xs
xsm
sm
md
lg

“น้องเขยแม้ว”จี้สมัครดึงคนเก่งกู้ภาพรัฐบาล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวเปิดงานสัมมนา เชิงนโยบายและเชิงปฏิบัติการเรื่อง 1ล้านไร่ มิติใหม่ที่ราชพัสดุ ตอนหนึ่งว่า นโยบายดังกล่าวจะเป็นการนำที่ดินราชพัสดุมาให้กับประชาชนที่ไม่มีที่ทำกินเช่า เป็นทำกินและที่อยู่อาศัย เพื่อเป็นการเพิ่มผลผลิตด้านอาหารและพลังงาน นอกจากนั้นตนยังสนับสนุนการสร้างเขื่อนเพราะเขื่อนมีประโยชน์หลายอย่าง เช่นป้องกันน้ำท่วม ทำการเกษตร ผลิตกระแสไฟฟ้า
วิกฤติการณ์ทั้งหลายในบ้านเมืองขอให้ไว้วางใจผม ผมจะดูแลและจัดการขอให้ท่านทั้งหลายทำงานต่อไป ถึงผมไม่อยู่ท่านก็ทำงานต่อไปได้ แต่ผมยังอยู่ ไม่ต้องห่วง ยังทำงานอยู่กับท่านและดูแลเรื่องนี้ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดงานดังกล่าวเสร็จแล้ว ผู้สื่อข่าวได้พยายามซักถามถึงการที่พูดในการเปิดงานยืนยันสามารถจัดการวิกฤติการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้นได้เป็นเพราะมั่นใจว่าสถานการณ์ต่างๆ ว่าไม่มีอะไรรุนแรงใช้หรือไม่ นายสมัคร ซึ่งมีสีหน้ายิ้มแย้มปฎิเสธที่จะต้องคำถาม โดยยกมือขึ้นมาเป็นสัญลักษณ์ ก่อนจะเดินขึ้นรถทันที

สมชายจี้หมักจัดคนเหมาะสมนั่งรมต.
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับ ครม.ว่า ไม่น่ากังวล ประกาศเมื่อไหร่ก็คงทราบ ในส่วนของ ความเคลื่อนไหวในพรรคพลังประชาชนก็เป็นธรรมชาติของการปรับ ครม.ทุกครั้ง และเป็นธรรมชาติของปุถุชน ถ้ามีตำแหน่งว่างคนก็อยากเป็น เมื่ออยากเป็นก็ต้องมาแสดง วิสัยทัศน์ หรือทัศนะของตัวเองเพื่อให้เห็นว่ามีความสามารถ มีการเสนอตัว ถือเป็นเรื่องปกติแต่สุดท้ายนายกรัฐมนตรีจะเป็นคนเลือกและภายในพรรคได้ตกลงกันแล้วว่าให้นายกรัฐมนตรีเป็นคนจัดการ เมื่อนายกรัฐมนตรีเลือกใครก็ให้ยุติตามนั้น ระหว่างนี้ก็เป็นการเสนอตัวกัน ทั้งนี้หากนายกรัฐมนตรีเลือกแล้ว มั่นใจและรับรองได้ว่า ทุกอย่างยุติแน่นอน ไม่มีปัญหา
เราหวังว่า จะดำเนินการเพื่อให้ได้คนที่เหมาะสมมาบริหาร ทำให้ประชาชนได้ประโยชน์มากกว่า ไม่ใช่เรื่องที่ว่าจะต้องเป็นตัวเรา ถ้าเป็นตัวเมื่อไปเปรียบกับคนอื่นแล้วท่านเลือกคนอื่น เพราะคนอื่นมีความสามารถกว่าก็ต้องยอมรับ

ยืนยันหมดยุคโควต้ากลุ่มแล้ว
นายสมชาย ยืนยันว่าจะไม่มีเรื่องโควต้าในตำแหน่งรัฐมนตี เพราะไม่มีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่บังเอิญมาพูดกันว่าฝั่งนั้นจะมาฝั่งนี้น่าจะมา ก็เป็นปกติ โควต้าไม่มีหรอก และนายกรัฐมนตรีเองก็ไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องโควต้า
ผู้สื่อข่าวถามว่าในการปรับครม. ควรจะพิจารณาเรื่องตำแหน่งฝ่ายบริหารล้วนๆ หรือสามารถดึงคนจากฝ่ายนิติบัญญัติ เข้ามารับตำแหน่งได้ นายสมชาย กล่าว่า ได้ทั้งนั้น กฎหมายไม่ได้ห้าม ตนไม่ได้มีความสามารถที่จะพูดว่าเอาใคร เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี โดยความเห็นส่วนตัว เห็นว่าจะเอาฝ่ายนิติบัญญัติก็ได้ แต่ต้องลาออกเพื่อมารับตำแหน่ง จึงไม่ขัดกฎหมาย ไม่ได้ขัดรัฐธรรมนูญ เขาก็เคยทำกัน หลายท่านก็เคยทำมาแล้ว ในรัฐบาลก่อนๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เท่าที่ทราบตำแหน่งในการปรับ ครม.เป็นเฉพาะพรรคพลังประชาชน หรือพรรคร่วมรัฐบาลอื่นด้วย นายสมชาย กล่าวว่า ไม่ทราบอะไรเลย แต่ในส่วน พรรคพลังประชาชนปรับแน่นอน เพราะตำแหน่งรัฐมนตรีที่ว่าง สังกัดอยู่ในพรรคพลังประชาชน ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลเห็นว่า นายกรัฐมนตรี ท่านก็ให้เกียรติพรรคร่วมทั้งหลายว่าจะปรับหรือไม่ปรับให้ท่านพิจารณาเอง เพราะว่าคนที่เป็นรัฐมนตรีอยู่ตอนนี้ ก็เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถดี ถ้าจะปรับก็คงเป็นการหารือกับนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องระหว่างหัวหน้าพรรคกับหัวหน้าพรรค พวกตนก็เป็นคนที่คอยรับรู้แล้วก็วิพากษ์วิจารณ์ ไม่ได้
ส่วนถ้ามีอุบัติเหตุที่จะต้องปรับ นพ.สุรพงศ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลังออก คนที่มาแทนควรจะเป็นคนนอกหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ต้องถาม นายกรัฐมนตรี แต่ตนคิดว่าคนนอก คนในได้ทั้งนั้น ขอให้เข้ามาแล้วทำงานเข้าตาประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในวันที่ 27 ก.ค.นี้ ครม.ชุดก่อนจะนัดกินข้าวกัน เพื่อหารือถึง สถานการณ์ทางการเมือง มองว่าจะเป็นแรงกดดันให้ครม.ชุดปัจจุบันหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน ครม.ก็คนละชุด ชุดเก่าจะทำอะไรกันเป็นสิ่งที่ทำได้ เหมือนกับตนเรียนจบ วปอ. มา 10 กว่าปี ยังนัดกินข้าวกัน เป็นประจำทุกเดือน เพราะเคยบริหารราชการร่วมกันมา ว่างๆ จะพบกันก็เป็นเรื่องธรรมดา แล้วถ้าคุยกันแล้วอะไรเป็นสิ่งดีๆ จะมาแนะนำรัฐบาล จะได้เป็นแนวคิดที่เอามาดู ปรับปรุงได้ เป็นเรื่องธรรมดา ท่านคงไม่คิดมากดดันใครหรอก

เป็ดเหลิมปัดตั้งกลุ่มต่อรองปรับครม.
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ปฎิเสธเสียงวิจารณ์ที่ว่าช่วงจะมีการปรับ ครม.ให้สัมภาษณ์น้อยลงเพราะกลัวจะถูกปรับออก โดยกล่าวว่าไม่เกี่ยวกัน แต่เพราะสื่อถามในเรื่องที่ตอบไม่ได้จึงไม่ตอบ สื่อก็ไปบอกว่า ร.ต.อ.เฉลิมเปลี่ยนไป ยืนยันว่าไม่ได้เปลี่ยนยังเป็นเฉลิมคนเดิม แต่คำถามที่ถามมาตนตอบไม่ได้ เพราะเรื่องปรับ ครม.เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่หน้าที่และตนไม่มีอำนาจ
สื่อไปรายงานว่า ผมไปตั้งกลุ่มสู้กับนายเนวิน ชิดชอบ เป็นเรื่องไม่จริง เพราะว่า ตนรู้จักกับ ส.ส.ในพรรคจำนวนมาก ส่วนหนึ่งก็มาจากพรรคความหวังใหม่เดิม ก็มีการไปมาหาสู่กัน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เป็นเช่นนี้แต่ไม่มีใครสังเกตจึงไม่เป็นข่าว แต่ตอนนี้มีคนสังเกตก็เลยเป็นข่าว ยืนยันผมไม่เคยคิดตั้งกลุ่มตั้งก้อนอะไรทั้งสิ้นและผมไม่มีสิทธิ์ไปต่อรองในการปรับครม. ก็อยู่ในดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรี
ส่วนจะเกิดผลกระทบในส่วนของพรรคหรือของรมว.มหาดไทยหรือไม่นั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ได้คิดอะไร เป็นธรรมดาพรรคใหญ่ แล้วใครจะสามารถไปกดดันนายสมัคร ได้ไม่มี ตนไม่คิด และที่สำคัญนายกรัฐมนตรีไม่เคยคุยกับตนเรื่องปรับครม.เลย และไม่จำเป็นต้องมาบอก เพราะถ้าท่านเห็นจำเป็นก็สามารถตัดสินใจได้ แล้วนายกรัฐมนตรีก็ไม่ชอบให้ใครมากดดันและบังคับ ฉะนั้นตนจึงไม่เคยคิดที่จะไปกดดันท่าน หาเรื่องใส่ตัวทำไม ไม่คิดไปต่อรองหรือทำอะไร ทุกอย่างอยู่ที่นายกรัฐมนตรี
ส.ส.ในพรรคมีตั้ง 200 กว่าคน หนังสือพิมพ์ ลง 40 คน จะไปต่อรองอะไร แล้วลุงหมัก อย่าไปล้อเล่นนะ ใครไปต่อรองเดี๋ยวเจอของแข็ง ยืนยันว่าจะไม่มีการแบ่งกลุ่ม แต่ความคิดเห็นไม่เหมือนกันก็มีบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ทุกวันนี้เขามีมุ่งลวดแล้วจะไปกางมุ้งทำไมอีกให้เปลือง

สมพงษ์ยกให้เป็นหน้าที่นายกฯ
นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม ซึ่งมีกระแสข่าวว่าอาจจะย้ายสลับกับ ร.ต.อ.เฉลิม ไปนั่งเป็น รมว.มหาดไทย แล้วให้ ร.ต.อ.เฉลิม มาเป็น รมว.ยุติธรรม กล่าวว่าไม่ทราบจะปรับเปลี่ยน ครม.อย่างไร เพราะเรื่องนี้ถือเป็นสิทธิ เด็ดขาดของ นายสมัครเพียงผู้เดียว ซึ่งเชื่อว่านายสมัครคงได้เตรียมการอย่างคราวๆ แล้ว
นายสมพงษ์ กล่าวว่า ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ดำรงตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม ไม่รู้สึกอึดอัดใจในการทำหน้าที่แต่อย่างใด นอกจากนี้ เชื่อมั่นว่ากระทรวงยุติธรรมกำลังก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นในอนาคต

ปชป.เตือนนายกฯอย่าทำเสียโอกาส
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการปรับ ครม. ในวันที่ 28 ก.ค.นี้ว่า ตนอยู่คนละข้างกับนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ราบรื่นเท่าไหร่ แต่ตนเชื่อว่านายกรัฐมนตรี เป็นนักการเมืองเก่า ช่ำชองการเมืองการตัดสินใจปรับครม.ครั้งนี้ ยังคาดหวังว่าจะปรับครม.ให้มีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น เอาคนดีมีฝีมือมาทำงาน ถ้านายกรัฐมนตรีปรับครม.โดยยึดหลักเอาคนดีไปทำงาน มุ่งทำงานให้ประชาชน ตนก็คิดว่าประชาชนจะหันมาเชียร์นายกฯ ซึ่งก็จะทำให้สถานการณ์ของรัฐบาลดีขึ้น แต่ถ้าทำเหมือน 4-5 เดือนที่ผ่านมา ก็นับถอยหลังได้ คงไปไม่รอด
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีข่าวว่าจะปรับครม.12 ตำแหน่งคิดว่าเพียงพอหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่รู้ว่าจะปรับกี่ตำแหน่ง แต่รู้ว่าสิ่งที่นายกรัฐมนตรี คิดวันนี้คือ เอาคนดีมาทำงาน ไม่อย่างนั้นนายกรัฐมนตรีจะเสียโอกาส
ต่อข้อถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ควรจะถูกปรับหรือย้าย ตำแหน่งหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ตนไม่ให้ราคาร.ต.อ.เฉลิมอยู่แล้ว และคิดว่า ร.ต.อ.เฉลิมไม่เหมาะที่จะเป็นรมว.มหาดไทย เพราะไม่มีจิตวิญญาณของผู้เป็นเสนาบดี กระทรวงมหาดไทย ไม่มีจิตใจที่จะทำงานบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้ประชาชน ส่วนที่มีข่าว ว่าจะให้ย้ายไปอยู่กระทรวงยุติธรรมนั้น ก็แล้วแต่ แต่ยืนยันว่าเป็น รมว.มหาดไทย ไม่เหมาะสมแน่นอน

พปช.ปากแข็งไม่มีใครกดดันสมัคร
นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา รองโฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวว่าการปรับ ครม.ใหญ่ที่จะมีขึ้นในพรรคพลังประชาชนไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรปล่อยให้เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีตัดสินใจโดยพรรคจะไม่กดดันใดๆเพราะเชื่อว่าหลังจากรัฐบาลบริหารประเทศมา 5 เดือนแล้ว นายกรัฐมนตรี ควรจะรู้ว่า ใครทำงานเป็นอย่างไรและควรปรับรัฐมนตรีที่ไม่มีผลงานออกไป ซึ่งส่วนใหญ่ ล้วนเข้าใจดีว่าจะเป็นการปรับ ครม.ครั้งใหญ่ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศไว้ จึงเป็นโอกาสดีที่นายกรัฐมนตรีปรับ ครม.เพื่อเรียกศรัทธาโดยควรปรับเอารัฐมนตรี ที่ประชาชนยอมรับไม่ว่าเป็นบุคคลภายนอกหรือภายในเข้ามาทำงาน ในส่วนของทีมเศรษฐกิจ หรือในกระทรวงอื่นๆ
แต่การปรับ ครม.ครั้งนี้ มีข้อจำกัด ในการเชิญบุคคลภายนอกเข้ามา มีปัญหาติดขัดอย่างมาก เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้เปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน หนี้สิน การถือหุ้นการทำธุรกิจก็จะต้องลาออกทั้งหมด จึงทำให้เชิญบุคคลภายนอกเข้ามาร่วม ทำงานค่อนข้างยาก

แก้ต่างแทนเหลิมไม่ได้ตั้งกลุ่มต่อรอง
ส่วนที่มีกระแสข่าว ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย นัดกลุ่ม ส.ส. ในพรรคพลังประชาชนที่กระทรวงมหาดไทย หวังช่วยสนับสนุนให้อยู่ตำแหน่งต่อไปนั้น นายบุญจง กล่าวว่าเป็นเรื่องปกติในการนัดพบปะ เชื่อไม่ใช่รวมกลุ่มเพื่อกดดัน หรือต่อรองใดๆทั้งนี้ เพราะ ร.ต.อ.เฉลิม จะได้อยู่ในตำแหน่งเดิมต่อไปหรือไม่ สุดท้ายอำนาจการตัดสินใจอยู่ที่นายกรัฐมนตรี
รองโฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงข่าวว่าพรรคพลังประชาชน จะจัดประชุมสัมมนา ส.ส.ของพรรคก่อนเปิดสมัยประชุมสภา ในวันที่ 2-3 ส.ค.ว่า ล่าสุด พรรคได้ยกเลิกการประชุมสัมมนา ส.ส.ของพรรคแล้ว เนื่องจากมี ส.ส.ติดภารกิจ เดินทางไปศึกษาดูงานต่างประเทศกับคณะกรรมาธิการหลายคณะ ทำให้จำนวน สมาชิกเหลือน้อย อีกทั้งใกล้เปิดสมัยประชุมด้วยดังนั้น อาจจะเลื่อนไปจัดประชุมสัมมนาพรรค หลังจากเปิดสมัยประชุมสภาไปแล้ว สมาชิกอยู่กันพร้อมหน้าก่อน ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาใด ทางพรรคจะพิจารณาให้เหมาะสมต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น