เอเอฟพี – เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอดส์) ระบุเมื่อวันอังคาร (29) ว่าอัตราการติดเชื้อเอชไอวีในกลุ่มชายรักชายในเอเชียหลายประเทศ มีความรุนแรงในระดับเดียวกับที่เคยคร่าชีวิตกลุ่มรักร่วมเพศในสหรัฐฯ ในช่วงปลายทศวรรษ 1980 มาแล้ว
ในการนำเสนอรายงานสถานการณ์โรคเอดส์ทั่วโลกประจำปี 2008 ปีเตอร์ พิออต ผู้อำนวยการบริหารของยูเอ็นเอดส์ ได้เรียกร้องให้มีการดำเนินการจริงจังมากขึ้นในการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อเอชไอวีในกลุ่มชายรักชายซึ่งมีพฤติกรรมทางเพศแบบไม่ปลอดภัย และเขายังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกับกลุ่มผู้ติดเชื้อดังกล่าว
“ปัจจุบัน ในทวีปเอเชียโดยรวมมีการติดเชื้อเอชไอวีในกลุ่มชายรักชายเป็นจำนวนมากเท่ากับที่เราเคยพบเมื่อ 25 ปีที่แล้ว” พิออตบอก
“นั่นเป็นสถานการณ์ที่เราได้ตรวจพบเมื่อเร็วๆ นี้ แต่ยังไม่มีการดำเนินการแก้ไขอย่างเพียงพอ ดังนั้นเราจึงกำลังจะเริ่มต้นโครงการแก้ไขเรื่องนี้” เขาเสริม
พอล ดี เลย์ ผู้อำนวยการแผนกหลักฐาน การตรวจสอบ และนโยบาย ประจำยูเอ็นเอดส์ กล่าวว่าการติดเชื้อเอชไอวีในกลุ่มเกย์เอเชียไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เมื่อเร็วๆ นี้อัตราการติดเชื้อดังกล่าวเพิ่มขึ้นจนถึงระดับเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในซานฟรานซิสโกเมื่อปลายทศวรรษ 1980 ซึ่งเป็นช่วงที่การติดเชื้อเอชไอวีพุ่งขึ้นสูงสุด
เขาอธิบายว่าอาจมีสาเหตุหลายประการ ซึ่งรวมทั้งการที่เงินทุนของโครงการที่มุ่งเป้าไปยังกลุ่มชายรักชายมีน้อย รวมทั้งมีกลุ่มชายรักชายกลุ่มใหม่ๆ ซึ่งไม่ค่อยตระหนักถึงความเสี่ยงของการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน
“การติดเชื้อในประชากรกลุ่มนี้เริ่มมาตั้งแต่กลางทศวรรษ 1990 สิ่งที่เราเผชิญอยู่ในตอนนี้คือสถานการณ์ที่กำลังหวนการกลับมาอีกครั้ง” ดี เลย์ บอก
“มีหลายประเทศที่มีสัดส่วนประชากรติดเชื้อเอชไอวีเท่าๆ กับที่เราเคยพบในซานฟรานซิสโก เบอร์ลิน หรือในลอนดอน ซึ่งมีกลุ่มชายรักชายถึง 15-20 เปอร์เซ็นต์ติดเชื้อเอชไอวี”
รายงานดังกล่าวชี้ว่าการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกันระหว่างชายกับชายนั้นเป็นสถานการณ์การติดเชื้อเอชไอวีที่เป็นประเด็นสำคัญมากในเอเชียหลายประเทศ เช่น ไทยและเวียดนาม ทว่ายังมีการศึกษาวิจัยกันน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
รายงานยังระบุด้วยว่า “ข้อมูลการศึกษาวิจัยล่าสุดจากเมืองใหญ่หลายเมืองตั้งแต่กรุงเทพฯ จนถึงโฮจิมินห์ซิตี ชี้ว่ามีการแพร่กระจายของเชื้อเอชไอวีในกลุ่มของผู้ชายที่มีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้ชายด้วยกันเพิ่มสูงขึ้น”
ในจีน การมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ปลอดภัยในกลุ่มชายรักชายเป็นสาเหตุของการติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มถึง 7 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนั้น ยังพบการติดเชื้อเอชไอวีในกลุ่มประช่ากรเกย์ในเกณฑ์สูง ไม่ว่าจะในเมืองเจนไนและมุมไบในอินเดีย หรือในกรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซีย
ดี เลย์เสริมอีกว่าในเมืองเหล่านี้ ประชากรส่วนใหญ่รังเกียจพวกรักร่วมเพศ อีกทั้งมีการกีดกันจากผู้ให้บริการด้านสาธารณสุขจึงทำให้กลุ่มรักร่วมเพศไม่สนใจที่จะหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคเอดส์และไม่ยอมไปตรวจการติดเชื้อ
ในการนำเสนอรายงานสถานการณ์โรคเอดส์ทั่วโลกประจำปี 2008 ปีเตอร์ พิออต ผู้อำนวยการบริหารของยูเอ็นเอดส์ ได้เรียกร้องให้มีการดำเนินการจริงจังมากขึ้นในการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อเอชไอวีในกลุ่มชายรักชายซึ่งมีพฤติกรรมทางเพศแบบไม่ปลอดภัย และเขายังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกับกลุ่มผู้ติดเชื้อดังกล่าว
“ปัจจุบัน ในทวีปเอเชียโดยรวมมีการติดเชื้อเอชไอวีในกลุ่มชายรักชายเป็นจำนวนมากเท่ากับที่เราเคยพบเมื่อ 25 ปีที่แล้ว” พิออตบอก
“นั่นเป็นสถานการณ์ที่เราได้ตรวจพบเมื่อเร็วๆ นี้ แต่ยังไม่มีการดำเนินการแก้ไขอย่างเพียงพอ ดังนั้นเราจึงกำลังจะเริ่มต้นโครงการแก้ไขเรื่องนี้” เขาเสริม
พอล ดี เลย์ ผู้อำนวยการแผนกหลักฐาน การตรวจสอบ และนโยบาย ประจำยูเอ็นเอดส์ กล่าวว่าการติดเชื้อเอชไอวีในกลุ่มเกย์เอเชียไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เมื่อเร็วๆ นี้อัตราการติดเชื้อดังกล่าวเพิ่มขึ้นจนถึงระดับเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในซานฟรานซิสโกเมื่อปลายทศวรรษ 1980 ซึ่งเป็นช่วงที่การติดเชื้อเอชไอวีพุ่งขึ้นสูงสุด
เขาอธิบายว่าอาจมีสาเหตุหลายประการ ซึ่งรวมทั้งการที่เงินทุนของโครงการที่มุ่งเป้าไปยังกลุ่มชายรักชายมีน้อย รวมทั้งมีกลุ่มชายรักชายกลุ่มใหม่ๆ ซึ่งไม่ค่อยตระหนักถึงความเสี่ยงของการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน
“การติดเชื้อในประชากรกลุ่มนี้เริ่มมาตั้งแต่กลางทศวรรษ 1990 สิ่งที่เราเผชิญอยู่ในตอนนี้คือสถานการณ์ที่กำลังหวนการกลับมาอีกครั้ง” ดี เลย์ บอก
“มีหลายประเทศที่มีสัดส่วนประชากรติดเชื้อเอชไอวีเท่าๆ กับที่เราเคยพบในซานฟรานซิสโก เบอร์ลิน หรือในลอนดอน ซึ่งมีกลุ่มชายรักชายถึง 15-20 เปอร์เซ็นต์ติดเชื้อเอชไอวี”
รายงานดังกล่าวชี้ว่าการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกันระหว่างชายกับชายนั้นเป็นสถานการณ์การติดเชื้อเอชไอวีที่เป็นประเด็นสำคัญมากในเอเชียหลายประเทศ เช่น ไทยและเวียดนาม ทว่ายังมีการศึกษาวิจัยกันน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
รายงานยังระบุด้วยว่า “ข้อมูลการศึกษาวิจัยล่าสุดจากเมืองใหญ่หลายเมืองตั้งแต่กรุงเทพฯ จนถึงโฮจิมินห์ซิตี ชี้ว่ามีการแพร่กระจายของเชื้อเอชไอวีในกลุ่มของผู้ชายที่มีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้ชายด้วยกันเพิ่มสูงขึ้น”
ในจีน การมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ปลอดภัยในกลุ่มชายรักชายเป็นสาเหตุของการติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มถึง 7 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนั้น ยังพบการติดเชื้อเอชไอวีในกลุ่มประช่ากรเกย์ในเกณฑ์สูง ไม่ว่าจะในเมืองเจนไนและมุมไบในอินเดีย หรือในกรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซีย
ดี เลย์เสริมอีกว่าในเมืองเหล่านี้ ประชากรส่วนใหญ่รังเกียจพวกรักร่วมเพศ อีกทั้งมีการกีดกันจากผู้ให้บริการด้านสาธารณสุขจึงทำให้กลุ่มรักร่วมเพศไม่สนใจที่จะหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคเอดส์และไม่ยอมไปตรวจการติดเชื้อ