ผู้จัดการรายวัน - "สนธิ" คาดคำตัดสินของศาลอาญาคดีอ้อเป็นสัญญาณในวันข้างหน้า แนะแม้วรีบหาประเทศลี้ภัยไว้ล่วงหน้า อย่าดิ้นรนแก้ รธน.-จ้างม็อบป่วน เพราะไม่มีทางชนะพลังบริสุทธิ์ของประชาชนอย่างแน่นอน "จำลอง" ยกเหตุการณ์ที่ตุรกีคล้ายกับของไทย ย้ำต้องตั้งหลักไว้ให้ดี เตรียมพร้อมต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญทุกเมื่อ "สุริยะใส" ชี้อ้อโดนคุกเป็นการยืนยันระบอบทักษิณอันตราย จี้กระทรวงคลังหยุดจ่ายเงินเดือน 3 รัฐมนตรีถูกหวยบนดิน ผบ.สส.เผย ผบ.เหล่าทัพติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีสะพานมัฆวานเมื่อคืนที่ผ่านมา (31 ก.ค.) โดยกล่าวว่า ผลการตัดสินของศาลอาญาในคดีเลี่ยงภาษีชินฯ แสดงให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กำลังตกอยู่ในเงื้อมมือของเทพแห่งความยุติธรรม สัญญาณของศาลอาญาน่าจะส่งผลไปถึงคดีต่อไปของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมานอีกหลายคดีในวันข้างหน้า พร้อมทั้งฝากถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ให้หยุดเล่นการเมือง หยุดพฤติกรรมพูดอย่างทำอีกอย่างเสียที เพราะไม่มีทางชนะพลังบริสุทธิ์ของประชาชนอย่างแน่นอน ถ้าตราบใดที่ไม่ได้ทำเพื่อบ้านเมืองก็ไม่มีวันชนะ ต้องเป็นสัมภเวสีไม่สิ้นสุด
นายสนธิได้ย้อนอดีตของบรรดานักการเมือง และนายพลที่โกงกินทั้งหลายที่แอบซ่อนทรัพย์สินเอาไว้มากมาย แต่ในที่สุดก้ไม่เหลืออะไรเลย และว่าสำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชอบคบคนพาล ไว้ใจคนชั่วให้อยู่ใกล้ลูกเมีย โดยเมื่อเห็น พ.ต.ท.ทักษิณในศาลทางจอทีวีแล้วรู้สึกสงสารเพราะหมดสภาพ แต่ก็ไม่อยากซ้ำเติม โดยในคำพิพากษาชี้ให้เห็นความฉ้อโกงสารพัด เพื่อไม่ยอมเสียภาษี
"ลิวล้อทั้งหลายของพ.ต.ท.ทักษิณไม่มีใครจริงใจหรือสู้ให้จริง ทุกคนหวังแต่เงินของคุณทักษิณ เท่านั้น ถ้าผมเป็นคุณ (ทักษิณ) จะไม่คิดแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือจ่ายเงินให้กับ ส.ส.ผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือคิดจ้างคนมาเป็นล้าน พวกเรา (พันธมิตรฯ) ก็ไม่ถอย ทั้งที่ในระดับแกนมีเพียงไม่กี่ร้อยที่ได้รับเงินของคุณไป และถ้าทำอย่างนั้นจริงคุณก็จะเป็นต้นเหตุแห่งการนองเลือด " นายสนธิ ระบุและว่า ในวันที่ 10 ส.ค.ที่ครบกำหนดจะต้องเดินทางกลับประเทศอีกครั้ง ถึงตอนนั้นอาจมีการตรวจสอบว่าถ้ามีโอกาสรอดคดีก็อาจจะกลับเข้ามา แต่ถ้าไม่รอดก็จะไม่กลับมา อย่างไรก็ตามถ้าคิดจะลี้ภัยแนะนำประเทศที่ไม่มีสัญญาณส่งผู้ร้ายข้ามแดน เช่นเบลเยี่ยมหรือสวิสเซอร์แลนด์ เป็นต้น แล้วไปซื้อคฤหาสน์ริมทะเลสาบแล้วให้นั่งสงบนิ่งสารภาพผิดกับคนไทย และจะไม่ขอกลับประเทศอีกต่อไป
**"จำลอง"ลั่นสู้ตาย ต้านแก้ รธน.ถึงที่สุด
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นกล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ สะพานมัฆวานรังสรรค์ว่า มีข่าวดีอยู่หนึ่งข่าว คือ ศาลเริ่มพิจารณาคดีรัฐบาลแก้ไขรัฐธรรมนูญตามใจชอบ ขัดหลักการ และไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ การที่ทำอะไรตามใจชอบนั้นจึงเป็นเผด็จการ แม้จะมาจากการเลือกตั้งก็ตาม อย่างในประวัติศาสตร์นั้นจอมเผด็จการฮิตเลอร์ของเยอรมัน หรือเผด็จการมาร์กอสของฟิลิปปินส์นั้นมาจากการเลือกตั้ง ได้รับคะแนนมาอย่างท่วมท้น แต่ก็ไม่ได้เป็นประชาธิปไตย
"ตอนที่มาร์กอสกำลังรุ่งเรืองนั้น ได้มีโอกาสไปฟิลิปปินส์ และชาวเมืองที่นั่นได้ชี้ให้ดูตึกหลายตึก ซึ่งเป็นของมาร์กอสมากมาย ที่เป็นอย่างนั้นเป็นเพราะเผด็จการ และไม่มีใครกล้าที่จะขัดขวาง"พล.ต.จำลองกล่าวและว่า ที่จะบอกข่าวดีนั้นไม่ใช่ในประเทศไทย แต่เป็นของประเทศตุรกี ที่รัฐบาลได้แก้ไขรัฐธรรมนูญตามใจชอบ ขัดต่อหลักการ และขัดต่อเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญของตุรกี สำนักงานอัยการของตุรกีจึงยื่นฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ และศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่ารัฐบาลตุรกีผิดจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ขัดหลักการคือแยกศาสนาออกจากการเมือง ซึ่งได้กำหนดไว้แล้วในรัฐธรรมนูญ หากทำผิดจะต้องถูกยุบพรรค และคณะกรรมการภายในพรรคจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี ซึ่งคล้ายๆกับของเรา
***สุริยะใสชี้บ้านเมืองกำลังคลี่คลาย
วานนี้ (31 ก.ค.) เมื่อเวลา 18.40 น. ที่เวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย สะพานมัฆวานรังสรรค์ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ แถลงข่าวกรณีที่ศาลอาญาพิพากษาจำคุกคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ว่า น่าจะเป็นสัญญาณที่ดีที่จะคลี่คลายปัญหาบ้านเมือง พันธมิตรประกาศจุดยืนตั้งแต่ต้นว่าเราหวังพึ่งกระบวนการตุลาการภิวัฒน์ และหวังว่าสุดท้ายฝ่ายจำเลยผู้ต้องหาและคนในระบอบทักษิณ จะระวังการปฏิบัติตัวเพื่อไม่ให้สังคมรู้สึกว่า ไม่ยอมรับคำตัดสิน
นอกจากนี้หากดูคำตัดสินของศาลจะพบว่า ช่วงหนึ่งจะชี้ให้เห็นว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการคอรัปชั่น หรืออาจเป็นต้นทางของการทุจริตในรัฐบาลทักษิณเพราะหลังจากนั้นจะเห็นว่ามีการทุจริตและการเอื้อประโยชน์มาเป็นระยะ เหมือนกับที่ ศ.น.พ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส เคยออกมาบอกว่า "จากโคตรโกงเป็นโกงทั้งโคตร"
"คำพิพากษาของศาลนั้นยังถือเป็นปรากฏการณ์หนึ่งว่าการปราศรัยของพันธมิตรฯ นั้นไม่ได้เกิดขึ้นบนความอคติ หากเป็นข้อเท็จจริงที่ว่าระบอบทักษิณนั้นอันตราย ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ประชาชนเข้าใจการต่อสู้ของพันธมิตรมากขึ้น"
ส่วนการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 1 ส.ค. ยืนยันว่ายังเหมือนเดิม แม้พรรคพลังประชาชน ออกมาบอกว่าอาจจะยื่นญัตติแก้รัฐธรรมนูญใน18 ส.ค. แต่เราไม่ไว้ใจว่าญัตติการแก้ไข รธน.นั้น จะเข้าสู่สภาเมื่อไหร่เพราะ พปช.เอง มักจะเล่นทีเผลอ ส่วนจะมีการเคลื่อนไหวใหญ่หรือไม่นั้น คงต้องรอการหารืออีกครั้ง
นายสุริยะใสยังกล่าวถึงโฉมหน้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่ ว่า อยากจะตั้งฉายาใหม่ว่า "ครม.ดอกหน้าวัว" ซึ่งดูไกลๆแล้วเหมือนดอกไม้ แต่ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งมีกลิ่นเหม็นสอดคล้องกับความพยายามปรับ ครม.เพื่อต่ออายุของรัฐบาลแต่ก็ยังวนเวียนอยู่ในคนของเครือข่ายระบอบทักษิณ ซึ่งจะเห็นได้ว่าไม่ได้รับการสนับสนุนจากคนนอก อย่างที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี มักจะอ้าง ตนเชื่อว่าคงจะถูกปฏิเสธจากคนนอก เพราะเห็นว่ารัฐบาลนี้ใกล้คุกใกล้ตะรางเข้าไปทุกที
ส่วนการนำ 3 รัฐมนตรีที่ถูกศาลอาญารับฟ้องกรณีหวยบนดิน คงไว้อยู่ในตำแหน่ง รมต.นั้น เชื่อว่าอาจจะต้องมีการปรับครม.อีก ซึ่งเป็นการทำให้ระคายเคืองต่อเบื้องสูง ควรจะปรับออกไปก่อนแล้วรอให้กฤษฎีกาตีความ การดันทุรังอุ้มไว้เป็นเพียงการแก้เกมการเมืองแบบวันต่อวันของรัฐบาล ซึ่งพันธมิตรได้ปรึกษากับฝ่ายกฎหมายโดยจะทำหนังสือถึงกระทรวงการคลัง เพื่อขอให้หยุดจ่ายเงินเดือนและค่าตอบแทนต่างๆ ให้กับ 3 รัฐมนตรี เพราะถือว่าต้องยุติการทำหน้าที่ เนื่องจากคดีมีผลทางนิตินัยแล้ว คณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นเพียงแค่ที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาล เรื่องนี้ควรจะต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยจึงจะถูกต้องและหากกระทรวงการคลังยังจ่ายเงินเดือนให้กับ 3 รมต. เราจะใช้สิทธิร้องต่อศาลปกครอง
ถามว่าห่วงว่าจะเกิดความรุนแรงขึ้นหรือไม่ นายสุริยะใส กล่าวตอบว่า คณะกรรมการพลังแผ่นดิน พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่มี พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ เป็น ประธานกรรมการ ได้ทำหนังสือถึงกองทัพและตำรวจโดยเฉพาะกองทัพนั้นพล.อ.ปรีชาาได้ยื่นหนังสือต่อ สห.เพื่อขอทหารในเครื่องแบบมาดูแลความปลอดภัย ซึ่งก็ได้รับสัญญาณที่ดี ส่วนที่สะพานมัฆวานฯนั้น เราก็มีการปรับพื้นที่เพื่อให้ง่ายต่อการดูแลรักษาความปลอดภัย
***ผบ.สส.เผยทหารเกาะติดการชุมนุม
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เตรียมที่จะเป่านกหวีดในการชุมนุมใหญ่เพื่อเคลื่อนไหวให้รัฐบาลลาออก พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ได้พูดคุยกับ ผบ.เหล่าทัพ ตลอดเวลา เพื่อติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะทุกคนก็เป็นห่วงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์การปะทะของประชาชน หวังว่าจะไม่เกิดความวุ่นวาย หรือ เกิดเหตุการณ์อะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้น ตนเชื่อว่าทุกคนตั้งใจดีที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายในประเทศ
"ผมหวังว่าสถานการณ์ความวุ่นวายคงจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน อีกทั้งเจ้าหน้าที่ก็ดูแลรักษาความปลอดภัยเพื่อไม่ให้เกิดการเผชิญหน้ากันของกลุ่มที่สนับสนุน และ ไม่สนับสนุน อย่างไรก็ตาม คิดว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์บานปลาย" พล.อ.บุญสร้าง กล่าว
เมื่อถามว่า ทาง นปก.ประกาศที่จะรวมตัวกันเข้ามาชุมนุมใหญ่ เพื่อต่อต้านการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรพล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า การชุมนุมสามารถทำได้ แต่คิดว่าคงไม่เกิดอะไรที่ไม่ดี เพราะถ้าหากเกิดความวุ่นวายบ้านเมืองจะเละเทะ ดังนั้นตนจึงอยากให้ทุกคนมีความอดกลั้น และอดทนเอาไว้ เพื่อให้บ้านเมืองขับเคลื่อนเดินต่อไปได้
พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบได้เตรียมความพร้อมในการดูแลอย่างเต็มที่แล้ว โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจ คิดว่าคงไม่เกิดอะไรรุนแรง แต่คนหมู่มากเมื่อรวมตัวกันมากๆ คงจะยุ่ง ดังนั้นกลุ่มที่จะเข้ามาชุมนุมกัน เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบจะต้องดูแลอย่าให้เข้ามาใกล้กันมาก เพราะจะเกิดอันตรายขึ้นได้ เพราะคนที่เข้ามาร่วมชุมนุมต่างก็มีอารมณ์ด้วยกันทั้งนั้น อย่างไรก็ตาม คงจะไม่เกิดขึ้นเหมือนกับที่ จ.อุดรธานี เพราะเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบโดยตรงมีแผนในการรักษาความสงบไว้แล้ว.
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีสะพานมัฆวานเมื่อคืนที่ผ่านมา (31 ก.ค.) โดยกล่าวว่า ผลการตัดสินของศาลอาญาในคดีเลี่ยงภาษีชินฯ แสดงให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กำลังตกอยู่ในเงื้อมมือของเทพแห่งความยุติธรรม สัญญาณของศาลอาญาน่าจะส่งผลไปถึงคดีต่อไปของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมานอีกหลายคดีในวันข้างหน้า พร้อมทั้งฝากถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ให้หยุดเล่นการเมือง หยุดพฤติกรรมพูดอย่างทำอีกอย่างเสียที เพราะไม่มีทางชนะพลังบริสุทธิ์ของประชาชนอย่างแน่นอน ถ้าตราบใดที่ไม่ได้ทำเพื่อบ้านเมืองก็ไม่มีวันชนะ ต้องเป็นสัมภเวสีไม่สิ้นสุด
นายสนธิได้ย้อนอดีตของบรรดานักการเมือง และนายพลที่โกงกินทั้งหลายที่แอบซ่อนทรัพย์สินเอาไว้มากมาย แต่ในที่สุดก้ไม่เหลืออะไรเลย และว่าสำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชอบคบคนพาล ไว้ใจคนชั่วให้อยู่ใกล้ลูกเมีย โดยเมื่อเห็น พ.ต.ท.ทักษิณในศาลทางจอทีวีแล้วรู้สึกสงสารเพราะหมดสภาพ แต่ก็ไม่อยากซ้ำเติม โดยในคำพิพากษาชี้ให้เห็นความฉ้อโกงสารพัด เพื่อไม่ยอมเสียภาษี
"ลิวล้อทั้งหลายของพ.ต.ท.ทักษิณไม่มีใครจริงใจหรือสู้ให้จริง ทุกคนหวังแต่เงินของคุณทักษิณ เท่านั้น ถ้าผมเป็นคุณ (ทักษิณ) จะไม่คิดแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือจ่ายเงินให้กับ ส.ส.ผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือคิดจ้างคนมาเป็นล้าน พวกเรา (พันธมิตรฯ) ก็ไม่ถอย ทั้งที่ในระดับแกนมีเพียงไม่กี่ร้อยที่ได้รับเงินของคุณไป และถ้าทำอย่างนั้นจริงคุณก็จะเป็นต้นเหตุแห่งการนองเลือด " นายสนธิ ระบุและว่า ในวันที่ 10 ส.ค.ที่ครบกำหนดจะต้องเดินทางกลับประเทศอีกครั้ง ถึงตอนนั้นอาจมีการตรวจสอบว่าถ้ามีโอกาสรอดคดีก็อาจจะกลับเข้ามา แต่ถ้าไม่รอดก็จะไม่กลับมา อย่างไรก็ตามถ้าคิดจะลี้ภัยแนะนำประเทศที่ไม่มีสัญญาณส่งผู้ร้ายข้ามแดน เช่นเบลเยี่ยมหรือสวิสเซอร์แลนด์ เป็นต้น แล้วไปซื้อคฤหาสน์ริมทะเลสาบแล้วให้นั่งสงบนิ่งสารภาพผิดกับคนไทย และจะไม่ขอกลับประเทศอีกต่อไป
**"จำลอง"ลั่นสู้ตาย ต้านแก้ รธน.ถึงที่สุด
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นกล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ สะพานมัฆวานรังสรรค์ว่า มีข่าวดีอยู่หนึ่งข่าว คือ ศาลเริ่มพิจารณาคดีรัฐบาลแก้ไขรัฐธรรมนูญตามใจชอบ ขัดหลักการ และไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ การที่ทำอะไรตามใจชอบนั้นจึงเป็นเผด็จการ แม้จะมาจากการเลือกตั้งก็ตาม อย่างในประวัติศาสตร์นั้นจอมเผด็จการฮิตเลอร์ของเยอรมัน หรือเผด็จการมาร์กอสของฟิลิปปินส์นั้นมาจากการเลือกตั้ง ได้รับคะแนนมาอย่างท่วมท้น แต่ก็ไม่ได้เป็นประชาธิปไตย
"ตอนที่มาร์กอสกำลังรุ่งเรืองนั้น ได้มีโอกาสไปฟิลิปปินส์ และชาวเมืองที่นั่นได้ชี้ให้ดูตึกหลายตึก ซึ่งเป็นของมาร์กอสมากมาย ที่เป็นอย่างนั้นเป็นเพราะเผด็จการ และไม่มีใครกล้าที่จะขัดขวาง"พล.ต.จำลองกล่าวและว่า ที่จะบอกข่าวดีนั้นไม่ใช่ในประเทศไทย แต่เป็นของประเทศตุรกี ที่รัฐบาลได้แก้ไขรัฐธรรมนูญตามใจชอบ ขัดต่อหลักการ และขัดต่อเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญของตุรกี สำนักงานอัยการของตุรกีจึงยื่นฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ และศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่ารัฐบาลตุรกีผิดจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ขัดหลักการคือแยกศาสนาออกจากการเมือง ซึ่งได้กำหนดไว้แล้วในรัฐธรรมนูญ หากทำผิดจะต้องถูกยุบพรรค และคณะกรรมการภายในพรรคจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี ซึ่งคล้ายๆกับของเรา
***สุริยะใสชี้บ้านเมืองกำลังคลี่คลาย
วานนี้ (31 ก.ค.) เมื่อเวลา 18.40 น. ที่เวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย สะพานมัฆวานรังสรรค์ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ แถลงข่าวกรณีที่ศาลอาญาพิพากษาจำคุกคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ว่า น่าจะเป็นสัญญาณที่ดีที่จะคลี่คลายปัญหาบ้านเมือง พันธมิตรประกาศจุดยืนตั้งแต่ต้นว่าเราหวังพึ่งกระบวนการตุลาการภิวัฒน์ และหวังว่าสุดท้ายฝ่ายจำเลยผู้ต้องหาและคนในระบอบทักษิณ จะระวังการปฏิบัติตัวเพื่อไม่ให้สังคมรู้สึกว่า ไม่ยอมรับคำตัดสิน
นอกจากนี้หากดูคำตัดสินของศาลจะพบว่า ช่วงหนึ่งจะชี้ให้เห็นว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการคอรัปชั่น หรืออาจเป็นต้นทางของการทุจริตในรัฐบาลทักษิณเพราะหลังจากนั้นจะเห็นว่ามีการทุจริตและการเอื้อประโยชน์มาเป็นระยะ เหมือนกับที่ ศ.น.พ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส เคยออกมาบอกว่า "จากโคตรโกงเป็นโกงทั้งโคตร"
"คำพิพากษาของศาลนั้นยังถือเป็นปรากฏการณ์หนึ่งว่าการปราศรัยของพันธมิตรฯ นั้นไม่ได้เกิดขึ้นบนความอคติ หากเป็นข้อเท็จจริงที่ว่าระบอบทักษิณนั้นอันตราย ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ประชาชนเข้าใจการต่อสู้ของพันธมิตรมากขึ้น"
ส่วนการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 1 ส.ค. ยืนยันว่ายังเหมือนเดิม แม้พรรคพลังประชาชน ออกมาบอกว่าอาจจะยื่นญัตติแก้รัฐธรรมนูญใน18 ส.ค. แต่เราไม่ไว้ใจว่าญัตติการแก้ไข รธน.นั้น จะเข้าสู่สภาเมื่อไหร่เพราะ พปช.เอง มักจะเล่นทีเผลอ ส่วนจะมีการเคลื่อนไหวใหญ่หรือไม่นั้น คงต้องรอการหารืออีกครั้ง
นายสุริยะใสยังกล่าวถึงโฉมหน้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่ ว่า อยากจะตั้งฉายาใหม่ว่า "ครม.ดอกหน้าวัว" ซึ่งดูไกลๆแล้วเหมือนดอกไม้ แต่ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งมีกลิ่นเหม็นสอดคล้องกับความพยายามปรับ ครม.เพื่อต่ออายุของรัฐบาลแต่ก็ยังวนเวียนอยู่ในคนของเครือข่ายระบอบทักษิณ ซึ่งจะเห็นได้ว่าไม่ได้รับการสนับสนุนจากคนนอก อย่างที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี มักจะอ้าง ตนเชื่อว่าคงจะถูกปฏิเสธจากคนนอก เพราะเห็นว่ารัฐบาลนี้ใกล้คุกใกล้ตะรางเข้าไปทุกที
ส่วนการนำ 3 รัฐมนตรีที่ถูกศาลอาญารับฟ้องกรณีหวยบนดิน คงไว้อยู่ในตำแหน่ง รมต.นั้น เชื่อว่าอาจจะต้องมีการปรับครม.อีก ซึ่งเป็นการทำให้ระคายเคืองต่อเบื้องสูง ควรจะปรับออกไปก่อนแล้วรอให้กฤษฎีกาตีความ การดันทุรังอุ้มไว้เป็นเพียงการแก้เกมการเมืองแบบวันต่อวันของรัฐบาล ซึ่งพันธมิตรได้ปรึกษากับฝ่ายกฎหมายโดยจะทำหนังสือถึงกระทรวงการคลัง เพื่อขอให้หยุดจ่ายเงินเดือนและค่าตอบแทนต่างๆ ให้กับ 3 รัฐมนตรี เพราะถือว่าต้องยุติการทำหน้าที่ เนื่องจากคดีมีผลทางนิตินัยแล้ว คณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นเพียงแค่ที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาล เรื่องนี้ควรจะต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยจึงจะถูกต้องและหากกระทรวงการคลังยังจ่ายเงินเดือนให้กับ 3 รมต. เราจะใช้สิทธิร้องต่อศาลปกครอง
ถามว่าห่วงว่าจะเกิดความรุนแรงขึ้นหรือไม่ นายสุริยะใส กล่าวตอบว่า คณะกรรมการพลังแผ่นดิน พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่มี พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ เป็น ประธานกรรมการ ได้ทำหนังสือถึงกองทัพและตำรวจโดยเฉพาะกองทัพนั้นพล.อ.ปรีชาาได้ยื่นหนังสือต่อ สห.เพื่อขอทหารในเครื่องแบบมาดูแลความปลอดภัย ซึ่งก็ได้รับสัญญาณที่ดี ส่วนที่สะพานมัฆวานฯนั้น เราก็มีการปรับพื้นที่เพื่อให้ง่ายต่อการดูแลรักษาความปลอดภัย
***ผบ.สส.เผยทหารเกาะติดการชุมนุม
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เตรียมที่จะเป่านกหวีดในการชุมนุมใหญ่เพื่อเคลื่อนไหวให้รัฐบาลลาออก พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ได้พูดคุยกับ ผบ.เหล่าทัพ ตลอดเวลา เพื่อติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะทุกคนก็เป็นห่วงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์การปะทะของประชาชน หวังว่าจะไม่เกิดความวุ่นวาย หรือ เกิดเหตุการณ์อะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้น ตนเชื่อว่าทุกคนตั้งใจดีที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายในประเทศ
"ผมหวังว่าสถานการณ์ความวุ่นวายคงจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน อีกทั้งเจ้าหน้าที่ก็ดูแลรักษาความปลอดภัยเพื่อไม่ให้เกิดการเผชิญหน้ากันของกลุ่มที่สนับสนุน และ ไม่สนับสนุน อย่างไรก็ตาม คิดว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์บานปลาย" พล.อ.บุญสร้าง กล่าว
เมื่อถามว่า ทาง นปก.ประกาศที่จะรวมตัวกันเข้ามาชุมนุมใหญ่ เพื่อต่อต้านการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรพล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า การชุมนุมสามารถทำได้ แต่คิดว่าคงไม่เกิดอะไรที่ไม่ดี เพราะถ้าหากเกิดความวุ่นวายบ้านเมืองจะเละเทะ ดังนั้นตนจึงอยากให้ทุกคนมีความอดกลั้น และอดทนเอาไว้ เพื่อให้บ้านเมืองขับเคลื่อนเดินต่อไปได้
พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบได้เตรียมความพร้อมในการดูแลอย่างเต็มที่แล้ว โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจ คิดว่าคงไม่เกิดอะไรรุนแรง แต่คนหมู่มากเมื่อรวมตัวกันมากๆ คงจะยุ่ง ดังนั้นกลุ่มที่จะเข้ามาชุมนุมกัน เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบจะต้องดูแลอย่าให้เข้ามาใกล้กันมาก เพราะจะเกิดอันตรายขึ้นได้ เพราะคนที่เข้ามาร่วมชุมนุมต่างก็มีอารมณ์ด้วยกันทั้งนั้น อย่างไรก็ตาม คงจะไม่เกิดขึ้นเหมือนกับที่ จ.อุดรธานี เพราะเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบโดยตรงมีแผนในการรักษาความสงบไว้แล้ว.