“จำลอง” ประกาศแนวร่วมใหม่ ผู้สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ที่เริ่มระดมทุนสนับสนุนพันธมิตรฯ ยอมรับเป็นคนเชิญ"ปฐมพงษ์"ขึ้นเวที เพราะมีทหารหลายคนหลายอึดอัดกับการโดนสั่งปิดปากเรื่องเขาพระวิหาร พร้อมเปิดเนื้อความใน จม.ที่พล.อ.ปฐมพงษ์เขียนถึง ผบ.เหล่าทัพ
เมื่อเวลา 20.45 น. วันที่ 10 ก.ค. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธปไตย ขึ้นปราศรับบนเวทีที่สะพานมัฆวานฯ ว่า การที่พวกเราทุกคนมากินนอนรวมกันที่นี่เป็นเวลากว่า 40 วัน นั้น เป็นเรื่องที่แปลกและไม่เคยมีมาก่อน แต่เป็นเพราะชาติบ้านเมืองของเราเกิดวิกฤต ซึ่งวิกฤตในครั้งนี้ก็นับว่ามีส่วนดี นั่นคือ การได้เห็นการแสดงพลังความสามัคคีในการรวมตัวกันของพี่น้องประชาชนในครั้งนี้ เพื่อขับไล่รัฐบาล หรือคนไม่ดี ออกไป
ทั้งนี้ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า จากที่ได้เดินสังเกตการณ์รอบการชุนนุม พบว่า ผู้ร่วมชุนนุมหลายคนชื่นชอบการจัดรายการเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ที่มีนายทหารขึ้นไปปราศรัย และอยากให้มีการเชิญนายทหารทั้ง 3 เหล่าทัพขึ้นมาปราศัยร่วมกัน ส่วนตัวแล้วมองดูว่าอาจจะยาก
อย่างไรก็ตาม เมื่อสักครู่ตนได้รับจดหมายจากผู้ที่เรียนจบจากวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ซึ่งสาเหตุที่เขียนมาถึงผม อาจเป็นเพราะเมื่อตอนที่ผมยังเป็นแค่นายทหารพันเอก ท่าน ผอ.วิทยาลัยฯ ได้ขอตัวผมไปทำงานที่นั่น ซึ่งปกติแล้วนายทหารที่ไปทำงานที่นั่น มักจะเป็นเพียงผู้ประสานงานในเรื่องต่างๆ แต่เนื่องจากผมมีประสบการณ์การเมือง ท่าน ผอ.จึงให้ผมมาเป็นผู้บรรยาย ถือว่าเป็นเรื่องใหม่และแปลกมาก ขณะนั้น
“สมัยก่อนถ้ามาจากทหาร และมาเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อย่างต่ำคุณจะต้องมียศระดับ พล.อ.แต่มีเพียงผมที่ในตอนนั้น ยังดำรงตำแหน่งเพียงแค่พันเอกเท่านั้น ซึ่งครั้งนั้นก็คิอสมัยที่พล.อ.เปรม เป็นนายกรัฐมนตรี”
พล.ต.จำลอง ได้เปิดอ่านจดหมายของผู้ที่อ้างว่าสำเร็จการศึกษามาจากวิทยาลัยป้องกันฯ ว่า เนื้อความที่ส่งมาถึงตน ผู้เขียนได้อธิบายถึงการขอสมทบทุนในการกู้ชาติครั้งนี้ โดยระบุว่าตามที่พันธมิตรประชาชนฯได้รวมตัวเรียกร้องอธิปไตยคืนมาจากคนที่ไม่ดีนั้น บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่คนไทยทั้งประเทศควรร่วมกันต่อสู่เพื่อเอาแผ่นดินไทย และปราสาทเขาวิหารกลับคืนมาให้ได้ ดังนั้น กระผมซึ่งเป็นผู้ที่สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยป้องกันฯขอเริ่มต้นด้วยการมอบเงินจำนวนแรกเบื้องต้นเป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท ก่อน
ต่อมา พล.ต.จำลอง กล่าวถึงกรณีที่ตนได้เชิญ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ประธานคณะที่ปรึกษา กองบัญชาการทหารสูงสุด ขึ้นมาปราศรัยบนเวที ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นความคิดของตน เพราะมองว่าถึงเวลาที่ควรจะให้ข้าราชการที่อยู่หลังเวทีออกมาแสดงตน ถึงความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซี่งเรื่องดังกล่าวในวันต่อมาก็กลายเป็นประเด็นที่ถูกนำไปหยิบยก วิพากษ์ วิจารณ์กันทั่วไป ไม่เว้นแม้แต่เหล่านายทหารระดับสูง โดยมีข่าวว่า พล.อ.ปฐมพงษ์ ใส่เครื่องแบบเต็มยศขึ้นมาปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ แต่ในความจริงเครื่องแบบที่ พล.อ.ปฐมพงษ์ ใส่ขึ้นมาปราศรัยนั้นเป็นแค่เครื่องแบบปกติ ไม่ได้เป็นการแต่งเต็มยศแต่อย่างใด
“ผมเป็นตัวการที่นำ พล.อ.ปฐมพงษ์ มาถูกวิจารณ์ แต่ส่วนหนึ่งตัวท่านเองก็อึดอัด เพราะท่านอัดอั้นตันใจ เนื่องจาก รมต.คนหนึ่ง ซึ่งวันนี้เป็นอดีต รมต.ไปแล้ว สั่งทหารให้หุบปากจึงทำให้บรรดาทหารเงียบไปหมดทั้งบ้านเมือง”
ขณะเดียวกัน พล.อ.ปฐมพงษ์ ได้ทำหนังสือส่งถึงบรรดาเพื่อนพ้อง น้องพี่ ไม่ว่าจะเป็บ ผบ.สส. ผบ.เหล่าทัพ รวมทั้งผู้บัญชาการยศต่างๆ หลายท่าน ซึ่งในเนื้อความของจดหมายดังกล่าว สามารถสรุปได้ว่า เป็นเรื่องของการปกป้องสถาบันพระมาหกษัตรย์ และการรักษาอาณาอธิปไตยเหนือดินแดง เพราะว่าด้วยสถานการณ์บ้านเมื่องขณะนี้ แม้ยากยิ่งที่ทหารจะแสดงจุดยืนของตนออกมา เพราะขัดต่อวินัยที่จำกัด แต่ พล.อ.ปฐมพงษ์ ในฐานะทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีความเห็นว่า หากทหารไม่แสดงจุดยืนในการปกป้องสถาบันกษัตริย์ และแผ่นดิน ทหารก็มีความผิดอย่างร้ายแรง ต่อคำปฏิญาณหน้าพระพักตร์ และธงชัยเฉลิมพล ดังนั้น ทหารจึงมีสิทธิ์ที่จะแสดงเรื่องดังกล่าว โดยไม้ต้องรอคำสั่ง เพราะตามมาตรา 77 ทหารต้องพิทักษ์รักษาไว้ด้วยอาณาธิปไตย และเพื่อผลประโยชน์แห่งชาติ ตลอดจนปกป้องการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เพราะในชีวิตราชการของท่านได้ผ่านงานในสนาม และยามปกติก็เฝ้าติดตามบ้านเมืองมาตลอดชีวิต จึงมีความห่วงใยหวงแหนบ้านเมืองเช่นเดียวกัน ซึ่งได้พบเห็นการดูหมิ่นสถาบันและการเสียอธิปไตยอย่างชัดเจน ดังนั้น ในฐานะทหารของในหลวงจึงขอยืนยันว่าทหารทุกคนจะต้องแสดงความชัดเจนในการปกป้องพระมหากษัตริย์และชาติ ตามที่ทหารทุกคนได้ปฏิญาณ
ทั้งนี้ ในส่วนตัวของ พล.ต.จำลอง มองว่า การแต่งเครื่องแบบขึ้นมาปราศรัยเพื่อแสดงจุดยืนของทหารในครั้งนี้ ไม่มีความผิด และถือเป็นการแสดงศักดิ์ศรี และความถูกต้องอีกด้วย