xs
xsm
sm
md
lg

KSLฟุ้งรายได้ปีหน้าโกย1.2หมื่นล. ราคาน้ำตาลพุ่งรับรู้จากโรงงานตปท.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"น้ำตาลขอนแก่น" ฟุ้งรายได้ปีหน้าโต 20 % อยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท เหตุรับรู้รายได้จากโรงงานน้ำตาลที่เขมร-ลาว และราคาน้ำตาลในตลาดโลกพุ่ง 30 % ยืนยันออกหุ้นกู้ 2 พันล้านบาทต้น พ.ย. นี้ เพื่อนำเงินใช้ในการขยายงานตามแผน

นายชนะชัย ชุติมาวรพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) (KSL) เปิดเผยว่าในปีหน้าราคาน้ำตาลในตลาดโลกจะปรับตัวสูงขึ้น 30 % เนื่องจากบราซิลผู้ส่งออกรายใหญ่จะนำอ้อยไปผลิตเป็นเอทานอลเพิ่มขึ้น และอินเดียมีการเพาะปลูกอ้อยลดลง ทำให้ปริมาณน้ำตาลในตลาดโลกปีหน้าลด ซึ่งปัจจุบันราคาส่งออกน้ำตาลดิบอยู่ที่ปอนด์ละ 12-13 เซ็นต์ และปีหน้าราคาน้ำตาลโลกจะขยับขึ้นเป็น 17 เซ็นต์/ปอนด์ ส่งผลดีต่อชาวไร่อ้อยของไทย ที่คาดว่าปีหน้าปริมาณการปลูกอ้อยจะใกล้เคียงปีนี้อยู่ที่ 73 ล้านตัน และราคาอ้อยขั้นต้นฤดูกาลผลิต 2551/2552 จะสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ตันละไม่น้อยกว่า 900 บาท ส่วนราคาอ้อยขั้นปลายก็ไม่น่าจะต่ำกว่าราคาอ้อยขั้นต้นด้วย จากปีนี้ที่ราคาอ้อยตันละ 650-660 บาท ขณะที่ราคาเอทานอลเองในปีหน้าไม่น่าจะต่ำกว่า 22 บาท/ลิตร

ดังนั้นปี 2552 รายได้ของบริษัทฯจะอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท เติบโตประมาณ 15-20% จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้รวม 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากรับรู้รายได้จากโรงงานน้ำตาลที่กัมพูชาและลาวประมาณ 15 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีรายได้จากคาร์บอนเครดิต 8 แสนยูโร และในปี 2553 รายได้จะเติบโตแบบก้าวกระโดดมาจากโรงงานน้ำตาลในต่างประเทศที่จะเดินเครื่องเต็มกำลังผลิต ปีหน้าโรงงานผลิตน้ำตาลในลาวและกัมพูชานี้จะมีกำลังการผลิตเบื้องต้น 3 หมื่นตัน และปีถัดไปจะเพิ่มเป็นแสนตัน เพราะปริมาณน้ำตาลทรายดิบจะส่งออกไปยุโรปทั้งหมด โดยราคาส่งออกจะสูงกว่าราคาตลาดโลก 1.5 เท่า ซึ่งเป็นราคาการันตีของยุโรปให้กับประเทศกำลังพัฒนา โดยประเมินว่าราคาน้ำตลาดในตลาดโลกปีหน้าจะเพิ่มเป็น 500 เหรียญสหรัฐ/ตัน สูงกว่าปีนี้ที่มีราคาตันละ 450 เหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้ บริษัทคาดการณ์ว่าแนวโน้มธุรกิจเอทานอลจะมีอนาคตที่สดใส เนื่องจากหลายประเทศในโลกมีนโยบายใช้เอทานอลผสมในน้ำมันเบนซินตามสัดส่วนต่างๆ แม้ว่าราคาน้ำมันโลกจะปรับตัวลดลง ก็เชื่อว่าไม่ส่งผลกระทบต่อปริมาณการใช้เอทานอล ซึ่งไทยเป็นประเทศที่มีความเหมาะสมในการผลิตเพื่อส่งออกป้อนในภูมิภาคนี้แทนบราซิล

สำหรับแผนการลงทุนของบริษัท 3 ปีนี้ (2551-2553) บริษัทฯจะใช้เงินลงทุนโครงการทั้งในและต่างประเทศรวมทั้งสิ้น 8,500 ล้านบาท โดยปีนี้ใช้เงินลงทุนก่อสร้างโรงงานน้ำตาลที่ลาวและกัมพูชารวม 3,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯได้กู้เงินจากธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารกรุงศรีอยุธยาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปี 2552 บริษัทฯจะใช้เงินลงทุน 4,000 ล้านบาทในโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้า โรงงานน้ำตาลและโรงงานผลิตเอทานอลที่บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี โดยแหล่งเงินลงทุนจะมาจากการออกหุ้นกู้ 2,000 ล้านบาท และที่เหลือจะมาจากการกู้ยืมสถาบันการเงิน และปี 2553 บริษัทฯจะลงทุนอีก 1,500 ล้านบาทเพื่อสำรองการลงทุน

" ต้นพ.ย.นี้ บริษัทยังยืนยันจะออกหุ้น 2,000 ล้านบาทเพื่อนำมาใช้ชำระค่าอ้อย โดยบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินให้ความมั่นใจว่าออกหุ้นกู้ดังกล่าวไม่มีปัญหา และปีหน้าไม่มีแผนออกหุ้นกู้ แต่ออาจจะออกตั๋วบี/อี 3-4 พันล้านบาทเพื่อใช้ซื้ออ้อย ขณะเดียวกันบริษัทจะออกวอร์แรนต์ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 10หุ้นเดิม 1 หน่วย ซึ่งอยู่ระหว่างการส่งเรื่องให้ก.ล.ต. " นายชนะชัยกล่าว

ในอนาคตบริษัทฯมองดูลู่ทางการลงทุนไปยังโรงไฟฟ้าและเอทานอลเพิ่มเติมในลาวและกัมพูชา เนื่องจากบริษัทได้สัมปทานที่ดินในการเพาะปลูกอ้อยถึง 6 หมื่นไร่และ 1.2 แสนไร่ตามลำดับ
กำลังโหลดความคิดเห็น