"สนธิ"นำพลังบริสุทธิ์นับแสนคนสวมเสื้อเหลืองแน่นสะพานมัฆวานฯ ทำพิธีศักดิ์สิทธิ์สวดคาถาโบราณสมัยพุทธกาล 3 บทใหญ่ไล่เสนียดจัญไรพ้นบ้านเมือง เตือนใครที่ยังคิดชั่วจะต้องได้รับกรรมนับร้อยพันเท่าทวี พร้อมเป่านกหวีดเคลื่อนขบวนแสดงไปอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อประกาศพิทักษ์ รธน.วันนี้ ขณะที่ "วิปรัฐบาลพลังแม้ว"ผวา! พลิกเกมหนีกระแสบริสุทธิ์ต้าน แต่ยังประกาศกร้าวเลื่อนยื่นแก้ รธน.ไปหลัง 18 ส.ค.เพื่อรอผลการศึกษาของ กมธ.วิสามัญฯเสียก่อนหวังใช้เรียกความชอบธรรม ลั่นเดินหน้าฉีกรายมาตราทั้ง 190, 237, 309 ที่เป็นก้างขวางคอ "ระบอบแม้ว" ด้าน "แกนนำพันธมิตรฯ"เย้ย"พลังแม้ว" ขี้ขลาดผวาพลังคนไทยไล่ส่ง หนีจุกตูดเลื่อนแก้ รธน.ลั่นหากยื่นแก้เมื่อไหร่ก็พร้อมเคลื่อนพลต้านทุกเมื่อ
การชุมนุมขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิด นายสมัคร สุนทรเวช และต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (รธน.) พ.ศ.2550 เพื่อฟอกความผิดให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ กรุงเทพฯ ซึ่งได้ดำเนินมากว่า 2 เดือนแล้ว โดยวานนี้ (1 ส.ค.) กลุ่มพันธมิตรฯจากทุกสาขาอาชีพทั่วทุกภาคของประเทศไทย ได้ทยอยเดินทางเข้ามาร่วมชุมนุมใหญ่กับพันธมิตรฯส่วนกลางกันอีกครั้ง โดยบรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้าเป็นไปอย่างคึก มีกลุ่มพันธมิตรฯจากจังหวัดต่างๆ ทยอยเดินทางเข้ามายังบริเวณที่มีการชุมนุมอย่างต่อเนื่องจนแออัดไปด้วยผู้คนทั้งเด็ก เยาวชน ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ
ทั้งนี้ จากการประเมินในช่วงค่ำคาดว่าผู้ที่มาร่วมชุมนุมในครั้งนี้น่าจะมีประมาณ 100,000 คนโดยทุกคนต่างพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อเหลืองท่ามกลางการดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวดของกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ และการดูแลความปลอดภัยของฝ่ายกลุ่มพันธมิตรฯกันเอง เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายต่อต้านหรือ "ม็อบถ่อย นปก." เข้ามาสร้างความวุ่นวาย
ขณะที่มีรายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมอีกว่า ในช่วงค่ำของวันเดียวกัน ได้มีกลุ่มพันธมิตรฯในบางจังหวัดเดินทางมาสมทบอีกหลายพื้นที่ ทำให้มีการคาดการณ์กันว่า ในวันเสาร์และวันอาทิตย์นี้จะทำให้มีผู้ชุมนุมมากขึ้นกว่า 100,000 คนอย่างแน่นอน
"สนธิ"นำทำพิธีศักดิ์สิทธิ์
กระทั่งเวลาประมาณ 21.40 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯได้ขึ้นเวทีโดยกล่าวว่า ในช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมามีการทำร้ายทำลายประเทศไทยด้วยไสยศาสตร์ โดยก่อนหน้านี้มีการทุบทำลายทวารบาลที่ปราสาทพนมรุ้ง ไปทุบหูทุบตา แขนขา หรือแม้กระทั่งกรณีผึ้งหลวงมาเกาะที่พญาครุฑที่ศาลอาญาปอดหน้าปิดตา เพื่อไม่ให้กระบวนการยุติธรรมมองเห็น แต่เมื่อมีคำพิพากษาออกมาเมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมาทำให้ผึ้งเหล่านั้นได้บินหนีไปแล้ว ทุกอย่างจึงกลับมาเหมือนเดิม
นายสนธิ กล่าวถึงการทำพิธีที่ปราสาทพระวิหารของเขมรวานนี้ (1 ส.ค.) มีเป้าหมายเพื่อให้ประเทศไทยเกิดความวิบัติ บ้านเมืองไม่สงบสุข ซึ่งตัวการคือคนชื่อพม่าหน้าเขมร
อย่างไรก็ตาม นายสนธิ กล่าวว่า แต่ด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์ของพี่น้องในที่นี้และที่ดูเอเอสทีวีอยู่บ้านทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศที่ต้องการทำงานเพื่อแผ่นดินจำนวนมาก ถ้ารวมพลังกันก็จะเป็นพลังอันศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นนายสนธิ ได้นำสวดคาถาอันศักดิ์สิทธิ์ในสมัยโบราณเป็นภาษีบาลี 3 บท พร้อมทั้งตั้งจิตสงบนาน 1 นาที เพื่อแผ่เมตตาไปให้คนที่คิดร้ายต่อบ้านเมืองได้สำนึก แต่ถ้าเขาไม่สำนึกพลังเหล่านี้ก็จะย้อนไปทำร้ายเขานับร้อยเท่าพันเท่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การทำพิธีครั้งนี้ได้นำเอาบทสวดของพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งไล่เสนียดจัญไรที่เมืองโกสัมพีเมื่อครั้งพุทธกาลมาเป็นหนึ่งในบทสวดสำคัญด้วย และในระหว่างที่มีการทำพิธีอยู่นั้นได้มีฝนโปรยปรายลงมาเกือบตลอดเวลา
เคลื่อนทัพขอพรวัดพระแก้ว
จากนั้นนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯได้ขึ้นเวทีประกาศว่า วันนี้ (2 ส.ค.) เวลาประมาณ 09.00 น.เราจะเคลื่อนขบวนไปยังจากบริเวณสะพานมัฆวานฯไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพื่อประกาศเจตนารมณ์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ที่ผ่านการลงประชามติจำนวน 14.7 ล้านเสียง จากนั้นจะเคลื่อนขบวนไปยังบริเวณหน้าวัดพระแก้ว เพื่อกราบนมัสการขอพรให้พระแก้วมรกด คุ้มครองพวกเราและให้ภารกิจของกลุ่มพันธมิตรฯในครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วย หลังจากนั้นก็จะมีการเคลื่อนขบวนกลับมายังบริเวณสะพานมัฆวานฯ เพื่อร่วมชุมนุมกันต่อ
วิปรัฐยื่นแก้ รธน.หลัง 18 ส.ค.
ก่อนหน้านี้นายสามารถ แก้วมีชัย ประธานวิปรัฐบาล ได้กล่าวที่รัฐสภาถึงการยื่นญัตติเพื่อขอแก้ไข รธน.ว่า จะยื่นหลังวันที่ 18 ส.ค.51 เพื่อรอให้คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาการบังคับใช้รัฐธรรมนูญ 2550 สภาผู้แทนราษฎรได้สรุปผลการศึกษาเสียก่อน เพราะไม่ต้องการให้หลายฝ่ายอ้างว่าเราทำโดยพลการ
สำหรับร่างแก้ไข รธน.ที่จะยื่นได้พิจารณาจาก 4 ประเด็นคือ 1.รายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ 2.อนุกรรมาธิการของวิปรัฐบาลที่มีนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯเป็นประธาน 3.ผลงานทางด้านวิชาการของนักวิชาการที่ศึกษารัฐธรรมนูญปี 2550 และ 4.ประสบการณ์ของ ครม.ว่ามีปัญหาอะไรบ้าง
"การยื่นครั้งนี้จะไม่ยื่นแก้ไขทั้งฉบับแต่จะแก้ไขเพียงบางมาตรา โดยคาดว่าจะยื่นในประเด็นที่มาของ ส.ส.และ ส.ว.ก่อน ส่วนในมาตรา 190, มาตรา 237 และมาตรา 309 นั้นจะยื่นภายหลัง ส่วนระยะเวลาในการยื่น จะห่างกันแค่ไหนตอบไม่ได้ เพราะต้องรอการตกผลึกทางความคิดเสียก่อน ไม่เช่นนั้นเกรงว่าจะมีปัญหา เพราะมาตราดังกล่าวเป็นประเด็นสำคัญ"
"มาร์ค"เห็นด้วยเลื่อนยื่นแก้ รธน.
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เห็นด้วยที่วิปรัฐบาลจะยังไม่ยื่นร่างแก้ไข รธน.ในขณะนี้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีที่จะไม่เป็นชนวนของความขัดแย้งและในช่วงนี้อยากให้ทุกฝ่ายเคลื่อนไหวด้วยความระมัดระวัง เพราะปัญหาต่างๆ ในบ้านเมืองรุนแรงมากขึ้นโดยเฉพาะปัญหาความรุนแรงของกลุ่มผู้ชุมนุมที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดังนั้น หากทุกฝ่ายช่วยกันทำให้บรรยากาศบ้านเมืองเย็นลงในช่วงนี้ จะเป็นเรื่องที่ดี
"ส่วนที่โหรทำนายว่าบ้านเมืองจะวุ่นวายหนักถึงขั้นปฏิวัตินั้นก็ขอยืนยันว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับประชาชน หากทุกฝ่ายช่วยกัน โหรก็ทำนายผิด อย่างที่หากบอกว่าจะเลื่อนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปก็คงช่วยได้ และรัฐบาลหลังปรับ ครม.ก็มีหน้าที่ทำงานหนัก โดยเฉพาะทำอย่างไรให้ประชาชนมาร่วมกัน ช่วยกันนำบ้านเมืองผ่านวิกฤตเศรษฐกิจด้วยความสมัครสมานสามัคคี ตรงนี้คือภารกิจหลักของ ครม.หลังปรับ"
แกนนำปลุกขวัญคลื่นมหาชน
เวลา 14.54 น.พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข 3 แกนนำพันธมิตรฯ ได้ขึ้นปราศรัยกล่าวบนเวทีกับประชาชนที่มาร่วมชุมนุมจำนวนมาก โดย พล.ต.จำลอง กล่าวว่า การจัดชุมนุมใหญ่วันนี้เป็นเพราะเราจะหยุดยั้งไม่ให้แก้ไข รธน.ซึ่งครั้งก่อนเราได้ต่อต้านจนมีการถอนชื่อออกไปจนไม่สามารถยื่นแก้ไข รธน.ได้ และขณะนี้รัฐบาลยืนยันว่าจะต้องยื่นแก้รัฐธรรมนูญให้ได้อีกครั้ง เราไม่รู้จะพึ่งพาใคร ก็ต้องพึ่งพากันเอง
"ด้วยความริเริ่มของ สรส.ซึ่งจัดชุมนุมเมื่อเช้านี้ที่ลานพระบรมรูปทรงม้าเพื่อกดดันไม่ให้แก้ไข รธน. และตัวแทน สรส.ยืนยันชัดว่าถึงแม้จะมีการเลื่อนยื่นแก้ไข รธน.ไป 18 ส.ค.ก็ตาม จะยื่นเมื่อไหร่เกิดเรื่องเมื่อนั้น ทุกท่านที่มาร่วมวันนี้ ท่านเคยมาแล้วตั้งแต่ปี 49 ซึ่งเรายุติไปเมื่อ 30 มี.ค.49 เป็นเวลา 33 วัน เพราะเราสามารถเรียกร้องให้นายกฯลาออกไปได้ แล้วคราวนี้ก็เป็นวันที่ 69 อีกแล้ว เป็นสองเท่ากว่าๆ ของคราวที่แล้ว ถึงแม้บางท่านไม่สามารถมากินนอนกับเราได้ทุกวันทุกคืน หลายท่านก็ฟัง ASTV ฟังวิทยุ และส่งกำลังใจ กำลังทรัพย์ อาหาร ฯลฯ มาช่วยเหลือพวกเราโดยตลอด"
พล.ต.จำลอง กล่าวด้วยว่า คราวนี้ถือว่าเป็นการซ้อมใหญ่ คราวหน้าถ้าเป่านกหวีดคงจะมาเยอะแยะกว่านี้อีก ท่านที่อยู่บ้านก็ได้ติดตามข่าวคราวและฟังเราพูดเสมอว่า พวกเราได้เกิดมาทั้งที่ใช้หนี้แผ่นดินครั้งนี้ก็แสนจะคุ้ม เพราะว่าเป็นจุดโหว่ที่หน่วยงานใด หน่วยราชการไหนก็ไม่สามมารถมาทำหน้าที่อย่างนี้ได้ มีแต่เฉพาะพวกเราเท่านั้นที่ทำให้เกิดเรื่องดีงามเกิดขึ้นในบ้านเมือง และเป็นการกู้วิกฤติของชาติอย่างแท้จริง แต่ละวันที่ผ่านไปเราก็ภาคภูมิใจว่า วันนี้เพิ่มอีกวัน พรุ่งนี้ก็เพิ่มอีกวันที่เราได้ใช้ความอดทน ท่านทั้งหลายได้มาร่วมกันทำในสิ่งที่คนอื่นทำได้ยาก เสียสละความสุขส่วนตัว ทิ้งบ้านทิ้งช่องมา และเราก็เอาชนะในสิ่งที่คนอื่นเอาชนะได้ยาก
ประกาศลั่นยื่นเมื่อไหร่ฮึ่มทันที
ด้าน นายพิภพ กล่าวว่า ชัยชนะของเราวันนี้ไม่ใช่เรื่องของตัวบุคคล แต่เป็นเรื่องที่เรารักษาระบบ กระบวนการยุติธรรมไว้ได้แล้วทำให้ตุลาการภิวัตน์ทำงาน ทำให้กระบวนการยุติธรรมที่เราปกป้องตั้งแต่ต้น สามารถไปจนถึงที่สุดของคดีหนึ่งคดีแรกแล้ว ในจุดยื่นที่เรายืนอย่างมั่นคุงมาตลอดว่าเราต่อสู้เพื่อพิทักษ์กระบวนการยุติธรรมและตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลพรรคพลังประชาชน ว่าทำผิดกฎหมายอะไรบ้าง ขณะเดียวกัน เราจะต้องมายันไม่ให้เขาแก้รัฐธรรมนูญได้ เพราะการแก้รัฐธรรมนูญก็คือการนำไปสู่การพังทลายของกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ
"วันนี้ เขาบอกว่าจะยื่นแก้ไข รธน.เพื่อจะเข้าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ทำลายองค์กรอิสระไม่ให้สามารถจัดการคดีที่เหลือได้ เขาเห็นว่าเรามาเป็นจำนวนมหาศาล เป็นเรือนแสน เขาถอยอีกแล้ว ถอยไปวันที่ 18 ส.ค.2551 เราก็จะสู้ไปจนถึงวันที่ 18 ส.ค.51 ยังไงเราก็จะต้องเสียสละไม่ให้เขาแก้ไข รธน.ได้ ความยุติธรรมต้องเกิดขึ้นกับประเทศนี้ วันนี้ต้องขอบคุณพี่น้องอย่างสูงด้วยความเคารพรักในจิตใจ กล้าสู้ กล้าชนะ กล้าเปลี่ยนแปลงสังคม กล้าทำให้กระบวนการยุติธรรม ทุกระดับ มีขวัญกำลังใจที่จะทำงานต่อเพื่อผดุงความยุติธรรม เอาคนผิดมาลงโทษ"
ขณะที่นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เราเป็นพลเมืองดีมาทำหน้าที่ปกป้องรักษาอำนาจอธิปไตย และรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ วันนี้ก็เหมือนการซ้อมรับปริญญาพี่น้องก็เลยมากันมาก แล้วตกเย็นก็จะมาอีกเยอะ เพราะเมื่อซ้อมแล้วก็จะต้องรับจริง ความสำเร็จของนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งนี้ ก็คือ การไล่รัฐบาลหุ่นเชิดระบอบทักษิณออกไปโดยเร็วที่สุด ถ้าไล่ไม่ไป ก็ไม่ได้ปริญญาสักคนเดียว การต่อสู้ครั้งนี้ เอาประเทศเป็นเดิมพัน และชีวิตเราทุกชีวิตก็เป็นเดิมพันที่จะต้องขับไล่รัฐบาลที่ขายชาติออกไปให้ได้โดยเร็วที่สุด
"เขาไม่มีความชอบธรรมทุกอย่างแล้ว เพราะเขาทำผิดกฎหมายสูงสุดของการปกครองประเทศ แล้วสุดท้ายไปไหนไม่ได้ก็จะแก้ไข รธน.ทีแรกว่าจะแก้วันนี้ เห็นไหม มันหลอกลวงจนนาทีสุดท้าย พอวันที่ 1 ส.ค.เราบอกว่าถ้าจะแก้เจอกัน มันก็หนีไปแล้วบอกจะแก้วันที่ 18 ส.ค.นี้อีก มันไปเรื่อยๆ นี่ก็แปลว่ารัฐบาลพวกจะแก้รัฐธรรมนูญมันขี้ขลาด ถอยหลังแล้ว มันกลัว พี่น้อง ยืนยันนะครับว่า ไม่มีเหตุผลอะไรจะแก้เพราะแก้ไปก็เพื่อจะฟอกความผิด" นายสมศักดิ์ กล่าว
จับตาหุ่นเชิดซ่อนแผนยื่นแก้
เวลา 18.30 น.นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ แถลงข่าวระบุว่า ขณะนี้พันธมิตรฯคงไม่หลงกลทางพรรคพลังประชาชน (พปช.) ที่ประกาศเลื่อนการยื่นญัตติการแก้ไข รธน.ออกไป ซึ่งเราจะมีการติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะทราบมาว่าจะการแก้ไข รธน.2 ขยัก โดยขั้นแรกจะเสนอประเด็นที่สร้างแนวร่วมได้จำนวนมาก อาทิ การแก้ไขระบบที่มาของ ส.ว.สรรหา ซึ่งเป็นเล่ห์เพทุบายเพื่อสร้างแนวร่วม ส่วนขยักที่ 2 คือ ธาตุแท้ของ พปช.ที่ต้องการแก้ไขมาตรา 237 กับมาตรา 309 และมาตรา 190 โดยเฉพาะมาตรา 190 ที่ระบุให้รัฐสภาพิจารณาการทำสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ซึ่งขณะนี้พบว่ามีข้าราชการระดับสูงในกระทรวงต่างประเทศบางคนนำไปขยายผล โดยระบุว่า ประสบความลำบากในการทำสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ตนคิดว่าตราบใดที่ข้าราชการระดับสูงไม่ปรับตัว มักง่าย และไม่สนใจผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชน เราจะไม่สามารถปฏิรูปการเมืองได้
นายสุริยะใส กล่าวย้ำอีกว่า เหตุที่พันธมิตรฯมาชุมนุมใหญ่วานนี้ เพราะเราไม่มีความไว้วางใจว่าจะมีการเสนอญัตติแก้ไข รธน.หรือไม่ เหมือนความพยายามครั้งที่แล้ว ซึ่งเราได้ใช้ช่องทางตามมาตรา 122 แห่ง รธน.เพื่อยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้ตรวจสอบการเข้าชื่อยื่นญัตติแก้ไข รธน.ของ ส.ส.และ ส.ว.ว่า เข้าข่ายเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์หรือไม่ ทราบว่า ขณะนี้ ป.ป.ช.ได้ทำการตรวจสอบรายชื่อของประชาชนที่ยื่นไปเรียบร้อยแล้ว หาก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด อาจะทำให้ ส.ส.พลังประชาชน 100 กว่าคน หรือ 1 ใน 3 ของสภาผู้แทนราษฎรจะต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ อย่างไรก็ตาม หากมีการเสนอญัตติแก้ไข รธน.อีกครั้งในเร็วๆ นี้ พันธมิตรฯได้เตรียมมาตราการรองรับไว้แล้ว 2 มาตรการ คือ 1.การใช้มวลชนชุมนุมกดดัน 2.เข้าชื่อเพื่อยื่นต่อ ป.ป.ช.ตามมาตรา 122 อีกครั้ง
นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า นับตั้งแต่นี้ 1-2 สัปดาห์ข้างหน้าจะต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะอาจมีการยื่นญัตติในวันจันทร์หน้าก็ได้ ส่วนเรื่องคดีความอาจถึงจุดพลิกพัน คือ คดีที่ทางพันธมิตรได้ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.เพื่อเอาผิด ครม. และบุคคลที่เกี่ยวข้องที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จนทำให้สูญเสียเขาพระวิหาร ซึ่งหาก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดอีก คนเหล่านี้จะต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่และเมื่อนั้นก็จะเกิดสูญกาศทางการเมือง
ส่วนจุดพลิกผันอีกจุดนึ่ง คือ คดีสถานภาพของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จากกรณีเป็นผู้ดำเนินรายการชิมไปบ่นไป ซึ่งหากใช้บรรทัดฐานกับนายไชยา สะสมทรัพย์แล้ว คิดว่าศาลคงใช้เวลาพิจารณาไม่นานมาก
"ทหาร" ดาหน้ายันดูแลใกล้ชิด
พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทร.กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯว่า เท่าที่ติดตามดูการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯเห็นว่ากลุ่มพันธมิตรฯจะชุมนุมอยู่ในพื้นที่ที่ชุมนุมไม่ได้เดินสะเปะสะปะสร้างความวุ่นวาย คิดว่าถ้าหากชุมนุมในพื้นที่และไม่ก่อให้ความความเสียหายต่อบุคคลและสถานที่แล้วไม่น่าจะมีความวุ่นวาย ส่วนกลุ่มต่อต้านควรจะอยู่ในกรอบของความสงบเรียบร้อย ที่สำคัญทั้งสองฝ่ายจะต้องไม่ยั่วยุซึ่งกันและกัน
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส.กล่าวถึงกรณีการชุมนุมขับไล่รัฐบาลของกลุ่มพันธมิตรฯว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องเตรียมการดูแลบ้านเมืองอยู่แล้วโดยเฉพาะให้ความปลอดภัยกับประชาชน สถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้เป็นห่วงมากก็ไม่ได้ ไม่เป็นห่วงก็ไม่ได้ แต่เรามีหน้าที่ อย่างไรก็ทำให้ดีที่สุดในการดูแลบ้านเมือง
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.กล่าวถึงเรื่องกลุ่มพันธมิตรฯร้องขอกำลังทหารไปช่วยรักษาความปลอดภัยว่า การใช้ทหารหากมีความจำเป็นและเจ้าหน้าที่ไม่พอเพียง ก็ให้ร้องขอ และให้แต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานที่ต้องทำงานควบคู่ไปกับตำรวจ ซึ่งทหารจะไปปฏิบัติฝ่ายเดี่ยวไม่ได้เพราะไม่มีกฎหมายรองรับ ส่วนกองทัพบกจะส่งคนไปลักษณะไปช่วยรักษาสถานการณ์ คงไม่เน้นไปอารักขาใคร ทั้งนี้ ไม่มีการเตรียมกำลังอะไรเป็นพิเศษ เพราะมีกำลังอยู่ตามปกติและความเหมาะสมในขณะนี้ คือ สารวัตรทหาร (สห.)
พธม.สารคามแจ้งจับ 7 นปก.ถ่อย
รศ.ดร.สุทธิพงศ์ หกสุวรรณ ประธานสมาพันธ์นักวิชาการเพื่อประชาธิปไตย ในฐานะผู้รับผิดชอบเวที และเครื่องเสียง ของกลุ่มพันธมิตรฯมหาสารคาม ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ กล่าวโทษ ต่อ พ.ต.ท.สมเดช วรรณพฤกษ์ พนักงานสอบสวน กล่าวหา 7 แกนนำกลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ ว่าเป็นผู้ชักนำมวลชน ยุยงให้บุคคลมากระทำให้เสียทรัพย์
โดยเมื่อวันที่ 23 ก.ค.51 ที่ผ่านมา กลุ่มพันธมิตรฯมหาสารคาม ได้จัดเวทีปราศรัยใหญ่ที่บริเวณสวนสาธารณะศรีสวัสดิ์ดำเนิน แต่ได้ถูกกลุ่ม นปก. มาขัดขวางการตั้งเวที โดยมีการรื้อทำลายเวที กลุ่มพันธมิตรฯจึงได้ย้ายสถานที่ตั้งเวทีมาที่บริเวณตลาดไนท์บาร์ซา หน้าโรงเรียนอนุบาลมหาสารคามแทน แต่กลับถูกกลุ่ม นปก. ตามมาก่อกวน พร้อมทั้งมีการประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง ยุยงให้มีการรื้อเวทีของกลุ่มพันธมิตรฯ ส่งผลให้เวที และโครงสร้างได้รับความเสียหาย จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์ไว้เป็นหลักฐาน โดยค่าเสียหายกว่า 10,000 บาท
โดย 7 แกนนำที่ยุยงให้บุคคลเข้ามารื้อเวทีพันธมิตรฯได้แก่ 1.นายวรการ สง่าดี 2.นายชายใหญ่ ไชยสมคุณ 3.นายสมหมาย ไชยสิทธิ์ 4.นายคำดี แสงไพร 5.นายสุรชัย ชูปฏิบัติ 6.นายสุธรรม วงษ์แก้ว และ 7.นายทองสุข ไม่ทราบนามสกุล แกนนำจาก อ.กันทรวิชัย
การชุมนุมขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิด นายสมัคร สุนทรเวช และต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (รธน.) พ.ศ.2550 เพื่อฟอกความผิดให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ กรุงเทพฯ ซึ่งได้ดำเนินมากว่า 2 เดือนแล้ว โดยวานนี้ (1 ส.ค.) กลุ่มพันธมิตรฯจากทุกสาขาอาชีพทั่วทุกภาคของประเทศไทย ได้ทยอยเดินทางเข้ามาร่วมชุมนุมใหญ่กับพันธมิตรฯส่วนกลางกันอีกครั้ง โดยบรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้าเป็นไปอย่างคึก มีกลุ่มพันธมิตรฯจากจังหวัดต่างๆ ทยอยเดินทางเข้ามายังบริเวณที่มีการชุมนุมอย่างต่อเนื่องจนแออัดไปด้วยผู้คนทั้งเด็ก เยาวชน ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ
ทั้งนี้ จากการประเมินในช่วงค่ำคาดว่าผู้ที่มาร่วมชุมนุมในครั้งนี้น่าจะมีประมาณ 100,000 คนโดยทุกคนต่างพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อเหลืองท่ามกลางการดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวดของกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ และการดูแลความปลอดภัยของฝ่ายกลุ่มพันธมิตรฯกันเอง เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายต่อต้านหรือ "ม็อบถ่อย นปก." เข้ามาสร้างความวุ่นวาย
ขณะที่มีรายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมอีกว่า ในช่วงค่ำของวันเดียวกัน ได้มีกลุ่มพันธมิตรฯในบางจังหวัดเดินทางมาสมทบอีกหลายพื้นที่ ทำให้มีการคาดการณ์กันว่า ในวันเสาร์และวันอาทิตย์นี้จะทำให้มีผู้ชุมนุมมากขึ้นกว่า 100,000 คนอย่างแน่นอน
"สนธิ"นำทำพิธีศักดิ์สิทธิ์
กระทั่งเวลาประมาณ 21.40 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯได้ขึ้นเวทีโดยกล่าวว่า ในช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมามีการทำร้ายทำลายประเทศไทยด้วยไสยศาสตร์ โดยก่อนหน้านี้มีการทุบทำลายทวารบาลที่ปราสาทพนมรุ้ง ไปทุบหูทุบตา แขนขา หรือแม้กระทั่งกรณีผึ้งหลวงมาเกาะที่พญาครุฑที่ศาลอาญาปอดหน้าปิดตา เพื่อไม่ให้กระบวนการยุติธรรมมองเห็น แต่เมื่อมีคำพิพากษาออกมาเมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมาทำให้ผึ้งเหล่านั้นได้บินหนีไปแล้ว ทุกอย่างจึงกลับมาเหมือนเดิม
นายสนธิ กล่าวถึงการทำพิธีที่ปราสาทพระวิหารของเขมรวานนี้ (1 ส.ค.) มีเป้าหมายเพื่อให้ประเทศไทยเกิดความวิบัติ บ้านเมืองไม่สงบสุข ซึ่งตัวการคือคนชื่อพม่าหน้าเขมร
อย่างไรก็ตาม นายสนธิ กล่าวว่า แต่ด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์ของพี่น้องในที่นี้และที่ดูเอเอสทีวีอยู่บ้านทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศที่ต้องการทำงานเพื่อแผ่นดินจำนวนมาก ถ้ารวมพลังกันก็จะเป็นพลังอันศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นนายสนธิ ได้นำสวดคาถาอันศักดิ์สิทธิ์ในสมัยโบราณเป็นภาษีบาลี 3 บท พร้อมทั้งตั้งจิตสงบนาน 1 นาที เพื่อแผ่เมตตาไปให้คนที่คิดร้ายต่อบ้านเมืองได้สำนึก แต่ถ้าเขาไม่สำนึกพลังเหล่านี้ก็จะย้อนไปทำร้ายเขานับร้อยเท่าพันเท่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การทำพิธีครั้งนี้ได้นำเอาบทสวดของพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งไล่เสนียดจัญไรที่เมืองโกสัมพีเมื่อครั้งพุทธกาลมาเป็นหนึ่งในบทสวดสำคัญด้วย และในระหว่างที่มีการทำพิธีอยู่นั้นได้มีฝนโปรยปรายลงมาเกือบตลอดเวลา
เคลื่อนทัพขอพรวัดพระแก้ว
จากนั้นนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯได้ขึ้นเวทีประกาศว่า วันนี้ (2 ส.ค.) เวลาประมาณ 09.00 น.เราจะเคลื่อนขบวนไปยังจากบริเวณสะพานมัฆวานฯไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพื่อประกาศเจตนารมณ์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ที่ผ่านการลงประชามติจำนวน 14.7 ล้านเสียง จากนั้นจะเคลื่อนขบวนไปยังบริเวณหน้าวัดพระแก้ว เพื่อกราบนมัสการขอพรให้พระแก้วมรกด คุ้มครองพวกเราและให้ภารกิจของกลุ่มพันธมิตรฯในครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วย หลังจากนั้นก็จะมีการเคลื่อนขบวนกลับมายังบริเวณสะพานมัฆวานฯ เพื่อร่วมชุมนุมกันต่อ
วิปรัฐยื่นแก้ รธน.หลัง 18 ส.ค.
ก่อนหน้านี้นายสามารถ แก้วมีชัย ประธานวิปรัฐบาล ได้กล่าวที่รัฐสภาถึงการยื่นญัตติเพื่อขอแก้ไข รธน.ว่า จะยื่นหลังวันที่ 18 ส.ค.51 เพื่อรอให้คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาการบังคับใช้รัฐธรรมนูญ 2550 สภาผู้แทนราษฎรได้สรุปผลการศึกษาเสียก่อน เพราะไม่ต้องการให้หลายฝ่ายอ้างว่าเราทำโดยพลการ
สำหรับร่างแก้ไข รธน.ที่จะยื่นได้พิจารณาจาก 4 ประเด็นคือ 1.รายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ 2.อนุกรรมาธิการของวิปรัฐบาลที่มีนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯเป็นประธาน 3.ผลงานทางด้านวิชาการของนักวิชาการที่ศึกษารัฐธรรมนูญปี 2550 และ 4.ประสบการณ์ของ ครม.ว่ามีปัญหาอะไรบ้าง
"การยื่นครั้งนี้จะไม่ยื่นแก้ไขทั้งฉบับแต่จะแก้ไขเพียงบางมาตรา โดยคาดว่าจะยื่นในประเด็นที่มาของ ส.ส.และ ส.ว.ก่อน ส่วนในมาตรา 190, มาตรา 237 และมาตรา 309 นั้นจะยื่นภายหลัง ส่วนระยะเวลาในการยื่น จะห่างกันแค่ไหนตอบไม่ได้ เพราะต้องรอการตกผลึกทางความคิดเสียก่อน ไม่เช่นนั้นเกรงว่าจะมีปัญหา เพราะมาตราดังกล่าวเป็นประเด็นสำคัญ"
"มาร์ค"เห็นด้วยเลื่อนยื่นแก้ รธน.
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เห็นด้วยที่วิปรัฐบาลจะยังไม่ยื่นร่างแก้ไข รธน.ในขณะนี้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีที่จะไม่เป็นชนวนของความขัดแย้งและในช่วงนี้อยากให้ทุกฝ่ายเคลื่อนไหวด้วยความระมัดระวัง เพราะปัญหาต่างๆ ในบ้านเมืองรุนแรงมากขึ้นโดยเฉพาะปัญหาความรุนแรงของกลุ่มผู้ชุมนุมที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดังนั้น หากทุกฝ่ายช่วยกันทำให้บรรยากาศบ้านเมืองเย็นลงในช่วงนี้ จะเป็นเรื่องที่ดี
"ส่วนที่โหรทำนายว่าบ้านเมืองจะวุ่นวายหนักถึงขั้นปฏิวัตินั้นก็ขอยืนยันว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับประชาชน หากทุกฝ่ายช่วยกัน โหรก็ทำนายผิด อย่างที่หากบอกว่าจะเลื่อนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปก็คงช่วยได้ และรัฐบาลหลังปรับ ครม.ก็มีหน้าที่ทำงานหนัก โดยเฉพาะทำอย่างไรให้ประชาชนมาร่วมกัน ช่วยกันนำบ้านเมืองผ่านวิกฤตเศรษฐกิจด้วยความสมัครสมานสามัคคี ตรงนี้คือภารกิจหลักของ ครม.หลังปรับ"
แกนนำปลุกขวัญคลื่นมหาชน
เวลา 14.54 น.พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข 3 แกนนำพันธมิตรฯ ได้ขึ้นปราศรัยกล่าวบนเวทีกับประชาชนที่มาร่วมชุมนุมจำนวนมาก โดย พล.ต.จำลอง กล่าวว่า การจัดชุมนุมใหญ่วันนี้เป็นเพราะเราจะหยุดยั้งไม่ให้แก้ไข รธน.ซึ่งครั้งก่อนเราได้ต่อต้านจนมีการถอนชื่อออกไปจนไม่สามารถยื่นแก้ไข รธน.ได้ และขณะนี้รัฐบาลยืนยันว่าจะต้องยื่นแก้รัฐธรรมนูญให้ได้อีกครั้ง เราไม่รู้จะพึ่งพาใคร ก็ต้องพึ่งพากันเอง
"ด้วยความริเริ่มของ สรส.ซึ่งจัดชุมนุมเมื่อเช้านี้ที่ลานพระบรมรูปทรงม้าเพื่อกดดันไม่ให้แก้ไข รธน. และตัวแทน สรส.ยืนยันชัดว่าถึงแม้จะมีการเลื่อนยื่นแก้ไข รธน.ไป 18 ส.ค.ก็ตาม จะยื่นเมื่อไหร่เกิดเรื่องเมื่อนั้น ทุกท่านที่มาร่วมวันนี้ ท่านเคยมาแล้วตั้งแต่ปี 49 ซึ่งเรายุติไปเมื่อ 30 มี.ค.49 เป็นเวลา 33 วัน เพราะเราสามารถเรียกร้องให้นายกฯลาออกไปได้ แล้วคราวนี้ก็เป็นวันที่ 69 อีกแล้ว เป็นสองเท่ากว่าๆ ของคราวที่แล้ว ถึงแม้บางท่านไม่สามารถมากินนอนกับเราได้ทุกวันทุกคืน หลายท่านก็ฟัง ASTV ฟังวิทยุ และส่งกำลังใจ กำลังทรัพย์ อาหาร ฯลฯ มาช่วยเหลือพวกเราโดยตลอด"
พล.ต.จำลอง กล่าวด้วยว่า คราวนี้ถือว่าเป็นการซ้อมใหญ่ คราวหน้าถ้าเป่านกหวีดคงจะมาเยอะแยะกว่านี้อีก ท่านที่อยู่บ้านก็ได้ติดตามข่าวคราวและฟังเราพูดเสมอว่า พวกเราได้เกิดมาทั้งที่ใช้หนี้แผ่นดินครั้งนี้ก็แสนจะคุ้ม เพราะว่าเป็นจุดโหว่ที่หน่วยงานใด หน่วยราชการไหนก็ไม่สามมารถมาทำหน้าที่อย่างนี้ได้ มีแต่เฉพาะพวกเราเท่านั้นที่ทำให้เกิดเรื่องดีงามเกิดขึ้นในบ้านเมือง และเป็นการกู้วิกฤติของชาติอย่างแท้จริง แต่ละวันที่ผ่านไปเราก็ภาคภูมิใจว่า วันนี้เพิ่มอีกวัน พรุ่งนี้ก็เพิ่มอีกวันที่เราได้ใช้ความอดทน ท่านทั้งหลายได้มาร่วมกันทำในสิ่งที่คนอื่นทำได้ยาก เสียสละความสุขส่วนตัว ทิ้งบ้านทิ้งช่องมา และเราก็เอาชนะในสิ่งที่คนอื่นเอาชนะได้ยาก
ประกาศลั่นยื่นเมื่อไหร่ฮึ่มทันที
ด้าน นายพิภพ กล่าวว่า ชัยชนะของเราวันนี้ไม่ใช่เรื่องของตัวบุคคล แต่เป็นเรื่องที่เรารักษาระบบ กระบวนการยุติธรรมไว้ได้แล้วทำให้ตุลาการภิวัตน์ทำงาน ทำให้กระบวนการยุติธรรมที่เราปกป้องตั้งแต่ต้น สามารถไปจนถึงที่สุดของคดีหนึ่งคดีแรกแล้ว ในจุดยื่นที่เรายืนอย่างมั่นคุงมาตลอดว่าเราต่อสู้เพื่อพิทักษ์กระบวนการยุติธรรมและตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลพรรคพลังประชาชน ว่าทำผิดกฎหมายอะไรบ้าง ขณะเดียวกัน เราจะต้องมายันไม่ให้เขาแก้รัฐธรรมนูญได้ เพราะการแก้รัฐธรรมนูญก็คือการนำไปสู่การพังทลายของกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ
"วันนี้ เขาบอกว่าจะยื่นแก้ไข รธน.เพื่อจะเข้าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ทำลายองค์กรอิสระไม่ให้สามารถจัดการคดีที่เหลือได้ เขาเห็นว่าเรามาเป็นจำนวนมหาศาล เป็นเรือนแสน เขาถอยอีกแล้ว ถอยไปวันที่ 18 ส.ค.2551 เราก็จะสู้ไปจนถึงวันที่ 18 ส.ค.51 ยังไงเราก็จะต้องเสียสละไม่ให้เขาแก้ไข รธน.ได้ ความยุติธรรมต้องเกิดขึ้นกับประเทศนี้ วันนี้ต้องขอบคุณพี่น้องอย่างสูงด้วยความเคารพรักในจิตใจ กล้าสู้ กล้าชนะ กล้าเปลี่ยนแปลงสังคม กล้าทำให้กระบวนการยุติธรรม ทุกระดับ มีขวัญกำลังใจที่จะทำงานต่อเพื่อผดุงความยุติธรรม เอาคนผิดมาลงโทษ"
ขณะที่นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เราเป็นพลเมืองดีมาทำหน้าที่ปกป้องรักษาอำนาจอธิปไตย และรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ วันนี้ก็เหมือนการซ้อมรับปริญญาพี่น้องก็เลยมากันมาก แล้วตกเย็นก็จะมาอีกเยอะ เพราะเมื่อซ้อมแล้วก็จะต้องรับจริง ความสำเร็จของนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งนี้ ก็คือ การไล่รัฐบาลหุ่นเชิดระบอบทักษิณออกไปโดยเร็วที่สุด ถ้าไล่ไม่ไป ก็ไม่ได้ปริญญาสักคนเดียว การต่อสู้ครั้งนี้ เอาประเทศเป็นเดิมพัน และชีวิตเราทุกชีวิตก็เป็นเดิมพันที่จะต้องขับไล่รัฐบาลที่ขายชาติออกไปให้ได้โดยเร็วที่สุด
"เขาไม่มีความชอบธรรมทุกอย่างแล้ว เพราะเขาทำผิดกฎหมายสูงสุดของการปกครองประเทศ แล้วสุดท้ายไปไหนไม่ได้ก็จะแก้ไข รธน.ทีแรกว่าจะแก้วันนี้ เห็นไหม มันหลอกลวงจนนาทีสุดท้าย พอวันที่ 1 ส.ค.เราบอกว่าถ้าจะแก้เจอกัน มันก็หนีไปแล้วบอกจะแก้วันที่ 18 ส.ค.นี้อีก มันไปเรื่อยๆ นี่ก็แปลว่ารัฐบาลพวกจะแก้รัฐธรรมนูญมันขี้ขลาด ถอยหลังแล้ว มันกลัว พี่น้อง ยืนยันนะครับว่า ไม่มีเหตุผลอะไรจะแก้เพราะแก้ไปก็เพื่อจะฟอกความผิด" นายสมศักดิ์ กล่าว
จับตาหุ่นเชิดซ่อนแผนยื่นแก้
เวลา 18.30 น.นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ แถลงข่าวระบุว่า ขณะนี้พันธมิตรฯคงไม่หลงกลทางพรรคพลังประชาชน (พปช.) ที่ประกาศเลื่อนการยื่นญัตติการแก้ไข รธน.ออกไป ซึ่งเราจะมีการติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะทราบมาว่าจะการแก้ไข รธน.2 ขยัก โดยขั้นแรกจะเสนอประเด็นที่สร้างแนวร่วมได้จำนวนมาก อาทิ การแก้ไขระบบที่มาของ ส.ว.สรรหา ซึ่งเป็นเล่ห์เพทุบายเพื่อสร้างแนวร่วม ส่วนขยักที่ 2 คือ ธาตุแท้ของ พปช.ที่ต้องการแก้ไขมาตรา 237 กับมาตรา 309 และมาตรา 190 โดยเฉพาะมาตรา 190 ที่ระบุให้รัฐสภาพิจารณาการทำสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ซึ่งขณะนี้พบว่ามีข้าราชการระดับสูงในกระทรวงต่างประเทศบางคนนำไปขยายผล โดยระบุว่า ประสบความลำบากในการทำสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ตนคิดว่าตราบใดที่ข้าราชการระดับสูงไม่ปรับตัว มักง่าย และไม่สนใจผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชน เราจะไม่สามารถปฏิรูปการเมืองได้
นายสุริยะใส กล่าวย้ำอีกว่า เหตุที่พันธมิตรฯมาชุมนุมใหญ่วานนี้ เพราะเราไม่มีความไว้วางใจว่าจะมีการเสนอญัตติแก้ไข รธน.หรือไม่ เหมือนความพยายามครั้งที่แล้ว ซึ่งเราได้ใช้ช่องทางตามมาตรา 122 แห่ง รธน.เพื่อยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้ตรวจสอบการเข้าชื่อยื่นญัตติแก้ไข รธน.ของ ส.ส.และ ส.ว.ว่า เข้าข่ายเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์หรือไม่ ทราบว่า ขณะนี้ ป.ป.ช.ได้ทำการตรวจสอบรายชื่อของประชาชนที่ยื่นไปเรียบร้อยแล้ว หาก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด อาจะทำให้ ส.ส.พลังประชาชน 100 กว่าคน หรือ 1 ใน 3 ของสภาผู้แทนราษฎรจะต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ อย่างไรก็ตาม หากมีการเสนอญัตติแก้ไข รธน.อีกครั้งในเร็วๆ นี้ พันธมิตรฯได้เตรียมมาตราการรองรับไว้แล้ว 2 มาตรการ คือ 1.การใช้มวลชนชุมนุมกดดัน 2.เข้าชื่อเพื่อยื่นต่อ ป.ป.ช.ตามมาตรา 122 อีกครั้ง
นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า นับตั้งแต่นี้ 1-2 สัปดาห์ข้างหน้าจะต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะอาจมีการยื่นญัตติในวันจันทร์หน้าก็ได้ ส่วนเรื่องคดีความอาจถึงจุดพลิกพัน คือ คดีที่ทางพันธมิตรได้ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.เพื่อเอาผิด ครม. และบุคคลที่เกี่ยวข้องที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จนทำให้สูญเสียเขาพระวิหาร ซึ่งหาก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดอีก คนเหล่านี้จะต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่และเมื่อนั้นก็จะเกิดสูญกาศทางการเมือง
ส่วนจุดพลิกผันอีกจุดนึ่ง คือ คดีสถานภาพของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จากกรณีเป็นผู้ดำเนินรายการชิมไปบ่นไป ซึ่งหากใช้บรรทัดฐานกับนายไชยา สะสมทรัพย์แล้ว คิดว่าศาลคงใช้เวลาพิจารณาไม่นานมาก
"ทหาร" ดาหน้ายันดูแลใกล้ชิด
พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทร.กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯว่า เท่าที่ติดตามดูการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯเห็นว่ากลุ่มพันธมิตรฯจะชุมนุมอยู่ในพื้นที่ที่ชุมนุมไม่ได้เดินสะเปะสะปะสร้างความวุ่นวาย คิดว่าถ้าหากชุมนุมในพื้นที่และไม่ก่อให้ความความเสียหายต่อบุคคลและสถานที่แล้วไม่น่าจะมีความวุ่นวาย ส่วนกลุ่มต่อต้านควรจะอยู่ในกรอบของความสงบเรียบร้อย ที่สำคัญทั้งสองฝ่ายจะต้องไม่ยั่วยุซึ่งกันและกัน
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส.กล่าวถึงกรณีการชุมนุมขับไล่รัฐบาลของกลุ่มพันธมิตรฯว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องเตรียมการดูแลบ้านเมืองอยู่แล้วโดยเฉพาะให้ความปลอดภัยกับประชาชน สถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้เป็นห่วงมากก็ไม่ได้ ไม่เป็นห่วงก็ไม่ได้ แต่เรามีหน้าที่ อย่างไรก็ทำให้ดีที่สุดในการดูแลบ้านเมือง
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.กล่าวถึงเรื่องกลุ่มพันธมิตรฯร้องขอกำลังทหารไปช่วยรักษาความปลอดภัยว่า การใช้ทหารหากมีความจำเป็นและเจ้าหน้าที่ไม่พอเพียง ก็ให้ร้องขอ และให้แต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานที่ต้องทำงานควบคู่ไปกับตำรวจ ซึ่งทหารจะไปปฏิบัติฝ่ายเดี่ยวไม่ได้เพราะไม่มีกฎหมายรองรับ ส่วนกองทัพบกจะส่งคนไปลักษณะไปช่วยรักษาสถานการณ์ คงไม่เน้นไปอารักขาใคร ทั้งนี้ ไม่มีการเตรียมกำลังอะไรเป็นพิเศษ เพราะมีกำลังอยู่ตามปกติและความเหมาะสมในขณะนี้ คือ สารวัตรทหาร (สห.)
พธม.สารคามแจ้งจับ 7 นปก.ถ่อย
รศ.ดร.สุทธิพงศ์ หกสุวรรณ ประธานสมาพันธ์นักวิชาการเพื่อประชาธิปไตย ในฐานะผู้รับผิดชอบเวที และเครื่องเสียง ของกลุ่มพันธมิตรฯมหาสารคาม ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ กล่าวโทษ ต่อ พ.ต.ท.สมเดช วรรณพฤกษ์ พนักงานสอบสวน กล่าวหา 7 แกนนำกลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ ว่าเป็นผู้ชักนำมวลชน ยุยงให้บุคคลมากระทำให้เสียทรัพย์
โดยเมื่อวันที่ 23 ก.ค.51 ที่ผ่านมา กลุ่มพันธมิตรฯมหาสารคาม ได้จัดเวทีปราศรัยใหญ่ที่บริเวณสวนสาธารณะศรีสวัสดิ์ดำเนิน แต่ได้ถูกกลุ่ม นปก. มาขัดขวางการตั้งเวที โดยมีการรื้อทำลายเวที กลุ่มพันธมิตรฯจึงได้ย้ายสถานที่ตั้งเวทีมาที่บริเวณตลาดไนท์บาร์ซา หน้าโรงเรียนอนุบาลมหาสารคามแทน แต่กลับถูกกลุ่ม นปก. ตามมาก่อกวน พร้อมทั้งมีการประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง ยุยงให้มีการรื้อเวทีของกลุ่มพันธมิตรฯ ส่งผลให้เวที และโครงสร้างได้รับความเสียหาย จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์ไว้เป็นหลักฐาน โดยค่าเสียหายกว่า 10,000 บาท
โดย 7 แกนนำที่ยุยงให้บุคคลเข้ามารื้อเวทีพันธมิตรฯได้แก่ 1.นายวรการ สง่าดี 2.นายชายใหญ่ ไชยสมคุณ 3.นายสมหมาย ไชยสิทธิ์ 4.นายคำดี แสงไพร 5.นายสุรชัย ชูปฏิบัติ 6.นายสุธรรม วงษ์แก้ว และ 7.นายทองสุข ไม่ทราบนามสกุล แกนนำจาก อ.กันทรวิชัย