เอเจนซี - สหรัฐฯ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และจีน 4 มหาอำนาจภูมิภาคที่เป็นคู่เจรจาของเกาหลีเหนือ วางแผนประชุมพบปะกันที่กรุงปักกิ่งในวันศุกร์ (5) เพื่อถกปัญหาที่โสมแดงกำลังดำเนินการเพื่อเริ่มเปิดใช้โรงงานนิวเคลียร์เก่าที่เมืองยงบอนอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจะทำให้ผลิตพลูโตเนียมเพื่อใช้เป็นอาวุธนิวเคลียร์ได้
รัฐมนตรีต่างประเทศ ยูเมืองฮวาน ของเกาหลีใต้แถลงในวันพฤหัสบดีว่า เกาหลีเหนือได้แจ้งต่อสหรัฐฯ และทบวงการพลังปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) เมื่อวันอังคาร (2) ถึงแผนการที่จะเปิดเดินเครื่องโรงงานที่ยงบอนอีกครั้ง จากนั้นก็ได้ขนย้ายอุปกรณ์ที่เก็บรักษาไว้ กลับไปยังโรงงานเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์แห่งนี้ ซึ่งสร้างขึ้นตั้งยุคสหภาพโซเวียตยังไม่ล่มสลาย
เกาหลีใต้ บอกว่า คิมซุค ผู้แทนเจรจาเรื่องนิวเคลียร์เกาหลีเหนือของตน จะไปพบหารือกับผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ คริสโตเฟอร์ ฮิลล์ ที่กรุงปักกิ่งวันศุกร์ ขณะที่เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นก็แถลงในโตเกียวว่า กำลังมีการดำเนินการเพื่อให้ผู้แทนด้านการเจรจานิวเคลียร์ของญี่ปุ่นและของจีน ได้เข้าร่วมการหารือด้วยต่อไป อันจะทำให้กลายเป็นการเจรจา 4 ฝ่าย
อันที่จริง เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เกาหลีเหนือได้เริ่มหยุดใช้โรงงานดังกล่าวตามข้อตกลงปลดอาวุธนิวเคลียร์ นอกจากนั้นยังได้ถอดถอนและทำลายอุปกรณ์ส่วนใหญ่จนไม่อาจใช้การได้ ตามด้วยการทำลายหอหล่อเย็นซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อแสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติตามพันธะผูกพันตามข้อตกลงปลดอาวุธนิวเคลียร์
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา เกาหลีเหนือ แถลงว่า จะหยุดการทำลายโรงงานนิวเคลียร์ยงบอน ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเปียงยางไปทางเหนือราว 100 กิโลเมตร และกล่าวหาว่าสหรัฐฯ ละเมิดข้อตกลงเรื่องการทำลายอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ จีน ญี่ปุ่น รัสเซีย และสหรัฐฯ ได้เคยเจรจาร่วมกันไว้
เกาหลีเหนือ บอกว่า นี่เป็นการตอบโต้ความล้มเหลวของสหรัฐฯ ซึ่งยังไม่ยอมถอดเกาหลีเหนือออกจากบัญชีรายชื่อประเทศที่สนับสนุนการก่อการร้าย โดยสหรัฐฯ ก็อ้างว่าเกาหลีเหนือจะต้องตกลงยอมรับระบบการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ เสียก่อน
ถึงแม้พวกผู้เชี่ยวชาญ มองว่า หากเกาหลีเหนือรื้อฟื้นโรงงานนิวเคลียร์ที่ยงบอนขึ้นอย่างเต็มที่จริงๆ ก็อาจจะผลิตพลูโตเนียมได้เพียงพอสำหรับระเบิดนิวเคลียร์จำนวน 6-8 ลูกทีเดียว ทว่าเวลานี้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ให้ความเห็นว่าการดำเนินการของโสมแดงในครั้งนี้ น่าจะเป็นเพียงกลยุทธ์การเจรจาต่อรองอย่างหนึ่งมากกว่า
เจ้าหน้าที่ต่อต้านการขยายอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ผู้หนึ่ง กล่าวที่วอชิงตันว่า เขาพบหลักฐานว่ามีการขนย้ายอุปกรณ์บางส่วนกลับไปยังที่ตั้งโรงงานนิวเคลียร์ยงบอน แต่เขาเห็นว่านี่ “เป็นสัญลักษณ์เพื่อหวังผลการโต้ตอบในการเจรจาต่อรองมากกว่า”
ผู้เชี่ยวชาญด้านการขยายอาวุธนิวเคลียร์ กล่าวว่า การใช้มาตรการคว่ำบาตรทางการค้าที่ยังดำเนินอยู่ ทำให้เกาหลีเหนือจัดหาอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อมาเปิดใช้โรงงานที่ยงบอนอีกครั้งได้ยาก อีกทั้งเครื่องจักรบางส่วนอาจชำรุดทรุดโทรมไปจนเกินกว่าจะซ่อมแซมได้อีก
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ ให้ความเห็นว่า เกาหลีเหนืออาจจะกำลังหาทางกดดันรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดปัจจุบันซึ่งใกล้หมดวาระ และกำลังหาเสียงเพื่อให้พรรครัฐบาลได้รับการเลือกตั้งกลับมาอีกครั้งด้วยการเน้นความสำเร็จด้านการทูต โดยเกาหลีเหนืออาจคิดว่าจะรอให้สหรัฐฯ ได้ประธานาธิบดีคนใหม่เสียก่อนเพราะหวังจะเจรจาต่อรองได้มากขึ้น
ทว่าเกาหลีเหนือมักจะประเมินการเมืองอเมริกันผิดเสมอ และถึงอย่างไรสหรัฐฯ กับชาติผู้นำอื่นๆ ก็จะไม่มีทางยกเลิกข้อเรียกร้องเรื่องการเข้าไปตรวจสอบข้อมูลโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนืออย่างแน่นอน