นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแสดง ความรับผิดชอบทางการเมืองของ นายนพดล ปัทมะ ที่แถลงลาออก จากตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศว่า อย่างน้อยก็ทำให้กระแสการเมืองที่มีต่อนายนพด ลลดลงไปบ้าง ส่วนที่ระบุว่าเห็นแก่บ้านเมืองจึงจำเป็นต้องลาออกนั้น ตนอยากให้ นายนพดลไปบอก นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เพื่อจะได้เป็นการกระตุ้นต่อมสำนึกนายกรัฐมนตรีให้รู้ว่า นายกรัฐมนตรีจะต้องแสดงความรับผิดชอบร่วมกับนายนพดลด้วย
ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่รัฐบาลทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่มาก ในต่างประเทศนั้นรัฐบาลจะต้องลาออกทันทีแต่สำหรับประเทศไทยคงจะเรียกหาจิตสำนึกจากรัฐบาลชุดนี้ยาก ทั้งที่ทุกฝ่ายเรียกร้องให้รัฐบาลสร้างมาตราฐานทางการเมือง แต่รัฐบาลก็ยังเพิกเฉยไม่ทำตามกระแสสังคม แต่มีการเรียกประชุมพรรคพลังประชาชนเป็นการด่วน เพื่อปลุกใจลูกพรรคที่ขวัญกระเจิงต่อสถานการณ์การเมือง
นอกจากนี้นายสมัครยังได้ประกาศต่อที่ประชุมพรรคพลังประชาชนว่าจะไม่ลาออก ไม่ยุบสภา ซึ่งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะหลายครั้งที่นายกรัฐมนตรีคนนี้บอกว่าจะไม่ทำ แต่ก็มักจะทำอยู่เสมอ เช่น บอกไม่แก้รัฐธรรมนูญแต่ก็แก้ บอกว่าจะไม่เปิดสภาให้อภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่สุดท้ายก็เปิด บอกจะไม่ปรับ ครม.แต่วันนี้ก็มีท่าทีว่าจะปรับ เพราะฉะนั้นการประกาศไม่ยุบสภาไม่ลาออก ก็อาจจะไม่เป็นความจริงตามที่นายกฯพูดก็ได้
ผมคิดว่ารัฐบาลขาดความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศ เพราะสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในสังคมตลอดเวลา และปรากฏการที่น่าเป็นห่วงคือ ร.ต.อ.เฉลิม (อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย) เดินทางไปตรวจราชการที่จังหวัดต่างๆ ทั้งภาคใต้และภาคอีสานก็ถูกประชาชนขับไล่ต่อต้าน ซึ่งไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ดังนั้นรัฐบาลจะต้องคำนึงถึงเรื่องนี้โดยเฉพาะตัวนายกรัฐมนตรี ที่ ณ วันนี้คือตัวปัญหาของประเทศจริงๆ รัฐบาลเหมือนกับปูนาขาเก และขาก็หักวันละขาสองขา สุดท้ายก็จะพบจุดจบไปไม่รอด
นายเทพไท กล่าวว่าอยากจะให้สถานนะการณ์ทางการเมืองมีความชัดเจน นายกรัฐมนตรีจะต้องออกมาแถลงข้อเท็จจริงกับประชาชนไม่ใช่หนีการตอบคำถาม ของสื่อ แต่ไปพูดในรายการ สนทนาประสาสมัครแทน ซึ่งนายกรัฐมนตรี อาจมีเหตุผลสองประการ คือ 1.ไม่กล้าเผชิญหน้ากับนักข่าว กลัวโดนซักถามความจริง ก็เลยต้องการพูดฝ่ายเดียวในรายการแทน 2. เป็นการเพิ่มเรตติ้งต์รายการของตัวเอง เพื่อให้ประชาชนติดตามมากขึ้น
นายเทพไท กล่าวว่า ตนคิดว่าการประชุมพรรคพลังประชาชน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น มีสัญญาณอะไรบางอย่างที่น่ากลัว คือ ที่ประชุมหารือกันว่ารัฐธรรมนูญปี 2550 เป็นรัฐธรรมนูญที่มีปัญหา ไม่ว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นรัฐบาล ก็จะไปโยนใส่รัฐธรรมนูญอยู่ตลอดเวลา ทำให้ตนนึกถึงโฆษณาแก๊สโซฮอลล์ อะไรผิดก็แก๊สโซฮอลล์ นี่ก็เหมือนกันอะไรผิดก็รัฐธรรมนูญปี 2550
อย่างไรก็ตาม ได้มีส.ส.โยนหินถามทางขึ้นมาในที่ประชุมพรรคพลังประชาชนว่า จะมีการแก้รัฐธรรนูญปี 2550 ตนอยากให้สังคมจับตามองว่า ขณะนี้สภาผู้แทนราษฎรได้มีการตั้งกรรมาธิการการใช้รัฐธรรมูญ แต่ตนเกรงว่า คณะกรรมาธิการชุดนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่พรรคพลังประชาชนก็จะชิงแก้รัฐธรรมนูญขึ้นมาทันทีเพื่อหลีกหนีคดียุบพรรคของตัวเอง เพราะนายกรัฐมนตรีพูดเหมือนเป็นการส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง ว่าอาจจะมีการแก้รัฐธรรมนูญก่อนที่กรรมาธิการศึกษารัฐธรรมนูญจะได้ข้อยุติ
ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า นายสมัครและคนในพรรคพลังประชาชนมักจะออกมาพูดบ่อยๆเรื่อง ไอ้โม่ง หรือคนที่อยู่เบื้องหลังสถานการณ์กดดันให้รัฐบาลออกไป ตนคิดว่าเมื่อนายกรัฐมนตรีพูดอย่างนี้ตลอดเวลาทำให้สังคมสงสัย คลางแคลงใจ จึงอยากให้นายกรัฐมนตรีแถลงให้ชัดเจนว่า คนที่อยู่เบื้องหลงทำร้ายรัฐบาล คือ ใครกันแน่ เพราะการพูดครึ่งๆ กลางๆ อย่างนี้ทำให้สังคมสงสัย ทำให้สถานการณ์การเมืองอึมครึมขึ้นไปอีก ทั้งที่ทุกฝ่ายต้องการข้อเท็จจริง ดังนั้นนายกรัฐมนตรีต้องออกมาพูดกับประชาชนอย่างตรงไปตรงมาดีที่สุด
นายเทพไท กล่าวว่า ทั้งนี้ได้ประเมินว่าหลังคดีต่าง ๆ พิจารณาเสร็จ นายกรัฐมนตรีคงรอการพิจารณางบประมาณ ปี 2552 ผ่าน และอาจมีการจัดระเบียบอำนาจ โยกย้ายทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองให้เสร็จภายในกันยายน หลังจากนั้นก็ยุบสภา
นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา กล่าวถึงกระแสเรียกร้องของ ส.ส.พรรคพลังประชาชนที่จะพลักดันให้แก้ไขรัฐธรรมนูญให้ทันสมัยประชุมสภานิติบัญญัติในเดือนหน้าว่า อยู่ที่ว่าสภาฯจะหยิบยกเรื่องนี้มาพิจารณาเป็นวาระต้นหรือวาระสุดท้าย
ส่วนที่นายสมัคร สุนทรเวชระบุว่าต้องรีบแก้ไขรัฐธรรมนูญเพราะต้องรีบแก้วิกฤตทางการเมืองนั้น นายชัยกล่าวว่า การเมืองยังไม่เห็นมีอะไรเลยในขณะนี้มีแต่นายนพดล ปัมทะ ที่ลาออกจาก รมว.ต่างประเทศ และอาจจะมีการปรับครม.ใหม่ เท่านั้นเอง ซึ่งฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหารก็จะทำหน้าที่จนถึงจังหวะเวลาหนึ่ง เหตุการณ์มันจะไปตามดวงเมืองที่กำหนดไว้ เราก็ยังไม่รู้ว่าจะไปทางไหน แต่ดวงของนายสมัครตอนนี้เป็นคนดวงแข็ง
ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้ยังไม่ต้องรีบเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ นายชัยกล่าวว่า ตนไม่มีความเห็นในเรื่องนี้ มีหน้าที่เป็นคนกลาง อยู่ตรงกลาง เขาเสนอเรื่องมาก็เสนอไปตามระเบียบขั้นตอน ส่วนที่มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นก็ไม่ทราบว่าถึงไหนแล้ว
ส่วนจะต้องรอให้คณะกรรมาธิการฯชุดนี้พิจารณาให้เสร็จ แล้วค่อยเสนอร่าง แก้ไขไช่หรือไม่ นายชัย กล่าวว่า ไม่แน่นอน เพราะว่า ส.ส.เขามีเอกสิทธิ์ กฎหมาย ที่ผ่านเข้าสภาฯทุกฉบับไม่ต้องผ่านพรรคการเมือง ไม่ต้องผ่านนายกฯ นอกจากเป็น พ.ร.บ.การเงินเท่านั้น ถ้าเป็นกฎหมายธรรมดาเมื่อเสนอเข้าสภา สภาฯก็จะบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระทันที
ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่รัฐบาลทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่มาก ในต่างประเทศนั้นรัฐบาลจะต้องลาออกทันทีแต่สำหรับประเทศไทยคงจะเรียกหาจิตสำนึกจากรัฐบาลชุดนี้ยาก ทั้งที่ทุกฝ่ายเรียกร้องให้รัฐบาลสร้างมาตราฐานทางการเมือง แต่รัฐบาลก็ยังเพิกเฉยไม่ทำตามกระแสสังคม แต่มีการเรียกประชุมพรรคพลังประชาชนเป็นการด่วน เพื่อปลุกใจลูกพรรคที่ขวัญกระเจิงต่อสถานการณ์การเมือง
นอกจากนี้นายสมัครยังได้ประกาศต่อที่ประชุมพรรคพลังประชาชนว่าจะไม่ลาออก ไม่ยุบสภา ซึ่งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะหลายครั้งที่นายกรัฐมนตรีคนนี้บอกว่าจะไม่ทำ แต่ก็มักจะทำอยู่เสมอ เช่น บอกไม่แก้รัฐธรรมนูญแต่ก็แก้ บอกว่าจะไม่เปิดสภาให้อภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่สุดท้ายก็เปิด บอกจะไม่ปรับ ครม.แต่วันนี้ก็มีท่าทีว่าจะปรับ เพราะฉะนั้นการประกาศไม่ยุบสภาไม่ลาออก ก็อาจจะไม่เป็นความจริงตามที่นายกฯพูดก็ได้
ผมคิดว่ารัฐบาลขาดความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศ เพราะสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในสังคมตลอดเวลา และปรากฏการที่น่าเป็นห่วงคือ ร.ต.อ.เฉลิม (อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย) เดินทางไปตรวจราชการที่จังหวัดต่างๆ ทั้งภาคใต้และภาคอีสานก็ถูกประชาชนขับไล่ต่อต้าน ซึ่งไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ดังนั้นรัฐบาลจะต้องคำนึงถึงเรื่องนี้โดยเฉพาะตัวนายกรัฐมนตรี ที่ ณ วันนี้คือตัวปัญหาของประเทศจริงๆ รัฐบาลเหมือนกับปูนาขาเก และขาก็หักวันละขาสองขา สุดท้ายก็จะพบจุดจบไปไม่รอด
นายเทพไท กล่าวว่าอยากจะให้สถานนะการณ์ทางการเมืองมีความชัดเจน นายกรัฐมนตรีจะต้องออกมาแถลงข้อเท็จจริงกับประชาชนไม่ใช่หนีการตอบคำถาม ของสื่อ แต่ไปพูดในรายการ สนทนาประสาสมัครแทน ซึ่งนายกรัฐมนตรี อาจมีเหตุผลสองประการ คือ 1.ไม่กล้าเผชิญหน้ากับนักข่าว กลัวโดนซักถามความจริง ก็เลยต้องการพูดฝ่ายเดียวในรายการแทน 2. เป็นการเพิ่มเรตติ้งต์รายการของตัวเอง เพื่อให้ประชาชนติดตามมากขึ้น
นายเทพไท กล่าวว่า ตนคิดว่าการประชุมพรรคพลังประชาชน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น มีสัญญาณอะไรบางอย่างที่น่ากลัว คือ ที่ประชุมหารือกันว่ารัฐธรรมนูญปี 2550 เป็นรัฐธรรมนูญที่มีปัญหา ไม่ว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นรัฐบาล ก็จะไปโยนใส่รัฐธรรมนูญอยู่ตลอดเวลา ทำให้ตนนึกถึงโฆษณาแก๊สโซฮอลล์ อะไรผิดก็แก๊สโซฮอลล์ นี่ก็เหมือนกันอะไรผิดก็รัฐธรรมนูญปี 2550
อย่างไรก็ตาม ได้มีส.ส.โยนหินถามทางขึ้นมาในที่ประชุมพรรคพลังประชาชนว่า จะมีการแก้รัฐธรรนูญปี 2550 ตนอยากให้สังคมจับตามองว่า ขณะนี้สภาผู้แทนราษฎรได้มีการตั้งกรรมาธิการการใช้รัฐธรรมูญ แต่ตนเกรงว่า คณะกรรมาธิการชุดนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่พรรคพลังประชาชนก็จะชิงแก้รัฐธรรมนูญขึ้นมาทันทีเพื่อหลีกหนีคดียุบพรรคของตัวเอง เพราะนายกรัฐมนตรีพูดเหมือนเป็นการส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง ว่าอาจจะมีการแก้รัฐธรรมนูญก่อนที่กรรมาธิการศึกษารัฐธรรมนูญจะได้ข้อยุติ
ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า นายสมัครและคนในพรรคพลังประชาชนมักจะออกมาพูดบ่อยๆเรื่อง ไอ้โม่ง หรือคนที่อยู่เบื้องหลังสถานการณ์กดดันให้รัฐบาลออกไป ตนคิดว่าเมื่อนายกรัฐมนตรีพูดอย่างนี้ตลอดเวลาทำให้สังคมสงสัย คลางแคลงใจ จึงอยากให้นายกรัฐมนตรีแถลงให้ชัดเจนว่า คนที่อยู่เบื้องหลงทำร้ายรัฐบาล คือ ใครกันแน่ เพราะการพูดครึ่งๆ กลางๆ อย่างนี้ทำให้สังคมสงสัย ทำให้สถานการณ์การเมืองอึมครึมขึ้นไปอีก ทั้งที่ทุกฝ่ายต้องการข้อเท็จจริง ดังนั้นนายกรัฐมนตรีต้องออกมาพูดกับประชาชนอย่างตรงไปตรงมาดีที่สุด
นายเทพไท กล่าวว่า ทั้งนี้ได้ประเมินว่าหลังคดีต่าง ๆ พิจารณาเสร็จ นายกรัฐมนตรีคงรอการพิจารณางบประมาณ ปี 2552 ผ่าน และอาจมีการจัดระเบียบอำนาจ โยกย้ายทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองให้เสร็จภายในกันยายน หลังจากนั้นก็ยุบสภา
นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา กล่าวถึงกระแสเรียกร้องของ ส.ส.พรรคพลังประชาชนที่จะพลักดันให้แก้ไขรัฐธรรมนูญให้ทันสมัยประชุมสภานิติบัญญัติในเดือนหน้าว่า อยู่ที่ว่าสภาฯจะหยิบยกเรื่องนี้มาพิจารณาเป็นวาระต้นหรือวาระสุดท้าย
ส่วนที่นายสมัคร สุนทรเวชระบุว่าต้องรีบแก้ไขรัฐธรรมนูญเพราะต้องรีบแก้วิกฤตทางการเมืองนั้น นายชัยกล่าวว่า การเมืองยังไม่เห็นมีอะไรเลยในขณะนี้มีแต่นายนพดล ปัมทะ ที่ลาออกจาก รมว.ต่างประเทศ และอาจจะมีการปรับครม.ใหม่ เท่านั้นเอง ซึ่งฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหารก็จะทำหน้าที่จนถึงจังหวะเวลาหนึ่ง เหตุการณ์มันจะไปตามดวงเมืองที่กำหนดไว้ เราก็ยังไม่รู้ว่าจะไปทางไหน แต่ดวงของนายสมัครตอนนี้เป็นคนดวงแข็ง
ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้ยังไม่ต้องรีบเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ นายชัยกล่าวว่า ตนไม่มีความเห็นในเรื่องนี้ มีหน้าที่เป็นคนกลาง อยู่ตรงกลาง เขาเสนอเรื่องมาก็เสนอไปตามระเบียบขั้นตอน ส่วนที่มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นก็ไม่ทราบว่าถึงไหนแล้ว
ส่วนจะต้องรอให้คณะกรรมาธิการฯชุดนี้พิจารณาให้เสร็จ แล้วค่อยเสนอร่าง แก้ไขไช่หรือไม่ นายชัย กล่าวว่า ไม่แน่นอน เพราะว่า ส.ส.เขามีเอกสิทธิ์ กฎหมาย ที่ผ่านเข้าสภาฯทุกฉบับไม่ต้องผ่านพรรคการเมือง ไม่ต้องผ่านนายกฯ นอกจากเป็น พ.ร.บ.การเงินเท่านั้น ถ้าเป็นกฎหมายธรรมดาเมื่อเสนอเข้าสภา สภาฯก็จะบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระทันที