชื่อว่าพล.อ.อ.ชลิตมีวิจารญาณสูงยิ่งในการตัดสินใจเลือก ผบ.ทอ.คนต่อไป ที่จะต้องมีรูปแบบตามอุดมคติทหารอากาศอย่างแท้จริง
ในภาวการณ์ทางการเมืองที่ยุ่งเหยิงที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เมื่อสังคมไทยเกิดการแตกแยกเป็นหลายส่วน และแต่ละส่วนก็รวมตัวกันเป็น 2 ฝ่าย คือฝ่ายอำนาจเก่าในระบอบทักษิณกับฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณ และยังไม่มีวี่แววที่จะยุติได้ง่ายๆ เพราะเงื่อนไขการเมืองที่เกิดจากตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เองที่ยังเป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง โดยหวังที่จะใช้อำนาจฝ่ายบริหารตัดตอนหรือยับยั้งขบวนการสนับสนุนข้อมูล หรืออำพรางเบาะแสหรือหลักฐานสำคัญในคดีต่างๆ ที่ คตส.รวบรวมส่งฟ้องศาลต่างๆ ทั้งคดีอาญา และคดีทางการเมืองเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภรรยาถูกศาลอาญาพิพากษาจำคุกกรณีจงใจหลีกเลี่ยงภาษีเป็นเวลา 3 ปี แต่ยังเหลืออีกสองศาลจึงต้องดิ้นรนสุดฤทธิ์
ความซับซ้อนของกลการเมืองจึงยุ่งยากเกินจะหยั่งถึง และมีอิทธิพลต่อกองทัพเป็นอย่างมาก เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 10 ซึ่งกำลังเบ่งบานในกองทัพ และในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่เท่านี้ยังไม่พอ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นอภิมหาเศรษฐีมีเงินมหาศาล ถึงแม้ว่าถูกอายัดไว้บ้างบางส่วนแล้วก็ตาม แต่เงินสดในมือยังคงมีอยู่มากมายที่สามารถจะทำอะไรก็ได้ จะซื้ออะไรก็ได้ และเขาเป็นผู้อุปถัมภ์งานเลี้ยงรุ่น ตท. 10 มาตลอด และเมื่อเป็นนายกรัฐมนตรีก็สามารถจัดสรรตำแหน่งดีๆ มีอำนาจบังคับบัญชาหน่วยทหารหลักทั้งสามเหล่าทัพ จนเกิดการรัฐประหารในวันที่ 19 กันยายน 2549
และปัจจุบัน ตท. 10 หลายคนมียศ ตำแหน่ง และอาวุโสในกองทัพ พร้อมที่จะก้าวขึ้นในตำแหน่งผู้บัญชาการเหล่าทัพ โดยเฉพาะกองทัพอากาศซึ่งเป็นกองทัพตัวแปรในการปฏิบัติการทางทหาร เพราะมีอำนาจทำลายแบบฉับพลันสูง สามารถเคลื่อนย้ายกำลังได้รวดเร็วทุกภูมิประเทศ และทุกสภาพอากาศ กำลังทางอากาศสามารถย้ายที่ตั้งได้รวดเร็วทำให้การยึดที่ตั้งแบบจู่โจมกระทำได้ยาก กองทัพอากาศมีหน่วยบินรบพร้อมรบได้ทันทีหนึ่งฝูงบินหย่อนกำลัง ซึ่งคุณสมบัติการจู่โจมใช้อาวุธที่สามารถใช้ได้ตั้งแต่น้อยไปหามาก หรือแม้กระทั่งบินขู่ด้วยการทำ Sonic Boom คือการบินเหนือเสียงจนเกิดแรงกระแทกของอากาศข้างหลังเครื่องบินเป็นเสียงระเบิดแต่ทหารอากาศยึดครองพื้นที่ไม่ได้
จากอดีตของกองทัพเองที่มีการแตกแยกเสมอมาตั้งแต่ พ.ศ. 2475 และใครได้อำนาจปกครองก็สามารถจัดการกับส่วนที่เป็นปฏิปักษ์ได้ด้วยวินัยทหาร ซึ่งมีความแข็งแกร่งมากต่างกับข้าราชการพลเรือนหรือข้าราชการการเมือง กองทัพอากาศมีฐานะเป็นกองทัพใน พ.ศ. 2480 ความแตกแยกเริ่มต้นใน พ.ศ. 2492 เป็นต้นมา เมื่อคณะรัฐประหาร 8 พฤศจิกายน 2490 เกิดแตกแยกกันเอง และทำให้มีการเปลี่ยนแปลงตัว ผบ.ทอ.จาก พล.อ.ท.กาพย์ ทัตตานนท์ มาเป็น พล.อ.อ.ฟื้น ร.ฤทธาคนี เพราะพล.อ.ท.กาพย์ เกิดมีความใกล้ชิดกับกลุ่มที่อยู่ตรงข้ามกับจอมพล ป.พิบูลสงคราม แต่ขณะนั้นเป็นห้วงที่กองทัพอากาศกำลังพัฒนาบุคลากร และคนเก่งๆ ส่วนใหญ่อยู่ต่างประเทศ หรือเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาพล.อ.อ.ฟื้นในกองบินใหญ่ภาคสนามเสียเป็นส่วนมาก เช่น
พล.อ.อ.ทวี จุลละทรัพย์ จอมพลอากาศเฉลิมเกียรติ วัฒนางกูร หลังจากนั้นก็มีการแข่งขันกันเป็นคู่ๆ บ้าง สามเส้าบ้าง เช่น คู่ พล.อ.อ.กมล ตุงคะเดชะ กับ พล.อ.อ.สวัสดิ์ พรชำนิ ซึ่งมีบารมีสูงเพราะกำลังรบอยู่ในมือ จึงมีการยุบกองบินยุทธการโดย พล.อ.อ.กมล คู่ที่ 2 พล.อ.อ.พะเนียง กานต์รัตน์ กับ พล.อ.อ.คำรณ ลีละศิริ ซึ่งขณะกำลังพิจารณานั้นท่านเกิดหัวใจวายเสียชีวิต คู่ที่ 3 พล.อ.อ.ทะแกล้ว ศุษิลวรณ์ กับ พล.อ.อ.บัญชา สุขานุศาสน์ท่านหลังได้รับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท การบินไทย คู่ที่ 4 พล.อ.อ.ประพันธ์ ธูปะเตมีย์ ซึ่งมีพล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก สนับสนุน กับ พล.อ.อ.อรุณ พร้อมเทพ และท่านหลังได้รับเชิญให้ร่วมรัฐประหาร 9 กันยายน 2528 ที่ น.ท.มนัส รูปขจร น้องชาย พล.ต.มนูญกฤต จับตัว ผบ.ทอ.
คู่ที่ 5 เริ่มศักราช นนอ. 1 พล.อ.อ.เกษตร โรจนนิล กับ พล.อ.อ.วรนาถ อภิจารี เพื่อนรุ่น นนอ.ชุดแรกของ ทอ.ไทย มีการชิงไหวชิงพริบกันและชิงตำแหน่งกัน จนเกิดรัฐประหาร รสช.และกรณีพฤษภาทมิฬ 2535 พล.อ.อ.กันต์ พิมานทิพย์ ซึ่งครั้งหนึ่ง รสช.คิดว่าเอาใจออกห่างไปเข้ากับกลุ่ม พล.อ.ชาติชาย จึงถูกจัดออกจากศูนย์อำนาจ ทอ.แต่พลังประชาชนหลัง 17 พฤษภาคม 2535 ผลักดันเป็น ผบ.ทอ.คู่ที่ 6 พล.อ.อ.ม.ร.ว.ศิริพงษ์ ทองใหญ่ กับพล.อ.อ.สุเทพ เทพรักษ์ และเกิดสามเส้า พล.อ.อ.สามารถ โสดสถิตย์ กับ พล.อ.อ.เกรียงไกร สินธวานนท์ กับ พล.อ.อ.อมร แนวมาลี แต่พล.อ.อ.อมรได้รับตำแหน่ง คู่ที่ 8 พล.อ.อ.ธนนิตย์ เทียมทันต์ กับ พล.อ.อ.ธีรศิลป์ คัมภีร์ญาณนนท์ พล.อ.อ.ธนนิตย์ได้ตำแหน่งเกิดสี่เส้าพล.อ.อ.มหินทรา เทียมทัศน์ พล.อ.อ.ธีรศิลป์ คัมภีรญาณนนท์ พล.อ.อ.สนั่น ทั่วทิพย์ และพล.อ.อ.ประพัฒน์ วีณะคุปต์ แต่พล.อ.อ.สนั่น ทั่วทิพย์ ได้เป็น ผบ.ทอ.ภายใต้การสนับสนุนของ พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ ผบ.ทหารสูงสุด คู่ที่ 10 พล.อ.อ.ปอง มณีศิลป์ กับ พล.อ.อ.เทอดศักดิ์ สัจจะรักษ์ ที่ผิดหวังแต่ได้เป็นผู้ว่าการท่าฯ และถูกปลดเพราะการเมือง จนถึงสามเส้าพล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา กับ พล.อ.อ.อนุพันธ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา กับ พล.อ.อ.เฉลิม ชุ่มชื่นสุขซึ่งพล.อ.คงศักดิ์ได้เป็นผบ.ทอ.และเป็นคนแรกที่ลาออกไปเล่นการเมือง และคู่สุดท้าย พล.อ.อ.ระเด่น พึ่งพักตร์ กับ พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี เกิดกรณีอื้อฉาว ฮ. 6 ทำให้ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ได้ตำแหน่ง ผบ.ทอ.เป็นตาอยู่และนี่เป็นตำนานการแข่งขันผบ.ทอ.ที่เป็นเรื่องปกติ
คนรู้จัก พล.อ.อ.ชลิต แล้วจะรู้ว่าเป็นคนไม่มีความใฝ่สูง และมองว่าตำแหน่งอะไรก็ได้ที่ไม่ทำให้พี่ เพื่อนและน้องต้องเสียใจ เป็นนักบิน F-5 ขนานแท้มาตลอด ไม่เคยมีอุบัติเหตุหรืออุบัติการณ์มีฝีมือคงเส้นคงวาตลอดในฐานะเสืออากาศคนหนึ่ง แต่ไม่เคยคิดแย่งตำแหน่งผู้บังคับฝูงบินกับเพื่อนรุ่น จึงเป็นที่รักของเพื่อนๆ พูดจาไพเราะไม่เคยใช้คำหยาบคาย มีความรู้ดี แต่ไม่แสดงตนว่าเก่งเหนือใคร ซื่อสัตย์ เมื่อผู้บังคับบัญชาให้เลือกที่จะเป็นผู้บังคับการกองบินแต่ต้องแย่งกับเพื่อนรุ่นจึงเลือกตำแหน่งผู้บังคับการกรมนักเรียนนายเรืออากาศ ดูแลวินัยนักเรียนนายเรืออากาศ และต่อมาเป็นผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรืออากาศ
แต่ความแน่วแน่ลักษณะอ่อนนอกแข็งใน มีการปกครองบังคับบัญชาตามแนวพรหมวิหาร 4 ในส่วนทางการเมืองนั้นมีความเที่ยงตรงไม่วอกแวกหรือขาดหลักวัตถุประสงค์ของการทำรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 จึงพูดจาชัดเจนตรงตามที่เป็นจริง และการเป็นทหารอากาศตามอุดมคติทหารอากาศ คือ ความซื่อสัตย์ กล้าหาญ เพื่อชาติ พระเจ้าอยู่หัว ประชาชนและชาวทหารอากาศ จึงทำให้หลายคนเชื่อว่าพล.อ.อ.ชลิตมีวิจารญาณสูงยิ่งในการตัดสินใจเลือก ผบ.ทอ.คนต่อไป ที่จะต้องมีรูปแบบตามอุดมคติทหารอากาศอย่างแท้จริง
