นาย บรรหาร ศิลปะอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ให้สัมภาษณ์ วานนี้ (5 ส.ค.) ถึง การปรับครม.ของรัฐบาล สมัคร 4 ว่า ครม.ที่ปรับใหม่ก็พอรับได้ แต่คิดว่าน่าจะทำได้ดีกว่านี้ ซึ่งเข้าใจว่าน่าจะมีข้อจำกัด ซึ่งสมัยตนเองก็เป็นเช่นนี้ มีถูกต่อว่า ก็ต้องดูการทำงานต่อไปโดยเฉพาะ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รมว.มหาดไทย (มท.1) ถ้าท่านอยู่ตรงนี้ต้องแอ็คทีฟพอสมควรเพราะมีปัญหาที่จะเกิดขึ้นมากมายก่ายกอง ทั้งการชุมนุมการเดินขบวนอะไรต่างๆ ก็เป็นห่วงกระทรวงมหาดไทย
ส่วนการที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ซึ่งถูกปรับออกจาก รมว.มหาดไทย ระบุเองว่า สาเหตุที่ถูกปรับออกไปเนื่องจากไม่สนองนโยบายอะไรบางอย่างโดยจะมีมท. 2 เข้ามาดูแล นายบรรหาร กล่าวว่า เรื่องภายในของพรรคร่วมรัฐบาล ตนจะไม่เข้าไปก้าวก่าย แต่ว่าขออย่าให้เป็นอย่างที่เขาลือกันเลยว่า...
ลืออะไรผมก็ตอบไม่ได้ แต่คิดว่าไม่น่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ผมก็ไม่ทราบว่าใครจะเข้ามาดูแลในเมื่อมีรัฐมนตรีว่าการเข้าไปดูแลอยู่แล้ว แล้วใครจะมาดูแลอะไรแทนอีกหรือ
ผู้สื่อข่าวถามว่าในสภาวะเช่นนี้ คนที่เป็นมท.1 ควรต้องมีความเด็ดขาดหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า สมัยที่ท่านเคยเป็น ผบ.ตร.ตนเคยติงเขาไปหลายเรื่องและพอมาอยู่กระทรวงมหาดไทยที่คุมทั้ง 76 จังหวัดคิดว่าท่านต้องทำงานให้เร็วด้วย มีปัญหาก็เข้าไปแก้ไขทันทีและต้องตัดสินใจอย่างฉับพลัน จะรีรอไม่ได้ ตรงนี้เป็นปัญหาพอสมควร ยิ่งมีม็อบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอยู่ในหลายจังหวัดเช่นนี้ต้องดูแลให้ดี อย่าให้เกิด
ผู้สื่อข่าวถามว่ามองภาพลักษณ์โดยรวมของรัฐบาลปัจจุบันอย่างไร เพราะหลายฝ่ายระบุว่ารัฐบาลกำลังนับถอยหลัง เนื่องจากมีคดีความมากมาย นายบรรหาร กล่าวว่า ก็พยายามเอาใจช่วยในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลอยากให้อยู่ยาวนานๆ ครบ 4 ปี แต่เรื่องบางเรื่องอาจจะต้องมีการให้ข้อสังเกตกันบ้าง ถึงเวลาเข้าที่ประชุม ครม. ตนก็เคยบอกกับรัฐมนตรีของพรรคชาติไทยว่า ถ้ามีประเด็นไหนที่มองว่ายังไม่เหมาะสม ไม่สมควรก็ให้ติติง เช่นเรื่องรถเมล์เอ็นจีวี 6 พันคัน ในฐานะที่ตนเคยดูแล ขสมก. มาก่อนก็มองเห็นว่ารายละเอียดที่เสนอไปดังกล่าวมันเป็นไปไม่ได้ ในอนาคตถึง 10 ปี มูลค่าของรถตั้งมากมาย เหตุใดจึงไม่ซื้อสัก 3 พันคันประมาณไม่เท่าไหร่ ถ้าเป็นตน ตนหาเงินซื้อได้หมื่นกว่าล้านบาทเอง หาไม่ยากหรอก แต่เรื่องนี้นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ พล.ต. สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯไปดูแลเรื่องนี้ในฐานะประธานที่ปรึกษาโครงการดังกล่าวให้ไปดูว่าที่ประชุมเขาจะเอากันอย่างไร ความเห็นตนเป็นอย่างนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า หมายความว่าให้พล.ต.สนั่น พิจารณาจากผลประโยชน์ที่ได้รับเป็นหลักใช่หรือไม่ นายบรรหาร ตอบว่า ให้ดูข้อเท็จจริงและความเป็นไปได้ ความเหมาะสมส่วนจะเอาอย่างไรแล้วแต่ท่านตัดสินใจ ตนจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง เมื่อถามย้ำว่าที่ผ่านมา นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.คมนาคมพยายามจะผลักดัน โครงการนี้กลับไปในที่ประชุม ครม.อีกครั้ง นายบรรหาร กล่าวว่าตนไม่ขอพูดเรื่องนี้ ทั้งนี้ขอให้ดูเรื่องรายละเอียดในเรื่องนี้ให้มาก
ต่อข้อถามว่าขณะนี้จุดยืนของพรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินเป็นอย่างไร นายบรรหาร กล่าวว่า ทั้งสองพรรคได้จับมือมาตั้งแต่ต้นในการเข้าร่วมรัฐบาล แต่ตอนหลังมันมีปัญหาในพรรคเพื่อแผ่นดินเอง โดยเฉพาะ นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ซึ่งตนจะไม่เข้าไปก้าวก่าย แต่ถ้าเรื่องการเข้าร่วมรัฐบาลแล้วจะมีปัญหาอย่างหนึ่งอย่างใดก็ต้องหารือกันอีกที แต่จุดนี้ยังมาไม่ถึง ซึ่งในส่วนของ พรรคเพื่อแผ่นดินเองส่วนใหญ่ก็ยังเดินหน้าร่วมรัฐบาลเอง
นายบรรหาร ยอมรับว่าจุดยืนของพรรคชาติไทยในขณะนี้ยังอยู่ร่วมรัฐบาล แต่ก็ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก เรื่องความถูกต้องเป็นเรื่องสำคัญมาก เราพรรคชาติไทยไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ ถ้าพูดไปแล้วก็เป็นสถาบันการเมืองอันหนึ่งรองจากพรรคประชาธิปัตย์ 35 ปีมาแล้ว
เพื่อแผ่นดินยังชูสุวิทย์นั่งหัวหน้า
วันเดียวกันมีการประชุมกรรมการบริหารพรรคเพื่อแผ่นดิน โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง หลังการประชุม นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ได้เดินออกทางออกจากที่ทำการพรรคทันที โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ
นายไชยยศ จิรเมธากร โฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน แถลงผลการประชุมว่า การแถลงถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลของนายสุวิทย์ไม่มีความผิด เพราะในการประชุมพรรควันที่ 23 มิ.ย.2550 พรรคได้มอบอำนาจให้หัวหน้าตัดสินใจดำเนินการ ทางการเมืองในทุกเรื่อง โดยภายหลังการชี้แจงนายสุวิทย์ได้แสดงความรับผิดชอบ ด้วยการลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค เนื่องจากตัดสินใจไปโดยไม่แจ้งให้ สมาชิกพรรคทราบล่วงหน้า แต่สมาชิกพรรคทุกคนขอร้องให้นายสุวิทย์เป็นหัวหน้าพรรคต่อไป แม้จะไม่มีตำแหน่งในการร่วมรัฐบาล โดยให้ทำงานในพรรค เพื่อวางรากฐานให้พรรคมีความเข้มแข็ง
ส่วนความเข้าใจผิดที่ว่านายสุวิทย์ อยู่ข้างพันธมิตรฯ นั้นเป็นเพียงแด่ข่าวลือ และนายสุวิทย์ไม่เคยทราบมาก่อนว่าพันธมิตรไม่ได้ยืนถอดถอนออกจาก ทำแหน่ง ในช่วงเรื่อง ซึ่งเชื่อว่าถือเป็ยุทธวิธีอย่างหนึ่งของพันธมิตรที่ทำให้มองแล้วเกิดความรู้สึกที่แตกต่าง ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าพันธมิตนคิดอย่างไร
การแถลงถอนตัวของนายสุวิทย์ไม่เกี่ยวข้องกับการถูกปรับออกจากรัฐมนตรี วันนี้หากนายสุวิทย์ไม่ลาออกก็ยังมีชื่อเป็นรัฐมนตรีอยู่ แต่การประกาศถอนตัวเป็นการ แสดงความเป็นห่วงกรณีการแก้รัฐธรรมนูญ และปราสาทพระวิหาร ซึ่งในประเด็นการ แก้รัฐธรรมนูญพรรคยังคงมีจุดยืนชัดเจน คือ ต้องแก้ไขในภาพรวม
สุวิทย์แฉถูกพปช.บีบขอเก้าอี้คืน
แหล่งข่าวพรรคเพื่อแผ่นดินกล่าวว่า ระหว่างการประชุมนายสุวิทย์ได้กล่าวกับผู้เข้าร่วมประชุมเกี่ยวกับการตัดสินใจแถลงข่าวถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลว่า เนื่องจากรู้มาจากพรรคพลังประชาชนว่ามีรัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาล ไม่ไว้วางใจตัวเองในหลายๆ เรื่องโดยเฉพาะเรื่องเขาพระวิหารที่ระแวงว่าจะขึ้นมาเป็นรักษาการณ์นายกรัฐมนตรีหาก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด เพราะไม่มีชื่ออยู่ในคำร้องของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
แหล่งข่าวกล่าวว่า นายสุวิทย์ได้กล่าวกับที่ประชุมพรรคอีกว่าและในวันที่29 มิ.ย.หลังการประชุม ครม.ได้เข้าพบกับนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และได้รับการยืนยันว่าตนเองจะไม่มีชื่ออยู่ใน ครม.ชุดใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ทราบแล้วว่าพรรคพลังประชาชนมีความประสงค์ที่ต้องการเอาตำแหน่งรมว.อุตสาหกรรมและรองนายกรัฐมนตรีคืน เท่ากับว่าจะไม่มีตำแหน่งใน ครม. จึงเป็นผลให้ต้องมีการตัดสินใจอย่างนั้นลงไป
วันนั้นส่วนตัวผมไม่สามารถติดต่อส.ส.ได้เลยแม้แต่คนเดียว และเหตุการณ์ในวันนั้นเป็นเรื่องที่ฉุกละหุก ทำให้ต้องตัดสินใจอย่างนั้นลงไปตามมติของพรรคในวันที่ 23 มิ.ย.ที่มอบฉันทะให้หัวหน้าพรรคในการตัดสินใจประเด็นทางการเมือง แต่ในเมื่อส.ส.ของพรรคมีเอกสิทธิ์คุ้มครองตามรัฐธรรมนูญและยืนยันที่จะไปร่วมรัฐบาลได้ ดังนั้น ในฐานะหัวหน้าขอรับผิดชอบด้วยการลาออก นายสุวิทย์ กล่าวต่อที่ประชุม
แหล่งข่าวกล่าวว่า จากนั้นนายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง ผู้อำนวยการพรรค ได้กล่าวว่า นายสุวิทย์ ไม่มีความผิด จึงขอให้ส.ส.และคณะกรรมการบริหารพรรค มีมติให้นายสุวิทย์ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคต่อไป
เป็ดเหลิมจัดงานเลี้ยงไร้ส.ส.พปช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดสวน พรรคพลังประชาชน ซึ่งถูกปรับออกจาก รมว.มหาดไทย ได้จัดงานเลี้ยงชื่อ ถึงอย่างไรก็รักกัน เพื่ออำลาข้าราชการประจำกระทรวงมหาดไทย โดยมีการจัดเลี้ยงโต๊ะจีนและออกร้านอาหาร ที่ร้านอาหาร โต้ง หนุ่ม ชาย ย่านบางบอน
ภายในงานมีข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยมาร่วมงานจำนวนมาก นำโดยนายพงศ์พโยม วาศภูติ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายวิชัย ศรีขวัญ อธิบดีกรมการปกครอง นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายสมชาย ชุ่มรัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง นายบุญเชิด คิดเห็น รักษาการอธิบดีกรมที่ดิน และผู้ว่าราชการจังหวัดใกล้เคียง
อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่าไม่มี ส.ส.ของพรรคพลังประชาชน มาร่วมงาน เนื่องจากตรงกับการประชุมพรรคในช่วงเย็น อีกทั้ง ร.ต.อ.เฉลิม ซึ่งเป็น ส.ส.สัดส่วน ก็ไม่ได้เข้าประชุมพรรคแต่อย่างใด โดยในที่ประชุมพรรคครั้งนี้เป็นการประชุม ภาคกรุงเทพมหานคร และมีการหารือถึงเรื่องการส่งตัวผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.
ส่วนการที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ซึ่งถูกปรับออกจาก รมว.มหาดไทย ระบุเองว่า สาเหตุที่ถูกปรับออกไปเนื่องจากไม่สนองนโยบายอะไรบางอย่างโดยจะมีมท. 2 เข้ามาดูแล นายบรรหาร กล่าวว่า เรื่องภายในของพรรคร่วมรัฐบาล ตนจะไม่เข้าไปก้าวก่าย แต่ว่าขออย่าให้เป็นอย่างที่เขาลือกันเลยว่า...
ลืออะไรผมก็ตอบไม่ได้ แต่คิดว่าไม่น่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ผมก็ไม่ทราบว่าใครจะเข้ามาดูแลในเมื่อมีรัฐมนตรีว่าการเข้าไปดูแลอยู่แล้ว แล้วใครจะมาดูแลอะไรแทนอีกหรือ
ผู้สื่อข่าวถามว่าในสภาวะเช่นนี้ คนที่เป็นมท.1 ควรต้องมีความเด็ดขาดหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า สมัยที่ท่านเคยเป็น ผบ.ตร.ตนเคยติงเขาไปหลายเรื่องและพอมาอยู่กระทรวงมหาดไทยที่คุมทั้ง 76 จังหวัดคิดว่าท่านต้องทำงานให้เร็วด้วย มีปัญหาก็เข้าไปแก้ไขทันทีและต้องตัดสินใจอย่างฉับพลัน จะรีรอไม่ได้ ตรงนี้เป็นปัญหาพอสมควร ยิ่งมีม็อบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอยู่ในหลายจังหวัดเช่นนี้ต้องดูแลให้ดี อย่าให้เกิด
ผู้สื่อข่าวถามว่ามองภาพลักษณ์โดยรวมของรัฐบาลปัจจุบันอย่างไร เพราะหลายฝ่ายระบุว่ารัฐบาลกำลังนับถอยหลัง เนื่องจากมีคดีความมากมาย นายบรรหาร กล่าวว่า ก็พยายามเอาใจช่วยในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลอยากให้อยู่ยาวนานๆ ครบ 4 ปี แต่เรื่องบางเรื่องอาจจะต้องมีการให้ข้อสังเกตกันบ้าง ถึงเวลาเข้าที่ประชุม ครม. ตนก็เคยบอกกับรัฐมนตรีของพรรคชาติไทยว่า ถ้ามีประเด็นไหนที่มองว่ายังไม่เหมาะสม ไม่สมควรก็ให้ติติง เช่นเรื่องรถเมล์เอ็นจีวี 6 พันคัน ในฐานะที่ตนเคยดูแล ขสมก. มาก่อนก็มองเห็นว่ารายละเอียดที่เสนอไปดังกล่าวมันเป็นไปไม่ได้ ในอนาคตถึง 10 ปี มูลค่าของรถตั้งมากมาย เหตุใดจึงไม่ซื้อสัก 3 พันคันประมาณไม่เท่าไหร่ ถ้าเป็นตน ตนหาเงินซื้อได้หมื่นกว่าล้านบาทเอง หาไม่ยากหรอก แต่เรื่องนี้นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ พล.ต. สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯไปดูแลเรื่องนี้ในฐานะประธานที่ปรึกษาโครงการดังกล่าวให้ไปดูว่าที่ประชุมเขาจะเอากันอย่างไร ความเห็นตนเป็นอย่างนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า หมายความว่าให้พล.ต.สนั่น พิจารณาจากผลประโยชน์ที่ได้รับเป็นหลักใช่หรือไม่ นายบรรหาร ตอบว่า ให้ดูข้อเท็จจริงและความเป็นไปได้ ความเหมาะสมส่วนจะเอาอย่างไรแล้วแต่ท่านตัดสินใจ ตนจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง เมื่อถามย้ำว่าที่ผ่านมา นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.คมนาคมพยายามจะผลักดัน โครงการนี้กลับไปในที่ประชุม ครม.อีกครั้ง นายบรรหาร กล่าวว่าตนไม่ขอพูดเรื่องนี้ ทั้งนี้ขอให้ดูเรื่องรายละเอียดในเรื่องนี้ให้มาก
ต่อข้อถามว่าขณะนี้จุดยืนของพรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินเป็นอย่างไร นายบรรหาร กล่าวว่า ทั้งสองพรรคได้จับมือมาตั้งแต่ต้นในการเข้าร่วมรัฐบาล แต่ตอนหลังมันมีปัญหาในพรรคเพื่อแผ่นดินเอง โดยเฉพาะ นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ซึ่งตนจะไม่เข้าไปก้าวก่าย แต่ถ้าเรื่องการเข้าร่วมรัฐบาลแล้วจะมีปัญหาอย่างหนึ่งอย่างใดก็ต้องหารือกันอีกที แต่จุดนี้ยังมาไม่ถึง ซึ่งในส่วนของ พรรคเพื่อแผ่นดินเองส่วนใหญ่ก็ยังเดินหน้าร่วมรัฐบาลเอง
นายบรรหาร ยอมรับว่าจุดยืนของพรรคชาติไทยในขณะนี้ยังอยู่ร่วมรัฐบาล แต่ก็ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก เรื่องความถูกต้องเป็นเรื่องสำคัญมาก เราพรรคชาติไทยไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ ถ้าพูดไปแล้วก็เป็นสถาบันการเมืองอันหนึ่งรองจากพรรคประชาธิปัตย์ 35 ปีมาแล้ว
เพื่อแผ่นดินยังชูสุวิทย์นั่งหัวหน้า
วันเดียวกันมีการประชุมกรรมการบริหารพรรคเพื่อแผ่นดิน โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง หลังการประชุม นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ได้เดินออกทางออกจากที่ทำการพรรคทันที โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ
นายไชยยศ จิรเมธากร โฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน แถลงผลการประชุมว่า การแถลงถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลของนายสุวิทย์ไม่มีความผิด เพราะในการประชุมพรรควันที่ 23 มิ.ย.2550 พรรคได้มอบอำนาจให้หัวหน้าตัดสินใจดำเนินการ ทางการเมืองในทุกเรื่อง โดยภายหลังการชี้แจงนายสุวิทย์ได้แสดงความรับผิดชอบ ด้วยการลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค เนื่องจากตัดสินใจไปโดยไม่แจ้งให้ สมาชิกพรรคทราบล่วงหน้า แต่สมาชิกพรรคทุกคนขอร้องให้นายสุวิทย์เป็นหัวหน้าพรรคต่อไป แม้จะไม่มีตำแหน่งในการร่วมรัฐบาล โดยให้ทำงานในพรรค เพื่อวางรากฐานให้พรรคมีความเข้มแข็ง
ส่วนความเข้าใจผิดที่ว่านายสุวิทย์ อยู่ข้างพันธมิตรฯ นั้นเป็นเพียงแด่ข่าวลือ และนายสุวิทย์ไม่เคยทราบมาก่อนว่าพันธมิตรไม่ได้ยืนถอดถอนออกจาก ทำแหน่ง ในช่วงเรื่อง ซึ่งเชื่อว่าถือเป็ยุทธวิธีอย่างหนึ่งของพันธมิตรที่ทำให้มองแล้วเกิดความรู้สึกที่แตกต่าง ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าพันธมิตนคิดอย่างไร
การแถลงถอนตัวของนายสุวิทย์ไม่เกี่ยวข้องกับการถูกปรับออกจากรัฐมนตรี วันนี้หากนายสุวิทย์ไม่ลาออกก็ยังมีชื่อเป็นรัฐมนตรีอยู่ แต่การประกาศถอนตัวเป็นการ แสดงความเป็นห่วงกรณีการแก้รัฐธรรมนูญ และปราสาทพระวิหาร ซึ่งในประเด็นการ แก้รัฐธรรมนูญพรรคยังคงมีจุดยืนชัดเจน คือ ต้องแก้ไขในภาพรวม
สุวิทย์แฉถูกพปช.บีบขอเก้าอี้คืน
แหล่งข่าวพรรคเพื่อแผ่นดินกล่าวว่า ระหว่างการประชุมนายสุวิทย์ได้กล่าวกับผู้เข้าร่วมประชุมเกี่ยวกับการตัดสินใจแถลงข่าวถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลว่า เนื่องจากรู้มาจากพรรคพลังประชาชนว่ามีรัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาล ไม่ไว้วางใจตัวเองในหลายๆ เรื่องโดยเฉพาะเรื่องเขาพระวิหารที่ระแวงว่าจะขึ้นมาเป็นรักษาการณ์นายกรัฐมนตรีหาก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด เพราะไม่มีชื่ออยู่ในคำร้องของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
แหล่งข่าวกล่าวว่า นายสุวิทย์ได้กล่าวกับที่ประชุมพรรคอีกว่าและในวันที่29 มิ.ย.หลังการประชุม ครม.ได้เข้าพบกับนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และได้รับการยืนยันว่าตนเองจะไม่มีชื่ออยู่ใน ครม.ชุดใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ทราบแล้วว่าพรรคพลังประชาชนมีความประสงค์ที่ต้องการเอาตำแหน่งรมว.อุตสาหกรรมและรองนายกรัฐมนตรีคืน เท่ากับว่าจะไม่มีตำแหน่งใน ครม. จึงเป็นผลให้ต้องมีการตัดสินใจอย่างนั้นลงไป
วันนั้นส่วนตัวผมไม่สามารถติดต่อส.ส.ได้เลยแม้แต่คนเดียว และเหตุการณ์ในวันนั้นเป็นเรื่องที่ฉุกละหุก ทำให้ต้องตัดสินใจอย่างนั้นลงไปตามมติของพรรคในวันที่ 23 มิ.ย.ที่มอบฉันทะให้หัวหน้าพรรคในการตัดสินใจประเด็นทางการเมือง แต่ในเมื่อส.ส.ของพรรคมีเอกสิทธิ์คุ้มครองตามรัฐธรรมนูญและยืนยันที่จะไปร่วมรัฐบาลได้ ดังนั้น ในฐานะหัวหน้าขอรับผิดชอบด้วยการลาออก นายสุวิทย์ กล่าวต่อที่ประชุม
แหล่งข่าวกล่าวว่า จากนั้นนายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง ผู้อำนวยการพรรค ได้กล่าวว่า นายสุวิทย์ ไม่มีความผิด จึงขอให้ส.ส.และคณะกรรมการบริหารพรรค มีมติให้นายสุวิทย์ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคต่อไป
เป็ดเหลิมจัดงานเลี้ยงไร้ส.ส.พปช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดสวน พรรคพลังประชาชน ซึ่งถูกปรับออกจาก รมว.มหาดไทย ได้จัดงานเลี้ยงชื่อ ถึงอย่างไรก็รักกัน เพื่ออำลาข้าราชการประจำกระทรวงมหาดไทย โดยมีการจัดเลี้ยงโต๊ะจีนและออกร้านอาหาร ที่ร้านอาหาร โต้ง หนุ่ม ชาย ย่านบางบอน
ภายในงานมีข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยมาร่วมงานจำนวนมาก นำโดยนายพงศ์พโยม วาศภูติ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายวิชัย ศรีขวัญ อธิบดีกรมการปกครอง นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายสมชาย ชุ่มรัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง นายบุญเชิด คิดเห็น รักษาการอธิบดีกรมที่ดิน และผู้ว่าราชการจังหวัดใกล้เคียง
อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่าไม่มี ส.ส.ของพรรคพลังประชาชน มาร่วมงาน เนื่องจากตรงกับการประชุมพรรคในช่วงเย็น อีกทั้ง ร.ต.อ.เฉลิม ซึ่งเป็น ส.ส.สัดส่วน ก็ไม่ได้เข้าประชุมพรรคแต่อย่างใด โดยในที่ประชุมพรรคครั้งนี้เป็นการประชุม ภาคกรุงเทพมหานคร และมีการหารือถึงเรื่องการส่งตัวผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.
