xs
xsm
sm
md
lg

กะเหรี่ยงคอยาวทิ้งถิ่นแม่ฮ่องสอนไม่หยุดล่าสุดหายอีก 2 - เชื่อหมดทางตามกลับ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แม่ฮ่องสอน – ปัญหา “กะเหรี่ยงคอยาว” ต้นทุนการท่องเที่ยวเมืองสามหมอก ที่กำลังสิ้นสเน่ห์ลามไม่หยุด ล่าสุด เรียกร้องขอ “บัตรบุคคลบนพื้นที่สูง” หวังใช้เป็นใบเบิกทางหางานทำ ขณะที่การนำตัวปะด่องสวมห่วงทองเหลือง ออกนอกพื้นที่ยังเกิดขึ้นไม่สิ้นสุด

นางมะหล่อ อายุ 22 ปี ชาวปะด่อง (กะเหรี่ยงคอยาว) บ้านห้วยปูแกง ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า กรณีที่กะเหรี่ยงคอยาวบ้านห้วยเสือเฒ่า และบ้านห้วยปูแกง ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ได้หลบหนีออกจากหมู่บ้านดังกล่าวไปจำนวน 11 คนเมื่อเร็วๆ นี้ เป็นเพราะชาวกะเหรี่ยงคอยาว จำนวน 2 หมู่บ้านไม่มีรายได้จากการท่องเที่ยว อีกทั้งจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้แยกหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวจากบ้านห้วยเสือเฒ่า มาอยู่ที่บ้านห้วยปูแกง ทำให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินทางเข้ามาเที่ยวชมกะเหรี่ยงคอยาวดังกล่าวได้ จึงทำให้ต้องหลบหนีออกจากหมู่บ้านไปอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีกลุ่มนายทุนมาชักชวนไปอยู่

นางมะหล่อ เปิดเผยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกับกะเหรี่ยงคอยาว ทางออกก็คือจังหวัด น่าจะจัดทำบัตรบุคคลบนพื้นที่สูง (บัตรสีฟ้า) ให้กับกลุ่มกะเหรี่ยงคอยาวที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แม่ฮ่องสอน เพื่อให้กะเหรี่ยงคอยาวสามรถออกนอกพื้นที่ควบคุมไปรับจ้างทั่วๆ ไปได้ ซึ่งจะทำให้มีรายได้สามารถเลี้ยงชีพได้

ปัจจุบันพวกเขาต้องอยู่ในพื้นที่ควบคุมที่ทางจังหวัดจัดให้ และไม่สามารถออกนอกพื้นที่ควบคุมได้ ทำให้ไม่มีรายได้อะไรมาเลี้ยงชีพ ประกอบกับนักท่องเที่ยวในช่วงนี้ก็ไม่เดินทางเข้ามาเที่ยวแม่ฮ่องสอนทำให้ไม่มีเงินใช้จ่ายประจำวัน และเมื่อนายทุนเข้ามาชักชวนไปอยู่ในพื้นที่อื่น จึงพากันหลบหนีจากจังหวัดแม่ฮ่องสอน

ขณะเดียวกัน เย็นวันที่ 10 ก.ค.2551 นายละคำ อายุ 38 ปี กะเหรี่ยงคอยาวจากบ้านห้วยปูแกง ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน พร้อมด้วย ด.ช.ละแหล่ อายุ 14 ปี ได้เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.ท.เฉลิมพล แก้ววงศ์วัน ร้อยเวร สภ.แม่ฮ่องสอน ว่า นางมะติ อายุ 32 ปี ซึ่งเป็นภรรยา สวมห่วงทองเหลือง และนางมิ อายุ 25 ปี สวมห่วงทองเหลือง ( กะเหรี่ยงคอยาว ) แม่ของ ด.ช.ละแหล่ ได้หายตัวเป็นอย่างลึกลับ

ก่อนทั้งสองคนจะหายตัวไป ได้บอกว่าจะเข้ามารักษาตัวยังโรงพยาบาลศรีสังวาล แม่ฮ่องสอน เนื่องจากไม่สบายตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2551 จนถึงขณะนี้ทั้งสองคนยังไม่ได้กลับบ้านสงสัยว่าจะถูกกลุ่มบุคคลลักพาตัวไป ระหว่างเดินทางจากหมู่บ้านห้วยปูแกง ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน มายังโรงพยาบาลศรีสังวาลแม่ฮ่องสอน จึงได้แจ้งความไว้เป็นหลักฐาน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกติดตามกะเหรี่ยงคอยาวทั้งสองคนกลับคืนมา

ด้าน ร.ต.ท.เฉลิมพล แก้ววงศ์วัน ร้อยเวร สภ.แม่ฮ่องสอน หลังจากได้รับแจ้งแล้วได้ประสานไปยังชุดสืบสวน สภ.แม่ฮ่องสอน เพื่อออกติดตามตัวกะเหรี่ยงคอยาวที่หายตัวไป โดยจะประสานขอความร่วมมือไปยังจุดตรวจ จุดสกัดถนนายแม่ฮ่องสอน-ปาย-เชียงใหม่ และถนนสายแม่ฮ่องสอน-แม่สะเรียง-เชียงใหม่ ซึ่งคาดว่ากะเหรี่ยงคอยาวที่หายตัวไปน่าจะยังคงหลบซ่อนอยู่ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน

นายโชติ นรามณฑล นายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ จ.แม่ฮ่องสอน กล่าวว่า การลักลอบนำพากะเหรี่ยงคอยาวออกไปจากจังหวัดแม่ฮ่องสอน ถือว่ากระทำผิดกฎหมายอาญา ข้อหาขบวนการค้ามนุษย์ซึ่งมีโทษถึงยึดทรัพย์ สืบเนื่องมาจากกะเหรี่ยงคอยาว เป็นชนเผ่าในรัฐคะยา และได้มีการหลบหนีภัยสงครามจาการสู้รบในพม่าเข้ามาอยู่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน และ อยู่ในฐานะผู้อพยพ แต่ต่อมาได้มีกลุ่มขบวนการค้ามนุษย์ ได้มีการลักลอบนำไปโชว์ตัวเก็บเงินจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในพื้นที่จังหวัดอื่น

เรื่องดังกล่าว สมาคมจะยื่นหนังสือต่อ มท.1 เพื่อให้มีการดำเนินการตรวจสอบและนำตัวกะเหรี่ยงคอยาวทั้งหมดที่อยู่ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่, เชียงราย, ระยอง กลับคืนมาเหมือนเดิม

ด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอนนายธงชัย วงษ์เหรียญทอง ผวจ.แม่ฮ่องสอน ได้สั่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา เพื่อแก้ปัญหากะเหรี่ยงคอยาวถูกลักพาตัวออกนอกพื้นที่จำนวน 11 คน เมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมีนายวันชัย สุทธิวรชัย รองผวจ.เป็นประธาน และมีคณะทำงานประกอบด้วย ตำรวจภูธรจังหวัด ตรวจคนเข้าเมือง จัดหางานจังหวัด อัยการจังหวัด ปกครองจังหวัด อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน และตัวแทนสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ จ.แม่ฮ่องสอน โดยให้ร่วมกันหาแนวทาง ในการติดตามตัวกะเหรี่ยงคอยาวที่ถูกลักพาตัวออกไปกลับคืนสู่แม่ฮ่องสอนตามเดิม

ผู้ว่าฯแม่ฮ่องสอน ได้ให้แนวทางดำเนินการกับกลุ่มผู้ลักลอบนำพาตัวและกะเหรี่ยงคอยาว ในข้อหาขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ร.บ.ค้ามนุษย์ และพ.ร.บ.จัดหางาน และจะส่งหนังสือไปขอความร่วมมือกับจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ชลบุรี และอื่นๆ ให้ตรวจสอบในพื้นที่ตนเอง หากมีผู้นำกะเหรี่ยงคอยาวไปโชว์ตัวเก็บเงินจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งทำให้ต่างประเทศมองว่าไทยเปิดสวนสัตว์มนุษย์ และให้ทำการตรวจสอบสถานะกะเหรี่ยงคอยาวที่อาศัยอยู่ในจังหวัดนั้นๆ รวมไปถึงผู้ที่ให้ที่ พักพิง และเส้นทางการเดินทางจากแม่ฮ่องสอน ทั้งนี้ จังหวัดจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ติดตามไปร่วมตรวจ สอบด้วย

ทั้งนี้ประเด็นปัญหาการหายตัวไปของกะเหรี่ยงคอยาวในแม่ฮ่องสอนนั้น เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในรอบหลายปีที่ผ่านมา โดยนายสุพจน์ กลิ่นปราณีต นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยมีการติดตามและนำตัวกะเหรี่ยงคอยาวกลับมาแม่ฮ่องสอนได้บ้าง เช่น กลุ่มที่ไปอยู่ที่ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ที่สุดท้ายก็ส่งฟ้องศาลและสั่งกลับพม่าไปแล้ว แต่อีกหลายต่อหลายครั้งไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า กะเหรี่ยงคอยาวที่พบนั้น ไปจากแม่ฮ่องสอนจริงหรือไม่ ไม่มีหลักฐานยืนยัน เพราะพวกเขาสามารถเข้ามาได้ตลอดแนวพรมแดน

“ยิ่งรัฐบาลไทยมีนโยบายอนุญาตให้แรงงานต่างด้าวทำงานได้ ยิ่งทำให้กะเหรี่ยงคอยาว สามารถกระจายไปทำงานในพื้นที่อื่น ๆ ได้โดยสะดวกยิ่งขึ้น เพียงแค่ขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวเท่านั้น ดังนั้นขณะนี้ไม่ต้องคาดหวังว่า กะเหรี่ยงคอยาวจะเป็นตัวดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าแม่ฮ่องสอนอีกต่อไป”

ล่าสุดกะเหรี่ยงคอยาวที่อยู่ในแม่ฮ่องสอน เหลืออยู่ประมาณ 100 กว่าคนเท่านั้น ส่วนที่เชียงราย มีอยู่ประมาณ 30-40 คน เชียงใหม่ 30 กว่าคน และที่สัตหีบ อีก 3-4 ครอบครัว

อนึ่งเดิมกะเหรี่ยงคอยาวเป็นชนเผ่า ที่อาศัยอยู่ในรัฐคะยา ประเทศพม่าเท่านั้น แต่มีส่วนหนึ่งที่เดินทางเข้ามาอาศัยอยู่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอนกว่า 30 ปี และบางส่วนได้ติดตามมาภายหลัง อาศัยอยู่ในไทยในฐานะผู้หลบหนีภัยจากการสู้รบ

เมื่อ 12 ก.ค. 2549 นายดิเรก ก้อนกลีบ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ย้ายหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวบ้านห้วยเสือเฒ่า ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน และหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวบ้านในสอย ต.ปางหมู อ.เมืองฯ มารวมกันอยู่ที่บ้านน้ำเพียงดิน (บ้านห้วยปูแกง) ต.ผาบ่อง อ.เมืองแม่ฮ่องสอน เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดฯ เพื่อทำให้บ้านห้วยปูแกง เป็นหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวที่ใหญ่ที่สุด ที่มีการจัดระเบียบภายในหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวแห่งใหม่ให้มีความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ แต่ดูเหมือนแนวทางดังกล่าวกำลังสร้างปัญหากะเหรี่ยงคอยาวมากขึ้นทุกขณะ
กำลังโหลดความคิดเห็น