“เทพไท” แฉเล่ห์ “หมัก” เร่งแก้รัฐธรรมนูญก่อน กมธ.ศึกษาจะได้ข้อสรุป เพื่อหนีความผิดของตัวเอง ฟันธงรัฐบาลวางหมากยุบสภา ไม่เกิน ก.ย.หลังผ่านงบปี 52 ผ่าน-จัดโผโยกย้ายเสร็จ จี้ ครม.รับผิดชอบตาม “นพดล” บี้ให้เผยคนที่อยู่เบื้องหลังทำร้ายรัฐบาล อย่าพูดครึ่งๆ กลางๆ ทำให้สังคมสงสัย
วันนี้ (11 ก.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแถลงลาออกจากตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ ของ นายนพดล ปัทมะ ว่า อย่างน้อยก็ทำให้กระแสการเมืองที่มีต่อ นายนพดล ลดลงไปบ้าง ส่วนที่ นายนพดล อ้างว่า เพราะเห็นแก่บ้านเมืองจึงจำเป็นต้องลาออกนั้น ตนอยากให้ นายนพดล ไปบอก นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เพื่อจะได้เป็นการกระตุ้นต่อมนายกฯให้รู้ว่า นายกฯจะต้องแสดงความรับผิดชอบร่วมกับนายนพดลด้วย
ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่รัฐบาลทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่มาก ในต่างประเทศนั้นรัฐบาลจะต้องลาออกทันที แต่สำหรับประเทศไทยคงจะเรียกหาจิตสำนึกจากรัฐบาลชุดนี้ยาก ทั้งที่ทุกฝ่ายเรียกร้องให้รัฐบาลสร้างมาตรฐานทางการเมือง แต่รัฐบาลก็ยังเพิกเฉยไม่ทำตามกระแสสังคม มีการเรียกประชุมพรรคพลังประชาชนเป็นการด่วน เพื่อปลุกใจลูกพรรคที่ขวัญกระเจิงต่อสถานการณ์การเมือง
นอกจากนี้ นายสมัคร ยังได้ประกาศต่อที่ประชุมพรรคว่าจะไม่ลาออก ไม่ยุบสภา ซึ่งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะหลายครั้งที่นายกฯ คนนี้บอกว่าจะไม่ทำ แต่ก็มักจะทำอยู่เสมอ เช่น บอกไม่แก้รัฐธรรมนูญแต่ก็แก้ บอกว่าจะไม่เปิดสภาให้อภิปรายไม่ไว้วางใจแต่สุดท้ายก็เปิด บอกจะไม่ปรับ ครม.แต่วันนี้ก็มีท่าทีว่าจะปรับ เพราะฉะนั้นการประกาศไม่ยุบสภาไม่ลาออก ก็อาจจะไม่เป็นความจริงตามที่นายกฯพูดก็ได้
“ผมคิดว่ารัฐบาลขาดความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศ เพราะสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในสังคมตลอดเวลา และปรากฏการณ์ที่น่าเป็นห่วง คือ ร.ต.อ.เฉลิม (อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย) เดินทางไปตรวจราชการที่จังหวัดต่างๆ ทั้งภาคใต้และภาคอีสานก็ถูกประชาชนขับไล่ต่อต้าน ซึ่งไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ดังนั้น รัฐบาลจะต้องคำนึงถึงเรื่องนี้โดยเฉพาะตัวนายกฯ ที่ ณ วันนี้ คือ ตัวปัญหาของประเทศจริงๆ รัฐบาลเหมือนกับปูนาขาเก และขาก็หักวันละขาสองขา สุดท้ายก็จะพบจุดจบไปไม่รอด ผมอยากจะให้สถานการณ์ทางการเมืองมีความชัดเจน นายกฯ จะต้องออกมาแถลงข้อเท็จจริงกับประชาชนไม่ใช่หนีการตอบคำถามของสื่อ แต่ไปพูดในรายการ “สนทนาประสาสมัคร” แทน ซึ่งนายกฯ อาจมีเหตุผลสองประการ คือ 1.ไม่กล้าเผชิญหน้ากับนักข่าว กลัวโดนซักถามความจริง ก็เลยต้องการพูดฝ่ายเดียวในรายการแทน 2.เป็นการเพิ่มเรตติ้งรายการของตัวเองเพื่อให้ประชาชนติดตามมากขึ้น” นายเทพไท กล่าว
นายเทพไท กล่าวว่า การประชุมพรรคพลังประชาชน เมื่อวันพฤหัสที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น มีสัญญาณอะไรบางอย่างที่น่ากลัว คือ ที่ประชุมหารือกันว่ารัฐธรรมนูญปี 2550 เป็นรัฐธรรมนูญที่มีปัญหา ไม่ว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นรัฐบาลก็จะไปโยนใส่รัฐธรรมนูญอยู่ตลอดเวลา ทำให้ตนนึกถึงโฆษณาแก๊สโซฮอล์ อะไรผิดก็แก๊สโซฮอล์ นี่ก็เหมือนกันอะไรผิดก็รัฐธรรมนูญปี 50 อย่างไรก็ตาม ได้มี ส.ส.โยนหินถามทางขึ้นมาในที่ประชุมพรรคพลังประชาชน ว่า จะมีการแก้รัฐธรรมนูญปี 50 ตนอยากให้สังคมจับตามองว่า ขณะนี้สภาผู้แทนราษฎรได้มีการตั้งกรรมาธิการการใช้รัฐธรรมนูญ แต่ตนเกรงว่ากรรมาธิการชุดนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่พรรคพลังประชาชนก็จะชิงแก้รัฐธรรมนูญขึ้นมาทันที เพื่อหลีกหนีคดียุบพรรคของตัวเอง เพราะนายกฯ พูดเหมือนเป็นการส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง ว่าอาจจะมีการแก้ รธน.ก่อนที่กรรมาธิการศึกษา รธน.จะได้ข้อยุติ
ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายสมัคร และคนในพรรคพลังประชาชนมักจะออกมาพูดบ่อยๆ เรื่อง “ไอ้โม่ง” หรือคนที่อยู่เบื้องหลังสถานการณ์กดดันให้รัฐบาลออกไป ตนคิดว่า เมื่อนายกฯ พูดอย่างนี้ตลอดเวลาทำให้สังคมสงสัย คลางแคลงใจ จึงอยากให้นายกฯ แถลงให้ชัดเจนว่า คนที่อยู่เบื้องหลังทำร้ายรัฐบาล คือ ใครกันแน่ เพราะการพูดครึ่งๆ กลางๆ อย่างนี้ทำให้สังคมสงสัย ทำให้สถานการณ์การเมืองอึมครึมขึ้นไปอีก ทั้งที่ทุกฝ่ายต้องการข้อเท็จจริง ดังนั้น นายกฯ ต้องออกมาพูดกับประชาชนอย่างตรงไปตรงมาดีที่สุด
ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ทั้งนี้ ได้ประเมินว่าหลังคดีต่างๆ พิจารณาเสร็จ นายกฯ คงรองบปี 2552 ผ่าน และอาจมีการจัดระเบียบอำนาจโยกย้ายทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองให้เสร็จภายในกันยายน หลังจากนั้น ก็ยุบสภา