นายนิกร จำนง รองหัวหน้าพรรคชาติไทย ในฐานะผู้อำนวยการพรรคชาติไทย กล่าวปฏิเสธถึงกระแสข่าวการนัดร่วมรับประทานอาหารของ 5 แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ที่บ้านนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ในเย็นวันเดียวกันนี้ (1 ก.ค. )เป็นเพียงข่าวลือ ซึ่งมีมาตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งอาจมาจาก การร่วมหารือของแกนนำพรรคและรัฐมนตรีของพรรคชาติไทย ที่ปกติจะมีการประชุมหารือกันถึงสถานการณ์และปัญหาต่างๆ ก็เป็นได้ ซึ่งเรื่องนี้นายบรรหาร ศิลปะอาชา เองก็ยืนยันกับตนแล้วว่า ไม่มีและเป็นการเข้าใจผิดของสื่อ
ยืนยันว่าในส่วนของพรรคชาติไทยไม่มีการหารือเรื่องการปรับ ครม. แต่อย่างใด จะมีก็มีแต่การพูดเล่นของนายบรรหาร หัวหน้าพรรคที่พูดในวันที่ไปร่วมงานสมรสของบุตรีของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยว่า ต้องมีการปรับ ครม.แน่อย่างน้อยหนึ่งตำแหน่งคือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตีที่ว่างลง จากกรณีที่นายจักรภพ เพ็ญแข ได้ลาออกไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของพรรคชาติไทยจะมีการปรับตัวรัฐมนตรีในส่วน ของพรรค ตามที่เป็นข่าวออกมาหรือไม่ นายนิกร กล่าวว่า เรื่องนี้ทางพรรคยังไม่มีการพูดคุยกัน เมื่อถามว่า ท่าทีของพรรคชาติไทยที่ออกมาเหมือนไม่พอใจ ที่นายกรัฐมนตรีไม่มีการปรับ ครม. นายนิกร ตอบว่า เรื่องนี้ไม่ขอแสดงความคิดเห็น
พปช.เชื่อไม่ปรับตามเกมพันธมิตรฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชาชนว่า ในการประชุมพรรคพลังประชาชน ช่วงบ่าย วานนี้ (1 ก.ค.) ซึ่งมี นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.พาณิชย์ เข้าร่วมประชุม โดยมีมี นายสุวัฒน์ วรรณศิริ ส.ส.กทม.ทำหน้าที่ประธานการประชุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมครั้งนี้เดิมมีวาระที่จะประเมิน เกี่ยวกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านต่อรัฐมนตรีที่ผ่านมาโดยเฉพาะ กรณีที่นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม เกี่ยวกับการทุจริตการสอบมหาวิทยาลัยรามคำแหง และนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ถูกฝ่ายค้านอภิปรายเรื่องเขาพระวิหาร แต่เนื่องจากมีการหารือเรื่องการเลือกประธานกรรมาธิการฯ ประกอบกับ
นายสันติ กับนายนพดล ไม่ได้เข้าร่วมประชุม จึงทำให้ต้องเลื่อนเรื่องดังกล่าวออกไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมยังมีการหารือถึงสถานการณ์การเมืองโดยมีการ วิเคราะห์ว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ไม่น่าจะปรับ ครม.ในเร็วๆ นี้เพราะหากมีการปรับ ครม.จริงก็จะเท่ากับ จะเข้าทางพรรคฝ่ายค้านและพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทันที ดังนั้น เชื่อว่านายสมัคร จะไม่เดินตามเกมของทั้งสองกลุ่มแน่นอน อีกทั้งหากปรับช่วงนี้ ก็เท่ากับเจ๊ง และหากจะมีการปรับ ครม. ก็มีความเห็นว่าควรจะปรับใหญ่ไปเลยหลังการพิจารณางบประมาณประจำปี 2552 ผ่านความเห็นชอบของสภาก่อน เพื่อไม่ให้เกิดแรงกระเพื่อมทางสังคม
คนบ้านเลขที่11บี้ปรับนพดลทิ้ง
นอกจากนี้ ยังมีรายงานแจ้งด้วยว่า เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. แกนนำพรรคพลังประชาชนบางส่วน และอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย อาทิคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายสรอรรถ กลิ่นประทุม นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ได้นัดหารือพร้อมทั้งประเมิณสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน โดยที่ประชุมเห็นตรงกันว่าหากมีการปรับ ครม.ควรเสนอให้นายสมัครปรับ นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ออกจากตำแหน่งเพื่อลดกระแสกดดันทางสังคม ในกรณีเขาพระวิหาร
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชน กล่างถึงกรณีที่มีการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาที่ลงนามโดยนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 หรือไม่ว่า หากผลออกมาว่าขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 นายนพดลก็จะต้องรับผิดชอบด้วยการลาออก ไม่ใช่คณะรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบ
ชี้อำนาจปรับ-ไม่ปรับอยู่ที่แม้ว
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าแม้ว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายไม่ไว้วางใจและชี้ให้เห็นว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในรัฐบาลนี้มีพฤติการ อย่างไร และประชาชนมีความรู้สึกอย่างไร แต่การจะปรับ ครม.หรือไม่ คงต้องแยกประเด็นกัน เพราะการจะปรับ ครม.หรือไม่ เชื่อว่าเป็นเรื่องของคนที่อยู่เบื้องหลังนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่พรรคร่วมรัฐบาลที่จะกดดันได้ และในส่วนของฝ่ายค้านก็ทำได้เท่านี้ ซึ่งจะต้องติดตามดูต่อไปว่านายกรัฐมนตรีจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งบางทีอาจจะปรับครม. เมื่อสายก็ได้ อย่างไรก็ตามอยากเตือนว่าการบริหารราชการบ้านเมืองในวันนี้จะต้องคำนึงถือความรู้สึกและความคาดหวังของประชาชน
ไม่คิดว่าพรรคร่วมจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรได้ หรือมีการต่อรอง เกิดขึ้น ไม่คิดว่าเป็นอย่างนั้น เพราะเคยรู้จัก เคยเห็นกัน ผมว่าการจะปรับครม. อยู่ที่คุณทักษิณ (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) มากกว่า เพราะเป็นเจ้าของพรรคตัวจริง"
ส่วนกรณีที่มีเสียงกดดันให้ปรับนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ เพราะมีความชัดเจนกรณีเขาพระวิหารที่ศาลปกครองได้คุ้มครองชั่วคราวการลงนาม แถลงการณ์ร่วมนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีคงคิดมาก เพราะกรณีเขาพระวิหารแม้ว่าความผิดพลาดบกพร่องอาจจะอยู่ที่ รมว. ต่างประเทศ แต่เรื่องนี้เป็นมติครม. ดังนั้นการจะปรับนายนพดลเพียงคนเดียว ก็คงคิดมาก ทั้งนี้ขอย้ำว่ากรณีเขาพระวิหารนั้น ตอนนี้รัฐบาลจะต้องถอย เพราะเสียงของประชาชน นักวิชาการ และผู้รู้ ต่างเป็นไปในทิศทางเดียวกับที่ฝ่ายค้านอภิปราย ทั้งเอกสาร หลักฐาน ข้อเท็จจริงต่าง ๆ ก็ชัดเจน อีกทั้งศาลปกครองได้มีคำวินิจฉัยออกมาเช่นนี้ด้วย ดังนั้นหากยังดื้อดึง เชื่อว่าประชาชนคงไม่ยอม
เทพไทยุตัดเนื้อรายรักษาชีวิต
นายเทพไท เสนพงษ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พรรคร่วมรัฐบาลจะหารือเพื่อทวงสัญญาการปรับ ครม.จากนายกรัฐมนตรี ที่บ้านนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยว่า เป็นความชอบธรรมของ พรรคร่วมรัฐบาลที่ร่วมประชุมตามกระแสความเรียกร้องของสังคม ให้พิจารณาปรับ ครม. ในส่วนของรัฐมนตรีที่ไม่สามารถตอบคำอภิปรายของฝ่ายค้านได้ จึงอยากให้ พรรคร่วมรัฐบาลใช้ปฏิบัติการณ์ปลดแอกจากพรรคพลังประชาชน โดยไม่ต้องกลัวคำขู่ ของนายกฯ ในการยุบสภาฯ และคำสัมภาษณ์ของลูกพรรคพลังประชาชน ในลักษณะดูถูกเหยียดหยามมาโดยตลอด
นายเทพไท กล่าวว่า อยากให้สังคมจับตามองเรื่องการปรับครม. ซึ่งเชื่อว่า จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แม้ว่านายกฯ ประกาศท้าทายว่าจะไม่มีการปรับครม. เพื่อเอาชนะคะคานสื่อมวลชนที่วิพากษ์วิจารณ์ก็ตาม ในที่สุดนายกฯ ก็ไม่สามารถที่จะทนต่อกระแสความเรียกร้องของสังคมได้ และเชื่อว่าจะมีการปรับใหญ่ เพราะรัฐมนตรีหลายคน ในครม.ชุดนี้มีอาการบาดเจ็บสาหัสจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน รวมทั้งมีรัฐมนตรีส่วนหนึ่งที่กำลังถูกชี้มูลในเรื่องคุณสมบัติ และรัฐมนตรีส่วนใหญ่ ที่ไม่มีผลงานเป็นรัฐมนตรีโลกลืม
นายเทพไท กล่าวว่า ที่สำคัญที่สุดทำให้น่าเชื่อว่ารัฐมนตรีที่จะต้องถูกปรับออกเป็นคนแรก คือนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ซึ่งตกอยู่ในชะตากรรม ที่ย่ำแย่ที่สุด ดูได้จากการที่นายกฯ เดินทางไปเยือนประเทศจีน และบรูไน โดยไม่มี รมว.ต่างประเทศ ไปด้วย ซึ่งผิดธรรมเนียมประเพณีปฏิบัติที่มีมาโดยตลอด เพราะภารกิจของรัฐบาลในการเยือนต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศจะต้องเป็นแม่งานใหญ่และเป็นเจ้าภาพในการประสานงาน แต่ครั้งนี้ ไม่มี รมว.ต่างประเทศ ติดตามไป เป็นการส่งสัญญาณอะไรบางอย่างหรือไม่ และรมว.ต่างประเทศ เองก็ควรจะพิจารณาตัวเอง ซึ่งนายกฯ ได้ปฏิบัติต่อรัฐมนตรีในครม.ชุดนี้อย่างน้อย 2 คนชัดเจนที่ส่งสัญญาณในสภาคือ นาย มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ และนายนพดล ก่อนหน้านี้ยังมี นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข และ นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.พาณิชย์ ที่นายกฯ ได้สอบถามถึงเรื่องคุณสมบัติ ว่าจะลาออกก่อนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่
รัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาลชุดนี้ ทำตัวเป็นตุ๊กแกเกาะเก้าอี้จนแน่นสนิท เพราะฉะนั้นมีมาตรการเดียวคือนายกฯ จะต้องปรับใหญ่ อย่างน้อยก็รัฐมนตรี ที่เป็นข่าวอยู่ และเชื่อว่านายกฯ จะเลือกวิธีการปรับใหญ่ เพื่อจะตัดเนื้อร้ายหรืออวัยวะเพื่อรักษาชีวิตตัวเองไว้ และแม้ว่านายกฯ จะยืนยันอย่างไร ผมคิดว่า ต้องตีความ ตรงข้ามเสมอ นายกฯคนนี้เป็นคนที่มีสันชาตญาณแมวถ้าดึงหางให้ถอยหลังก็จะเดินหน้า และถ้าผลักให้ไปข้างหน้าก็จะถอยหลัง ซึ่งเชื่อว่าไม่สามารถทนกระแสความเรียกร้องและกดดันของสังคมได้ หรือนายกฯ จะปล่อยให้รัฐบาลชุดนี้พังไปทั้งสุด ก็สุดแล้วแต่ทางที่นายกฯ จะกำหนด
แนะสมัครปรับเพื่อปลดชนวนระเบิด
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณี นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ยืนยันจะไม่มีการปรับครม.ในขณะนี้ว่า เรื่องปรับครม. คงหลีกเลี่ยงได้ยาก เพราะไม่เพียงแต่กระแสเรียกร้องจากสังคมภายนอกเท่านั้น ที่เห็นว่าครม.ชุดนี้ ยังมีรัฐมนตรีหลายคนเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งต่อไป แม้แต่กระแสภายในจากคนในพรรคพลังประชาชนก็มีเสียงเรียกร้องและกดดันภายใน มีหลายกลุ่ม หลายก๊วน มีความเคลื่อนไหวในการกดกัน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ดังนั้น ถ้านายกรัฐมนตรี ยังรู้สึกว่า จะคงรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ไว้เหมือนเดิม เท่ากับเป็นการเก็บระเบิดเวลาไว้กับตัว และคิดว่ายิ่งนานวันไประเบิดเวลาเหล่านี้ ก็พร้อมจะทำงานได้ตลอดเวลา เมื่อใดก็ตามที่มีผู้กดปุ่มให้ระเบิดเวลานี้ทำงาน ขึ้นมาเมื่อไหร่ ดังนั้น เชื่อมั่นว่า ถึงขณะนั้นนายกฯ คงหลีกเลี่ยงได้ยาก และตนอยากให้นายกฯ คำนึงถึงการปรับครม. ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของกลุ่มก้อนในพรรค แต่อยากให้คำนึงถึงประสิทธิภาพในการทำงาน และประเทศชาติบ้านเมือง เพราะจะทำให้สามารถแก้ปัญหาไปได้ลุลวงด้วยดี
ศาลรธน.ชี้ชะตาไชยา9ก.ค.
วานนี้ ( 1ก.ค.)คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรณีประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของ สมาชิกวุฒิสภาขอให้พิจารณาการสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรี ของนายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข
นาย ไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผย ภายหลังการประชุมว่า คณะตุลาการฯได้มีการอภิปรายทั่วไปในข้อเท็จจริงและข้อโต้แย้ง โดยตุลาการฯเห็นว่าเพียงพอที่จะวินิจฉัยพิจารณา จึงได้มีการนัดแถลง ด้วยวาจาและลงมติในวันที่ 9 ก.ค.51 เวลา 15.00 น. สำหรับการลงมติที่จะมีขึ้นนายไชยา จะมารับฟังคำวินิจฉัยด้วยตัวเองหรือไม่ก็ได้
ส่วนกรณีที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของสมาชิกวุฒิสภาขอให้พิจารณา การสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีของนายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.พาณิชย์ และกรณีการจัดรายการชิมไปบ่นไปของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนของการยื่นคำชี้แจงข้อกล่าวหาอยู่
ยืนยันว่าในส่วนของพรรคชาติไทยไม่มีการหารือเรื่องการปรับ ครม. แต่อย่างใด จะมีก็มีแต่การพูดเล่นของนายบรรหาร หัวหน้าพรรคที่พูดในวันที่ไปร่วมงานสมรสของบุตรีของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยว่า ต้องมีการปรับ ครม.แน่อย่างน้อยหนึ่งตำแหน่งคือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตีที่ว่างลง จากกรณีที่นายจักรภพ เพ็ญแข ได้ลาออกไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของพรรคชาติไทยจะมีการปรับตัวรัฐมนตรีในส่วน ของพรรค ตามที่เป็นข่าวออกมาหรือไม่ นายนิกร กล่าวว่า เรื่องนี้ทางพรรคยังไม่มีการพูดคุยกัน เมื่อถามว่า ท่าทีของพรรคชาติไทยที่ออกมาเหมือนไม่พอใจ ที่นายกรัฐมนตรีไม่มีการปรับ ครม. นายนิกร ตอบว่า เรื่องนี้ไม่ขอแสดงความคิดเห็น
พปช.เชื่อไม่ปรับตามเกมพันธมิตรฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชาชนว่า ในการประชุมพรรคพลังประชาชน ช่วงบ่าย วานนี้ (1 ก.ค.) ซึ่งมี นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.พาณิชย์ เข้าร่วมประชุม โดยมีมี นายสุวัฒน์ วรรณศิริ ส.ส.กทม.ทำหน้าที่ประธานการประชุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมครั้งนี้เดิมมีวาระที่จะประเมิน เกี่ยวกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านต่อรัฐมนตรีที่ผ่านมาโดยเฉพาะ กรณีที่นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม เกี่ยวกับการทุจริตการสอบมหาวิทยาลัยรามคำแหง และนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ถูกฝ่ายค้านอภิปรายเรื่องเขาพระวิหาร แต่เนื่องจากมีการหารือเรื่องการเลือกประธานกรรมาธิการฯ ประกอบกับ
นายสันติ กับนายนพดล ไม่ได้เข้าร่วมประชุม จึงทำให้ต้องเลื่อนเรื่องดังกล่าวออกไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมยังมีการหารือถึงสถานการณ์การเมืองโดยมีการ วิเคราะห์ว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ไม่น่าจะปรับ ครม.ในเร็วๆ นี้เพราะหากมีการปรับ ครม.จริงก็จะเท่ากับ จะเข้าทางพรรคฝ่ายค้านและพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทันที ดังนั้น เชื่อว่านายสมัคร จะไม่เดินตามเกมของทั้งสองกลุ่มแน่นอน อีกทั้งหากปรับช่วงนี้ ก็เท่ากับเจ๊ง และหากจะมีการปรับ ครม. ก็มีความเห็นว่าควรจะปรับใหญ่ไปเลยหลังการพิจารณางบประมาณประจำปี 2552 ผ่านความเห็นชอบของสภาก่อน เพื่อไม่ให้เกิดแรงกระเพื่อมทางสังคม
คนบ้านเลขที่11บี้ปรับนพดลทิ้ง
นอกจากนี้ ยังมีรายงานแจ้งด้วยว่า เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. แกนนำพรรคพลังประชาชนบางส่วน และอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย อาทิคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายสรอรรถ กลิ่นประทุม นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ได้นัดหารือพร้อมทั้งประเมิณสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน โดยที่ประชุมเห็นตรงกันว่าหากมีการปรับ ครม.ควรเสนอให้นายสมัครปรับ นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ออกจากตำแหน่งเพื่อลดกระแสกดดันทางสังคม ในกรณีเขาพระวิหาร
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชน กล่างถึงกรณีที่มีการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาที่ลงนามโดยนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 หรือไม่ว่า หากผลออกมาว่าขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 นายนพดลก็จะต้องรับผิดชอบด้วยการลาออก ไม่ใช่คณะรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบ
ชี้อำนาจปรับ-ไม่ปรับอยู่ที่แม้ว
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าแม้ว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายไม่ไว้วางใจและชี้ให้เห็นว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในรัฐบาลนี้มีพฤติการ อย่างไร และประชาชนมีความรู้สึกอย่างไร แต่การจะปรับ ครม.หรือไม่ คงต้องแยกประเด็นกัน เพราะการจะปรับ ครม.หรือไม่ เชื่อว่าเป็นเรื่องของคนที่อยู่เบื้องหลังนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่พรรคร่วมรัฐบาลที่จะกดดันได้ และในส่วนของฝ่ายค้านก็ทำได้เท่านี้ ซึ่งจะต้องติดตามดูต่อไปว่านายกรัฐมนตรีจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งบางทีอาจจะปรับครม. เมื่อสายก็ได้ อย่างไรก็ตามอยากเตือนว่าการบริหารราชการบ้านเมืองในวันนี้จะต้องคำนึงถือความรู้สึกและความคาดหวังของประชาชน
ไม่คิดว่าพรรคร่วมจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรได้ หรือมีการต่อรอง เกิดขึ้น ไม่คิดว่าเป็นอย่างนั้น เพราะเคยรู้จัก เคยเห็นกัน ผมว่าการจะปรับครม. อยู่ที่คุณทักษิณ (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) มากกว่า เพราะเป็นเจ้าของพรรคตัวจริง"
ส่วนกรณีที่มีเสียงกดดันให้ปรับนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ เพราะมีความชัดเจนกรณีเขาพระวิหารที่ศาลปกครองได้คุ้มครองชั่วคราวการลงนาม แถลงการณ์ร่วมนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีคงคิดมาก เพราะกรณีเขาพระวิหารแม้ว่าความผิดพลาดบกพร่องอาจจะอยู่ที่ รมว. ต่างประเทศ แต่เรื่องนี้เป็นมติครม. ดังนั้นการจะปรับนายนพดลเพียงคนเดียว ก็คงคิดมาก ทั้งนี้ขอย้ำว่ากรณีเขาพระวิหารนั้น ตอนนี้รัฐบาลจะต้องถอย เพราะเสียงของประชาชน นักวิชาการ และผู้รู้ ต่างเป็นไปในทิศทางเดียวกับที่ฝ่ายค้านอภิปราย ทั้งเอกสาร หลักฐาน ข้อเท็จจริงต่าง ๆ ก็ชัดเจน อีกทั้งศาลปกครองได้มีคำวินิจฉัยออกมาเช่นนี้ด้วย ดังนั้นหากยังดื้อดึง เชื่อว่าประชาชนคงไม่ยอม
เทพไทยุตัดเนื้อรายรักษาชีวิต
นายเทพไท เสนพงษ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พรรคร่วมรัฐบาลจะหารือเพื่อทวงสัญญาการปรับ ครม.จากนายกรัฐมนตรี ที่บ้านนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยว่า เป็นความชอบธรรมของ พรรคร่วมรัฐบาลที่ร่วมประชุมตามกระแสความเรียกร้องของสังคม ให้พิจารณาปรับ ครม. ในส่วนของรัฐมนตรีที่ไม่สามารถตอบคำอภิปรายของฝ่ายค้านได้ จึงอยากให้ พรรคร่วมรัฐบาลใช้ปฏิบัติการณ์ปลดแอกจากพรรคพลังประชาชน โดยไม่ต้องกลัวคำขู่ ของนายกฯ ในการยุบสภาฯ และคำสัมภาษณ์ของลูกพรรคพลังประชาชน ในลักษณะดูถูกเหยียดหยามมาโดยตลอด
นายเทพไท กล่าวว่า อยากให้สังคมจับตามองเรื่องการปรับครม. ซึ่งเชื่อว่า จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แม้ว่านายกฯ ประกาศท้าทายว่าจะไม่มีการปรับครม. เพื่อเอาชนะคะคานสื่อมวลชนที่วิพากษ์วิจารณ์ก็ตาม ในที่สุดนายกฯ ก็ไม่สามารถที่จะทนต่อกระแสความเรียกร้องของสังคมได้ และเชื่อว่าจะมีการปรับใหญ่ เพราะรัฐมนตรีหลายคน ในครม.ชุดนี้มีอาการบาดเจ็บสาหัสจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน รวมทั้งมีรัฐมนตรีส่วนหนึ่งที่กำลังถูกชี้มูลในเรื่องคุณสมบัติ และรัฐมนตรีส่วนใหญ่ ที่ไม่มีผลงานเป็นรัฐมนตรีโลกลืม
นายเทพไท กล่าวว่า ที่สำคัญที่สุดทำให้น่าเชื่อว่ารัฐมนตรีที่จะต้องถูกปรับออกเป็นคนแรก คือนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ซึ่งตกอยู่ในชะตากรรม ที่ย่ำแย่ที่สุด ดูได้จากการที่นายกฯ เดินทางไปเยือนประเทศจีน และบรูไน โดยไม่มี รมว.ต่างประเทศ ไปด้วย ซึ่งผิดธรรมเนียมประเพณีปฏิบัติที่มีมาโดยตลอด เพราะภารกิจของรัฐบาลในการเยือนต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศจะต้องเป็นแม่งานใหญ่และเป็นเจ้าภาพในการประสานงาน แต่ครั้งนี้ ไม่มี รมว.ต่างประเทศ ติดตามไป เป็นการส่งสัญญาณอะไรบางอย่างหรือไม่ และรมว.ต่างประเทศ เองก็ควรจะพิจารณาตัวเอง ซึ่งนายกฯ ได้ปฏิบัติต่อรัฐมนตรีในครม.ชุดนี้อย่างน้อย 2 คนชัดเจนที่ส่งสัญญาณในสภาคือ นาย มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ และนายนพดล ก่อนหน้านี้ยังมี นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข และ นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.พาณิชย์ ที่นายกฯ ได้สอบถามถึงเรื่องคุณสมบัติ ว่าจะลาออกก่อนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่
รัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาลชุดนี้ ทำตัวเป็นตุ๊กแกเกาะเก้าอี้จนแน่นสนิท เพราะฉะนั้นมีมาตรการเดียวคือนายกฯ จะต้องปรับใหญ่ อย่างน้อยก็รัฐมนตรี ที่เป็นข่าวอยู่ และเชื่อว่านายกฯ จะเลือกวิธีการปรับใหญ่ เพื่อจะตัดเนื้อร้ายหรืออวัยวะเพื่อรักษาชีวิตตัวเองไว้ และแม้ว่านายกฯ จะยืนยันอย่างไร ผมคิดว่า ต้องตีความ ตรงข้ามเสมอ นายกฯคนนี้เป็นคนที่มีสันชาตญาณแมวถ้าดึงหางให้ถอยหลังก็จะเดินหน้า และถ้าผลักให้ไปข้างหน้าก็จะถอยหลัง ซึ่งเชื่อว่าไม่สามารถทนกระแสความเรียกร้องและกดดันของสังคมได้ หรือนายกฯ จะปล่อยให้รัฐบาลชุดนี้พังไปทั้งสุด ก็สุดแล้วแต่ทางที่นายกฯ จะกำหนด
แนะสมัครปรับเพื่อปลดชนวนระเบิด
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณี นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ยืนยันจะไม่มีการปรับครม.ในขณะนี้ว่า เรื่องปรับครม. คงหลีกเลี่ยงได้ยาก เพราะไม่เพียงแต่กระแสเรียกร้องจากสังคมภายนอกเท่านั้น ที่เห็นว่าครม.ชุดนี้ ยังมีรัฐมนตรีหลายคนเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งต่อไป แม้แต่กระแสภายในจากคนในพรรคพลังประชาชนก็มีเสียงเรียกร้องและกดดันภายใน มีหลายกลุ่ม หลายก๊วน มีความเคลื่อนไหวในการกดกัน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ดังนั้น ถ้านายกรัฐมนตรี ยังรู้สึกว่า จะคงรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ไว้เหมือนเดิม เท่ากับเป็นการเก็บระเบิดเวลาไว้กับตัว และคิดว่ายิ่งนานวันไประเบิดเวลาเหล่านี้ ก็พร้อมจะทำงานได้ตลอดเวลา เมื่อใดก็ตามที่มีผู้กดปุ่มให้ระเบิดเวลานี้ทำงาน ขึ้นมาเมื่อไหร่ ดังนั้น เชื่อมั่นว่า ถึงขณะนั้นนายกฯ คงหลีกเลี่ยงได้ยาก และตนอยากให้นายกฯ คำนึงถึงการปรับครม. ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของกลุ่มก้อนในพรรค แต่อยากให้คำนึงถึงประสิทธิภาพในการทำงาน และประเทศชาติบ้านเมือง เพราะจะทำให้สามารถแก้ปัญหาไปได้ลุลวงด้วยดี
ศาลรธน.ชี้ชะตาไชยา9ก.ค.
วานนี้ ( 1ก.ค.)คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรณีประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของ สมาชิกวุฒิสภาขอให้พิจารณาการสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรี ของนายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข
นาย ไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผย ภายหลังการประชุมว่า คณะตุลาการฯได้มีการอภิปรายทั่วไปในข้อเท็จจริงและข้อโต้แย้ง โดยตุลาการฯเห็นว่าเพียงพอที่จะวินิจฉัยพิจารณา จึงได้มีการนัดแถลง ด้วยวาจาและลงมติในวันที่ 9 ก.ค.51 เวลา 15.00 น. สำหรับการลงมติที่จะมีขึ้นนายไชยา จะมารับฟังคำวินิจฉัยด้วยตัวเองหรือไม่ก็ได้
ส่วนกรณีที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของสมาชิกวุฒิสภาขอให้พิจารณา การสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีของนายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.พาณิชย์ และกรณีการจัดรายการชิมไปบ่นไปของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนของการยื่นคำชี้แจงข้อกล่าวหาอยู่