ผู้จัดการรายวัน – จากความตั้งใจในการประกอบธุรกิจโรงแรม ที่ต้องการเป็นศูนย์กลางการพักผ่อนครบวงจร ทั้งด้านธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ใน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี กลับต้องพบอุปสรรคที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ถึง 2 ครั้ง 2 ครา อย่างช่วงวิกฤตปี 40 และยุคข้าวยากหมากแพง แต่ด้วยความมุ่งมั่นและพร้อมต่อสู้ของ “โรงแรมผาตาดวัลเล่ย์” ได้กลายเป็นตัวอย่างผู้ประกอบการหัวใจแกร่งที่ไม่ยอมแพ้ต่อวิกฤตเศรษฐกิจชาติ
ผู้จัดการโรงแรมผาตาดวัลเล่ย์ เล่าว่า เดิมตนเองได้ช่วยธุรกิจของครอบครัว คือ การผลิตเฟอร์นิเจอร์ สำหรับการตกแต่งภายในที่กรุงเทพฯ โดยเน้นไปที่สำนักงาน, โรงแรมต่างๆ ซึ่งในช่วงนั้นตนเองได้ซื้อที่ดินที่ประมาณ 16 ไร่เศษ ที่จ.กาญจนบุรีไว้ด้วย จึงคิดปลูกข้าวโพด เพราะไม่ต้องการปล่อยที่ดินให้ว่างโดยไร้ประโยชน์ แต่ความคิดดังกล่าวกลับไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากผลผลิตที่ได้คือ ฝักข้าวโพดเพียงฝักเดียวเท่านั้น
จากจุดนี้เองทำให้ วิภา คิดเข้าข้างตัวเองว่าฟ้าคงลิขิต ให้ใช้ที่ดินผืนนี้สร้างโรงแรมอย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมามีหลายคนแนะนำว่าทำเลดี เหมาะกับการสร้างรีสอร์ท หรือโรงแรม เนื่องจากสถานที่ใกล้กับสถานแหล่งท่องเที่ยว อย่าง พุน้ำร้อนหินดาด ซึ่งถือเป็นพุน้ำร้อนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2, น้ำตกผาตาด และกิจกรรมล่องแพ รวมถึงยังอยู่ใกล้ด่านของของประทศพม่า พร้อมเป็นโรงแรมศูนย์กลางการเปิดด่านชายแดนพม่า
เมื่อศักยภาพรอบด้านทั้งสถานที่ท่องเที่ยว และอยู่ใกล้ด่านชายแดนพม่าเป็นใจ ทำให้ วิภา ตัดสินใจ เริ่มต้นด้วยการสร้างบังกะโลจำนวน 5 หลัง และอาคารขนาด 24 ห้องพัก โดยใช้เงินลงทุนเบื้องต้นประมาณ 20 ล้านบาท ซึ่งเงินลงทุนดังกล่าวก็เริ่มก่อสร้างไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาเจอวิกฤตช่วงปี 2540 วัตถุดิบในการก่อสร้างต่างทะยอยขึ้นราคา ทำให้ต้องเพิ่มเงินลงทุน เพื่อให้โรงแรมเสร็จสมบูรณ์จึงต้องกู้เงินจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) มา 35 ล้านบาท ทำให้ขณะนี้สามารถรองรับลูกค้าได้ทั้งหมด 70 ห้อง มีทั้งห้องสแตนดาร์ด สำหรับคนมาเป็นคู่ ไปจนห้องตั้งแต่ 3 - 6 คน จนถึงห้องขนาดใหญ่ 12 คน ในราคาตั้งแต่ 1,200 - 6,000 บาท
“ธุรกิจนี้ถือว่าอยู่ในทำเลที่ดี แต่เรามาเจอวิกฤตในช่วงปี 2540 ในขณะที่เรายังสร้างโรงแรมไม่เสร็จ ตามที่ตั้งใจไว้ ทำให้ต้องเป็นหนี้เป็นสินเพิ่มขึ้น แต่สุดท้ายก็สามารถเปิดรับลูกค้าได้ในปี 2547 แต่ก็ถือว่ายังไม่ 100% ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะมาเป็นครอบครัวเพื่อเที่ยวพักผ่อน และคณะทัวร์ รวมถึงข้าราชการที่นิยมมาใช้เป็นสถานที่สัมมนา ซึ่งทำให้เงินหมุนเวียน และสามารถจ่ายเงินกู้ให้กับทางธนาคารได้”
ซึ่งจุดเด่นของผาตาดวัลเล่ย์ อยู่ที่ การพักผ่อนที่ใกล้ชิดธรรมชาติและความอบอุ่น ท่ามกลางขุนเขา รวมถึงจุดเด่นสำคัญที่ตรึงใจลูกค้าได้เป็นอย่างดี คือเรื่องความสะอาดของที่พัก ที่แม้ในช่วงที่มีลูกค้าน้อย แม่บ้านก็ยังทำความสะอาดห้องพักทุกห้องได้ไม่ขาดตกบกพร่อง ซึ่งถือเป็นสเน่ห์อีกอย่างหนึ่งของธุรกิจโรงแรมที่ควรยึดถือเป็นอันดับหนึ่ง
แต่วิกฤตก็มาเกิดอีกครั้งในยุคข้าวยากหมากแพงในปัจจุบัน ที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบกับผาตาดวัลเล่ย์อย่างจัง เพราะความเสียเปรียบของสถานที่ตั้งไม่ได้อยู่ในตัวเมืองกาญจนบุรี แต่ไกลถึง อ.ทองผาภูมิ ทำให้กลายเป็นตัวเลือกท้ายๆ ที่จะทำให้ลูกค้าแบบครอบครัว หน่วยงานราชการเลือกเป็นสถานที่พักผ่อน และจัดสัมมนา เนื่องจากต้นลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ดังนั้นสถานที่ท่องเที่ยวที่ใกล้กว่าจึงกลายเป็นตัวเลือกล่าสุดให้กับลูกค้าในยุคนี้
ดังนั้นเมื่อหลีกเลี่ยงกับภาวะที่ทำให้ธุรกิจสั่นคลอนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมรายนี้ก็ต้องสู้ ด้วยการคิดหากลยุทธ์ต่างๆ เพื่อดึงดูดลูกค้า ไม่เว้นแม้แต่ช่องทางอินเทอร์เน็ต ที่เน้นโปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง รวมถึงการวิ่งเข้าหาลูกค้าโดยตรง โดยนำเอางบประมาณของลูกค้าเป็นที่ตั้ง เพื่อคำนวณราคาห้องพักและกิจกรรมต่างๆ ให้เหมาะสมกับงบฯ ลูกค้า ซึ่งวิธีนี้ถือเป็นการรุกตลาดเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอด โดยหวังให้โรงแรมผาตาดวัลเล่ย์เป็นโรงแรมอันดับหนึ่งในอ.ทองผาภูมิ
สำหรับแผนธุรกิจในขณะนี้ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก เพียงแต่ต้องการประคับประคองธุรกิจนี้ให้อยู่รอด และให้ลูกชายคนเดียว ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงฝึกอบรมด้านการโรงแรม ที่ดุสิตธานี สานต่อธุรกิจ โดยหวังนำวิชาความรู้และประสบการณ์มาปรับปรุงธุรกิจของครอบครัวในฐานะคนรุ่นใหม่
แม้มรสุมที่ผาตาดวัลเล่ย์ต้องเผชิญอยู่ยังไม่ผ่านพ้น แต่เชื่อว่าความตั้งใจจริงของผู้ประกอบการายนี้ ที่ไม่คิดยอมแพ้จะฝ่าฟันวิกฤตนี้ไปได้ เพียงแต่ลูกค้าให้ความไว้วางใจด้วยการมาสัมผัสกับบรรยากาศที่หาได้ยากในเมืองใหญ่ เชื่อแน่ว่าหากความคึกคักกลับมา ความพยายามของผู้ประกอบการที่มีความตั้งใจจริงในธุรกิจโรงแรมจะไม่เสียเปล่า
สนใจติดต่อ 034-526-540-1 หรือที่ www.phatadvalley.com
ผู้จัดการโรงแรมผาตาดวัลเล่ย์ เล่าว่า เดิมตนเองได้ช่วยธุรกิจของครอบครัว คือ การผลิตเฟอร์นิเจอร์ สำหรับการตกแต่งภายในที่กรุงเทพฯ โดยเน้นไปที่สำนักงาน, โรงแรมต่างๆ ซึ่งในช่วงนั้นตนเองได้ซื้อที่ดินที่ประมาณ 16 ไร่เศษ ที่จ.กาญจนบุรีไว้ด้วย จึงคิดปลูกข้าวโพด เพราะไม่ต้องการปล่อยที่ดินให้ว่างโดยไร้ประโยชน์ แต่ความคิดดังกล่าวกลับไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากผลผลิตที่ได้คือ ฝักข้าวโพดเพียงฝักเดียวเท่านั้น
จากจุดนี้เองทำให้ วิภา คิดเข้าข้างตัวเองว่าฟ้าคงลิขิต ให้ใช้ที่ดินผืนนี้สร้างโรงแรมอย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมามีหลายคนแนะนำว่าทำเลดี เหมาะกับการสร้างรีสอร์ท หรือโรงแรม เนื่องจากสถานที่ใกล้กับสถานแหล่งท่องเที่ยว อย่าง พุน้ำร้อนหินดาด ซึ่งถือเป็นพุน้ำร้อนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2, น้ำตกผาตาด และกิจกรรมล่องแพ รวมถึงยังอยู่ใกล้ด่านของของประทศพม่า พร้อมเป็นโรงแรมศูนย์กลางการเปิดด่านชายแดนพม่า
เมื่อศักยภาพรอบด้านทั้งสถานที่ท่องเที่ยว และอยู่ใกล้ด่านชายแดนพม่าเป็นใจ ทำให้ วิภา ตัดสินใจ เริ่มต้นด้วยการสร้างบังกะโลจำนวน 5 หลัง และอาคารขนาด 24 ห้องพัก โดยใช้เงินลงทุนเบื้องต้นประมาณ 20 ล้านบาท ซึ่งเงินลงทุนดังกล่าวก็เริ่มก่อสร้างไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาเจอวิกฤตช่วงปี 2540 วัตถุดิบในการก่อสร้างต่างทะยอยขึ้นราคา ทำให้ต้องเพิ่มเงินลงทุน เพื่อให้โรงแรมเสร็จสมบูรณ์จึงต้องกู้เงินจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) มา 35 ล้านบาท ทำให้ขณะนี้สามารถรองรับลูกค้าได้ทั้งหมด 70 ห้อง มีทั้งห้องสแตนดาร์ด สำหรับคนมาเป็นคู่ ไปจนห้องตั้งแต่ 3 - 6 คน จนถึงห้องขนาดใหญ่ 12 คน ในราคาตั้งแต่ 1,200 - 6,000 บาท
“ธุรกิจนี้ถือว่าอยู่ในทำเลที่ดี แต่เรามาเจอวิกฤตในช่วงปี 2540 ในขณะที่เรายังสร้างโรงแรมไม่เสร็จ ตามที่ตั้งใจไว้ ทำให้ต้องเป็นหนี้เป็นสินเพิ่มขึ้น แต่สุดท้ายก็สามารถเปิดรับลูกค้าได้ในปี 2547 แต่ก็ถือว่ายังไม่ 100% ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะมาเป็นครอบครัวเพื่อเที่ยวพักผ่อน และคณะทัวร์ รวมถึงข้าราชการที่นิยมมาใช้เป็นสถานที่สัมมนา ซึ่งทำให้เงินหมุนเวียน และสามารถจ่ายเงินกู้ให้กับทางธนาคารได้”
ซึ่งจุดเด่นของผาตาดวัลเล่ย์ อยู่ที่ การพักผ่อนที่ใกล้ชิดธรรมชาติและความอบอุ่น ท่ามกลางขุนเขา รวมถึงจุดเด่นสำคัญที่ตรึงใจลูกค้าได้เป็นอย่างดี คือเรื่องความสะอาดของที่พัก ที่แม้ในช่วงที่มีลูกค้าน้อย แม่บ้านก็ยังทำความสะอาดห้องพักทุกห้องได้ไม่ขาดตกบกพร่อง ซึ่งถือเป็นสเน่ห์อีกอย่างหนึ่งของธุรกิจโรงแรมที่ควรยึดถือเป็นอันดับหนึ่ง
แต่วิกฤตก็มาเกิดอีกครั้งในยุคข้าวยากหมากแพงในปัจจุบัน ที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบกับผาตาดวัลเล่ย์อย่างจัง เพราะความเสียเปรียบของสถานที่ตั้งไม่ได้อยู่ในตัวเมืองกาญจนบุรี แต่ไกลถึง อ.ทองผาภูมิ ทำให้กลายเป็นตัวเลือกท้ายๆ ที่จะทำให้ลูกค้าแบบครอบครัว หน่วยงานราชการเลือกเป็นสถานที่พักผ่อน และจัดสัมมนา เนื่องจากต้นลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ดังนั้นสถานที่ท่องเที่ยวที่ใกล้กว่าจึงกลายเป็นตัวเลือกล่าสุดให้กับลูกค้าในยุคนี้
ดังนั้นเมื่อหลีกเลี่ยงกับภาวะที่ทำให้ธุรกิจสั่นคลอนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมรายนี้ก็ต้องสู้ ด้วยการคิดหากลยุทธ์ต่างๆ เพื่อดึงดูดลูกค้า ไม่เว้นแม้แต่ช่องทางอินเทอร์เน็ต ที่เน้นโปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง รวมถึงการวิ่งเข้าหาลูกค้าโดยตรง โดยนำเอางบประมาณของลูกค้าเป็นที่ตั้ง เพื่อคำนวณราคาห้องพักและกิจกรรมต่างๆ ให้เหมาะสมกับงบฯ ลูกค้า ซึ่งวิธีนี้ถือเป็นการรุกตลาดเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอด โดยหวังให้โรงแรมผาตาดวัลเล่ย์เป็นโรงแรมอันดับหนึ่งในอ.ทองผาภูมิ
สำหรับแผนธุรกิจในขณะนี้ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก เพียงแต่ต้องการประคับประคองธุรกิจนี้ให้อยู่รอด และให้ลูกชายคนเดียว ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงฝึกอบรมด้านการโรงแรม ที่ดุสิตธานี สานต่อธุรกิจ โดยหวังนำวิชาความรู้และประสบการณ์มาปรับปรุงธุรกิจของครอบครัวในฐานะคนรุ่นใหม่
แม้มรสุมที่ผาตาดวัลเล่ย์ต้องเผชิญอยู่ยังไม่ผ่านพ้น แต่เชื่อว่าความตั้งใจจริงของผู้ประกอบการายนี้ ที่ไม่คิดยอมแพ้จะฝ่าฟันวิกฤตนี้ไปได้ เพียงแต่ลูกค้าให้ความไว้วางใจด้วยการมาสัมผัสกับบรรยากาศที่หาได้ยากในเมืองใหญ่ เชื่อแน่ว่าหากความคึกคักกลับมา ความพยายามของผู้ประกอบการที่มีความตั้งใจจริงในธุรกิจโรงแรมจะไม่เสียเปล่า
สนใจติดต่อ 034-526-540-1 หรือที่ www.phatadvalley.com
