xs
xsm
sm
md
lg

ภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ของทหาร

เผยแพร่:   โดย: สิริอัญญา

กองบัญชาการกองทัพไทยโดยพลเอกบุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2551 ว่ากองทัพไทยมีภาระหน้าที่มาก ไม่มีเวลาที่จะยุ่งเกี่ยวเรื่องอื่นๆ ที่ไม่ใช่หน้าที่ของกองทัพ

ต้องขออภัยที่จะต้องสะสางความเข้าใจในภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ของทหารสักครั้งหนึ่ง เพราะจากแถลงการณ์ดังกล่าวนี้จะทำให้เกิดความไขว้เขว ความสับสน และหลงผิดในหน้าที่ของทหาร

หากทหารไม่พิจารณาโดยแยบคาย หลงปฏิบัติตามไปอย่างผิวเผินแล้วก็จะเกิดความเสียหายใหญ่หลวงต่อประเทศชาติ ต่อราชบัลลังก์ ต่อประชาชน และต่อกำลังพลทั้งปวงของกองทัพ

ก่อนอื่นก็ต้องทำความเข้าใจที่มาว่าเหตุใดกองทัพไทยจึงต้องออกแถลงการณ์ดังกล่าวนี้ เพื่อจะได้เข้าใจว่าเรื่องอื่นๆ ที่อ้างว่าไม่ใช่หน้าที่ของกองทัพนั้นคืออะไร และจะได้เข้าใจด้วยว่าที่ว่ามีภาระหน้าที่มากนั้น คือภาระหน้าที่อะไร

ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ของประเทศและกำลังพลส่วนใหญ่ของกองทัพย่อมรู้ย่อมสัมผัสสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในบ้านเมืองได้เป็นอย่างดีว่าขณะนี้กำลังเกิดวิกฤตถึงที่สุด ที่ถึงขนาดอาจสิ้นชาติ สิ้นแผ่นดิน สิ้นกษัตริย์ได้

พยานหลักฐานในเรื่องนี้ปรากฏอยู่ในกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างน้อยสองครั้ง ที่ทรงตรัสว่าบ้านเมืองกำลังตกอยู่ในวิกฤตที่สุดในโลก

แล้วทรงวิงวอนให้ศาลเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหา ถึงขนาดทรงตรัสว่าถ้าศาลทำการไม่สำเร็จ ประเทศชาติก็พัง

ดังนั้นทหารจึงต้องเข้าใจตามที่องค์จอมทัพไทยได้ทรงวินิจฉัยไว้แล้วว่าสถานการณ์บ้านเมืองกำลังตกอยู่ในวิกฤตที่สุดในโลก ถ้าหากแก้ไขไม่สำเร็จทุกอย่างก็จะพังพินาศ

แล้วมาดูกันว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรจึงก่อเกิดเป็นวิกฤตที่สุดในโลก และกำลังคุกคามบ้านเมืองตลอดจนประชาชนชาวไทยอยู่ในขณะนี้

พิจารณาให้ดีเถิดก็จะเห็นตรงกันว่าขณะนี้บ้านเมืองของเรามีวิกฤตใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ 4 ประการคือ

ประการแรก อธิปไตยและผลประโยชน์แห่งชาติถูกต่างชาติยึดครองรุกรานทั้งโดยตรงและโดยการสมรู้ร่วมคิดกับคนไทยขายชาติ ซึ่งแฝงตัวใช้อำนาจอยู่ในรัฐบาลปัจจุบัน

ประการที่สอง มีกระบวนการโค่นล้มทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ที่กระทำกันอย่างครึกโครมกว้างขวางในรูปแบบต่างๆ เพื่อล้มระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบสาธารณรัฐ

ประการที่สาม ความแตกแยกของคนในชาติที่ประชาชนส่วนมากตื่นตัวขึ้นแล้ว และมุ่งพิทักษ์สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กับอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งกำลังใช้กลไกของรัฐหลากหลายรูปแบบหมายจะหยุดยั้งหรือทำลายความตื่นตัวดังกล่าวนี้ สถานการณ์กำลังเดินไปสู่สงครามกลางเมือง ที่คนในชาติจะต้องฆ่าฟันกันเอง

ประการที่สี่ วิกฤตทางเศรษฐกิจที่เกิดสภาพข้าวยากหมากแพง เงินเฟ้อ ประชาชนทุกหัวระแหงได้รับความเดือดร้อนทุกข์เข็ญโดยที่ไม่มีใครรับผิดชอบแก้ไข

ทั้งสี่ประการนี้แหละที่ก่อตัวเป็นวิกฤตที่สุดในโลกขึ้นในประเทศไทย และทำให้เกิดความเสี่ยงครั้งใหญ่ที่สุดที่ประเทศไทยไม่เคยประสบพบมาก่อนเลย

เพราะเหตุนี้จึงเกิดกระแสเรียกร้องต่อรัฐบาลให้แก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างกว้างขวาง แต่รัฐบาลไม่เพียงแต่ไม่นำพา ไม่แก้ไขใดๆ เท่านั้น ยังขยายปัญหาให้กว้างขวางและรุนแรงมากขึ้นอีก

ถึงขนาดมีการสั่งให้แก๊งอันธพาลของรัฐบาลข่มขู่คุกคามองค์กรอิสระ จ้องล้างผลาญองค์กรอิสระ และเตรียมฉีกรัฐธรรมนูญล้างอำนาจตุลาการ ซึ่งเป็นอำนาจอธิปไตย 1 ใน 3 ที่พระมหากษัตริย์ทรงใช้และทรงวิงวอนให้เข้ามากู้ชาติ

ไม่อยากจะพูดว่านี่คือการจาบจ้วงล่วงเกินหรือท้าทายกระแสพระราชดำรัสอย่างบังอาจที่สุด แต่เป็นเรื่องที่ทหารทั้งหลายพึงพิจารณาใคร่ครวญว่าที่ทำกันถึงเพียงนี้มีความหมายว่าอย่างไร

เมื่อหวังพึ่งรัฐบาลไม่ได้ คนทั้งหลายก็หวังพึ่งทหาร จึงเกิดกระแสเรียกร้องอย่างกว้างขวางให้ทหารทำหน้าที่ของตน ให้สมกับเกียรติยศและพระมหากรุณาธิคุณที่ได้รับพระราชทาน

ไม่ได้หวังที่จะให้ทหารเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แต่ในปัญหาความแตกแยกในชาติที่แก๊งอันธพาลของรัฐบาลเหิมเกริมวางอำนาจอยู่เหนือกฎหมายบ้านเมือง ข่มเหงรังแกประชาชนนั้น เป็นหน้าที่ของทหารโดยเฉพาะคือกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในที่จะต้องจัดการแก้ไข

นี่คือหน้าที่เบื้องต้นที่สุดที่จะหยุดยั้งสงครามกลางเมืองระหว่างประชาชนชาวไทยด้วยกัน

กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในมีขอบเขตปฏิบัติงานทั่วประเทศ ทุกเขตกองทัพภาคและทุกจังหวัด สามารถปฏิบัติงานได้ไม่ยากในประการดังต่อไปนี้

หนึ่ง เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องครบถ้วนทุกด้านแก่ประชาชน ไม่ปิดหูปิดตาประชาชน หรือยอมจำนนต่อคำสั่งที่ให้ทำผิดกฎหมาย ด้วยการปิดหูปิดตากำลังพล หรือกลั่นแกล้งประชาชนเสียเอง
สอง ช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยของประชาชนผู้บริสุทธิ์ไม่ให้ถูกข่มเหงหรือถูกทำร้ายจากแก๊งอันธพาลของรัฐบาล
สาม ช่วยประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ของรัฐในการคุ้มครองดูแลรักษาประชาชน และคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่ดำเนินการตามขอบเขตแห่งรัฐธรรมนูญ
สี่ รายงานหรือเตือนรัฐบาลไม่ให้ผู้คนในรัฐบาลส่งเสริมสนับสนุนแก๊งอันธพาลให้ทำร้ายหรือข่มเหงประชาชน

ถ้าทำอย่างนี้ราษฎรทั้งหลายก็จะมีความอุ่นใจ มีความวางใจและมีความอิ่มใจ

แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือภารกิจสี่ประการ นั่นคือภารกิจในการพิทักษ์รักษาเอกราชอธิปไตยและความมั่นคงของรัฐประการหนึ่ง การพิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ประการหนึ่ง การพิทักษ์รักษาผลประโยชน์แห่งชาติประการหนึ่ง และการพิทักษ์รักษาการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอีกประการหนึ่ง

ทั้งสี่ประการนี้คือภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ของทหารทั้งกองทัพไทย ทั้งกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ตลอดจนหน่วยทหารต่างๆ และกำลังพลทั่วประเทศ และทั้งสี่ประการนี้ก็คือภาระหน้าที่ของทหารตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 77

ประเทศไทยต้องใช้เงินภาษีของประชาชนปีละหลายแสนล้านบาทเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของกองทัพและเหล่าทหาร ค่าใช้จ่ายจำนวนมหาศาลนี้มีขึ้นก็เพื่อให้ทหารได้ทำหน้าที่ที่สำคัญดังกล่าวนี้

จึงขอบอกกองบัญชาการกองทัพไทยและบรรดาแม่ทัพนายกองทั้งปวงว่า พวกท่านไม่มีหน้าที่อื่นๆ นอกจากนี้ และถ้ามีเรื่องอื่นๆ ที่ต้องทำมากโดยที่ไม่ใช่เรื่องดังกล่าวแล้ว เรื่องเหล่านั้นล้วนไม่ใช่หน้าที่ของกองทัพและทหาร ไม่ใช่ภารกิจที่ประเทศชาติมุ่งหมายจะให้ทหารรับผิดชอบ ไม่ต้องทำก็ได้

แต่ทหารจะต้องทำหน้าที่เหล่านี้อย่างกล้าหาญ อดทน เสียสละ และเอาจริงเอาจัง หากย่อหย่อนหรือไม่ทำก็ไม่สมควรเป็นทหาร และจะทำให้เกียรติยศเกียรติศักดิ์ของทหารเสื่อมสิ้นดับสูญ

สถานการณ์ในบัดนี้มีขบวนการโค่นล้มทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำการอย่างกว้างขวางครึกโครม ประชาชนเขาร้องโหวกเหวกโวยวายและช่วยกันปกป้องทั้งผู้หญิง คนแก่ และเด็กๆ ต่างมาทำหน้าที่ของประชาชนพลเมืองด้วยกันอย่างทรหดอดทน

แล้วถามว่ากองทัพไทยและทหารได้ทำหน้าที่ประการนี้แล้วบ้างหรือไม่? ไม่ต้องออกแถลงการณ์ดอก ขอให้ตอบกันแต่ในใจ และเร่งรีบทำหน้าที่ประการนี้ก็เป็นที่พอใจแล้ว

สถานการณ์ในบัดนี้มีการขายอธิปไตยและแผ่นดินไทยให้กับเขมร จนความจริงประจักษ์แจ้งและไม่อาจโต้เถียงใดๆ ได้อีกแล้ว สถานการณ์ลุกลามไปถึงขนาดที่กองทัพเขมรได้ส่งกำลังทั้งแอบแฝงและแต่งเครื่องแบบเข้ามายึดครองแผ่นดินไทยทั้งบริเวณพื้นที่เขาพระวิหาร และแนวชายแดนอื่นๆ อีกหลายจุด

กระทั่งย้ายหลักเขตแดนรุกลึกเข้ามาเกือบร้อยเมตร แล้วทหารไทยทำอะไร? จริงหรือไม่ที่ถูกกล่าวหาว่าทหารไทยเกิดความละอายใจ แต่ไม่กล้ารื้อหลักเขตที่เขมรมาปักใหม่ จนต้องเอาถังแดงไปคลุมหลักเขตนั้นไว้เพื่อไม่ให้ผู้คนเห็น

ถ้าจริงก็ต้องบอกว่าพฤติกรรมอย่างนี้เหมือนกับพฤติกรรมเอาผ้าถุงของสตรีคลุมหน้านั่นเอง มันเป็นการเสื่อมเสียเกียรติยศและศักดิ์ศรีของทหาร

ประชาชนเขาจึงร้องโหวกเหวกโวยวายให้ทหารทำหน้าที่ปกปักรักษาอธิปไตยและแผ่นดินของไทยไว้ให้ลูกหลานของเขา

แล้วถามว่าที่ผ่านมากองทัพไทยทำอะไร? ทหารไทยทำอะไร? ก็ต้องบอกว่าไม่ได้ทำอะไร เพราะมัวจะเกรงใจรัฐบาลหุ่นเชิดที่ให้หุบปากบ้าง ที่ปล่อยให้เขมรบุกเข้ามายึดครองแผ่นดินไทยตามใจชอบบ้าง

นี่คือการไม่ปฏิบัติภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ของกองทัพและทหารตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ จึงเป็นเรื่องน่าละอายอย่างยิ่ง

ทหารต้องไม่ลืมว่าการสูญเสียดินแดนนั้นเป็นความเสียหายร้ายแรงในทุกด้าน แม้ในด้านเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และเกียรติภูมิของกองทัพ

ที่ยิ่งกว่านั้น กองทัพและทหารจะต้องตระหนักว่ากองทัพไทยนั้นมีพระมหากษัตริย์ทรงดำรงตำแหน่งจอมทัพ จะละเลยภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ให้เขมรเข้ามายึดครองแผ่นดินได้ตามอำเภอใจแล้วปล่อยให้เสียดินแดนไปง่ายๆ ย่อมกระทบต่อพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์

ไปตายกันให้หมดดีกว่าที่จะยอมเสื่อมเสียอย่างนี้!
ผลประโยชน์แห่งชาติโดยเฉพาะผลประโยชน์แห่งชาติในทะเลที่กำลังจะถูกปักปันเอาเขตแดนไทยในพื้นที่ทับซ้อนและเป็นแหล่งอุดมด้วยก๊าซน้ำมันให้ไปเป็นของเขมรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ของกองทัพและทหารทั้งหลาย

ภารกิจเหล่านี้แหละคือภารกิจที่กองทัพและทหารจะต้องปฏิบัติและแบกรับความรับผิดชอบทั้งปวง ไม่มีหน้าที่อื่นนอกจากนี้ ดังนั้นกองทัพไทยและทหารทั้งหลายจึงพึงเข้าใจภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ อันมีเกียรติยศยิ่งนี้ แล้วเร่งทำหน้าที่ของตนให้สำเร็จอย่างสมบูรณ์

                            “มโนมอบพระผู้             เสวยสวรรค์
                           แขนมอบถวายทรงธรรม์   เทิดหล้า
                           ดวงใจมอบเมียขวัญ         และแม่
                           เกียรติศักดิ์รักข้า             มอบไว้แก่ตัว”

กำลังโหลดความคิดเห็น