xs
xsm
sm
md
lg

คสศ.จี้รัฐทบทวนข้อตกลงขนส่งGMS สกัดจีนยึดลแจสติกส์ 4 ชาติลุ่มน้ำโขง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อนุดิษฏ์  ภูวเศรษฐ
ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – คสศ.-หอการค้า 10 จังหวัดภาคเหนือตั้งวงถกทิศทางรับมือสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจเปิด หาทางรวมแผนพัฒนาสารพัดหน่วยงานต่อจิ๊กซอว์ให้เห็นภาพชัดขึ้น หลังแต่ละหน่วยงานต่างปั้นโปรเจกต์ตัวเอง พร้อมจี้รัฐบาลไทยรื้อข้อตกลงขนส่ง GMS ใหม่ หวั่นจีนคุมลอจิสติกส์ 4 ชาติลุ่มน้ำโขง ทำไทยเป็นแค่ทางผ่าน ขณะที่แผนดึงคนจีนเข้าไทยมีสิทธิ์สะดุด หลังบินไทย/บางกอกแอร์ “ลด-เลิก”บินเข้าจิ่งหง-คุนหมิง

การประชุมคณะกรรมการเพื่อโครงการสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ (คสศ.)-หอการค้า 10 จังหวัดภาคเหนือ (เชียงใหม่,เชียงราย,พะเยา,แม่ฮ่องสอน,ลำพูน,ลำปาง,แพร่,น่าน,อุตรดิตถ์ และตาก) ครั้งที่ 2/2551 ที่โรงแรมเกทเวย์ อ.เมือง จ.พะเยา เมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยมีนางสาวเรืองวรรณ บัวนุช ผู้ว่าฯพะเยา เป็นประธานฯ และมีตัวแทนหน่วยงานรัฐ-เอกชน จาก 10 จังหวัดภาคเหนือเข้าร่วมนั้น นอกจากจะถือโอกาสฉลองครบรอบ 8 ปีของการก่อตั้งด้วยเค้กวันเกิด และติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาในสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ (ไทย พม่า ลาว จีน)แล้ว ยังได้หารือกันถึงแนวทางรับมือการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นหลังการพัฒนาโครงข่ายคมนาคม 4 ชาติลุ่มน้ำโขงเสร็จสมบูรณ์

นางสาวเรืองวรรณ ได้หยิบยกประเด็นแนวทางการนำแผนพัฒนาขององค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องของไทย มาต่อจิ๊กซอว์ให้เห็นภาพ เพื่อรับมือกับการรุกเข้ามาลงทุนของกลุ่มทุนจากต่างประเทศนับจากนี้เป็นต้นไป ว่า ดูเหมือนที่ผ่านมาแต่ละหน่วยงานก็ทำแผนของตนเองขึ้นมา ขณะที่เจ้าของพื้นที่ เช่น จังหวัดฯ – องค์กรภาคเอกชนต่าง ๆ ไม่ได้รับรู้รายละเอียดเท่าใดนัก

เช่น กรณีของการตัดถนนจากเชียงราย – พะเยา รองรับถนน R3a (จีน-ลาว-ไทย) ที่ในเขตพะเยาตามผังก่อสร้าง จะตัดผ่านทุ่งลอ เขตเพาะปลูกข้าวหอมมะลิที่ดีที่สุดของพะเยา ผู้ว่าฯกลับไม่รู้เลย เมื่อเชิญกรมทางหลวงชนบทมาชี้แจง ก็ได้รับคำตอบระดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถต่อภาพให้ถึงที่สุดได้ว่า ถนนเส้นนี้จะเชื่อมเข้ากับเส้นทางหลักสายไหน ระหว่างถนนพะเยา – อ.งาว จ.ลำปาง – แพร่ – พิษณุโลก – นครสวรรค์ ซึ่งมีความคับแคบเกิดอุบัติเหตุบ่อย หรือตรงไปที่ลำปาง ตาก กำแพงเพชร นครสวรรค์ เป็นต้น

“ในเมื่อคนในพื้นที่ไม่รับรู้ แต่กลับต้องได้รับผลกระทบแน่นอน ดังนั้นจึงสมควรที่จะต้องระดมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือ – สัมมนา ทำเวิร์กชอป ร่วมกัน โดยนำแผนพัฒนาของแต่ละองค์กรมารวมกันให้เห็นภาพใหญ่ เพื่อมุ่งสู่ยุทธศาสตร์เดียวกัน หน่วยงานอื่น ๆ ที่ต้องรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จะได้วางแผนงานได้ถูก ไม่ใช่ต่างคน ต่างทำ”

ที่ประชุมมีมติร่วมกันว่า จะจัดเวิร์กชอป เรื่องยุทธศาสตร์รับมือการเปิดสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจขึ้นในเดือนตุลาคมปีนี้ โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกด้านมาหารือร่วมกัน รวมถึงสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)ด้วย

อันจะทำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแนวทางดำเนินงานสอดคล้องกัน สามารถเตรียมรับมือการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นทั้งในกรอบสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ , GMS โดยเฉพาะหลังการประชุมสุดยอด GMS ครั้งที่ 3 เมื่อ 30-31 มีนาคม 2551 ที่ผ่านมา ณ กรุงเวียงจันทน์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีจีน ได้เสนอตั้ง Economic Corridors Forum (ECF) เพื่อผลักดันการพัฒนาเส้นทางคมนาคมให้กลายเป็นพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจ (Transform the transport corridors into economic corridors) ทั้ง 3 ด้าน คือ 1.ตะวันออก-ตะวันตก 2.เหนือ-ใต้ และ 3.ตอนใต้
จากซ้ายไปขวา-นายธงชัย วงศ์เหรียญทอง ผู้ว่าฯแม่ฮ่องสอน,นายสุรพันธุ์ บุญยมานพ กงสุลใหญ่ประจำนครคุนหมิง มณฑลหยุนหนัน ,นางสาวเรืองวรรณ บัวนุช ผู้ว่าฯพะเยา,นายพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธาน คสศ.และนายราชันย์ วีระพันธุ์ ที่ปรึกษา คสศ.ร่วมเป่าเทียน-ตัดเค้กฉลองครบรอบ 8 ปีการก่อตั้ง คสศ.เมื่อ 25 ก.ค.51
ขณะที่นายอนุดิษฏ์ ภูวเศรษฐ กรรมการหอการค้าไทย,ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดที่ 1 (เชียงใหม่,ลำปาง,ลำพูน,แม่ฮ่องสอน) กล่าวว่า อีกประเด็นหนึ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ หลังโครงข่ายคมนาคม 4 ชาติลุ่มน้ำโขงเสร็จทั้งถนน R3a ,R3b (จีน พม่า ไทย) และการเดินเรือในแม่น้ำโขง ที่ จีน ยังคงมุ่งมั่นที่จะใช้ขนส่งสินค้า การขนถ่ายสินค้าระหว่างประเทศจะทำกันอย่างไร ล่าสุดทราบว่าในกรอบ 6 เหลี่ยมเศรษฐกิจ (GMS) มีการตกลงในการเดินรถระหว่างประเทศแล้ว เช่น ไทย-เวียดนาม จะใช้รถบรรทุกวิ่งระหว่างกันประเทศละ 200 เที่ยว/เดือน ขณะที่ไทย-จีน 500 เที่ยว/เดือน

แต่ปัญหาก็คือ ขณะที่รถบรรทุกจีน ขนสินค้าเข้าไทย 500 คัน สินค้าไทยจะสามารถขนเข้าจีนได้ 500 คันหรือไม่

ประเด็นนี้ จะเกิดปัญหาตามมาอีกมาก ทั้งเรื่องส่วยทางหลวง กรณีที่รถจีนวิ่งเข้าไทยได้ , ไทย จะกลายเป็นแค่ทางผ่านให้กับสินค้าจีน ที่สามารถบรรทุกเข้ามาส่งถึงท่าเรือคลองเตย แหลมฉบัง หรือทะลุไปมาเลเซีย สิงคโปร์ ฯลฯ

นายราชันย์ วีระพันธุ์ อดีตประธาน คสศ.คนแรก , ที่ปรึกษา คสศ. กล่าวเสริมว่า ตามข้อตกลงทางการค้าเจนีวา ต่อไปการขนส่งสินค้าผ่านแดนจะไม่สามารถเรียกเก็บภาษีใด ๆ ได้ นั่นหมายถึงหากไทยปล่อยให้จีนขนสินค้าลงมาได้เต็มที่ ก็จะทำให้ไทยกลายเป็นแค่ทางผ่านของสินค้าจีนสู่ตลาดโลก ขณะที่มาตรฐานทางหลวงไทย ที่มีอยู่อาจจะไม่สามารถรองรับรถบรรทุกจากจีนได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นต่อไปถ้ารถบรรทุกจีนเข้ามาวิ่งในไทยได้เต็มที่ ถนนไทย พังแน่นอน

“20,000 ล้านบาท/ปี อาจจะไม่พอที่ไทยจะต้องหางบมาซ่อมถนนที่รถบรรทุกจีนวิ่งผ่าน และสภาพการขนส่งสินค้าระหว่างไทย-จีนทั้งทางบก ทางน้ำ ทุกวันนี้ก็อยู่ในสภาพเข้า 10 ไป 1 อยู่แล้ว”

นั่นหมายถึงจีนจะควบคุมการขนส่งในลุ่มน้ำโขงตอนบนได้ทั้งระบบ เพราะเรือในแม่น้ำโขงทุกวันนี้ ก็เป็นของจีนเกือบ 100% ส่วนรถไทย ที่จะวิ่งขึ้นไปถึงจีนนั้นเป็นไปได้น้อยมาก เพราะจะติดทั้งเรื่องภาษา – กฎระเบียบการจราจร ฯลฯ

นายราชันย์ มองว่า ทางเดียวที่จะแก้ไขได้ก็คือ รัฐบาลไทย ต้องหาทางทบทวนข้อตกลงด้านการขนส่งของ GMS อาจจะเสนอให้วางมาตรฐานการขนส่งผ่านคอนเทนเนอร์ ที่มีขนาดแน่นอนที่ 20 และ 40 ตัน เมื่อเข้าเขตไทย จะต้องเปลี่ยนหัวลาก ใช้หัวลากไทย คนขับไทย เช่นเดียวกับกรณีสินค้าไทยไปจีน ก็ต้องเปลี่ยนหัวลาก ลดปัญหาการสื่อสาร – อุบัติเหตุ ฯลฯ

ด้านนายพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธาน คสศ.กล่าวว่า คงต้องเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการขนส่งมาหารือกันเป็นการเฉพาะอีกครั้ง แต่ประเด็นนี้อาจจะต้องดูกรอบการขนส่งระหว่างจีน – พม่า , จีน – ลาว ว่า เขาทำอย่างไรก่อน เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

ขณะที่แนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวภาคเหนือรองรับ Visit GMS Year 2009-2010 นายสุรพันธุ์ บุญยมานพ กงสุลใหญ่ประจำนครคุนหมิง มณฑลหยุนหนัน จีน กล่าวว่า นักท่องเที่ยวจีนสนใจเดินทางเข้าไทยผ่านชายแดนภาคเหนือมากขึ้นเรื่อย ๆ จริง ส่วนใหญ่ต้องการมาเห็นทะเลไทย ที่พื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนไม่มี ซึ่งล่าสุดทางการจีนก็ได้ขอให้ไทยเปิดสถานกงสุลที่จิ่งหง หรือสิบสองปันนาเพิ่มขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้ชาวจีนขอวีซ่าเข้าไทย ไม่ต้องขึ้นไปขอถึงคุนหมิง นอกจากนี้ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ก็จะเข้าไปเปิดสำนักงานที่คุนหมิงด้วย

เขาบอกอีกว่า นอกจากนี้เท่าที่เคยหารือกับรัฐบาลท้องถิ่นของหยุนหนัน โดยเฉพาะทางการท่องเที่ยว ยืนยันได้ว่า คนจีนต้องการเข้ามาเที่ยวไทยมาก ทาง ททท.จีน ถึงกับเสนอให้ไทยเพิ่มภาษาจีนในป้ายจราจรในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือ แทนที่จะมีเฉพาะภาษาไทย – อังกฤษเท่านั้น เพื่อเพิ่มความสะดวกให้นักท่องเที่ยวจีนมากขึ้น

แต่ปัญหาสำคัญตอนนี้ก็คือ ขณะที่ไทยกำลังพยายามดึงนักท่องเที่ยวจีนเข้ามามากขึ้น ทางการบินไทย ที่เคยเปิดบินกรุงเทพฯ-เชียงใหม่-คุนหมิง เป็นประจำสัปดาห์ละ 2 วัน กลับยกเลิกเที่ยวบินนี้ทั้งหมด ,เส้นทางบินกรุงเทพฯ – คุนหมิง ลดเที่ยวบินจาก 7 เที่ยว/สัปดาห์ เหลือ 5 เที่ยว/สัปดาห์ ขณะที่บางกอกแอร์เวย์ส ที่เคยบินกรุงเทพฯ – จิ่งหง ก็ยกเลิกไปแล้ว

“เป็นไปได้ คสศ.อาจจะต้องช่วยผลักดันให้การบินไทยกลับมาเปิดบินตามเดิมอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นการดึงนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทย จะเป็นปัญหาแน่นอน”
กำลังโหลดความคิดเห็น