ผู้จัดการรายวัน – โอสถสภา ผุดธุรกิจขาใหม่เสริมทัพชูกำลังอิ่มตัว อัดฉีด 400 ล้านบาท ปั้นหน่วยงานใหม่ “ฝ่ายการตลาดเครื่องดื่มเสริมสุขภาพและฟังก์ชันนัล” ลุยตลาดเฉพาะทาง หวังดันรายได้กลุ่มเครื่องดื่มโต ชูจุดขายเรียลฟังก์ชันนัล จ่อคิวส่งสินค้าลงตลาด 1 ตัว ครึ่งปีหลังนี้ คาดรายได้รวมบริษัทกวาดกว่า 20,000 ล้านบาทตามเป้า
นายประธาน ไชยประสิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท โอสถสภา จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลังM -150 เปิดเผยว่า บริษัทได้ตั้งหน่วยงานการตลาดใหม่ขึ้นมา คือ ฝ่ายการตลาดเครื่องดื่มเสริมสุขภาพและฟังก์ชันนัล โดยเป็นหน่วยงานที่แยกออกมาจากกลุ่มเครื่องดื่มชูกำลัง และกลุ่มไบท์แบงค็อกซึ่งเน้นสินค้ากลุ่มนิชมาร์เก็ต สำหรับการเปิดหน่วยงานดังกล่าวขึ้นมา เพื่อดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มเสริมสุขภาพและเรียลฟังก์ชันนัล ซึ่งเป็นธุรกิจขาใหม่ที่เข้ามาช่วยผลักดันให้กลุ่มเครื่องดื่มมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น
จากปัจจุบันกลุ่มเครื่องดื่มมีสัดส่วนรายได้ 60% โดยมาจากกลุ่มเครื่องดื่มชูกำลังเป็นหลัก อาทิ M-150 ฉลาม ลิโพ แต่เนื่องจากตลาดเครื่องดื่มชูกำลังมูลค่า 30,000 ล้านบาท เริ่มมีอัตราการเติบโตลดลง ส่วนของไบท์ แบงค็อก ได้แก่ แฮงค์ ชาร์ค จูนอัพ และเปปทีน เป็นต้น ซึ่งหลังจากเปิดตัวหน่วยงานดังกล่าวจะผลักดันให้สัดส่วนรายได้เครื่องดื่มเพิ่มขึ้นมากกว่า 60% ส่วนอุปโภคสัดส่วนรายได้ 30% อาทิ เบบี้ มายด์ ทเวลฟ์พลัส และที่เหลือคือ ยา 5-6% อาทิ ทัมใจ ยาอมโบตัน อุทัยทิพย์ เป็นต้น โดยผลประกอบการปี 2550 หรือรอบบัญชีเดือนกันยายน 2550 – สิงหาคม 2551 คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายกว่า 20,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามการเปิดตัวหน่วยงานดังกล่าวคือว่าเป็นการพลิกโฉมหน้าดำเนินธุรกิจครั้งใหญ่ของโอสถสภา เนื่องจากแนวโน้มตลาดเครื่องดื่มเสริมสุขภาพและฟังก์ชันนัล เป็นเทรนด์ที่เติบโตอย่างมากในอเมริกาและญี่ปุ่น เนื่องจากผู้บริโภคที่มีความรู้จะรับประทานเพื่อการป้องกันมากกว่าการรักษาสอดคล้องกับวงการทางการแพทย์ สำหรับประเทศไทยที่ผ่านมายังไม่มีผู้ประกอบการรายใดทำตลาดอย่างจริง โดยมากเป็นเครื่องดื่มที่มีสารอาหารต่ำกว่าร่างกายต้องการ ส่วนหนึ่งเพราะต้นทุนการผลิตสูง อีกทั้งยังไม่มีการให้ความรู้หรือข้อมูลอย่างจริงจัง บริษัทจึงเห็นเล็งว่าเป็นโอกาสในการทำตลาด
สำหรับฝ่ายการตลาดเครื่องดื่มเสริมสุขภาพและฟังก์ชันนัล บริษัทได้ทุ่มงบ 400 ล้านบาท ในการทำตลาดภายใต้ปรัชญา Naturally providing high performance and good health โดยเน้นผลิตภัณฑ์ที่เสริมประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายให้เต็มศักยภาพและเสริมสุขภาพให้แข็งแรงอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยการจับมือร่วมกับสถาบันวิจัยทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งในเบื้องต้น 2-3 แห่ง ในการพัฒนาเครื่องดื่มที่มีสารอาหารปริมาณครบถ้วนต่อความต้องการร่างกาย ในรูปแบบ “อาหารไม่ใช่ยา” แตกต่างจากสินค้าที่มีอยู่ในตลาด มุ่งนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆจากธรรมชาติ ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ที่ใส่ใจในเรื่องสุขภาพระดับกลางและบน วางจำหน่ายผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรดเป็นหลัก เพราะสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ส่วนเทรดดิชันนัลเทรดมีวางจำหน่ายบ้าง ซึ่งบริษัทจะเป็นผู้ผลิตสินค้าเองทั้งหมด
ขณะนี้อยู่ระหว่างการหาบุคลากรเข้ามาเสริมการทำตลาด ล่าสุดได้แต่งตั้งให้เภสัชกรยอดมิตร ทองยงค์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพ เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาดเครื่องดื่มเสริมสุขภาพและฟังก์ชันนัล เภสัชกรยอดมิตร กล่าวว่า สำหรับหน่วยงานฝ่ายการตลาดเครื่องดื่มเสริมสุขภาพและฟังก์ชันนัล จะเริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการได้อีก 1 เดือน และภายในครึ่งปีหลังนี้บริษัทจะเปิดตัวสินค้าภายใต้แบรนด์ใหม่ 1 รายการ ส่วนแนวทางการทำตลาดจะมุ่งเน้นการให้ความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ผู้บริโภคเป็นหลัก ด้านราคาสินค้าเรียลฟังก์ชันนัลจะมีราคาสูงกว่าสินค้าที่วางจำหน่ายในตลาด เพราะมีสารอาหารในปริมาณที่สูงกว่า
นายประธาน ไชยประสิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท โอสถสภา จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลังM -150 เปิดเผยว่า บริษัทได้ตั้งหน่วยงานการตลาดใหม่ขึ้นมา คือ ฝ่ายการตลาดเครื่องดื่มเสริมสุขภาพและฟังก์ชันนัล โดยเป็นหน่วยงานที่แยกออกมาจากกลุ่มเครื่องดื่มชูกำลัง และกลุ่มไบท์แบงค็อกซึ่งเน้นสินค้ากลุ่มนิชมาร์เก็ต สำหรับการเปิดหน่วยงานดังกล่าวขึ้นมา เพื่อดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มเสริมสุขภาพและเรียลฟังก์ชันนัล ซึ่งเป็นธุรกิจขาใหม่ที่เข้ามาช่วยผลักดันให้กลุ่มเครื่องดื่มมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น
จากปัจจุบันกลุ่มเครื่องดื่มมีสัดส่วนรายได้ 60% โดยมาจากกลุ่มเครื่องดื่มชูกำลังเป็นหลัก อาทิ M-150 ฉลาม ลิโพ แต่เนื่องจากตลาดเครื่องดื่มชูกำลังมูลค่า 30,000 ล้านบาท เริ่มมีอัตราการเติบโตลดลง ส่วนของไบท์ แบงค็อก ได้แก่ แฮงค์ ชาร์ค จูนอัพ และเปปทีน เป็นต้น ซึ่งหลังจากเปิดตัวหน่วยงานดังกล่าวจะผลักดันให้สัดส่วนรายได้เครื่องดื่มเพิ่มขึ้นมากกว่า 60% ส่วนอุปโภคสัดส่วนรายได้ 30% อาทิ เบบี้ มายด์ ทเวลฟ์พลัส และที่เหลือคือ ยา 5-6% อาทิ ทัมใจ ยาอมโบตัน อุทัยทิพย์ เป็นต้น โดยผลประกอบการปี 2550 หรือรอบบัญชีเดือนกันยายน 2550 – สิงหาคม 2551 คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายกว่า 20,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามการเปิดตัวหน่วยงานดังกล่าวคือว่าเป็นการพลิกโฉมหน้าดำเนินธุรกิจครั้งใหญ่ของโอสถสภา เนื่องจากแนวโน้มตลาดเครื่องดื่มเสริมสุขภาพและฟังก์ชันนัล เป็นเทรนด์ที่เติบโตอย่างมากในอเมริกาและญี่ปุ่น เนื่องจากผู้บริโภคที่มีความรู้จะรับประทานเพื่อการป้องกันมากกว่าการรักษาสอดคล้องกับวงการทางการแพทย์ สำหรับประเทศไทยที่ผ่านมายังไม่มีผู้ประกอบการรายใดทำตลาดอย่างจริง โดยมากเป็นเครื่องดื่มที่มีสารอาหารต่ำกว่าร่างกายต้องการ ส่วนหนึ่งเพราะต้นทุนการผลิตสูง อีกทั้งยังไม่มีการให้ความรู้หรือข้อมูลอย่างจริงจัง บริษัทจึงเห็นเล็งว่าเป็นโอกาสในการทำตลาด
สำหรับฝ่ายการตลาดเครื่องดื่มเสริมสุขภาพและฟังก์ชันนัล บริษัทได้ทุ่มงบ 400 ล้านบาท ในการทำตลาดภายใต้ปรัชญา Naturally providing high performance and good health โดยเน้นผลิตภัณฑ์ที่เสริมประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายให้เต็มศักยภาพและเสริมสุขภาพให้แข็งแรงอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยการจับมือร่วมกับสถาบันวิจัยทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งในเบื้องต้น 2-3 แห่ง ในการพัฒนาเครื่องดื่มที่มีสารอาหารปริมาณครบถ้วนต่อความต้องการร่างกาย ในรูปแบบ “อาหารไม่ใช่ยา” แตกต่างจากสินค้าที่มีอยู่ในตลาด มุ่งนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆจากธรรมชาติ ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ที่ใส่ใจในเรื่องสุขภาพระดับกลางและบน วางจำหน่ายผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรดเป็นหลัก เพราะสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ส่วนเทรดดิชันนัลเทรดมีวางจำหน่ายบ้าง ซึ่งบริษัทจะเป็นผู้ผลิตสินค้าเองทั้งหมด
ขณะนี้อยู่ระหว่างการหาบุคลากรเข้ามาเสริมการทำตลาด ล่าสุดได้แต่งตั้งให้เภสัชกรยอดมิตร ทองยงค์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพ เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาดเครื่องดื่มเสริมสุขภาพและฟังก์ชันนัล เภสัชกรยอดมิตร กล่าวว่า สำหรับหน่วยงานฝ่ายการตลาดเครื่องดื่มเสริมสุขภาพและฟังก์ชันนัล จะเริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการได้อีก 1 เดือน และภายในครึ่งปีหลังนี้บริษัทจะเปิดตัวสินค้าภายใต้แบรนด์ใหม่ 1 รายการ ส่วนแนวทางการทำตลาดจะมุ่งเน้นการให้ความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ผู้บริโภคเป็นหลัก ด้านราคาสินค้าเรียลฟังก์ชันนัลจะมีราคาสูงกว่าสินค้าที่วางจำหน่ายในตลาด เพราะมีสารอาหารในปริมาณที่สูงกว่า