กลุ่มพันธมิตรฯหลายหมื่นคน รวมพลังทวงคืนปตท. กลับมาเป็นสมบัติของชาติ “สนธิ” ชี้ปตท.เป็นสัญญาลักษณ์ของการขายชาติที่สุดของไทย ระบุจุดเริ่มต้นการแปรรูปเพื่อหาช่องทางหากินมาเลี้ยงพรรคการเมือง โดยเปิดบัญชีที่เกาะเคย์แมน ส่งส่วยให้รัฐมนตรีอุตฯ เดือนละ30 ล้าน ก่อนเพิ่มเป็น 60 ล้านในยุค"สุริยะ" ลั่นต้องนำปตท.กลับมาเป็นของชาติให้ได้ ด้าน สร.ปตท. ออกโรงป้อง ระบุข้อมูลคลาดเคลื่อน เตรียมรวบรวมข้อมูลชี้แจงสาธารณชน อ้างสถานะภาพปตท.ขณะนี้ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติมากกว่าการเป็นรัฐวิสาหกิจ 100 %
วานนี้ (25 ก.ค.) เมื่อเวลา10.50 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปราศรัยที่เวทีเคลื่อนที่ หน้าสำนักงานใหญ่ บริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) ถนนวิภาวดีรังสิต ต่อหน้าผู้ชุมนุมหลายหมื่นคน ถึงเหตุผลที่ต้องทวงคืนปตท. กลับมาเป็นของชาติและประชาชนว่า จุดเริ่มต้นของการแปรรูป ปตท. คือ การหาช่องทางในการหาเงินมาเลี้ยงพรรคการเมือง มีการเปิดบัญชีเงินส่วนต่างราคาน้ำมันไว้ที่เกาะเคย์แมน เมื่อรัฐมนตรีคนไหนเข้ามาก็จะส่งส่วยให้เดือนละ30 ล้านบาท เมื่อครั้งที่ ปตท.ยังอยู่ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ดำรงตำแหน่งรมว.อุตสาหกรรมได้เรียกเพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ 60 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัท ปตท.ยังจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลเพียง 10 % เพราะในช่วงที่จะมีการแปรรูปยุครัฐบาลทักษิณ นั้นมีการออกมติครม. ระบุว่า ถ้าบริษัทใดเข้ามาลงทุนเพื่อให้ประเทศไทยเป็นฮับด้านพลังงาน จะให้เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลเพียงร้อยละ 10 จึงทำให้ ปตท.เป็นบริษัทที่เสียภาษีน้อยมาก ทั้งที่มีกำไรมหาศาล แต่ไม่ได้เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล 34-35% เหมือนบริษัทห้างร้านทั่วไป
นายสนธิ กล่าวว่า ปตท.นั้นมีการทำมาหารับประทานกันตั้งแต่เริ่มสั่งน้ำมันเข้ามา หลังจากนั้นก็รับประทานกันที่โรงกลั่น โดยโรงกลั่นร้อยละ 80 เป็นของ ปตท.หมด ก๊าซแอลพีจี ก็มีการส่งออกเพราะได้กำไรมากกว่า หลังจากนั้นก็อ้างก๊าซฯ ขาดแคลนแล้วก็สั่งเข้ามาขาย ซึ่งก็บวกกำไรเข้าไปอีก
ส่วนการปรับลดราคาน้ำมันของปตท. ตามมาตรการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน 6 มาตรการของรัฐบาลนั้น นายสนธิ กล่าวว่า เป็นการลดราคาลงมา เพราะรัฐบาลลดภาษีสรรพสามิตให้ ซึ่งรัฐบาลก็ต้องหาเงินมาชดเชยภาษีสรรพสามิตที่หายไป ขณะที่ ปตท.ก็ยังมีกำไรคงเดิม และปีนี้หาก ปตท.ได้กำไร 2 แสนล้านบาท ทำไมต้องปันผลให้เอกชนถึง 49 % ทำไมกำไรไม่เป็นของรัฐทั้งหมด ซึ่งก็ตอบไม่ได้
จึงอยากให้พนักงานปตท.ทิ้งความเป็นพนักงานปตท.ไว้ชั่วคราว และต้องรู้ถึงความไม่ดีของบริหารบางคน ทำให้ประชาชนเดือดร้อน เพราะเงินเดือน โบนัส ที่ได้มาจากน้ำตาและสายเลือดของประชาชน
ดังนั้น ปตท.เป็นสัญลักษณ์ของการขายชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ขณะที่สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นมหากาพย์การโกงที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และเขาพระวิหาร คือ การขายแผ่นดินที่ยิ่งใหญ่ที่สุด รัฐบาลชุดที่แล้วและรัฐบาลชุดนี้ จึงเป็นรัฐบาลขายชาติ ขายแผ่นดิน โกงแผ่นดินมากที่สุด
"อีกไม่นานเราจะมีวิธียึด ปตท.คืนมา โดยผม และสหภาพแรงงาน แกนนำสมาพันธ์รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) นายศิริชัย ไม้งาม จะหารือกัน ดังนั้นจึงขอให้สัจจวาจา สาบานกับฟ้าดินว่า ในเวลาอีกไม่นานจะเอา ปตท.กลับคืนมาให้ประเทศไทยอย่างแน่นอน"
นอกจากนี้ ยังมีแกนนำพันธมิตรฯขึ้นมาปราศัยอีกหลายคน โดยเปิดโปงเกี่ยวกับจำนวนหุ้นที่ผู้บริหารปตท.ได้รับในช่วงที่มีการแปรรูปฯ พร้อมกับเรียกร้องให้ นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. แสดงสปิริตเห็นแก่ประชาชาติ ในการนำปตท.กลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจ 100% เปรียบเหมือน อาจารย์ป๋วย อึ้งภากร ที่กล้าออกมาตอบโต้ หากผู้บริหารประเทศทำผิด
ด้าน นายสาวิทย์ แก้วหวาน เลขาธิการสมาพันธ์รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) กล่าวก่อนที่จะมีการประกาศสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณหน้าสำนักงานใหญ่ บมจ.ปตท. แล้วให้ผู้ชุมนุมกลับไปชุมนุมที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ว่า จะมีการทวงคืนปตท. และรัฐวิสาหกิจอื่นๆ ที่แปรรูปไปแล้ว ให้กลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจที่รัฐถือหุ้นทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (25 ก.ค.) ประชา-ชนผู้สนับสนุนกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ทยอยเดินทางมารวมตัวกันหน้าอาคาร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นจำนวนหลายหมื่นคน ทำให้ต้องปิดการจราจรเส้นทางถนนวิภาวดีรังสิต เลนใน ช่วงหน้าบริษัท ปตท. ขณะเดียวกันบรรยากาศภายในบริษัทปตท. ทางฝ่ายผู้บริหารบริษัทฯได้สั่งให้ปิดประตูเข้า-ออกทุกทาง ห้ามบุคคลภายนอก รวมทั้งสื่อมวลชนเข้าไปโดยเด็ดขาด และมีหนังสือเวียนห้ามพนักงานออกมาดูการชุมนุม หรือยั่วยุให้เกิดปัญหา โดยมีตำรวจกว่า 300 นาย ดูแลความสงบเรียบร้อยบริเวณหน้า บริษัท ปตท. และภายใน ก่อนที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะสลายการชุมนุมอย่างสงบเมื่อเวลาประมาณ 13.20 น.
สร.ปตท.อ้างข้อมูลคลาดเคลื่อน
นายณฐกร แก้วดี ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บมจ.ปตท.(สร.ปตท.) และประธานสหภาพแรงงาน รัฐวิสาหกิจแห่งประเทศไทย กล่าวว่า มีหลายประเด็นที่กลุ่มพันธมิตรฯได้กล่าวในการทวงคืน บมจ.ปตท. เป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ซึ่งที่ผ่านมา ทางสหภาพแรงงานฯ มีการชี้แจง สรส. และกลุ่มเอ็นจีโอ เกี่ยวกับค่าผ่านท่อก๊าซฯที่แท้จริงไม่ใช่ 30 บาท ต่อล้านบีทียู แต่คิดที่อัตรา 19 บาท ต่อล้านบีทียู รวมทั้งได้เชิญผู้บริหารปตท. อาทิ นายจิตรพงษ์ กว้างสุขสถิตย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้น มาชี้แจงและตอบคำถามสำหรับกลุ่มเอ็นจีโอที่สงสัย แต่ก็ไม่ได้มีการซักถาม แต่พอออกไปภายนอกก็มีการพูดถึงข้อมูลที่บิดเบือนอีก
นอกจากนี้ ยังได้เชิญกลุ่ม สรส. มาพบนายพิชัย ชุณหวชิร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บมจ.ปตท. เพื่อชี้แจงถึงการแปรรูปจากการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย มาเป็นบมจ.ปตท.ว่าทำอย่างไร รวมไปถึงการดูแลด้านน้ำมันเชื้อเพลิง
รวมทั้งประเด็นที่ สรส.กฟผ. บอกว่ากำไร กฟผ.3 หมื่นล้านบาท ส่งเงินเข้ารัฐ 1.2 หมื่นล้าน ส่วนปตท.ที่มีกำไรสุทธิสูงกว่ากลับส่งเงินคืนรัฐน้อยกว่ากฟผ.นั้น ไม่เป็นความจริง ซึ่งแต่ละปี ปตท.ส่งเงินคืนรัฐในรูปเงินภาษีและเงินปันผลปีละ 5-6 หมื่นล้านบาท
“ประเด็นที่ได้มีการหยิบยกมาพูดในการทวงคืนปตท.ที่หน้าตึกปตท.ครั้งนี้ เป็นประเด็นเดิมๆ ที่ปตท.เคยชี้แจงไปหมดแล้ว เข้าใจว่ากลุ่มคนเหล่านี้ไม่ยอมเข้าใจข้อเท็จจริง และไม่รู้เจตนารมณ์ที่แท้จริง ซึ่งปตท.เองยังคงเป็นรัฐวิสาหกิจ ก็น่าจะมาพูดคุยกันได้ และอยากให้จะเวทีอะไรก็ได้ที่เป็นกลาง เพื่อที่จะชี้แจงข้อมูล ข้อเท็จจริง น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า”
นายสรัญ รังคศิริ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สื่อสารองค์กรและกิจการเพื่อสังคม บมจ.ปตท. กล่าวว่า การชุมนุนของกลุ่มพันธมิตรฯ ครั้งนี้ ถือเป็นการชุมนุมภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ไม่มีเหตุการณ์รุนแรง เพียงแต่ข้อมูลที่มีการหยิบยกขึ้นมาพูดนั้นไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ดังนั้น ปตท.จะมีการรวบรวมข้อมูลเพื่อชี้แจงให้สาธารณชนเข้าใจ เพราะทุกอย่างที่ปตท.ทำนั้น เพื่อคนไทย
สำหรับข้อมูลที่ไม่สอดคล้องความจริง อาทิ กำไรของปตท.ไม่ถึง 2 แสนล้านบาท แต่มีกำไรสุทธิปีที่แล้วประมาณ 9 หมื่นกว่าล้านบาท ขณะเดียวกัน ปตท.ยังมีความเป็นรัฐวิสาหกิจ เนื่องจากรัฐถือหุ้นทั้งทางตรงและอ้อม 68% กำไรส่งคืนรัฐปีละกว่า 5-6 หมื่นล้านบาท ดังนั้นหากต้องการทวงคืน ปตท.กลับเป็นรัฐวิสาหกิจที่คลังถือหุ้น 100% คงต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของผู้ถือหุ้นใหญ่ ว่าจะทำอย่างไร
ซึ่งสถานะของปตท.ในขณะนี้ ช่วยเหลือประเทศชาติได้ดีกว่าการเป็นรัฐวิสาหกิจ 100% ที่ต้องดำเนินงานตามนโยบายรัฐ และขาดความโปร่งใส ซึ่งการเป็นบมจ.ปตท. ทำให้สามารถระดมทุนได้ดีกว่า ทำให้ปตท.เข้มแข็ง สู้บริษัทข้ามชาติได้
ที่ผ่านมาบอร์ดปตท.ได้ดำเนินการจัดหาปิโตรเลียม เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ภายในประเทศมาโดยตลอด มีการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทรัพย์สิน การลดการพึ่งพาการนำเข้าควบคู่กับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมไปด้วยกัน
สหพันธ์ฯ ขนส่งให้กำลังใจ ปตท.
วานนี้ (25 ก.ค.) ตัวแทนกลุ่มสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย สมาคมขนส่งทางบก และสมาคมขนส่งสินค้า ประมาณ 20 คนได้เดินมาให้กำลังใจปตท. เนื่องจากเห็นว่า ปตท.มีส่วนช่วยให้สมาคมฯมีก๊าซเอ็นจีวี ใช้ในช่วงที่ราคาน้ำมันแพง โดยปตท.เข้ามาช่วยเหลือด้านราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ
วานนี้ (25 ก.ค.) เมื่อเวลา10.50 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปราศรัยที่เวทีเคลื่อนที่ หน้าสำนักงานใหญ่ บริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) ถนนวิภาวดีรังสิต ต่อหน้าผู้ชุมนุมหลายหมื่นคน ถึงเหตุผลที่ต้องทวงคืนปตท. กลับมาเป็นของชาติและประชาชนว่า จุดเริ่มต้นของการแปรรูป ปตท. คือ การหาช่องทางในการหาเงินมาเลี้ยงพรรคการเมือง มีการเปิดบัญชีเงินส่วนต่างราคาน้ำมันไว้ที่เกาะเคย์แมน เมื่อรัฐมนตรีคนไหนเข้ามาก็จะส่งส่วยให้เดือนละ30 ล้านบาท เมื่อครั้งที่ ปตท.ยังอยู่ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ดำรงตำแหน่งรมว.อุตสาหกรรมได้เรียกเพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ 60 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัท ปตท.ยังจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลเพียง 10 % เพราะในช่วงที่จะมีการแปรรูปยุครัฐบาลทักษิณ นั้นมีการออกมติครม. ระบุว่า ถ้าบริษัทใดเข้ามาลงทุนเพื่อให้ประเทศไทยเป็นฮับด้านพลังงาน จะให้เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลเพียงร้อยละ 10 จึงทำให้ ปตท.เป็นบริษัทที่เสียภาษีน้อยมาก ทั้งที่มีกำไรมหาศาล แต่ไม่ได้เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล 34-35% เหมือนบริษัทห้างร้านทั่วไป
นายสนธิ กล่าวว่า ปตท.นั้นมีการทำมาหารับประทานกันตั้งแต่เริ่มสั่งน้ำมันเข้ามา หลังจากนั้นก็รับประทานกันที่โรงกลั่น โดยโรงกลั่นร้อยละ 80 เป็นของ ปตท.หมด ก๊าซแอลพีจี ก็มีการส่งออกเพราะได้กำไรมากกว่า หลังจากนั้นก็อ้างก๊าซฯ ขาดแคลนแล้วก็สั่งเข้ามาขาย ซึ่งก็บวกกำไรเข้าไปอีก
ส่วนการปรับลดราคาน้ำมันของปตท. ตามมาตรการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน 6 มาตรการของรัฐบาลนั้น นายสนธิ กล่าวว่า เป็นการลดราคาลงมา เพราะรัฐบาลลดภาษีสรรพสามิตให้ ซึ่งรัฐบาลก็ต้องหาเงินมาชดเชยภาษีสรรพสามิตที่หายไป ขณะที่ ปตท.ก็ยังมีกำไรคงเดิม และปีนี้หาก ปตท.ได้กำไร 2 แสนล้านบาท ทำไมต้องปันผลให้เอกชนถึง 49 % ทำไมกำไรไม่เป็นของรัฐทั้งหมด ซึ่งก็ตอบไม่ได้
จึงอยากให้พนักงานปตท.ทิ้งความเป็นพนักงานปตท.ไว้ชั่วคราว และต้องรู้ถึงความไม่ดีของบริหารบางคน ทำให้ประชาชนเดือดร้อน เพราะเงินเดือน โบนัส ที่ได้มาจากน้ำตาและสายเลือดของประชาชน
ดังนั้น ปตท.เป็นสัญลักษณ์ของการขายชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ขณะที่สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นมหากาพย์การโกงที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และเขาพระวิหาร คือ การขายแผ่นดินที่ยิ่งใหญ่ที่สุด รัฐบาลชุดที่แล้วและรัฐบาลชุดนี้ จึงเป็นรัฐบาลขายชาติ ขายแผ่นดิน โกงแผ่นดินมากที่สุด
"อีกไม่นานเราจะมีวิธียึด ปตท.คืนมา โดยผม และสหภาพแรงงาน แกนนำสมาพันธ์รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) นายศิริชัย ไม้งาม จะหารือกัน ดังนั้นจึงขอให้สัจจวาจา สาบานกับฟ้าดินว่า ในเวลาอีกไม่นานจะเอา ปตท.กลับคืนมาให้ประเทศไทยอย่างแน่นอน"
นอกจากนี้ ยังมีแกนนำพันธมิตรฯขึ้นมาปราศัยอีกหลายคน โดยเปิดโปงเกี่ยวกับจำนวนหุ้นที่ผู้บริหารปตท.ได้รับในช่วงที่มีการแปรรูปฯ พร้อมกับเรียกร้องให้ นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. แสดงสปิริตเห็นแก่ประชาชาติ ในการนำปตท.กลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจ 100% เปรียบเหมือน อาจารย์ป๋วย อึ้งภากร ที่กล้าออกมาตอบโต้ หากผู้บริหารประเทศทำผิด
ด้าน นายสาวิทย์ แก้วหวาน เลขาธิการสมาพันธ์รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) กล่าวก่อนที่จะมีการประกาศสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณหน้าสำนักงานใหญ่ บมจ.ปตท. แล้วให้ผู้ชุมนุมกลับไปชุมนุมที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ว่า จะมีการทวงคืนปตท. และรัฐวิสาหกิจอื่นๆ ที่แปรรูปไปแล้ว ให้กลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจที่รัฐถือหุ้นทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (25 ก.ค.) ประชา-ชนผู้สนับสนุนกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ทยอยเดินทางมารวมตัวกันหน้าอาคาร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นจำนวนหลายหมื่นคน ทำให้ต้องปิดการจราจรเส้นทางถนนวิภาวดีรังสิต เลนใน ช่วงหน้าบริษัท ปตท. ขณะเดียวกันบรรยากาศภายในบริษัทปตท. ทางฝ่ายผู้บริหารบริษัทฯได้สั่งให้ปิดประตูเข้า-ออกทุกทาง ห้ามบุคคลภายนอก รวมทั้งสื่อมวลชนเข้าไปโดยเด็ดขาด และมีหนังสือเวียนห้ามพนักงานออกมาดูการชุมนุม หรือยั่วยุให้เกิดปัญหา โดยมีตำรวจกว่า 300 นาย ดูแลความสงบเรียบร้อยบริเวณหน้า บริษัท ปตท. และภายใน ก่อนที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะสลายการชุมนุมอย่างสงบเมื่อเวลาประมาณ 13.20 น.
สร.ปตท.อ้างข้อมูลคลาดเคลื่อน
นายณฐกร แก้วดี ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บมจ.ปตท.(สร.ปตท.) และประธานสหภาพแรงงาน รัฐวิสาหกิจแห่งประเทศไทย กล่าวว่า มีหลายประเด็นที่กลุ่มพันธมิตรฯได้กล่าวในการทวงคืน บมจ.ปตท. เป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ซึ่งที่ผ่านมา ทางสหภาพแรงงานฯ มีการชี้แจง สรส. และกลุ่มเอ็นจีโอ เกี่ยวกับค่าผ่านท่อก๊าซฯที่แท้จริงไม่ใช่ 30 บาท ต่อล้านบีทียู แต่คิดที่อัตรา 19 บาท ต่อล้านบีทียู รวมทั้งได้เชิญผู้บริหารปตท. อาทิ นายจิตรพงษ์ กว้างสุขสถิตย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้น มาชี้แจงและตอบคำถามสำหรับกลุ่มเอ็นจีโอที่สงสัย แต่ก็ไม่ได้มีการซักถาม แต่พอออกไปภายนอกก็มีการพูดถึงข้อมูลที่บิดเบือนอีก
นอกจากนี้ ยังได้เชิญกลุ่ม สรส. มาพบนายพิชัย ชุณหวชิร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บมจ.ปตท. เพื่อชี้แจงถึงการแปรรูปจากการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย มาเป็นบมจ.ปตท.ว่าทำอย่างไร รวมไปถึงการดูแลด้านน้ำมันเชื้อเพลิง
รวมทั้งประเด็นที่ สรส.กฟผ. บอกว่ากำไร กฟผ.3 หมื่นล้านบาท ส่งเงินเข้ารัฐ 1.2 หมื่นล้าน ส่วนปตท.ที่มีกำไรสุทธิสูงกว่ากลับส่งเงินคืนรัฐน้อยกว่ากฟผ.นั้น ไม่เป็นความจริง ซึ่งแต่ละปี ปตท.ส่งเงินคืนรัฐในรูปเงินภาษีและเงินปันผลปีละ 5-6 หมื่นล้านบาท
“ประเด็นที่ได้มีการหยิบยกมาพูดในการทวงคืนปตท.ที่หน้าตึกปตท.ครั้งนี้ เป็นประเด็นเดิมๆ ที่ปตท.เคยชี้แจงไปหมดแล้ว เข้าใจว่ากลุ่มคนเหล่านี้ไม่ยอมเข้าใจข้อเท็จจริง และไม่รู้เจตนารมณ์ที่แท้จริง ซึ่งปตท.เองยังคงเป็นรัฐวิสาหกิจ ก็น่าจะมาพูดคุยกันได้ และอยากให้จะเวทีอะไรก็ได้ที่เป็นกลาง เพื่อที่จะชี้แจงข้อมูล ข้อเท็จจริง น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า”
นายสรัญ รังคศิริ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สื่อสารองค์กรและกิจการเพื่อสังคม บมจ.ปตท. กล่าวว่า การชุมนุนของกลุ่มพันธมิตรฯ ครั้งนี้ ถือเป็นการชุมนุมภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ไม่มีเหตุการณ์รุนแรง เพียงแต่ข้อมูลที่มีการหยิบยกขึ้นมาพูดนั้นไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ดังนั้น ปตท.จะมีการรวบรวมข้อมูลเพื่อชี้แจงให้สาธารณชนเข้าใจ เพราะทุกอย่างที่ปตท.ทำนั้น เพื่อคนไทย
สำหรับข้อมูลที่ไม่สอดคล้องความจริง อาทิ กำไรของปตท.ไม่ถึง 2 แสนล้านบาท แต่มีกำไรสุทธิปีที่แล้วประมาณ 9 หมื่นกว่าล้านบาท ขณะเดียวกัน ปตท.ยังมีความเป็นรัฐวิสาหกิจ เนื่องจากรัฐถือหุ้นทั้งทางตรงและอ้อม 68% กำไรส่งคืนรัฐปีละกว่า 5-6 หมื่นล้านบาท ดังนั้นหากต้องการทวงคืน ปตท.กลับเป็นรัฐวิสาหกิจที่คลังถือหุ้น 100% คงต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของผู้ถือหุ้นใหญ่ ว่าจะทำอย่างไร
ซึ่งสถานะของปตท.ในขณะนี้ ช่วยเหลือประเทศชาติได้ดีกว่าการเป็นรัฐวิสาหกิจ 100% ที่ต้องดำเนินงานตามนโยบายรัฐ และขาดความโปร่งใส ซึ่งการเป็นบมจ.ปตท. ทำให้สามารถระดมทุนได้ดีกว่า ทำให้ปตท.เข้มแข็ง สู้บริษัทข้ามชาติได้
ที่ผ่านมาบอร์ดปตท.ได้ดำเนินการจัดหาปิโตรเลียม เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ภายในประเทศมาโดยตลอด มีการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทรัพย์สิน การลดการพึ่งพาการนำเข้าควบคู่กับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมไปด้วยกัน
สหพันธ์ฯ ขนส่งให้กำลังใจ ปตท.
วานนี้ (25 ก.ค.) ตัวแทนกลุ่มสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย สมาคมขนส่งทางบก และสมาคมขนส่งสินค้า ประมาณ 20 คนได้เดินมาให้กำลังใจปตท. เนื่องจากเห็นว่า ปตท.มีส่วนช่วยให้สมาคมฯมีก๊าซเอ็นจีวี ใช้ในช่วงที่ราคาน้ำมันแพง โดยปตท.เข้ามาช่วยเหลือด้านราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ