เจ้าของร้านเพชรย่านชิดลมวิ่งโร่ขอความช่วยเหลือ ตร.ลุมพินี ให้ช่วยติดตามเครื่องเพชรมูลค่า 1.3 ล้านคืน หลังถูกบัณฑิตสาว ม.กรุงเทพ ประชาสัมพันธ์ร้านขโมยจากตู้เซฟไปจำนำ ตร.เรียกตัวสาวมือฉกมาสอบ ให้การสารภาพเอาเงินไปช่วยเพื่อนทำแท้ง และจ่ายหนี้พนันบอล ก่อนเจ้าตัวขอกลับบ้าน เจ้าหน้าที่จึงปล่อยตัวเนื่องจากยังไม่ได้ออกหมายจับ เจ้ากรรมสาวมือฉกหนีเตลิดหายหลัง ตร.ได้หมายจับ
วันนี้ (26 ก.พ.) เมื่อเวลา 12.00 น. น.ส.มน (นามสมมติ) อายุ 30 ปี เจ้าของร้านเพชรแห่งหนึ่งย่านชิดลม เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ปิโยรส กัณหะสิริ สว.สส.สน.ลุมพินี เพื่อให้ช่วยติดตามเครื่องเพชร ประกอบด้วย สร้อยข้อมือ ต่างหู และแหวนเพชร มูลค่า 1.3 ล้านบาท คืนจากร้านรับจำนำณัชชา (กิ๊ฟ) ย่านถนนรัชดาภิเษก หลังถูก น.ส.นราทิพย์ ศรีวรนารถ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 113 หมู่ที่ 5 ต.ท่าแร้ง อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของร้านขโมยจากตู้เซฟไปจำนำที่ร้านรับจำนำดังกล่าว
น.ส.มน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมาตนได้รับ น.ส.นราทิพย์ ที่เพิ่งจบการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ ม.กรุงเทพ เข้ามาทำงานที่ร้านในตำแหน่งประชาสัมพันธ์และประสานงาน เปิดร้านเพชรตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น.ทุกวัน โดยตลอดเวลาที่ทำงานอยู่ก็ไม่มีปัญหาอะไร จนกระทั่งวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา ตนมาตรวจสอบที่ร้าน แต่กลับพบว่า น.ส.นราทิพย์ ปิดร้านไปแล้วจึงโทรศัพท์ไปสอบถาม เจ้าตัวก็อ้างว่าไปซ้อมรับปริญญา แต่หลังจากนั้นก็หายไปไม่ยอมมาทำงานอีกเลย ติดต่อก็ไม่ได้ จนวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา ตนเห็นว่า น.ส.นราทิพย์ ขาดงานเป็นเวลาหลายวัน จึงพาพนักงานใหม่เข้าไปทำงานที่ร้าน และเมื่อเปิดดูในตู้เซฟก็พบว่าเครื่องเพชรชุดดังกล่าวหายไป จึงคาดว่า น.ส.นราทิพย์ น่าจะเป็นคนขโมยไป เพราะในร้านมีเพียงแค่ตนกับ น.ส.นราทิพย์ เท่านั้นที่ถือกุญแจตู้เซฟไว้
น.ส.มน กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นตนพยายามติดต่อ น.ส.นราทิพย์ ตลอดเวลา เพื่อต้องการจะสอบถามเรื่องเครื่องเพชรชุดดังกล่าว แต่ก็ติดต่อไม่ได้ จนกระทั่งวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา น.ส.นราทิพย์ กลับมาทำงานที่ร้านอีกครั้ง โดยอ้างว่าที่หายไปเพราะประสบอุบัติเหตุรถคว่ำที่ จ.เพชรบุรี ต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเพชร์รัชต์ จ.เพชรบุรี แต่เมื่อตนตรวจสอบไปที่โรงพยาบาลดังกล่าวก็ไม่พบว่ามีการเข้ามารักษาตัวแต่อย่างใด ตนกับเพื่อนพนักงานในร้านจึงช่วยกันพูดกล่อมให้รับสารภาพ แต่เจ้าตัวก็ทำอ้างว่าไม่รู้เรื่อง ก่อนจะแกล้งชักทำให้ยังไม่ทราบว่าเจ้าตัวขโมยไปเมื่อไร
น.ส.มน กล่าวต่อว่า หลังจากนั้น ตนพยายามติดต่อ น.ส.นราทิพย์ อีกหลายครั้งแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ จนวานนี้ (25 ก.พ.) ตนให้เพื่อนร่วมงานของ น.ส.นราทิพย์ โทรศัพท์ติดต่อไปว่าถ้าจะไม่มาทำงานก็ให้มาเช็นเอกสารลาออกเพื่อให้เจ้าตัวกลับมาพบอีกครั้ง จนเมื่อ น.ส.นราทิพย์กลับมาที่ร้าน จึงรีบพามาที่ สน.ลุมพินี เพื่อให้ พ.ต.ท.ปิโยรส สอบปากคำในเวลา 16.00 น. แต่เมื่อ น.ส.นราทิพย์รับสารภาพในช่วงเย็นแล้ว ตำรวจก็ไปขอหมายจับที่ศาล แต่ศาลยังไม่ออกหมายจับให้ ในช่วงเช้ามืด น.ส.นราทิพย์ ก็เดินทางกลับไป ตำรวจไม่สามารถควบคุมตัวไว้ได้เนื่องจากไม่มีหมายจับ และตอนนี้ก็ไม่ทราบว่าหลบหนีไปไหนแล้วเพราะโทรศัพท์ติดต่อไม่ได้เลย
ด้าน พ.ต.ท.ปิโยรส กล่าวว่า หลังจากสอบปากคำ น.ส.นราทิพย์ นานถึง 2 ชั่วโมง เจ้าตัวก็รับสารภาพว่าเป็นคนขโมยเครื่องเพชรชุดดังกล่าวไปจำนำที่ร้านรับจำนำณัชชา (กิ๊ฟ) ในราคา 70,000 บาท โดยอ้างว่าต้องการนำเงินไปช่วยเพื่อนทำแท้ง 10,000 บาท ส่วนที่เหลือจะไปจ่ายหนี้พนันฟุตบอล ซึ่งหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พาตัวไปที่ร้านรับจำนำดังกล่าวเพื่อที่นำเครื่องเพชรคืน แต่ปรากฏว่าร้านปิดแล้วจึงนำตัวกลับมาสอบปากคำต่อที่โรงพัก พร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่ไปขอหมายจับจากศาลอาญากรุงเทพใต้ ในข้อหาลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้างในเวลากลางคืน
พ.ต.ท.ปิโยรส กล่าวต่อว่า ระหว่างที่ศาลยังไม่ออกหมายจับให้นั้น ในช่วงเช้ามืดวันนี้ น.ส.นราทิพย์ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าต้องการกลับบ้านจึงทำให้ต้องปล่อยตัวไปเพราะยังไม่มีหมายจับ ไม่มีอำนาจควบคุมตัว น.ส.นราทิพย์ ไว้ จนกระทั่งเวลา 09.00 น.ศาลจึงอนุมัติหมายจับให้ แต่ปรากฏว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีไปแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ก็จะติดตามจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป พร้อมทั้งจะสอบปาคำนายประกิจ ตรวจมรรคา อายุ 55 ปี เจ้าของร้านดังกล่าวด้วยว่าเข้าข่ายรับของโจรหรือไม่ เนื่องจากของกลางราคาเป็นล้าน แต่รับจำนำเพียงแค่ 7 หมื่นบาทเท่านั้น ซึ่งหากพบว่ามีส่วนรู้เห็นก็จะแจ้งข้อหารับของโจรต่อไป
วันนี้ (26 ก.พ.) เมื่อเวลา 12.00 น. น.ส.มน (นามสมมติ) อายุ 30 ปี เจ้าของร้านเพชรแห่งหนึ่งย่านชิดลม เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ปิโยรส กัณหะสิริ สว.สส.สน.ลุมพินี เพื่อให้ช่วยติดตามเครื่องเพชร ประกอบด้วย สร้อยข้อมือ ต่างหู และแหวนเพชร มูลค่า 1.3 ล้านบาท คืนจากร้านรับจำนำณัชชา (กิ๊ฟ) ย่านถนนรัชดาภิเษก หลังถูก น.ส.นราทิพย์ ศรีวรนารถ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 113 หมู่ที่ 5 ต.ท่าแร้ง อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของร้านขโมยจากตู้เซฟไปจำนำที่ร้านรับจำนำดังกล่าว
น.ส.มน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมาตนได้รับ น.ส.นราทิพย์ ที่เพิ่งจบการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ ม.กรุงเทพ เข้ามาทำงานที่ร้านในตำแหน่งประชาสัมพันธ์และประสานงาน เปิดร้านเพชรตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น.ทุกวัน โดยตลอดเวลาที่ทำงานอยู่ก็ไม่มีปัญหาอะไร จนกระทั่งวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา ตนมาตรวจสอบที่ร้าน แต่กลับพบว่า น.ส.นราทิพย์ ปิดร้านไปแล้วจึงโทรศัพท์ไปสอบถาม เจ้าตัวก็อ้างว่าไปซ้อมรับปริญญา แต่หลังจากนั้นก็หายไปไม่ยอมมาทำงานอีกเลย ติดต่อก็ไม่ได้ จนวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา ตนเห็นว่า น.ส.นราทิพย์ ขาดงานเป็นเวลาหลายวัน จึงพาพนักงานใหม่เข้าไปทำงานที่ร้าน และเมื่อเปิดดูในตู้เซฟก็พบว่าเครื่องเพชรชุดดังกล่าวหายไป จึงคาดว่า น.ส.นราทิพย์ น่าจะเป็นคนขโมยไป เพราะในร้านมีเพียงแค่ตนกับ น.ส.นราทิพย์ เท่านั้นที่ถือกุญแจตู้เซฟไว้
น.ส.มน กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นตนพยายามติดต่อ น.ส.นราทิพย์ ตลอดเวลา เพื่อต้องการจะสอบถามเรื่องเครื่องเพชรชุดดังกล่าว แต่ก็ติดต่อไม่ได้ จนกระทั่งวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา น.ส.นราทิพย์ กลับมาทำงานที่ร้านอีกครั้ง โดยอ้างว่าที่หายไปเพราะประสบอุบัติเหตุรถคว่ำที่ จ.เพชรบุรี ต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเพชร์รัชต์ จ.เพชรบุรี แต่เมื่อตนตรวจสอบไปที่โรงพยาบาลดังกล่าวก็ไม่พบว่ามีการเข้ามารักษาตัวแต่อย่างใด ตนกับเพื่อนพนักงานในร้านจึงช่วยกันพูดกล่อมให้รับสารภาพ แต่เจ้าตัวก็ทำอ้างว่าไม่รู้เรื่อง ก่อนจะแกล้งชักทำให้ยังไม่ทราบว่าเจ้าตัวขโมยไปเมื่อไร
น.ส.มน กล่าวต่อว่า หลังจากนั้น ตนพยายามติดต่อ น.ส.นราทิพย์ อีกหลายครั้งแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ จนวานนี้ (25 ก.พ.) ตนให้เพื่อนร่วมงานของ น.ส.นราทิพย์ โทรศัพท์ติดต่อไปว่าถ้าจะไม่มาทำงานก็ให้มาเช็นเอกสารลาออกเพื่อให้เจ้าตัวกลับมาพบอีกครั้ง จนเมื่อ น.ส.นราทิพย์กลับมาที่ร้าน จึงรีบพามาที่ สน.ลุมพินี เพื่อให้ พ.ต.ท.ปิโยรส สอบปากคำในเวลา 16.00 น. แต่เมื่อ น.ส.นราทิพย์รับสารภาพในช่วงเย็นแล้ว ตำรวจก็ไปขอหมายจับที่ศาล แต่ศาลยังไม่ออกหมายจับให้ ในช่วงเช้ามืด น.ส.นราทิพย์ ก็เดินทางกลับไป ตำรวจไม่สามารถควบคุมตัวไว้ได้เนื่องจากไม่มีหมายจับ และตอนนี้ก็ไม่ทราบว่าหลบหนีไปไหนแล้วเพราะโทรศัพท์ติดต่อไม่ได้เลย
ด้าน พ.ต.ท.ปิโยรส กล่าวว่า หลังจากสอบปากคำ น.ส.นราทิพย์ นานถึง 2 ชั่วโมง เจ้าตัวก็รับสารภาพว่าเป็นคนขโมยเครื่องเพชรชุดดังกล่าวไปจำนำที่ร้านรับจำนำณัชชา (กิ๊ฟ) ในราคา 70,000 บาท โดยอ้างว่าต้องการนำเงินไปช่วยเพื่อนทำแท้ง 10,000 บาท ส่วนที่เหลือจะไปจ่ายหนี้พนันฟุตบอล ซึ่งหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พาตัวไปที่ร้านรับจำนำดังกล่าวเพื่อที่นำเครื่องเพชรคืน แต่ปรากฏว่าร้านปิดแล้วจึงนำตัวกลับมาสอบปากคำต่อที่โรงพัก พร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่ไปขอหมายจับจากศาลอาญากรุงเทพใต้ ในข้อหาลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้างในเวลากลางคืน
พ.ต.ท.ปิโยรส กล่าวต่อว่า ระหว่างที่ศาลยังไม่ออกหมายจับให้นั้น ในช่วงเช้ามืดวันนี้ น.ส.นราทิพย์ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าต้องการกลับบ้านจึงทำให้ต้องปล่อยตัวไปเพราะยังไม่มีหมายจับ ไม่มีอำนาจควบคุมตัว น.ส.นราทิพย์ ไว้ จนกระทั่งเวลา 09.00 น.ศาลจึงอนุมัติหมายจับให้ แต่ปรากฏว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีไปแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ก็จะติดตามจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป พร้อมทั้งจะสอบปาคำนายประกิจ ตรวจมรรคา อายุ 55 ปี เจ้าของร้านดังกล่าวด้วยว่าเข้าข่ายรับของโจรหรือไม่ เนื่องจากของกลางราคาเป็นล้าน แต่รับจำนำเพียงแค่ 7 หมื่นบาทเท่านั้น ซึ่งหากพบว่ามีส่วนรู้เห็นก็จะแจ้งข้อหารับของโจรต่อไป