บอร์ด ททท.สั่งการให้อีลิท-ทีแอลเอ็มไปทำแผนงานมาเสนอใหม่ครั้งหน้า ด้านททท.เข็น 300 โครงการ ฟื้นท่องเที่ยวภายในประเทศ ครึ่งปีนี้ต่อเนื่องปีหน้า คลุมทุกช่วงวัย พร้อมแตกกองดูแลภาคตะวันออก คุมเข้มการทำงาน ด้านตลาดต่างประเทศจับมือตำรวจท่องเที่ยว เดินหน้าปรับภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัย ซ้อมแผนช่วยเหลือนักท่องเที่ยว รุก 3 ตลาดจีน อินเดีย และตะวันออกกลาง กู้วิกฤต
นายวันชัย ศารทูรทัต ประธานบอนร์ด ททท .กล่าวว่า ที่ประชุมบอร์ดมีมติให้บริษัทไทยจัดการลองสเตย์(ทีแอลเอ็ม) และ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด(ทีพีซี) ไปดำเนินการ โดยให้ ทีพีซี ไปจัดทำแผนเชิงรุกที่เป็นรูปธรรม ในช่วง 5 เดือนที่เหลือ ว่าทำอย่างไร เพื่อให้ได้ยอดจำหน่ายบัตรอีก 370 ใบ เพราะขณะนี้มียอดขายเพียง 30 ใบ จากเป้าหมาย 400 ใบ ส่วน ทีแอลเอ็ม ให้ไปจัดทำแผนงานใหม่ให้เสร็จ แล้วมานำเสนอในครั้งหน้า
นางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการ ททท. เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป จนถึงปีงบประมาณ 2552 ททท. จะเดินหน้าเปิดโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศทุกรูปแบบ ในทุกๆเดือน ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย รวม กว่า 300 โครงการ เพื่อกระตุ้นตลาดคนไทยให้เดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศภายใต้สโลแกน “ เที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคัก” โดยในวันนี้ จะเริ่มต้นด้วยการเปิดตัวโครงการ โบนัสแห่งวัย หรือซีซั่นเชน เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยววัยสูงอายุ โดยจะเปิดทำบัตรสมาชิกแก่ผู้สนใจในราคาใบละ 600 บาท ตั้งเป้าจะได้สมาชิกกลุ่มนี้ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นใบ และในทุกๆเดือน จะจัดทริปทัวร์ท่องเที่ยวที่เหมาะกับผู้สูงอายุ เช่น สิงหาพาแม่เที่ยว และธันวาพาพ่อเที่ยวเชียงใหม่ และงานฟู้ดส์สตรีทแฟร์ เป็นต้น
นอกจากนั้นจะดำเนินการปรับโครงสร้างใหม่โดยแยกภูมิภาคตะวันออก ครอบคลุมจังหวัด ปราจีนบุรี นครนายก และ 4 จังหวัดในภาคตะวันรออก ออกมาจากภูมิภาคภาคกลาง เพื่อให้ทำงานเชิงรุกได้คล่องตัวขึ้น เพราะ จังหวัดดังกล่าว มีแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมาก คาดว่าจะเริ่มได้ตั้งแต่ตุลาคมศกนี้
ด้าน ตลาดต่างประเทศ จะทำงานเชิงรุก ในตลาด จีน อินเดีย และตะวันออกกลาง เพราะ จากตัวเลข 6 เดือนปีนี้ มีการเติบโตสูง โดยตะวันออกกลาง มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา 114,611 คน เพิ่มจากปีก่อน 23.7% ,อินเดีย มีนักท่องเที่ยว 276,478 คน เพิ่มขึ้น 14.6% และตลาดจีน 465,403 คน เพิ่มขึ้น 27.3% ทั้ง 3 ตลาดดังกล่าว มีเศรษบกิจดี จึงเป็นตลาดกำลังซื้อสูง และมาได้บ่อยครั้ง ส่วนตลาดที่ติดลบสูงในช่วง 6 เดือนนี้คือ ญี่ปุ่น ติดลบ 9.6% เพราะกลัวเหตุความวุ่นวานทางการเมืองในประเทศไทย
นอกจากนั้นจะมุ่งเน้นสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เพื่อสร้างความมั่นใจ โดย พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร ผู้บังคับการ กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว จะทำงานแบบบูรณาการกับหน่วยงานตำรวจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จัดโครงการฝึกซ้อมแผนปฎิบัติการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวฉุกเฉิน ทั้งทางบก น้ำและอากาศ รวมถึงจัดแผนการทำงานเพื่อป้องกันและปราบปราม และการดูแลรักษาแหล่งท่องเที่ยว โดยได้งบประมาณในการทำงานทั้งหมด 300 ล้านบาท ซึ่งจะรวมค่าใช้จ่ายสำหรับการประชาสัมพันธ์ด้วย
นายวันชัย ศารทูรทัต ประธานบอนร์ด ททท .กล่าวว่า ที่ประชุมบอร์ดมีมติให้บริษัทไทยจัดการลองสเตย์(ทีแอลเอ็ม) และ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด(ทีพีซี) ไปดำเนินการ โดยให้ ทีพีซี ไปจัดทำแผนเชิงรุกที่เป็นรูปธรรม ในช่วง 5 เดือนที่เหลือ ว่าทำอย่างไร เพื่อให้ได้ยอดจำหน่ายบัตรอีก 370 ใบ เพราะขณะนี้มียอดขายเพียง 30 ใบ จากเป้าหมาย 400 ใบ ส่วน ทีแอลเอ็ม ให้ไปจัดทำแผนงานใหม่ให้เสร็จ แล้วมานำเสนอในครั้งหน้า
นางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการ ททท. เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป จนถึงปีงบประมาณ 2552 ททท. จะเดินหน้าเปิดโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศทุกรูปแบบ ในทุกๆเดือน ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย รวม กว่า 300 โครงการ เพื่อกระตุ้นตลาดคนไทยให้เดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศภายใต้สโลแกน “ เที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคัก” โดยในวันนี้ จะเริ่มต้นด้วยการเปิดตัวโครงการ โบนัสแห่งวัย หรือซีซั่นเชน เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยววัยสูงอายุ โดยจะเปิดทำบัตรสมาชิกแก่ผู้สนใจในราคาใบละ 600 บาท ตั้งเป้าจะได้สมาชิกกลุ่มนี้ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นใบ และในทุกๆเดือน จะจัดทริปทัวร์ท่องเที่ยวที่เหมาะกับผู้สูงอายุ เช่น สิงหาพาแม่เที่ยว และธันวาพาพ่อเที่ยวเชียงใหม่ และงานฟู้ดส์สตรีทแฟร์ เป็นต้น
นอกจากนั้นจะดำเนินการปรับโครงสร้างใหม่โดยแยกภูมิภาคตะวันออก ครอบคลุมจังหวัด ปราจีนบุรี นครนายก และ 4 จังหวัดในภาคตะวันรออก ออกมาจากภูมิภาคภาคกลาง เพื่อให้ทำงานเชิงรุกได้คล่องตัวขึ้น เพราะ จังหวัดดังกล่าว มีแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมาก คาดว่าจะเริ่มได้ตั้งแต่ตุลาคมศกนี้
ด้าน ตลาดต่างประเทศ จะทำงานเชิงรุก ในตลาด จีน อินเดีย และตะวันออกกลาง เพราะ จากตัวเลข 6 เดือนปีนี้ มีการเติบโตสูง โดยตะวันออกกลาง มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา 114,611 คน เพิ่มจากปีก่อน 23.7% ,อินเดีย มีนักท่องเที่ยว 276,478 คน เพิ่มขึ้น 14.6% และตลาดจีน 465,403 คน เพิ่มขึ้น 27.3% ทั้ง 3 ตลาดดังกล่าว มีเศรษบกิจดี จึงเป็นตลาดกำลังซื้อสูง และมาได้บ่อยครั้ง ส่วนตลาดที่ติดลบสูงในช่วง 6 เดือนนี้คือ ญี่ปุ่น ติดลบ 9.6% เพราะกลัวเหตุความวุ่นวานทางการเมืองในประเทศไทย
นอกจากนั้นจะมุ่งเน้นสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เพื่อสร้างความมั่นใจ โดย พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร ผู้บังคับการ กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว จะทำงานแบบบูรณาการกับหน่วยงานตำรวจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จัดโครงการฝึกซ้อมแผนปฎิบัติการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวฉุกเฉิน ทั้งทางบก น้ำและอากาศ รวมถึงจัดแผนการทำงานเพื่อป้องกันและปราบปราม และการดูแลรักษาแหล่งท่องเที่ยว โดยได้งบประมาณในการทำงานทั้งหมด 300 ล้านบาท ซึ่งจะรวมค่าใช้จ่ายสำหรับการประชาสัมพันธ์ด้วย