xs
xsm
sm
md
lg

แนวรบในปัญหาเขาพระวิหาร

เผยแพร่:   โดย: สิริอัญญา

อึ้งกันไปทั้งประเทศจากท่าทีของนายกรัฐมนตรีตามที่เป็นข่าวว่าจะยังไม่เจรจากับนายฮุนเซนของเขมร โดยจะรอให้ผ่านเวลาเลือกตั้งในเขมรให้เสร็จสิ้นเสียก่อน ซึ่งเป็นที่เข้าใจว่าเกรงจะกระทบต่อคะแนนเสียงของนายฮุนเซนในการเลือกตั้งในวันที่ 27 กรกฎาคม ศกนี้

ที่ต้องอึ้งก็เพราะว่าปัญหาเร่งด่วนสำคัญของชาติบ้านเมืองกลับต้องถูกพักค้างไว้ไม่แก้ไข เพราะห่วงคะแนนเสียงเลือกตั้งของนายฮุนเซน

ทำให้ข่าวคราวที่ว่ามีคนต้องการให้ฮุนเซนชนะเลือกตั้งเพื่อกลับมามีอำนาจในเขมรอีกครั้งหนึ่ง แล้วจะร่วมกันแสวงหาผลประโยชน์จากการขายชาติไทยและการขายชาติเขมรด้วยกันมีน้ำหนักมากขึ้น

สถานการณ์ที่เป็นอยู่ในวันนี้ ประเทศไทยไม่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพราะหลังจากที่รัฐบาลหุ่นเชิดได้ไปทำข้อตกลงขายชาติขายแผ่นดินจนเป็นผลให้เขมรขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกสำเร็จไปแล้ว คนทำผิดต่อชาติก็ลาออกไป แล้วทิ้งตำแหน่งร้างไว้

ปล่อยให้เขมรรุกไล่ประเทศไทยในเวทีสหประชาชาติ ในวงการนานาชาติ และในเวทีอาเซียน จนภาพลักษณ์ของประเทศไทยกลายเป็นประเทศป่าเถื่อน และข่มเหงรังแกชาติเล็กๆ ไปแล้ว

ในขณะเดียวกัน คนเขมรที่เข้ามารุกรานประเทศไทยยึดครองแผ่นดินประเทศไทยบริเวณรอบนอกปราสาทพระวิหารเป็นเนื้อที่หลายพันไร่ โดยเป็นคนเขมรจริงๆ บ้าง ทหารเขมรปลอมเข้ามาบ้าง พระภิกษุจริงๆ บ้าง และทหารเขมรที่ปลอมมาเป็นภิกษุบ้าง ยังคงยึดครองดินแดนของประเทศไทยอยู่ต่อไป

เป็นผลให้ดินแดนของประเทศไทยถูกเขมรยึดครองไปแล้วโดยพฤตินัย และกำลังจะถูกทำให้เป็นการครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายระหว่างประเทศต่อไปเป็นขั้นๆ

ยังไม่รวมถึงการที่เขมรกำลังให้สัมปทานขุดเจาะก๊าซน้ำมันในพื้นที่ทับซ้อนไทย-เขมรในอ่าวไทยอย่างคึกคัก ใช้ผลประโยชน์แห่งชาติของไทยไปแบ่งปันกับชาติมหาอำนาจบางประเทศเพื่อให้มารุมกินโต๊ะประเทศไทยและเข้าข้างเขมรอย่างหน้าตาเฉย

นี่คือความฉิบหายของประเทศไทยที่เกิดจากการกระทำของรัฐบาลหุ่นเชิดชุดนี้! และถึงวันนี้ก็ไม่มีการแก้ไขใดๆ กลับทำให้ปัญหาเรื้อรังบานปลายและทำให้ประเทศไทยเสียหายมากขึ้นทุกวัน

ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องปราสาทพระวิหารกำลังซับซ้อนยุ่งเหยิงมากขึ้นทุกที อาจก่อความสับสนขึ้นในหมู่ประชาชนชาวไทย และอาจเกิดความไขว้เขวแล้วจะเกิดความเสียหายมากขึ้นอีก

ดังนั้นจึงจำเป็นต้องสรุปประเด็นปัญหาหรือแนวรบต่างๆ ที่เกี่ยวกับปัญหาข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ในส่วนที่เกี่ยวกับดินแดนหรืออธิปไตยเขาพระวิหาร ซึ่งมีแนวรบสำคัญดังนี้

แนวรบที่หนึ่ง เป็นปัญหาสำคัญที่สุด เร่งด่วนที่สุด นั่นคือปัญหาที่ชาวเขมรเข้ามายึดครองดินแดนของประเทศไทยบริเวณและรอบบริเวณปราสาทพระวิหารเป็นเนื้อที่หลายพันไร่ และกำลังเสริมกำลังเข้ามามากขึ้นทุกวัน เป็นการยึดดินแดนของประเทศไทยโดยพฤตินัย ซึ่งจะถูกใช้เป็นข้ออ้างในการทำให้ชอบด้วยกฎหมายระหว่างประเทศและทำให้ประเทศไทยเสียดินแดนอย่างถาวรเป็นลำดับไป

ในแนวรบนี้รัฐบาลไทย กองทัพไทย และประชาชนไทยมีภารกิจอันสำคัญและเร่งด่วนที่สุดที่จะต้องผลักดันคนเขมรเหล่านั้นออกไปจากดินแดนของประเทศไทย ต้องไล่ออกไปก่อนแล้วเจรจาทีหลัง

การผลักดันออกไปนั้นอาจทำได้ 2 วิธีคือใช้กำลังผลักดันออกไปอย่างเด็ดขาด หรือใช้วิธีตัดเส้นทางลำเลียงเสบียงอาหารที่นำเข้าไปหล่อเลี้ยงโดย 2 หนทาง คือ

หนทางแรก เส้นทางลำเลียงเสบียงอาหารโดยการซื้อหาภายในประเทศไทย จะต้องปิดกั้นไม่ให้มีการลำเลียงเสบียงอาหารหรือซื้อขายอาหารเข้าไปได้

หนทางที่สอง ทางด้านตะวันตกวกลงไปทางใต้ของปราสาทพระวิหารไม่ไกลเท่าใดนักเป็นทางลาดและราบทอดลงไปยังดินแดนของเขมร มีการลำเลียงคนและเสบียงอาหาร ตลอดจนกำลังทหารขึ้นมาทางนี้ และกำลังจะปรับเส้นทางให้เป็นถนนขึ้นมาที่สะดวกมากขึ้น แย่งยึดดินแดนไทยมากขึ้น จะต้องส่งกำลังเข้าไปปิดกั้นตัดเส้นทางทันที

แนวรบที่สอง ข้อตกลงและแถลงการณ์ร่วมที่รัฐบาลหุ่นเชิดทำกับเขมรโดยสมรู้ร่วมคิดกันฉ้อฉลปล้นชาตินั้นยังมีผลอยู่ และผูกพันประเทศไทยอยู่ ทั้งๆ ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ

รัฐบาลไทยจะต้องรีบมีหนังสือแจ้งไปยังเลขาธิการสหประชาชาติ เพื่อแจ้งแก่บรรดาสมาชิก รวมทั้งยูเนสโกและคณะกรรมการมรดกโลก ขอเพิกถอนข้อตกลงและแถลงการณ์ร่วมทั้งหมด โดยระบุเหตุผลว่าเป็นการสมรู้ร่วมคิดกันทำขึ้นโดยไม่ชอบและทุจริตระหว่างผู้แทนไทยกับผู้แทนเขมร ทั้งขัดต่อรัฐธรรมนูญของประเทศไทยด้วย

แนวรบนี้สำคัญมากเพราะมันคือโซ่ตรวนที่มัดประเทศไทยอยู่ แต่คงทำได้ลำบากตราบเท่าที่รัฐบาลหุ่นเชิดยังมีอำนาจอยู่ในประเทศไทย ย่อมจะต้องเอื้อประโยชน์ให้ประเทศไทยต้องเสียดินแดนแก่เขมรอยู่ร่ำไปโดยมิพักต้องสงสัยเลย

แนวรบที่สาม เป็นแนวรบเกี่ยวกับมติของคณะกรรมการมรดกโลกและการรับรองมตินั้นของคณะกรรมการมรดกโลกของไทยที่มีนายปองพล อดิเรกสาร ไปร่วมประชุม ที่ให้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกอย่างหนึ่ง และที่ให้ 7 ชาติเข้ามาบริหารจัดการดินแดนของประเทศไทยร่วม 4,000 ไร่อีกอย่างหนึ่ง

หากเนิ่นช้าไปชาติต่างๆ จะเข้ามาบริหารจัดการดินแดนของประเทศไทย ซึ่งบางชาติก็เป็นมหาอำนาจและบางชาติก็เป็นสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ประเทศไทยจะตกอยู่ในภาวะยุ่งยากและเข้าตาจนมากขึ้นจนต้องยอมเสียดินแดนเพิ่มขึ้นอีก

คณะกรรมการมรดกโลกของไทยและกระทรวงการต่างประเทศจะต้องรีบมีหนังสือถึงยูเนสโกและคณะกรรมการมรดกโลก โต้แย้ง คัดค้าน และไม่ยอมรับมติที่ให้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่ฝ่ายเดียว และไม่ยอมรับมติที่ให้ 7 ชาติเข้ามาบริหารจัดการดินแดนของประเทศไทย

เพื่อการนี้ คณะกรรมการมรดกโลกจะต้องถอนตัวออกมาจากความเป็นสมาชิก เพื่อทำให้มตินั้นปฏิบัติไม่ได้ ในขณะเดียวกันกระทรวงการต่างประเทศจะต้องมีหนังสือไปยังชาติที่เกี่ยวข้องที่จะเข้ามาจัดการดินแดนของประเทศไทยว่าประเทศไทยไม่ยอมรับและไม่ยินยอมให้ชาติใดเข้ามาจัดการดินแดนของประเทศไทยเป็นอันขาด

แนวรบที่สี่ เป็นแนวรบในเวทีการทูตและนานาชาติ ซึ่งขณะนี้เขมรได้เดินแต้มทางการทูตอย่างมีแผนและล้ำหน้าประเทศไทยไปหลายขุม ได้ล็อบบี้บางชาติที่เป็นคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ โดยเฉพาะเวียดนามที่เป็นประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในขณะนี้ อดีตกษัตริย์สีหนุถึงกับสั่งให้กษัตริย์สีหมุนีของเขมรเดินทางไปล็อบบี้เวียดนามด้วยพระองค์เอง และเขมรกำลังขอให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเข้ามาจัดการปัญหาข้อพิพาท โดยมีเป้าหมายให้ส่งกำลังทหารของสหประชาชาติเข้ามาบังคับประเทศไทยให้มอบดินแดนแก่เขมร

ประเทศไทยจะต้องเร่งล็อบบี้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติโดยด่วนที่สุด โดยเฉพาะชาติที่เป็นสมาชิกถาวร ซึ่งมีอำนาจใช้สิทธิ์วีโต้มติที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้ เพื่อมิให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติส่งทหารเข้ามาจัดการดินแดนของประเทศไทย

นี่คือภารกิจที่เร่งด่วนที่สุดในเวทีนานาชาติ หากกระทำไม่สำเร็จหรือไม่ทันการ ประเทศไทยก็จะถูกกำลังทหารของสหประชาชาติเข้ามาจัดการให้ดินแดนไทยเป็นของเขมรต่อไป!!!

นอกจากนี้เขมรกำลังล็อบบี้ประเทศอาเซียนเพื่อให้เข้าข้างเขมรและช่วยเขมรเอาดินแดนไทยไปเป็นของเขมร แต่สมาชิกส่วนใหญ่กลับไม่เอาด้วยกับเขมร แต่ก็ยังคงเป็นภาระของประเทศไทยที่จะต้องกระชับความเข้าใจเพื่อรักษาผลประโยชน์แห่งชาติเอาไว้ให้จงได้

ยิ่งกว่านั้น เขมรยังรณรงค์ในระดับนานาชาติ กล่าวหาประเทศไทยต่อประเทศต่างๆ ว่าประเทศไทยรุกรานเขมร ใช้กำลังทหารยึดครองดินแดนเขมร ในขณะที่ประเทศไทยไม่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และไม่เคยเปิดแถลงข่าวเรื่องนี้ในระดับนานาชาติเลย

ความเงียบเป็นเป่าสากและความไม่ใส่ใจของรัฐบาลไทยเป็นความวิบัติของประเทศไทย เพราะทำให้นานาชาติมองประเทศไทยว่าเป็นประเทศผู้รุกราน เป็นประเทศที่นิยมความรุนแรง และทำให้ประเทศไทยได้รับความเสียหายในทุกมิติ

ข่าวที่น่าเศร้ากว่านั้นก็คือข่าวคราวการแต่งตั้งรัฐมนตรีต่างประเทศที่เป็นหุ่นตัวใหม่แทนหุ่นตัวเก่า ซึ่งทำให้คนเข้าใจได้ว่าเพื่อจะมาทำหน้าที่หุ่นเชิดขายชาติต่อไป โดยเป้าหมายสำคัญคือทำให้ไทยเสียดินแดนแก่เขมร

และเป้าหมายสำคัญคือทำให้เขมรได้ไปซึ่งแหล่งก๊าซและน้ำมันในอ่าวไทยซึ่งเป็นพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา ตามกฎหมายระหว่างประเทศในส่วนที่เกี่ยวกับดินแดนและเขตเศรษฐกิจจำเพาะในทะเล

จะเชื่อมโยงกับคณะกรรมการปักปันเขตแดนในทะเลของประเทศไทย ซึ่งมีทหารเรือเป็นเจ้าภาพใหญ่และเป็นกลไกสำคัญ

ดังนั้นจึงได้แต่หวังว่านายเตช บุนนาค ซึ่งเป็นนักการทูตมืออาชีพ และมีเชื้อสายขุนนางเก่าผู้จงรักภักดี ที่มาเป็นรัฐมนตรีประดุจ “ดั่งน้ำฝนหลั่งลงจากฟ้า” จะสามารถดำรงรักษาความเป็นมืออาชีพและใช้ความสามารถสนองพระเดชพระคุณรักษาแผ่นดินไว้ได้สำเร็จ

จึงคงเหลือแต่การวางตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือคนใหม่ให้รองรับ และมั่นใจได้ว่ามีความจงรักภักดีต่อแผ่นดินที่จะสามารถรักษาอธิปไตยและผลประโยชน์แห่งชาติเอาไว้ได้อีกจุดหนึ่ง

ดังพรรณนามาคือสี่แนวรบสำคัญในปัญหาเขาพระวิหารที่จะต้องยันให้อยู่ และเอาชัยชนะให้ได้อย่างสมบูรณ์งดงาม และแก้ไขความผิดพลาดมหันต์ที่รัฐบาลหุ่นเชิดได้สมรู้ร่วมคิดขายชาติกับรัฐบาลฮุนเซนแห่งเขมร เพื่อรักษาแผ่นดินและผลประโยชน์แห่งชาติตามความปรารถนาของอาณาประชาราษฎรทั้งปวงต่อไป.
กำลังโหลดความคิดเห็น