วีระศักดิ์ ผนึกเอกชน ชง 6 มาตรการเร่งด่วนกู้วิกฤตท่องเที่ยว เข้าหารือหมอเลี๊ยบ วันนี้ หลังยังดื้อแพ่งนั่งทำงานที่ ก.คลัง ระบุเน้นเรื่องการลดหย่อนภาษี และ หาน้ำมันราคาถูกให้การบินไทย
วานนี้(29 ก.ค.51) ภายหลังการหารือกับภาคเอกชนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เพื่อหาแนวทางกระตุ้นท่องเที่ยวไทยในช่วงครึ่งปีหลัง นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ได้ข้อสรุปรวม 6 มาตรการเร่งด่วน และในวันนี้(30ก.ค.51) จะนำเข้าหารือกับ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยแบ่งเป็น 2 ประเด็น หลัก คือ การ ลดหย่อนภาษีในธุรกิจท่องเที่ยว และ การแก้ไขปัญหาให้แก่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จุดประสงค์เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ ซึ่งจะทำให้เกิดการจับจ่าย และมีเงินหมุนเวียน
ทั้งนี้ 6 มาตรการ ที่จะนำเสนอ ได้แก่ 1.การปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยว 2.กำหนดให้บริษัททัวร์ที่นำนักท่องเที่ยวเข้าประเทศเฉลี่ยปีละ 500 คน และบริษัททัวร์ในประเทศที่มีนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทาง 1,200 คน/ปี มีสิทธิ์ขอยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม 3.กระตุ้นให้หน่วยงานราชการกระจายการจัดไมซ์ตลอดทั้งปี 4.การคืนภาษีให้กับบริษัทออกาไนซ์ที่นำนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เดินทางมาจัดการประชุมสัมมนาและนิทรรศการ (ไมซ์) ในประเทศ 5.ลดภาษีมูลค่าเพิ่มค่าแพ็กเกจทัวร์ 7% และ 6.เสนอให้กระทรวงการคลังหาแนวทางให้บริษัทการบินไทย ใช้น้ำมันราคาถูก
ทั้งนี้แนวทางดังกล่าว ภาคเอกชนได้นำกรอบการคิดมาจากแนวทางที่รัฐบาลประเทศมาเลเซีย ได้ให้การช่วยเหลือแก่ภาคเอกชนในประเทศของเขา ดังนั้นหากรัฐบาลเห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว ก็ให้นำไปพิจารณาจัดทำเป็นรายละเอียดให้เหมาะสมกับประเทศไทย เช่น การกำหนดอัตราส่วนการช่วยเหลือ ซึ่งเรื่องนี้ ยอมรับว่า ต้องใช้เวลาในการศึกษารายละเอียด และ หารือร่วมกับหลายหน่วยงาน
อย่างไรก็ตาม จากการหารือครั้งนี้ ภาคเอกชนได้ให้ข้อมูลตรงกันว่า ฤดูการท่องเที่ยวปีนี้ หรือ ไฮซีซั่น สถานการณ์นักท่องเที่ยวยังไม่น่าเป็นห่วง แต่หากรัฐไม่รีบหามาตรการเข้ามาช่วยเหลือ ในปีหน้าจะได้เห็นผลกระทบอย่างแน่นอน ดังนั้น เพื่อความคล่องตัว รัฐควรกำหนดมาตรการช่วยเหลือเป็นขั้นตอน โดยวางแผนเป็นระยะสั้น กลาง ยาว ตามลำดับความสำคัญ พร้อมเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เพื่อจะได้ปรับแนวทางเพื่อรับมือได้
นายวีระศักดิ์ กล่าวอีกว่า การเข้าพบ รมว.คลังในวันนี้ จะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านเศรษฐกิจ เข้าร่วมหารือด้วย เพื่อรับฟังปัญหาไปพร้อมๆกัน และ ขอยืนยันว่า รมว.คลังยังปฎิบัติหน้าที่ดูแลงานเป็นปกติ
วานนี้(29 ก.ค.51) ภายหลังการหารือกับภาคเอกชนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เพื่อหาแนวทางกระตุ้นท่องเที่ยวไทยในช่วงครึ่งปีหลัง นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ได้ข้อสรุปรวม 6 มาตรการเร่งด่วน และในวันนี้(30ก.ค.51) จะนำเข้าหารือกับ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยแบ่งเป็น 2 ประเด็น หลัก คือ การ ลดหย่อนภาษีในธุรกิจท่องเที่ยว และ การแก้ไขปัญหาให้แก่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จุดประสงค์เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ ซึ่งจะทำให้เกิดการจับจ่าย และมีเงินหมุนเวียน
ทั้งนี้ 6 มาตรการ ที่จะนำเสนอ ได้แก่ 1.การปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยว 2.กำหนดให้บริษัททัวร์ที่นำนักท่องเที่ยวเข้าประเทศเฉลี่ยปีละ 500 คน และบริษัททัวร์ในประเทศที่มีนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทาง 1,200 คน/ปี มีสิทธิ์ขอยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม 3.กระตุ้นให้หน่วยงานราชการกระจายการจัดไมซ์ตลอดทั้งปี 4.การคืนภาษีให้กับบริษัทออกาไนซ์ที่นำนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เดินทางมาจัดการประชุมสัมมนาและนิทรรศการ (ไมซ์) ในประเทศ 5.ลดภาษีมูลค่าเพิ่มค่าแพ็กเกจทัวร์ 7% และ 6.เสนอให้กระทรวงการคลังหาแนวทางให้บริษัทการบินไทย ใช้น้ำมันราคาถูก
ทั้งนี้แนวทางดังกล่าว ภาคเอกชนได้นำกรอบการคิดมาจากแนวทางที่รัฐบาลประเทศมาเลเซีย ได้ให้การช่วยเหลือแก่ภาคเอกชนในประเทศของเขา ดังนั้นหากรัฐบาลเห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว ก็ให้นำไปพิจารณาจัดทำเป็นรายละเอียดให้เหมาะสมกับประเทศไทย เช่น การกำหนดอัตราส่วนการช่วยเหลือ ซึ่งเรื่องนี้ ยอมรับว่า ต้องใช้เวลาในการศึกษารายละเอียด และ หารือร่วมกับหลายหน่วยงาน
อย่างไรก็ตาม จากการหารือครั้งนี้ ภาคเอกชนได้ให้ข้อมูลตรงกันว่า ฤดูการท่องเที่ยวปีนี้ หรือ ไฮซีซั่น สถานการณ์นักท่องเที่ยวยังไม่น่าเป็นห่วง แต่หากรัฐไม่รีบหามาตรการเข้ามาช่วยเหลือ ในปีหน้าจะได้เห็นผลกระทบอย่างแน่นอน ดังนั้น เพื่อความคล่องตัว รัฐควรกำหนดมาตรการช่วยเหลือเป็นขั้นตอน โดยวางแผนเป็นระยะสั้น กลาง ยาว ตามลำดับความสำคัญ พร้อมเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เพื่อจะได้ปรับแนวทางเพื่อรับมือได้
นายวีระศักดิ์ กล่าวอีกว่า การเข้าพบ รมว.คลังในวันนี้ จะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านเศรษฐกิจ เข้าร่วมหารือด้วย เพื่อรับฟังปัญหาไปพร้อมๆกัน และ ขอยืนยันว่า รมว.คลังยังปฎิบัติหน้าที่ดูแลงานเป็นปกติ
