xs
xsm
sm
md
lg

ถอดรหัสคาร์บอมบ์ "โรงแรมซีเอส ปัตตานี" สลาย Safety Zone ปิดช่อง "สานเสวนา"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รายงานพิเศษโดย ทีมข่าวพิเศษผู้จัดการรายวันและศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้

แม้การลอบวางระเบิดโรงแรมหรือสถานบริการในพื้นที่ชายแดนภาคใต้จะเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง แต่สำหรับเหตุการณ์คาร์บอมบ์ที่ "โรงแรมซีเอสปัตตานี" เมื่อช่วงค่ำวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา อาจเรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความช็อคให้กับผู้คนที่ใกล้ชิดกับการทำงานที่เกี่ยวข้องกับปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ไม่น้อย เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมา สถานที่แห่งนี้ล้วนเป็นที่ตรงกลางสำหรับการพบปะหารือของผู้คนหลากหลาย ไม่เว้นแม้แต่เคยเป็นสถานที่ประชุม ครม.สัญจร

นัยสำคัญของเหตุการณ์ครั้งนี้ หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเชื่อมโยงกับเหตุการณ์คาร์บอมกลางเมืองยะลาซึ่งเกิดขึ้นในบ่ายวันเดียวกัน การเสียชีวิตของ สาลาฮุดิน ปูลา ในที่เกิดเหตุซึ่งเชื่อว่าเป็นมือระเบิดที่มีความผิดพลาดบางอย่างก่อนที่จะลงมือปฏิบัติการใดๆ สะท้อนให้เห็นว่าการลอบวางระเบิดในทั้งสองครั้งนี้ไม่ธรรมดา เนื่องจากการใช้รถยนต์บรรทุกระเบิดในลักษณะเดียวกันทั้งสองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน ทำให้เชื่อได้ว่าทั้งสองเหตุการณ์น่าจะเชื่อมโยงกัน

เชื่อมบอมบ์ยะลา - ตานี

พล.ต.วรรณทิพย์ ว่องไว ผู้บัญชาการชุดเฉพาะกิจยะลา เชื่อมั่นว่าทั้งสองเหตุการณ์เกี่ยวข้องกัน เพราะมีลักษณะของการวางระเบิดคล้ายคลึงกัน จุดชนวนระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือเหมือนกัน ซึ่งไม่แน่ว่าอาจจะจุดชนวนมาจากที่เดียวกันก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม ในกรณีของยะลานั้น น่าเชื่อว่าไม่พยายามก่อเหตุที่ศูนย์เยาวชนเทศบาลเมืองยะลาซึ่งเพิ่งจัดงานทำบุญ 226 วัดเมื่อช่วงเช้าก็อาจพุ่งเป้าไปที่ ม.ราชภัฏยะลา ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการซ้อมรับปริญญาบัตร แต่ผู้ก่อเหตุไม่สามารถดำเนินการตามแผนได้เพราะติดที่ระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด จึงได้แต่ขับรถเวียนไปมากระทั่งเกิดความผิดพลาดเป็นเหตุให้เกิดระเบิดขึ้น

พล.ต.วรรณทิพย์ ระบุด้วยว่า นายสาลาฮูดินคนนี้ เป็นสมาชิกของกลุ่มอาร์เคเค และมีประวัติเคยถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่เมื่อไม่นานมานี้ แต่ไม่มีหลักฐานเพียงพอสำหรับการดำเนินคดี เมื่อถูกปล่อยตัวก็กลับมาก่อเหตุดังกล่าว โดยเป้าหมายหลักของการก่อเหตุ เจ้าหน้าที่วิเคราะห์ได้หลายด้าน ซึ่งนอกจากจะมุ่งก่อการในพื้นที่ที่มีประชาชนจำนวนมากแล้ว อาจหวังสร้างผลงานขยายผลไปสู่การเรียกร้องบางอย่างต่อต่างประเทศ เพราะอยู่ในระหว่างการประชุมผู้แทนประเทศมุสลิมในที่ประชุมองค์กรโอไอซี

"นอกจากนี้ เรายังไม่ตัดประเด็นที่เชื่อมโยงกับวันสำคัญของกลุ่มขบวนการโดยเฉพาะวันที่ 13 มีนาคม ซึ่งเป็นวันก่อตั้งขบวนการบีอาร์เอ็นอีกด้วย่"

ขณะที่ พ.อ.ชินวัตน์ แม้นเดช รอง ผบ.ฉก.ยะลา เสริมว่า เป้าหมายการก่อเหตุใน จ.ยะลานั้น เขาเชื่อว่าเป้าหมายในการวางระเบิดน่าจะอยู่ที่ ม.ราชภัฎยะลา ซึ่งที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่พยายามเข้าไปทำงานความคิดกับนักศึกษาหนักขึ้น จนมีปฏิกิริยาเป็นการวางระเบิดเมื่อเร็วๆ นี้มาแล้ว อีกทั้งการมุ่งโจมตีงานซ้อมรับปริญญาบัตรยังเป็นการปฏิบัติการในทางสัญลักษณ์อีกด้วย

ในขณะที่เหตุการณ์ที่โรงแรมซีเอส พล.ต.ธวัชชัย สมุทรสาคร ผบ.ฉก.ปัตตานี ให้รายละเอียดว่า คนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่องขนาดเล็ก ซุกซ่อนไว้ที่โถปัสสาวะห้องน้ำชาย ระเบิดขึ้นในเวลา 19.00 น. แต่ทางโรงแรมไม่ต้องการให้ผู้มาใช้บริการแตกตื่นหวาดกลัว จึงปิดข่าวเอาไว้ หลังจากเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบระเบิดอีกลูกหนึ่งในห้องส้วม ภายในห้องน้ำชายเช่นเดียวกัน คาดว่าหวังผลทำร้ายเจ้าหน้าที่ซึ่งเข้าไปตรวจสอบแต่ระเบิดไม่ทำงาน หลังจากนั้นเวลาประมาณ 20.00 น. จึงเกิดระเบิดขึ้นที่ด้านหน้าโรงแรม โดยคนร้ายซุกซ่อนระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในถังดับเพลิง 2 ลูกๆ ละ 15 กิโลกรัมไว้ในรถยนต์ และจุดชนวนระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือ

รายละเอียดเหล่านี้พอจะวิเคราะห์ได้ว่า ระเบิดลูกแรกหวังผลสร้างสถานการณ์ให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบก่อนที่จะมีระเบิดลูกสองเพื่อมุ่งทำร้ายเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ ขณะนั้นหากมีการอพยพผู้คนออกจากที่เกิดเหตุ ระเบิดลูกที่สามซึ่งอยู่หน้าโรงแรมก็จะทำงานเพื่อหวังผลความสูญเสียให้มากที่สุด แบบแผนในการวางระเบิดเช่นนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้ง โดยเฉพาะเหตุการณ์ในช่วงวันตรุษจีนปีที่แล้ว

สลาย safety zone

แม้ว่าเหตุการณ์ทั้งสองจะมีองค์ประกอบบางอย่างที่คล้ายคลึงกัน นายทหารผู้รับผิดชอบพื้นที่ยะลามองว่าคาร์บอมเตรียมก่อเหตุเป็นการก่อการร้าย แต่นายทหารที่รับผิดชอบพื้นที่ปัตตานีอย่าง พล.ต.ธวัชชัย ตั้งข้อสังเกตว่า สาเหตุหลักของการระเบิดที่โรงแรมซีเอสน่าจะมาจากเรื่องการเมือง เพราะในห้วงเวลานี้จะมีการแข่งขันลงรับเลือกตั้ง อบจ. ซึ่งขณะเกิดเหตุก็มีการนัดหมายหารือกลุ่มการเมืองต่างๆ

นอกจากประเด็นการเมืองท้องถิ่นแล้ว ยังมีการตั้งข้อสังเกตถึงสถานะของ อนุศาสตร์ สุวรรณมงคล กรรมการผู้จัดการโรงแรมซีเอสซี่งมีอีกฐานะหนึ่งคือ สมาชิกวุฒิสภา ทีมาจากการแต่งตั้ง มีการวิเคราะห์กันว่าการก่อเหตุอาจมาจากศัตรูทางการเมืองของเขาก็เป็นได้

ทว่า นายปัญญศักย์ โสภณวสุ นักวิชาการความมั่นคงศึกษา สำนักงานกองทุนเพื่อสนับสนุนการวิจัย (สกว.) โต้แย้งว่า การเมืองไม่น่าจะใช่สาเหตุ เมื่อพิจารณาจากรูปแบบของการก่อเหตุครั้งนี้มีลักษณะที่น่าจะเชื่อได้ว่า หวังผลความสูญเสียจำนวนมาก ที่สำคัญนี่คือการ Shock ความรู้สึก เป็นการก่อความรุนแรงในเชิงคุณภาพ หลังจากที่ฝ่ายทางการพยายามตอกย้ำอยู่เสมอว่าจำนวนเหตุการณ์ ความถี่ในการก่อเหตุลดลง

"โรงแรมซีเอสเป็นพื้นที่ซึ่งทุกฝ่ายใช้เป็นที่จัดประชุม จัดกิจกรรม ทั้งฝ่ายรัฐ ภาคเอกชน เอ็นจีโอ รวมทั้งสื่อมวลชน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เห็นว่าพื้นที่ที่ปลอดภัยจะไม่มีความปลอดภัยอีกต่อไป เป็นเรื่องของความคิดของผู้ก่อเหตุ ที่จะต้องตามให้ทัน กรณีซีเอสถือเป็นการสร้างผลสะเทือนขนาดหนักต่อความรู้สึกของทุกฝ่าย"

พื้นที่ปลอดภัย หรือ Safety Zone ในที่นี้หมายถึงพื้นที่ที่ไม่เคยเกิดเหตุรุนแรงขึ้นเลย ความปลอดภัยของโรงแรมซีเอสทำให้เป็นพื้นที่แห่งการเสวนาแลกเปลียนความคิดเห็น ตลอดจนเป็นที่พักแรมของข้าราชการระดับสูง นักธุรกิจ นักวิจัย สื่อมวลชน และใครก็ตามที่ลงมาทำงานในพื้นที่แห่งนี้ ในขณะที่องค์กรระหว่างประเทศบางองค์กรยังตั้งสำนักงานภาคสนามที่โรงแรมแห่งนี้ แม้แต่เคยเป็นที่พักแรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และจัดประชุม ครม.สัญจรมาแล้วเมื่อต้นปี 2547

โรงแรมซีเอสปัตตานี จึงเป็นพื้นที่หรือเวทีการแห่งการขับเคลื่อนทางความคิดของทุกฝ่ายและในทุกระดับ ในที่นี้ก็ไม่เกินเลยไปนักที่ชี้ว่าโรงแรมซีเอสเป็นพื้นที่แห่งการสานเสวนาเพื่อถกเถียงในประเด็นต่างๆ ให้นำไปสู่การแก้ปัญหาในชายแดนใต้ด้วยวิธีการอันสันติ แต่ทว่าเมื่อพื้นที่ปลอดภัยถูกติดป้ายแล้วว่ายังมีความรุนแรงอาบทั่วอยู่ กระบวนการเหล่านี้และคนที่มีส่วนร่วมก็สะเทือนไปด้วยเช่นกัน

ด้าน นายวรวิทย์ บารู สมาชิกวุฒสภาจากการเลือกตั้ง จ.ปัตตานี ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของทุกฝ่ายที่ลงมาทำงานในพื้นที่ หลายคนเข้ามาทำงานด้วยความเป็นกลาง เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงไม่ใช่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เขายังยืนยันว่าเจ้าหน้าที่จะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน เพื่อรักษาโอกาสในการทำงานเพื่อสันติสุขเหล่านี้ไว้

ข่มขวัญและโต้ตอบ

หากตั้งโจทย์วิเคราะห์ให้ลึกกว่านี้ แทนที่จะพิจารณาเพียงผลที่เกิดขึ้นแต่ถามย้อนไปที่ว่าเหตุใดการก่อเหตุในลักษณะนี้สามารถเกิดขึ้นในลักษณะช็อคต่อความรู้สึก พ.อ.ชินวัตน์ แจกแจงว่า เป็นไปได้ที่จะเป็นการพัฒนาการด้านยุทธวิธีของฝ่ายขบวนการใต้ดิน หลังจากที่การก่อเหตุแต่ละวิธีการถูกจับทางได้เกือบหมด แต่สิ่งสำคัญเหนืออื่นใด คือ การก่อเหตุครั้งนี้ต้องการสะท้อนให้สาธารณะเห็นว่าพวกเขายังมีศักยภาพในการก่อเหตุอยู่ ในขณะเดียวกันก็ต้องการสื่อสารกับส่วนต่างๆ หรือเซลล์ภายในขบวนการเองด้วย

"ธรรมชาติของกองกำลังในสงครามกองโจรจะต้องเป็นผู้ริเริ่มกระทำก่อน และที่สำคัญจะต้องกระตุ้นให้เซลล์ต่างของพวกเขาเห็นว่าพวกเขายังต่อสู้อยู่ ถ้าไม่มีการกระตุ้นอย่างนี้ อุดมการณ์การต่อสู้จะฝ่อ เซลล์ต่างๆ จะถดถอย ในแง่หนึ่งการก่อเหตุในลักษณะช็อคอย่างนี้ก็เป็นการจัดตั้งของพวกเขาอย่างหนึ่ง ซึ่งแตกต่างกับระบบข้าราชการที่มีโครงสร้างชัดเจน"

ในขณะที่นายปัญญศักย์ เห็นสอดคล้องในแง่มุมของการแสดงศักยภาพของกลุ่มติดอาวุธดังกล่าว ซึ่งในระยะหลังพบว่า มีการมีนัยแฝงจนน่าจะเรียกได้ว่าสถานการณ์ขณะนี้กำลังเข้าสู่ศักราชใหม่แห่งความรุนแรงที่แม้จะใช้วิธีการก่อเหตุแบบเดิมๆ แต่มุ่งเน้นก่อความรุนแรงที่สะเทือนต่อความรู้สึก นับตั้งแต่การซุ่มโจมตีทหารเสียชีวิต 8 นายที่บ้านรือเปาะ ต.ดุซงญอ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส เมื่อกลาง ก.พ.ที่ผ่านมา ที่มีการวางระเบิดรถฮัมวี่ ซุ่มยิง และตัดศีรษะพร้อมฉกอาวุธประจำกายและปืนของรถฮัมวี่

เขาตีความว่านี่คือการทุ่มกำลังเข้าโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อแสดงให้มวลชนเห็นว่ายังสามารถควบคุมพื้นที่ได้ เจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะทหารไร้ความสามารถแม้แต่จะคุ้มครองตนเอง

สอดคล้องกับข้อมูลจากแหล่งข่าวด้านความมั่นคงในพื้นที่ ซึ่งเปิดเผยว่า หลังการใช้มาตรการทางทหารเพื่อกดดันขบวนการก่อความไม่สงบอย่างหนัก ทั้งการตรวจค้น จับกุม เชิญตัวมาสอบสวนก็ยังความขัดแย้งให้มีขึ้นภายในขบวนการใต้ดิน

"ฝ่ายการเมืองมาต่อว่าฝ่ายกองกำลังว่าไม่เข้มแข็ง ทำให้ฝ่ายการเมืองถูกจับกุม ขณะที่ฝ่ายกองกำลังก็ถูกลิดรอน ถูกควบคุมโดยการสกัดกั้นการก่อเหตุ ช่วงไม่นานมานี้ มีทั้งใบปลิวหลายพื้นที่หรือข่าวลือซึ่งพูดต่อๆ กันมาว่า จะมีการสูญเสียครั้งใหญ่" แหล่งข่าวระบุและว่า สิ่งที่เจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายต่างๆ เพ่งเล็งมากในขณะนี้คือการก่อเหตุโดยใช้คาร์บอมบ์ โดยเลือกเป้าหมายซึ่งเป็นฐานที่มั่นกองกำลังของรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่ตั้งอยู่ริมถนน

ไม่แน่ว่าสัญญาณของความรุนแรงที่เป็นปฏิกิริยาตอบโต้ยุทธวิธีของรัฐกำลังก่อตัวเริ่มต้นและกำลังก้าวเข้าสู่การดำเนินการอย่างต่อเนื่อง นอกจากเป็นภารกิจของรัฐในการป้องปรามและรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนแล้ว สิ่งที่ละเลยไม่ได้คือการหนุนสร้างพื้นที่แห่งความปลอดภัยเพื่อเว้นไว้ให้กับการแลกเปลี่ยนความคิดเพื่อเป้าหมายในการยุติความรุนแรงในอนาคตด้วยเช่นกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น