“ชูศักดิ์” หาช่องเอาตัวรอดให้ ครม.สั่งกระทรวงต่างประเทศ ดูรายละเอียดแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ตรงตามมติ ครม.หรือไม่ ไม่หนุนนายกฯ ยุบสภาหนีปัญหา ชี้ปรับ ครม.ไม่ต้องรอคดี “วิรุฬ” ซุกหุ้น ด้าน “น้องเขยแม้ว” บอกปรับไม่ปรับขึ้นอยู่กับนายกฯ
เช้าวันนี้ (10 ก.ค.) นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สังคมออกมาเรียกร้องความรับผิดชอบ นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กรณีลงนามร่วมกัมพูชายินยอมให้ขึ้นทะเบียนมรดกโลก ประสาทพระวิหาร ขัดมาตรา 190 ว่า ทางพรรคพลังประชาชนไม่ได้มีการพูดถึง หรือมีมติในเรื่องนี้แต่อย่างใด ทางพรรคเพียงแต่ฝากให้กระทรวงการต่างประเทศช่วยดู ว่า มติที่ออกมาตรงกับมติคณะรัฐมนตรีที่ขอการอนุมัติไปหรือไม่ ถ้าไม่ตรงกันก็อาจจะมีช่องทางที่จะสงวนหรือทักท้วงอะไรก็ว่ากันไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า กระแสสังคมและพรรคร่วมรัฐบาลออกมา บอกว่า นายนพดล ควรจะพิจารณาตัวเอง เพื่อลดปัญหาทั้งหลาย นายชูศักดิ์ กล่าวว่า คิดว่าเป็นดุลพินิจที่นายนพดลจะไตร่ตรองเอง โดยมารยาทต่างๆ ตนไม่สามารถที่จะไปพูดว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้
เมื่อถามว่า คณะกรรมการบริหารพรรคจะเลือกแนวทางไหนในการแก้ไขปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า มีคนเสนอหลายแนวทาง ในที่สุด นายกฯ บอกว่า คิดว่าจะสามารถประคับประคองและบริหารชาติบ้านเมืองไปได้ ในช่วงนี้ที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อต่างๆ คิดว่าคงต้องทำงานกันด้วยความเข้มแข็งต่อไป ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็แก้กันไปตามกระบวนการของกฎหมาย
เมื่อถามว่า ทำไมรัฐบาลถึงคิดว่าจะมีทางออกได้เมื่อปัญหาค่อนข้างจะรุนแรงพอสมควร นายชูศักดิ์ กล่าวว่า สื่ออาจจะมองว่ามีปัญหามาก แต่ปัญหาทุกอย่างทีเกิดขึ้นก็แก้ได้ทั้งนั้น รัฐมนตรีพ้นไปเราก็ตั้ง ครม.ขึ้นมาใหม่ ปัญหาประสาทพระวิหารก็ตรวจสอบดูว่ามีอะไรที่ขาดตกบกพร่องก็แก้กันไป ส่วนปัญหาของพรรคก็สู้กันไปตามกระบวนการของกฎหมาย ไม่เห็นมีอะไรที่ที่ทำไม่ได้
เมื่อถามว่า หลายฝ่ายมองว่าความเชื่อมั่นทางการเมืองในการบริหารบ้านเมืองหมดไปแล้ว นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เขาสามารถจะพูดได้ แต่ขณะนี้ต้องบอกว่าภาพทางการเมืองขณะนี้โดยผลจากรัฐธรรมนูญโดยผลที่เป็นอยู่มันก็มีข้อจำกัดอยู่อย่างนี้ ทั้งโดยพรรคร่วมและพรรคฝ่ายค้านต่างมีข้อจำกัด ตนคิดว่าหากเราเห็นข้อจำกัดเหล่านี้ต้องเข้าใจว่ารัฐบาลจำเป็นต้องบริหารชาติบ้านเมืองและทำงานอย่างเต็มที่
เมื่อถามว่า รัฐบาลจะเพิ่มศักยภาพอย่างไรหากทำงานกันแบบนี้ต่อไป คงตายแน่ๆ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า จริงก็ทำกันเต็มที่ ทำกันหลายส่วนโดยเฉพาะภาคเศรษฐกิจ เพียงแต่มีปัญหาทางการเมือง เมื่อถามว่า ไม่ใช่ปัญหาความไม่เชื่อมั่นของคนในประเทศอย่างเดียวแต่ปัญหาที่ต่างประเทศก็ขาดความเชื่อมั่นในตัวรัฐบาลส่งผลกระทบต่อการลงทุนและเศรษฐกิจในวงกว้างตามมา
นายชูศักดิ์ กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้พูดมานานแล้วว่าเราต้องแก้ปัญหาทางการเมืองให้ได้ ความเชื่อมั่นถึงจะกลับมา แต่ขณะนี้เราก็ทำงานกันเต็มกำลังความสามารถ แต่เรื่องความเชื่อมั่นนั้นทำอย่างไรที่จะให้การเมืองเรียบร้อย นิ่ง ทุกวันนี้เหมือนกับว่าเรามุ่งเน้นกันแต่ปัญหาทางการเมือง จะยุบพรรคกันไหม จะแก้รัฐธรรมนูญไหม มาตรา 190 จะทำอย่างไร ล้วนแต่เป็นปัญหาทางการเมือง หากเรามุ่งแต่ปัญหานี้ก็ตกไปที่เรื่องความเชื่อมั่น ซึ่งเศรษฐกิจวันนี้เราก็ทำหลายเรื่องที่เป็นเรื่องสำคัญ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะทีมกฎหมายมองทางออกเรื่องนี้ไว้อย่างไร นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าให้กระบวนการกฎหมายมันเดินไป ก็ว่ากันไปตามนั้น ซึ่งมันก็เดินไปได้ และสุดท้ายพรรคจะถูกยุบหรือไม่ยุบก็ว่ากันไป ตามกระบวนการ มันไม่มีทางแก้ปัญหาในทางอื่น อย่างในพรรคพลังประชาชนมี ส.ส.บางท่านบอกให้ยุบสภา ตนยังบอกว่าไม่เห็นด้วย ซึ่งก็พูดตรงไปตรงมาอย่างนี้ เพราะการยุบสภาไม่ใช่ทางออก และสภาก็เพิ่งมีมาได้เพียง 4-5 เดือนเท่านั้น ดังนั้นหากปล่อยให้กระบวนการทั้งหลายเดินไปตามกระบวนการของมัน ท้ายที่สุดถ้ารัฐบาลเห็นว่ามีรัฐมนตรีขาดไปก็รีบปรับ ครม.หรืออะไรก็ว่ากันไป อย่างนี้บ้านเมืองมันก็จะไปได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการปรับ ครม.จะสามารถนำทีมงานที่มีความสามารถเข้ามาทำงานได้อย่างไร นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าขณะนี้นายกฯ คงกำลังคิดอยู่ว่าจะปรับอย่างไร อาจจะดึงคนที่มีความรู้ความสามารถต่างๆ เข้ามาก็ว่ากันไป มันก็ไปได้
“ตอนนี้ นายไชยา ก็มีอันต้องพ้นไป มันก็มีเหตุผลแล้วล่ะที่จะต้องรีบปรับ ครม.และผมคิดว่าคงไม่จำเป็นต้องรอกรณีของ คุณวิรุฬ เตชะไพบูลย์ อีกคนที่กำลังรอการพิจารณาของศาลอยู่ แต่ถึงอย่างไรก็อยากให้เป็นดุลพินิจของนายกฯในการพิจารณา เพียงแต่ส่วนตัวผมเห็นว่าขณะนี้มันมีความจำเป็นแล้ว เพราะมีรัฐมนตรีที่ขาดอยู่หลายคนแล้ว ถึงเวลาที่ต้องมีการดำเนินการเรื่องนี้แล้ว” รองนายกฯ กล่าว
ต่อข้อถามที่ว่าเป็นห่วงคดีของรัฐมนตรี หรือนายกรัฐมนตรี ที่ติดอยู่ในศาลหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ได้ห่วงอะไร ต้องคิดว่าให้ทุกอย่างว่ากันไปตามกระบวนการทางกฎหมาย เราก็ไม่จำเป็นต้องไปห่วงอะไร และเมื่อผลออกมาอย่างไร เราก็ยอมรับในผลนั้นๆ ก็ว่ากันไป
เมื่อถามว่า รัฐบาลชุดนี้จะเป็นรัฐบาลชุดแรกที่ฉลองรัฐธรรมนูญใหม่ คือ ต้องพ้นไป เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า มันก็เป็นปัญหาข้อกฎหมายอีก ถ้าไปดูรัฐธรรมนูญ ก็ไม่เห็นมีให้ถอดถอนคณะรัฐมนตรี ดังนั้น ก็ต้องมาตีความกันอีก แต่สำหรับส่วนตัวนั้นไม่มีปัญหาหากจะมีการถอดถอน เพียงแต่อยากรู้ว่าข้อหาอะไร ทำผิดอะไรจึงมาถอดถอน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนเมื่อวานมีการประเมินกระแสสังคมหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า กระแสสังคมขณะนี้มันก็ชัดเจนว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นต้องยอมรับว่าเริ่มมาตั้งแต่ก่อนมีการปฏิวัติจน มีการปฏิวัติและทำรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งก็สามารถสรุปได้ว่าผลพวงทั้งหลายนี้ก็เป็นผลต่อเนื่อง ติดพันกันมา ซึ่งกระแสสังคมขณะนี้ตนคิดว่าประชาชนก็คงสับสนพอสมควร แต่ยืนยันว่ารัฐบาลนี้ก็ทำงานกันอย่างเต็มที่ ทำปัญหาการเมืองให้น้อยหน่อย
ด้าน นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรี ว่า ตนเพิ่งทราบว่าวันนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และส.ส.ของพรรคพลังประชาชน อย่างไรก็ตาม เรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีคงเป็นการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีเท่านั้น ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ขณะเดียวกัน กรณีของ นายนพดล จะถูกปรับออกหรือไม่นั้น เป็นการตัดสินใจของนายกฯ ซึ่งคงจะมีการนำไปชี้แจงในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคด้วย