เอเอฟพี - ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช ของสหรัฐฯ จะพยายามทำให้บรรดาพันธมิตรในเอเชียเกิดความมั่นอกมั่นใจขึ้นมาอีกครั้งว่า วอชิงตันยังคงมุ่งมั่นรักษาความผูกพันกับภูมิภาคแถบนี้ของโลก ทั้งในทางการค้าและในเรื่องประชาธิปไตย ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์แสดงนโยบายเกี่ยวกับเอเชีย ที่กำหนดจัดขึ้น ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ ตอนเช้าวันนี้(7)
ตามสำเนาฉบับล่วงหน้าของสุนทรพจน์คราวนี้ ซึ่งแจกจ่ายโดยทำเนียบขาวเมื่อวานนี้(6) บุชจะกล่าวยกย่องปรากฏการณ์ "ปาฏิหาริย์แห่งเอเชีย" ซึ่งได้แก่การที่เศรษฐกิจต่างๆ ในภูมิภาคแถบนี้สามารถเบ่งบานรุ่งเรืองกันอย่างมากหน้า
"ตลอด 6 ทศวรรษที่ผ่านมา เอเชียได้ก้าวจากการเป็นพื้นที่ซึ่งจมปลักอยู่ในความยากจน อีกทั้งกำลังฟื้นตัวขึ้นจากสงครามโลก ขึ้นมากลายเป็นภูมิภาคอันเจริญรุ่งเรืองและเต็มไปด้วยพลัง" สำเนาสุนทรพจน์ของบุชระบุ พร้อมกันนั้นเขาจะชี้ด้วยว่า การค้าระหว่างสหรัฐฯกับเอเชียเวลานี้มีมูลค่ารวมทั้งสิ้นมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว
"ไม่ว่าจะเป็นผลประโยชน์ของเราหรืออุดมคติของเรา ก็ล้วนแต่เรียกร้องให้ต้องมีการเกี่ยวข้องพัวพันอยู่ในเอเชียอย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าในอดีตที่ผ่านมา"
บุชยังจะสรุปทบทวนสิ่งที่เขามองว่า เป็นความพยายามของคณะรัฐบาลของเขาที่จะส่งเสริมเพิ่มพูนสายสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ ทั่วเอเชีย โดยที่เรื่องนี้เองได้ถูกนักวิจารณ์หลายคนแสดงความวิตกว่า ผลประโยชน์ของสหรัฐฯในภูมิภาคนี้ กำลังถูกบดบังเสียจนมืดมิดจากสงครามที่อเมริกาทำอยู่ในอัฟกานิสถานและอิรัก
"ด้วยการธำรงรักษาการปรากฏตัวทางทหารอย่างชนิดที่เป็นปัจจัยในการสร้างเสถียรภาพ เราก็ได้ช่วยเหลือในการทำให้บรรดาชาติที่กำลังเจริญรุ่งเรืองขึ้นใหม่ ปลอดจากความวิตกกังวลในเรื่องการรักษาความมั่นคงปลอดภัย" สำเนาสุนทรพจน์ของบุชระบุ
"โดยภาพรวมแล้ว อเมริกาได้ปรับปรุงความสัมพันธ์ที่เรามีอยู่กับมหาอำนาจสำคัญๆ ทั้งหมดในเอเชียในช่วงเวลาพร้อมๆ กันไป" เขาจะกล่าวเช่นนี้
"ด้วยการเข้าเกี่ยวข้องพัวพันในทางการทูตอย่างแข็งขัน เราได้ช่วยให้หลายๆ ชาติที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นปรปักษ์กัน สามารถที่จะแก้ไขความแตกต่างของพวกเขากันได้อย่างสันติ และด้วยการเปิดตลาดของเราให้แก่สินค้าส่งออกจากเอเชีย เราก็ได้ช่วยให้หลายๆ ระบบเศรษฐกิจที่ทรงอำนาจ สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาได้"
"การก้าวย่างทั้งหมดเหล่านี้ ได้รับการจัดวางขึ้นมาเพื่อทำให้พันธมิตรทั้งหลายของเราเกิดความมั่นใจขึ้นมาอีกครั้งว่า อเมริกาจะยืนหยัดอย่างมั่นคงเคียงข้างพวกเขา ไม่ว่าในการทดสอบใดๆ ก็ตามที่เราต้องเผชิญ" สำเนาสุนทรพจน์ระบุ
แต่ขณะที่ยกย่องการแพร่กระจายของประชาธิปไตยในทั่วทั้งภูมิภาคนี้ บุชก็ยังจะเรียกร้องให้บรรดาชาติเอเชียทำงานร่วมกับสหรัฐฯ ในการนำความคืบหน้าสู่ประเทศเฉกเช่นพม่าและเกาหลีเหนือ ซึ่งมีระบอบการปกครองที่กดขี่ จึงทำให้ประเทศของพวกเขาต้องตกเป็นผู้ปราชัยในเรื่องการพัฒนาในภูมิภาคนี้
"ทุกๆ ชาติในภูมิภาคนี้ จะต้องร่วมส่วนในการสร้างหลักประกันว่า เอเชียจะยังคงเติบโตต่อไปในอิสรภาพ, ความเจริญรุ่งเรือง, และความหวัง" เขาจะกล่าวเรียกร้องอย่างนี้
บุชจะบอกด้วยว่า สหรัฐฯจะยังคงสร้าง "เหล่าพันธมิตรที่เชื่อใจได้และมีวัตถุประสงค์ชัดเจน" ในทั่วทั้งเอเชียต่อไป พร้อมกับชี้ว่าอเมริกาได้เพิ่มความร่วมมือทางทหารทั้งกับออสเตรเลีย, ญี่ปุ่น, ฟิลิปปินส์, เกาหลีใต้, และประเทศไทย
เขายังจะเน้นย้ำเรื่องความพยายามของสหรัฐฯที่จะบ่มเพาะประชาธิปไตยในมองโกเลีย, ปรับปรุงสายสัมพันธ์กับอินเดีย, และขยายความร่วมมือกับชาติต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
บุชซึ่งกำลังจะหมดวาระดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนมกราคมปีหน้า เรียกร้องให้ผู้นั่งเก้าอี้ตัวนี้ต่อจากเขา ผลักดันการทำข้อตกลงการค้าเสรีกับชาติต่างๆ ในเอเชียต่อไป
"เสียงแห่ลัทธิแยกตัวโดดเดี่ยวทางเศรษฐกิจ ไม่ได้เป็นตัวแทนผลประโยชน์ของประชาชนชาวอเมริกัน" สำเนาสุนทรพจน์ของเขาบอก "ผมขอเรียกร้องให้ประชาชนทั่วทั้งภูมิภาคนี้ปฏิเสธไม่ยอมรับลัทธิกีดกันการค้าในประเทศของพวกท่านเอง เมื่อเราร่วมมือกัน เราก็สามารถนำโลกมุ่งเข้าสู่การเติบโตที่มากยิ่งขึ้นอีก, ตำแหน่งงานที่เพิ่มขึ้นอีก, และโอกาสที่ขยายขึ้นอีก ด้วยการยังคงเปิดกว้างให้แก่การลงทุนและการค้าต่อไป"
ตามสำเนาฉบับล่วงหน้าของสุนทรพจน์คราวนี้ ซึ่งแจกจ่ายโดยทำเนียบขาวเมื่อวานนี้(6) บุชจะกล่าวยกย่องปรากฏการณ์ "ปาฏิหาริย์แห่งเอเชีย" ซึ่งได้แก่การที่เศรษฐกิจต่างๆ ในภูมิภาคแถบนี้สามารถเบ่งบานรุ่งเรืองกันอย่างมากหน้า
"ตลอด 6 ทศวรรษที่ผ่านมา เอเชียได้ก้าวจากการเป็นพื้นที่ซึ่งจมปลักอยู่ในความยากจน อีกทั้งกำลังฟื้นตัวขึ้นจากสงครามโลก ขึ้นมากลายเป็นภูมิภาคอันเจริญรุ่งเรืองและเต็มไปด้วยพลัง" สำเนาสุนทรพจน์ของบุชระบุ พร้อมกันนั้นเขาจะชี้ด้วยว่า การค้าระหว่างสหรัฐฯกับเอเชียเวลานี้มีมูลค่ารวมทั้งสิ้นมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว
"ไม่ว่าจะเป็นผลประโยชน์ของเราหรืออุดมคติของเรา ก็ล้วนแต่เรียกร้องให้ต้องมีการเกี่ยวข้องพัวพันอยู่ในเอเชียอย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าในอดีตที่ผ่านมา"
บุชยังจะสรุปทบทวนสิ่งที่เขามองว่า เป็นความพยายามของคณะรัฐบาลของเขาที่จะส่งเสริมเพิ่มพูนสายสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ ทั่วเอเชีย โดยที่เรื่องนี้เองได้ถูกนักวิจารณ์หลายคนแสดงความวิตกว่า ผลประโยชน์ของสหรัฐฯในภูมิภาคนี้ กำลังถูกบดบังเสียจนมืดมิดจากสงครามที่อเมริกาทำอยู่ในอัฟกานิสถานและอิรัก
"ด้วยการธำรงรักษาการปรากฏตัวทางทหารอย่างชนิดที่เป็นปัจจัยในการสร้างเสถียรภาพ เราก็ได้ช่วยเหลือในการทำให้บรรดาชาติที่กำลังเจริญรุ่งเรืองขึ้นใหม่ ปลอดจากความวิตกกังวลในเรื่องการรักษาความมั่นคงปลอดภัย" สำเนาสุนทรพจน์ของบุชระบุ
"โดยภาพรวมแล้ว อเมริกาได้ปรับปรุงความสัมพันธ์ที่เรามีอยู่กับมหาอำนาจสำคัญๆ ทั้งหมดในเอเชียในช่วงเวลาพร้อมๆ กันไป" เขาจะกล่าวเช่นนี้
"ด้วยการเข้าเกี่ยวข้องพัวพันในทางการทูตอย่างแข็งขัน เราได้ช่วยให้หลายๆ ชาติที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นปรปักษ์กัน สามารถที่จะแก้ไขความแตกต่างของพวกเขากันได้อย่างสันติ และด้วยการเปิดตลาดของเราให้แก่สินค้าส่งออกจากเอเชีย เราก็ได้ช่วยให้หลายๆ ระบบเศรษฐกิจที่ทรงอำนาจ สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาได้"
"การก้าวย่างทั้งหมดเหล่านี้ ได้รับการจัดวางขึ้นมาเพื่อทำให้พันธมิตรทั้งหลายของเราเกิดความมั่นใจขึ้นมาอีกครั้งว่า อเมริกาจะยืนหยัดอย่างมั่นคงเคียงข้างพวกเขา ไม่ว่าในการทดสอบใดๆ ก็ตามที่เราต้องเผชิญ" สำเนาสุนทรพจน์ระบุ
แต่ขณะที่ยกย่องการแพร่กระจายของประชาธิปไตยในทั่วทั้งภูมิภาคนี้ บุชก็ยังจะเรียกร้องให้บรรดาชาติเอเชียทำงานร่วมกับสหรัฐฯ ในการนำความคืบหน้าสู่ประเทศเฉกเช่นพม่าและเกาหลีเหนือ ซึ่งมีระบอบการปกครองที่กดขี่ จึงทำให้ประเทศของพวกเขาต้องตกเป็นผู้ปราชัยในเรื่องการพัฒนาในภูมิภาคนี้
"ทุกๆ ชาติในภูมิภาคนี้ จะต้องร่วมส่วนในการสร้างหลักประกันว่า เอเชียจะยังคงเติบโตต่อไปในอิสรภาพ, ความเจริญรุ่งเรือง, และความหวัง" เขาจะกล่าวเรียกร้องอย่างนี้
บุชจะบอกด้วยว่า สหรัฐฯจะยังคงสร้าง "เหล่าพันธมิตรที่เชื่อใจได้และมีวัตถุประสงค์ชัดเจน" ในทั่วทั้งเอเชียต่อไป พร้อมกับชี้ว่าอเมริกาได้เพิ่มความร่วมมือทางทหารทั้งกับออสเตรเลีย, ญี่ปุ่น, ฟิลิปปินส์, เกาหลีใต้, และประเทศไทย
เขายังจะเน้นย้ำเรื่องความพยายามของสหรัฐฯที่จะบ่มเพาะประชาธิปไตยในมองโกเลีย, ปรับปรุงสายสัมพันธ์กับอินเดีย, และขยายความร่วมมือกับชาติต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
บุชซึ่งกำลังจะหมดวาระดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนมกราคมปีหน้า เรียกร้องให้ผู้นั่งเก้าอี้ตัวนี้ต่อจากเขา ผลักดันการทำข้อตกลงการค้าเสรีกับชาติต่างๆ ในเอเชียต่อไป
"เสียงแห่ลัทธิแยกตัวโดดเดี่ยวทางเศรษฐกิจ ไม่ได้เป็นตัวแทนผลประโยชน์ของประชาชนชาวอเมริกัน" สำเนาสุนทรพจน์ของเขาบอก "ผมขอเรียกร้องให้ประชาชนทั่วทั้งภูมิภาคนี้ปฏิเสธไม่ยอมรับลัทธิกีดกันการค้าในประเทศของพวกท่านเอง เมื่อเราร่วมมือกัน เราก็สามารถนำโลกมุ่งเข้าสู่การเติบโตที่มากยิ่งขึ้นอีก, ตำแหน่งงานที่เพิ่มขึ้นอีก, และโอกาสที่ขยายขึ้นอีก ด้วยการยังคงเปิดกว้างให้แก่การลงทุนและการค้าต่อไป"
