เอเอฟพี/รอยเตอร์ – ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุชแห่งสหรัฐฯ กล่าวตำหนิจีนและเกาหลีเหนือในเรื่องสิทธิมนุษยชนระหว่างการเยือนเกาหลีใต้เมื่อวานนี้(6) ท่ามกลางอารักขาอย่างเต็มที่เนื่องจากกลัวกระแสการประท้วง
ภายหลังประชุดสุดยอดกับประธานาธิบดี ลีเมียงบัค ของเกาหลีใต้ บุชได้แถลงข่าวว่า เขาเป็นกังวลกับประเด็นสิทธิมนุษยชนในจีนและเกาหลีเหนือ รวมทั้งเรียกร้องให้เกาหลีเหนือเคารพต่อข้อปฏิบัติเรื่องการปลดอาวุธนิวเคลียร์ หาไม่แล้ว คิมจองอิล ผู้นำเกาหลีเหนือ ก็จะนำประเทศเดินหน้าไปสู่ “ระบอบการปกครองที่ถูกคว่ำบาตรมากที่สุดในโลก”
ในประเด็นสิทธิมนุษยชนนั้น บุชถูกกล่าวหาว่ามองข้ามปัญหาที่มีอยู่ในจีน หนำซ้ำยังตัดสินใจเข้าร่วมในพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิก แต่เขากล่าวว่าไม่ต้องการใช้เรื่องโอลิมปิกเพื่อแสดงความเห็นทั้งในเรื่องศาสนาและประเด็นเกี่ยวกับเสรีภาพอื่นๆ
“ผมได้พบปะกับผู้นำของจีนมาเป็นเวลาเจ็ดปีครึ่งแล้ว และความเห็นของผมก็ยังคงเหมือนเดิม คือ คุณไม่ควรทำให้คนที่นับถือศาสนารู้สึกหวาดกลัว” บุชกล่าว
เขากล่าวว่าโอลิมปิกเป็นการแข่งขันกีฬา “แต่ก็เป็นโอกาสที่จะบอกกับชาวจีนว่าเรานับถือประเพณีของพวกคุณ และนับถือประวัติศาสตร์ของพวกคุณ” ด้วย
นอกจากนั้น บุชก็ได้ใช้โอกาสในการเยือนเกาหลีใต้วิจารณ์เกาหลีเหนืออย่างหนักเช่นกัน
“ผมเป็นกังวลกับปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชนในเกาหลีเหนือ ผมเป็นกังวลกับการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมรวมทั้งการทดสอบและขยายโครงการนิวเคลียร์ และโครงการจรวดขีปนาวุธด้วย” เขาบอก
“วิธีดีที่สุดที่จะรับมือและแก้ปัญหาเหล่านี้ก็คือการใช้กระบวนการตรวจสอบอย่างจริงจัง ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาหกฝ่ายในขณะนี้”
นับตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา เกาหลีใต้ สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น และรัสเซีย ได้ร่วมเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์กับเกาหลีเหนือ แต่เกาหลีเหนือกลับทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ครั้งล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคมปี 2006
ทว่า เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เกาหลีเหนือยอมส่งมอบข้อมูลเกี่ยวกับโครงการผลิตระเบิดนิวเคลียร์ด้วยแร่พลูโตเนียม ซึ่งบุชก็ขานรับด้วยการประกาศว่าสหรัฐฯ มีแผนการที่จะถอดเกาหลีเหนือออกจากบัญชีรายชื่อประเทศผู้ก่อการร้ายหากเกาหลีเหนือเปิดทางให้มีการตรวจสอบโครงการนิวเคลียร์ที่เชื่อใจได้ โดยสหรัฐฯ อาจจะถอดรายชื่อเกาหลีเหนือออกจากบัญชีผู้ก่อการร้ายอย่างเร็วที่สุดในวันที่ 12 สิงหาคมนี้
อย่างไรก็ตาม การเยือนเกาหลีใต้ของบุชในครั้งนี้ต้องอาศัยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงราว 23,000 คนในการรักษาความปลอดภัย โดยที่มีประชาชนชาวเกาหลีใต้ราว 2,700 คนได้ออกมาประท้วงสหรัฐฯเมื่อคืนวันอังคาร(5)
ก่อนหน้านี้ ชาวเกาหลีใต้ได้ประท้วงรัฐบาลเกาหลีใต้อย่างต่อเนื่องมานานนับเดือน เนื่องจากรัฐบาลยอมเปิดตลาดนำเข้าเนื้อวัวจากสหรัฐฯ ซึ่งผู้ประท้วงเชื่อว่าจะเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อวัวบ้า
ภายหลังประชุดสุดยอดกับประธานาธิบดี ลีเมียงบัค ของเกาหลีใต้ บุชได้แถลงข่าวว่า เขาเป็นกังวลกับประเด็นสิทธิมนุษยชนในจีนและเกาหลีเหนือ รวมทั้งเรียกร้องให้เกาหลีเหนือเคารพต่อข้อปฏิบัติเรื่องการปลดอาวุธนิวเคลียร์ หาไม่แล้ว คิมจองอิล ผู้นำเกาหลีเหนือ ก็จะนำประเทศเดินหน้าไปสู่ “ระบอบการปกครองที่ถูกคว่ำบาตรมากที่สุดในโลก”
ในประเด็นสิทธิมนุษยชนนั้น บุชถูกกล่าวหาว่ามองข้ามปัญหาที่มีอยู่ในจีน หนำซ้ำยังตัดสินใจเข้าร่วมในพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิก แต่เขากล่าวว่าไม่ต้องการใช้เรื่องโอลิมปิกเพื่อแสดงความเห็นทั้งในเรื่องศาสนาและประเด็นเกี่ยวกับเสรีภาพอื่นๆ
“ผมได้พบปะกับผู้นำของจีนมาเป็นเวลาเจ็ดปีครึ่งแล้ว และความเห็นของผมก็ยังคงเหมือนเดิม คือ คุณไม่ควรทำให้คนที่นับถือศาสนารู้สึกหวาดกลัว” บุชกล่าว
เขากล่าวว่าโอลิมปิกเป็นการแข่งขันกีฬา “แต่ก็เป็นโอกาสที่จะบอกกับชาวจีนว่าเรานับถือประเพณีของพวกคุณ และนับถือประวัติศาสตร์ของพวกคุณ” ด้วย
นอกจากนั้น บุชก็ได้ใช้โอกาสในการเยือนเกาหลีใต้วิจารณ์เกาหลีเหนืออย่างหนักเช่นกัน
“ผมเป็นกังวลกับปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชนในเกาหลีเหนือ ผมเป็นกังวลกับการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมรวมทั้งการทดสอบและขยายโครงการนิวเคลียร์ และโครงการจรวดขีปนาวุธด้วย” เขาบอก
“วิธีดีที่สุดที่จะรับมือและแก้ปัญหาเหล่านี้ก็คือการใช้กระบวนการตรวจสอบอย่างจริงจัง ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาหกฝ่ายในขณะนี้”
นับตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา เกาหลีใต้ สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น และรัสเซีย ได้ร่วมเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์กับเกาหลีเหนือ แต่เกาหลีเหนือกลับทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ครั้งล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคมปี 2006
ทว่า เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เกาหลีเหนือยอมส่งมอบข้อมูลเกี่ยวกับโครงการผลิตระเบิดนิวเคลียร์ด้วยแร่พลูโตเนียม ซึ่งบุชก็ขานรับด้วยการประกาศว่าสหรัฐฯ มีแผนการที่จะถอดเกาหลีเหนือออกจากบัญชีรายชื่อประเทศผู้ก่อการร้ายหากเกาหลีเหนือเปิดทางให้มีการตรวจสอบโครงการนิวเคลียร์ที่เชื่อใจได้ โดยสหรัฐฯ อาจจะถอดรายชื่อเกาหลีเหนือออกจากบัญชีผู้ก่อการร้ายอย่างเร็วที่สุดในวันที่ 12 สิงหาคมนี้
อย่างไรก็ตาม การเยือนเกาหลีใต้ของบุชในครั้งนี้ต้องอาศัยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงราว 23,000 คนในการรักษาความปลอดภัย โดยที่มีประชาชนชาวเกาหลีใต้ราว 2,700 คนได้ออกมาประท้วงสหรัฐฯเมื่อคืนวันอังคาร(5)
ก่อนหน้านี้ ชาวเกาหลีใต้ได้ประท้วงรัฐบาลเกาหลีใต้อย่างต่อเนื่องมานานนับเดือน เนื่องจากรัฐบาลยอมเปิดตลาดนำเข้าเนื้อวัวจากสหรัฐฯ ซึ่งผู้ประท้วงเชื่อว่าจะเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อวัวบ้า