“ชมชาย”บ่น ม.190 ทำให้งานด้านต่างประเทศยากขึ้น เร่ง “หมัก”รีบหา รมว.ต่างประเทศคนใหม่ อ้างตัวปลอมทำอะไรก็ไม่เหมือนตัวจริง ส่วนการปรับครม.ใหญ่ มั่นใจไม่กระทบงานรัฐบาล เชื่อ นายกฯ ดูคนมีความสามารถ เพื่อเพิ่มภาพลักษณ์
รัฐบาลชุดนายสมัคร สุนทรเวช ยังคงพยายามให้เห็นว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 190 ก่อให้เกิดปัญหาในการบริหารงาน โดยในวันนี้(16ก.ค.) นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะมอบหมายให้รองนายกฯ คนใดคนหนึ่งไปเป็นตัวแทนประชุมรัฐมนตรีอาเซียน ที่ประเทศสิงคโปร์ หากนายกฯ มอบหมายให้ตนไป ก็ต้องไป ส่วนที่เกรงกันว่าจะขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 หรือไม่นั้น คงต้องหารือกันก่อน
”เรื่องอย่างนี้เมื่อก่อนไม่ค่อยเกิดขึ้น ประธานอาเซียนคิดว่าเมื่อก่อนเราก็เคยเป็น มันก็มีแนวทางปฏิบัติต่อๆ กันมาว่าเป็นอย่างไร สิ่งนี้เป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อาเซียนมี 10 ประเทศ ก็ทำกันมา แนวทางก็คงเป็นทำนองเดียวกัน แต่บังเอิญว่าประเทศเรามีความเห็นแตกต่างเกิดขึ้นในระยะหลัง จึงทำให้การทำงานยากขึ้น”นายสมชายกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นเพราะรัฐธรรมนูญปี 2550 หรือไม่ นายสมชายตอบว่า ก็เป็นส่วนหนึ่ง เพราะต้องยอมรับว่า มันทำอะไรไม่ได้เลย ลำบากไปหมด เราไม่อยากให้กระทบกระเทือนความร่วมมือที่มีอยู่กับนานาชาติ หรืออาเซียน ดังนั้นก่อนที่จะไปดำเนินการในเรื่องใดๆ จะต้องปรึกษาหารือกันให้ถ่องแท้ก่อน ถ้าคิดว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง และเป็นประโยชน์ของประเทศชาติ เราก็ต้องทำ ถ้าหากมีอะไรภายหลัง บางครั้งคนที่ไปทำงานก็อึดอัดบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา แต่บางครั้งประโยชน์ของประเทศชาติเราก็ต้องคำนึงถึง ทั้งเกียรติภูมิและประโยชน์ของชาติซึ่งสำคัญที่สุด และเราต้องนึกถึงก่อนเพราะฉะนั้นก่อนจะทำอะไรลงไปต้องมีการปรึกษากันให้รอบคอบ
เมื่อถามว่า จะต้องหารือกับประธานสภาก่อนหรือไม่ นายสมชายตอบว่า อาจต้องหารือหลายฝ่าย แต่จะต้องถึงประธานสภาหรือไม่นั้น ไม่แน่ใจ เพราะไม่รู้ว่าจะมาให้คำปรึกษาเราได้หรือไม่ แค่คงต้องถามผู้รู้ก่อน แต่ก็ยอมรับว่าเวลากระชั้นชิดมาก แต่เรื่องการประชุมแบบนี้ถือเป็นปกติที่เคยทำมาอยู่แล้ว ก็คงจะดูแนวทางเก่าว่าทำแล้วไม่มีปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเทศไทยต้องเป็นประธานอาเซียนในปีนี้ นายกฯ ควรรีบตั้ง รมว.ต่างประเทศขึ้นมาทำหน้าทีก่อนหรือไม่ นายสมชายตอบว่า ก็เห็นนายกฯ บอกจะรีบตั้งรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่างเร็วๆ นี้ ความจริงนายกฯ สามารถตั้งรองนายกฯมาปฏิบัติหน้าที่แทนได้ ซึ่งในส่วนของกระทรวงต่างประเทศ นายสหัส บัณฑิตกุล รองนายกฯ จะเป็นผู้ปฏิบัติแทน แต่ยังไม่ทราบว่านายกฯจะมอบหมายให้ใครหรือไม่ แต่ก็คงต้องยอมรับว่าการส่งตัวแทนไป อาจไม่ดีเท่าตัวจริง เพราะอาจไม่มีประสบการณ์ความรู้ รวมถึงข้อมูลต่างๆ ถ้าหากตั้งตัวจริงได้ทัน ก็คงแก้ปัญหาไปได้เยอะ เชื่อว่านายกฯคงรีบเร่งอยู่แล้ว
นายสมชาย ยังกล่าวถึงการปรับ ครม.ที่นายสมัครบอกว่าจะปรับหลังวันที่ 28 ก.ค.ว่า เป็นอำนาจของนายกฯ ซึ่งครม.ยังไม่ได้หารืออะไรกัน แต่ในส่วนของพรรคพลังประชาชนได้มอบสิทธิให้นายกฯ ปรับเต็มที่ พรรคอื่นไม่เกี่ยว เป็นเรื่องที่เขาจะจัดสรรมา
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะคุยกันในวันที่ 26-27 ก.ค. นี้ นายสมชายตอบว่า วันดังกล่าวเป็นการสัมมนา ส.ส.พรรค ถ้าจะคุยน่าจะคุยกันในคณะกรรมการบริหารพรรค ไม่ใช่ ส.ส.ทั้งหมด แต่เป็นไปได้ว่าอาจจะใช้โอกาสนี้ประชุมกรรมการบริหารพรรค เพราะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา
เมื่อถามว่า การปรับ ครม.ใหญ่ครั้งนี้จะมีผลกระทบต่อการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า ไม่กระทบหรอก เพราะมันจำเป็นต้องปรับ เพื่อให้สมบูรณ์ ไม่ให้ฟันหลอ ถ้าเอาคนทำการแทนมันก็ไม่ใช่ตัวจริง ทำอะไรก็ไม่ถนัด เมื่อถามว่า จะมีปัญหาในเรื่องของกลุ่มต่าง ๆ ในพรรคที่ไม่ยอมให้ปรับคนของตัวเองหรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า นายกฯ เชี่ยวชาญทางนี้ คงจัดการได้ จริงๆ แล้วตนไม่ได้ยินว่ามีเรื่องโควตา มีแต่เพียงการพูดกันว่าครม.ต้องมาจากหลายฝ่าย แต่ต้องเป็นคนมีความรู้ความสามารถ ไม่ใช่เอาใครมาก็ได้ มันไม่ได้เรียกว่าโควตา เป็นการหาคนที่เหมาะสม ซึ่งถ้าได้พิจารณาในวงกว้างก็ย่อมหาคนได้มากขึ้น อย่าไปจำกัดโควตา
ส่วนที่มองกันว่าอาจจะมีการปรับ ครม.โดยนำคนใกล้ชิด พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มาเป็นรัฐมนตรี นายสมชาย กล่าวว่า อย่าไปมองว่าใกล้ชิดหรือไม่ ขอให้มองว่าคนๆ นั้นมาทำประโยชน์เพื่อส่วนตัวเขาหรือไม่ ถ้าไปดูเฉพาะในแง่คนใกล้ชิด แต่เข้าเก่งและเหมาะสม ก็คิดว่าอย่าไปรังเกียจ ถ้าคิดว่าเป็นญาติตนแล้วเข้ามาต้องไม่ดีเสมอไป ก็จะเป็นการไปตัดโอกาสของเขา ความใกล้ชิดมันห้ามกันไม่ได้ แต่ต้องดูการปฏิบัติตัว และความรู้ความสามารถของเขา
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมามันก็เห็นเหมือนกันว่าคนใกล้ชิดบางคนที่เอาเข้ามาไม่มีความรู้ความสามารถ นายสมชายตอบว่า คนๆ นั้นอาจไม่ใกล้ชิดหรือ ถ้ายกตัวอย่างนายนพดล ปัทมะ อดีตรมว.ต่างประเทศ แล้ว ก็มีความสามารถ ที่ออกจากตำแหน่งไปเป็นเพราะเงื่อนไขภายหลังที่เห็นๆ กันอยู่ ก็อยากให้ดูความเป็นธรรมและความเหมาะสมของแต่ละคน อย่าไปคิดว่าคนนี้รู้จักใคร
เมื่อถามว่า จะมีคนนอกมาหรือไม่ นายสมชายตอบว่า ส่วนตัวไม่ทราบ แต่ดูตามข่าวแล้วว่าอาจจะมี โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ มันไม่ใช่หน้าที่ของเรา ก็เลยไม่อยากรู้เท่าไร
เมื่อถามว่า การปรับเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจกลางคันจะมีผลกระทบหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่าน่าจะดีขึ้น เพราะหลายคนก็บอกว่าควรมีมืออาชีพเข้ามา ถ้าได้มาก็ดี
เมื่อถามถึงกระแสข่าวการสลับตำแหน่งระหว่าง รมว.มหาดไทย กับ รมว.ยุติธรรม นายสมชายตอบว่า ไม่ทราบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรที่มีการประเมินว่าสถานการณ์ 3 เดือนข้างหน้าจะรุนแรงขึ้น นายสมชายตอบว่า ขอภาวนาว่าอย่าให้มีอะไรรุนแรงเลย รัฐบาลทำงานอย่างอดทนและระมัดระวัง ต้องการให้สงบเรียบร้อย หวังว่าการที่เราทำงานโดยไม่คิดใช้อำนาจโดยไม่ชอบธรรม ก็อยากให้ทุกอย่างเรียบร้อย รัฐบาลไม่จำเป็นต้องอยู่ยงคงกระพันตลอดไป แต่การจะเข้าจะออกก็อยากให้ทุกอย่างเรียบร้อย ไม่มีเลือดตกยางออก
“ตอนนี้ที่จำเป็นรัฐบาลเพราะอะไร เพราะเขาเลือกเข้ามาเยอะ จึงเป็นภาระที่จะต้องทำงาน ส่วนใครกระทำผิดอะไรก็ว่าไป ผมคิดอย่างนั้น ส่วนที่มีสมาชิกพรรคมีการวิวาทะกับองค์กรอิสระและฝ่ายตุลาการนั้น เป็นความคิดที่อาจจะเห็นต่าง ไม่อยากวิจารณ์ เพราะอยู่พรรคเดียวกัน ถ้าจะแก้ไขอะไร เราก็แก้ตามกติกา การที่นายกฯระบุว่ากติกาที่ใช้ ณ เวลานี้ เดินต่อไปไม่ได้แล้วนั้น ความเห็นอาจจะแตกต่างกันได้”นายสมชายระบุ