แม่ฮ่องสอน -ผู้ว่าฯบี้ นอภ.เมือง / ตำรวจ เร่งตามตัวกะเหรี่ยงคอยาวกลับรังด่วน หลังพบเบาะแสถูกนายทุนท่องเที่ยวเชียงใหม่ นำตัวออกแสดงโชว์หาเงินจากนักท่องเที่ยว 400 บาท/หัว เดือด ตร.ทำงานไม่เข้าตา ขู่เปลี่ยนพนักงานสอบสวน ให้ฝ่ายปกครองเสียบแทน
นายธงชัย วงษ์เหรียญทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านพม่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้จังหวัดได้ประชุมคณะทำงานเพื่อติดตามตัวกะเหรี่ยงคอยาว กลับคืนแม่ฮ่องสอน ประกอบไปด้วย นายประเสริฐ โอสถาพันธ์ นายอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ตำรวจภูธรจังหวัด ตรวจคนเข้าเมืองแม่ฮ่องสอน ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 336 จัดหางานจังหวัด อัยการจังหวัด ตัวแทนสหพันธ์การท่องเที่ยวภาคเหนือ จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อรับทราบข้อมูลและความคืบหน้าในการติดตามตัวกะเหรี่ยงคอยาวและการวางมาตรการการป้องกัน ไม่ให้กะเหรี่ยงคอยาวหลบหนีออกจากพื้นที่ควบคุมจังหวัดแม่ฮ่องสอน
นายประเสริฐ โอสถาพันธ์ นายอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน รายงานว่า กะเหรี่ยงคอยาว จำนวน 11 คน ที่หายตัวไปจากจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม 2551 ทราบว่าไปอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยเปิดตัวโชว์ให้นักท่องเที่ยวได้ชมและเรียกเก็บเงินจากนักท่องเที่ยวคนละ 400 บาท โดยให้กะเหรี่ยงคอยาวอาศัยอยู่ปะปนกับชนเผ่าอื่นๆ ซึ่งผู้นำพาได้แสวงหาผลประโยชน์โดยตรงจากกะเหรี่ยงคอยาว ถือว่ามีความผิดในข้อหาการค้ามนุษย์
ขณะนี้อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ได้ประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ที่กะเหรี่ยงคอยาวอาศัยอยู่เพื่อที่จะได้ร่วมมือกันจับกุมตัวกะเหรี่ยงคอยาวและกลุ่มนายทุนที่ลักพาตัวไปมาดำเนินคดีต่อไปโดยเร็ว
ด้านนายธงชัย วงษ์เหรียญทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้สอบถาม พ.ต.ต.วรพจน์ พุทธวงศ์ พนักงานสอบสวน สภ.น้ำเพียงดิน ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ถึงความคืบหน้าของคดี ซึ่ง พ.ต.ต.วรพจน์ ได้กล่าวว่า ตามแนวทางปฏิบัติเมื่อทราบว่าผู้ต้องหาหลบซ่อนตัวอยู่ในท้องที่ใด เจ้าหน้าที่ท้องที่นั้นจะเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินคดี ส่วนตนทำได้เพียงประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่นั้นๆ ให้ทราบถึงแหล่งที่อยู่อาศัยกะเหรี่ยงคอยาวเท่านั้น ส่วนการจับกุมตัวและการสอบสวนทางคดีเจ้าหน้าที่ในท้องที่ จะเป็นผู้ดำเนินการ ตนไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้
อย่างไรก็ตาม หลังจากผู้ว่า ฯ แม่ฮ่องสอนรับฟังคำชี้แจงทำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนถึงกับไม่พอใจในคำตอบที่ได้ยิน โดยตอกกลับอย่างมีอารมณ์ว่า ทำไมเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่เกิดเหตุจะไม่สามารถทำอะไรได้หรือเพราะเหตุมันเกิดที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน และผู้ต้องหาก็เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีออกจากท้องที่ไป หากมีการจับกุมตัวผู้ต้องหาแล้วเบื้องต้นเจ้าพนักงานสอบสวนท้องที่เกิดเหตุสามารถนำตัวผู้ต้องหาที่หลบหนีมาดำเนินคดี ในข้อหาลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายได้
พร้อมกันนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้สั่งให้ พ.ต.ต.วรพจน์ พุทธวงศ์ ดำเนินการตามนี้ไปก่อน ส่วนผลการสอบสวนทางคดีจะเชื่อมโยงอย่างไร ท้องที่ใดรับผิดชอบ ค่อยมาว่ากันทีหลัง
นอกจากนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ยังได้ย้ำให้ พ.ต.ต.วรพจน์ ทำคดีอย่างตรงไปตรงมา หากไม่โปร่งใสจะมอบหมายให้เจ้าพนักงานปกครอง เป็นพนักงานสอบสวนแทนต่อไป
นอกจากกะเหรี่ยงคอยาว 11 คนจะถูกลักพาตัวออกจากพื้นที่แม่ฮ่องสอนเมื่อ 4 กรกฎาคม 51 แล้ว หลังจากนั้นอีกไม่กี่วัน คือเย็นวันที่ 10 ก.ค.51 นายละคำ อายุ 38 ปี กะเหรี่ยงคอยาวจากบ้านห้วยปูแกง ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน พร้อมด้วย ด.ช.ละแหล่ อายุ 14 ปี ได้เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.ท.เฉลิมพล แก้ววงศ์วัน ร้อยเวร สภ.แม่ฮ่องสอน ว่า นางมะติ อายุ 32 ปี ซึ่งเป็นภรรยา สวมห่วงทองเหลือง และนางมิ อายุ 25 ปี สวมห่วงทองเหลือง ( กะเหรี่ยงคอยาว ) แม่ของ ด.ช.ละแหล่ ได้หายตัวไปอย่างลึกลับ
ประเด็นปัญหาการแสวงหาประโยชน์ จากชนเผ่ากะเหรี่ยงคอยาว กล่าวได้ว่าประเทศไทย โดยเฉพาะแม่ฮ่องสอนถูกวิพากษ์ วิจารณ์อย่างหนัก โดยต้นปี 51 สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นเอชซีอาร์ (UNHCR) ที่ต้องการนำกะเหรี่ยงคอยาวลี้ภียไปประเทศที่ 3 เมื่อ 2 ปีที่แล้ว แต่ได้รับการปฏิเสธ ระบุว่า เป็นเพราะกะเหรี่ยงกลุ่มนี้มีบทบาทสำคัญต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของท้องถิ่นนั่นเอง
สำทับด้วยข้อหาทางการไทยกักขังกะเหรี่ยงกลุ่มนี้ไม่ต่างจากสวนสัตว์มนุษย์ ซึ่งทางแก้ปัญหาก็คือ การห้ามนักท่องเที่ยวไม่ให้เดินทางไปเที่ยวในพื้นที่ดังกล่าวอีก