xs
xsm
sm
md
lg

“รร.เคลื่อนที่”ลุยสลัมสอนหนังสือเด็ก 1ในวิธีอินเดียใช้สู้ “หายนะ”ประชากร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอเอฟพี – ขณะที่รถบัสคันสีเหลืองอร่ามขับแล่นทะลุทะลวงผ่านซอกซอยที่เป็นหลุมเป็นบ่อและแสนจะเลี้ยวลดคดเคี้ยวเพื่อมุ่งไปยังชุมชนของคนเก็บขยะ โครงการล่าสุดของกรุงนิวเดลีซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การศึกษากับเด็กยากจนและด้อยโอกาสครั้งนี้ ก็กลายเป็นจุดเด่นที่ใคร ๆ ต้องจับจ้องด้วยความสนใจ

เมื่อมันแล่นไปถึงสลัมต่าง ๆ ที่มีแมลงวันชุกชุม รถบัสที่ได้รับการตกแต่งด้วยลวดลายการ์ตูนคันนี้ก็จะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากฝูงเด็ก ๆ ที่ออกมาจับกลุ่มรอบ ๆ ประตูรถ

ตลอดระยะเวลา 2 ชั่วโมง กลุ่มบุคลากรผู้ทำงานด้านสังคมและครูที่อยู่บนรถบัสคันดังกล่าว จะนำอาหารและเกมการละเล่นต่าง ๆ มาใช้เสริมสร้างการเรียนรู้ให้กับบางส่วนของเด็ก ๆ จำนวนหลายแสนชีวิตในกรุงนิวเดลีที่ไม่เคยมีโอกาสได้ไปโรงเรียน

"เรากำลังพัฒนาเยาวชนผู้ที่ไม่เคยแม้แต่สัมผัสบรรยากาศในห้องเรียนให้มีความอดทนอดกลั้นในการเรียนหนังสือในโรงเรียน - - เด็ก ๆ พวกนี้ อาศัยอยู่ในมุมมืด" อาร์.เอ็ม.โมห์ลา ผู้ประสานงานโครงการการศึกษาในสลัมกล่าว

“ชาลตา ฟิร์ตา” หรือโรงเรียนเคลื่อนที่ว่านี้ เกิดขึ้นจากความคิดสร้างสรรค์ของโมห์ลา โดยเป็นส่วนหนึ่งแห่งความพยายามของอินเดียที่จะบรรลุเป้าหมายให้ประชากรมีการศึกษาอย่างถ้วนหน้า ด้วยการให้เด็กทุกคนที่มีอายุระหว่าง 6 – 14 ปี ได้เข้าศึกษาในโรงเรียนภายในปี 2010 ให้จงได้

ทว่า ครูอาจารย์ทั้งหลายต้องพบกับอุปสรรคขัดขวางจากผู้อาศัยอยู่ในแหล่งสลัม, โสเภณีและแรงงานอพยพ ซึ่งล้วนแล้วแต่ต้องการให้ลูกหลานของตนทำงานเพื่อช่วยเหลือจุนเจือครอบครัวมากกว่า

โครงการโรงเรียนเคลื่อนที่นี้ รัฐบาลกลางอินเดียเริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือนมกราคมปีผ่านมา โดยมอบเงินให้องค์การเอ็นจีโอกลุ่มต่าง ๆ จำนวน 3,000 รูปี (ประมาณ 2.550 บาท) ต่อปีต่อนักเรียนหนึ่งคน เพื่อให้ดำเนินงานรถบัสนำความรู้จำนวน 4 คันขึ้นมา

แรกเริ่มเดิมที บรรดาผู้ปกครองต่างไม่ไว้ใจโครงการดังกล่าว เนื่องจากกลัวว่าจะเป็นอุบายหรือแผนการร้าย แต่หลังจากที่ได้เห็นรถบัสคันนี้เทียวไปเทียวมาเมื่อมอบความรู้และความสนุกสนานให้กับเยาวชนอยู่หลายเดือน ความกลัวของพวกเขาก็ลดน้อยลงไป แต่อย่างไรก็ตาม การโน้มน้าวให้ครอบครัวต่าง ๆ ส่งลูกหลานที่สามารถสร้างรายได้แก่ครอบครัวให้เข้าเรียนในโรงเรียน ก็ยังคงเป็นเรื่องท้าทายอยู่ดี

กระนั้น ตัวอย่างของความสำเร็จก็เริ่มปรากฏให้เห็นบ้างแล้ว ก่อนจะมีโอกาสได้เข้าเรียนในโรงเรียนรัฐบาล ซุบยามาร์นี เด็กชายวัย 8 ขวบ เคยใช้เวลาที่ผ่านมาในวัยเยาว์ไปกับการเดินตะลอนเก็บขยะ, พลาสติกและสิ่งของอื่น ๆ ที่พอจะนำมารีไซเคิลได้เพื่อไปขายยังชีพเคียงบ่าเคียงไหล่ผู้เป็นบิดา แต่ทุกวันนี้ เขาใช้เวลายามค่ำคืนทำการบ้านอยู่ที่บ้านและออกไปทำงานเมื่อมีเวลาว่าง

รถบัสสีเหลืองอร่ามคันนี้ ดึงดูดความสนใจจากซุบยาร์มานีด้วยรูปลักษณ์ภายนอกอันแสนจะเพลิดเพลิน ไม่ว่าจะเป็น - - ลวดลายการ์ตูนต่าง ๆ และตัวอักษรหลากสีสัน จนดูภายนอกเหมือนกับเป็นโรงเรียนอนุบาล ถึงแม้โทรทัศน์และเครื่องเสียงภายในจะให้ความรู้สึกเหมือนรถทัวร์ของวงดนตรีร็อกก็ตาม

"ตอนแรก ๆ บรรดาผู้ปกครองต่างกลัวว่า ลูกหลานจะถูกจับตัวไป พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบนรถคันนี้" ฑุรเกศ กุมาร กุปตา นักทำงานด้านสังคมบอก โดยภาระของเขาคือการเคาะประตูตามบ้าน และชักจูงให้ครอบครัวต่าง ๆ ส่งลูกหลานมาเรียนในรถโรงเรียน

นับตั้งแต่การเริ่มต้นอันแสนจะทรหด โครงการนำร่องนี้ก็ประสานให้เด็ก ๆ กว่าครึ่งจากทั้งสิ้น 450 คนของตน ได้เรียนเต็มเวลาในโรงเรียนรัฐบาล ไม่เพียงเท่านั้นครูจากโรงเรียนเคลื่อนที่ยังได้ตามไปปรึกษากับทางโรงเรียนต่าง ๆ ที่เด็ก ๆ ในโครงการเข้าไปศึกษาต่อเพื่อติดตามความก้าวหน้าของพวกเขา

ปราโมท นักเรียนชั้นเกรด 7 ที่อาศัยอยู่ในสลัมแห่งหนึ่ง อาสาเป็นอีกหนึ่งแรงคอยช่วยด้วยการเฝ้าสังเกตและติดตามการเข้าชั้นเรียนของศิษย์เก่าจากโรงเรียนเคลื่อนที่นี้ ระหว่างศึกษาในโรงเรียนรัฐบาลด้วย

ทุกวันนี้ นักเรียนหลายคนที่ไม่ได้อาบน้ำอาบท่ามาหลายเดือน มาถึงยังโรงเรียนเคลื่อนที่แห่งนี้พร้อมกับผมที่เพิ่งสระและสมุดจดสำหรับใช้ทำการบ้าน

เมื่อโครงการรถโรงเรียนเคลื่อนที่ขยายวงกว้างออกไป ครู 2 คน ที่ประจำการอยู่บนรถก็พบว่า ตัวเองต้องสอนเด็ก ๆ มากกว่า 70 คน ทั้งยังตระหนักว่า การดูแลควบคุมเด็กจำนวนมาก ๆ ในคราวเดียวกันจะทำให้เกิดความเหนื่อยล้า ยิ่งเฉพาะในฤดูร้อนด้วย

"มันเป็นสิ่งที่ยากสำหรับครูประจำโรงเรียนเคลื่อนที่แห่งนี้" กุปตาเผยภายหลังเสร็จสิ้นคาบเรียนอันแสนจะอลหม่านที่ควบระหว่าง 2 วิชา คือคณิตศาสตร์และแบดมินตัน

- - หลีกเลี่ยงความหายนะทางประชากร - -

เมื่อเร็ว ๆ นี้ รัฐบาลอินเดียเริ่มให้ความสำคัญทางด้านการศึกษาอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน โดยสัญญาจะทุ่มงบประมาณด้านการศึกษาซึ่งเวลานี้เป็นเพียง 4 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีให้เพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว ใน 5 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้ จากสถิติชี้ว่า 51 เปอร์เซ็นต์ของประชากรชาวอินเดียจำนวนมากกว่า 1,100 ล้านคน เป็นผู้มีอายุต่ำกว่า 25 ปี และ 2 ใน 3 ของประชาชรเป็นผู้มีอายุต่ำกว่า 35 ปี

ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ไว้ว่า สภาพประชากรที่มีคนวัยเยาว์จำนวนมากมายเช่นนี้ ของอินเดียจะดำรงอยู่จนกระทั่งปี 2050 โดยมันอาจกลายเป็นทรัพย์สมบัติอันล้ำค่า - - หรือไม่ก็อาจจะเป็นหายนะทางประชากรก็ได้ หากรัฐบาลล้มเหลวในการให้การศึกษาและจัดหางานกับประชากรในวัยหนุ่มสาว

"ประชากรหนุ่มสาวที่ไร้ทักษะ, ไร้ประสิทธิภาพและหมดอาลัยตายอยากจะทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศหยุดชะงัก บ่อนทำลายความสามัคคีและก่อให้เกิดความรุนแรง" ชยะประกาศ นารายัน นักเคลื่อนไหวเพื่อสังคมชื่อดังจากเมืองไฮเดอร์ราบัดออกโรงเตือน

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ความสำเร็จในโครงการรถโรงเรียนเคลื่อนที่นี้จะเป็นที่ประจักษ์ชัดเจน แต่ก็ถูกนักวิจารณ์หลายคนติเตียนว่า ไม่สามารถให้การศึกษาอย่างเหมาะสมและเพียงพอกับความจำเป็นในระดับการศึกษาทั่ว ๆ ไปของเด็กได้

สุนิตา ชักห์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยการวางแผนและจัดการการศึกษาแห่งชาติ ผู้คร่ำหวอดในวงการการศึกษาของคนยากจนบอกว่า “ไม่คิดว่าคณะครูในโรงเรียนเคลื่อนที่แห่งนี้ จะสามารถให้การศึกษาได้ตรงตามความต้องการอันหลากหลายระดับของเด็ก ๆ เหล่านั้นได้”

ภาพรวมทั่วไปในการยกระดับการศึกษาของอินเดียนั้นยังอยู่ในขั้นเลวร้าย เนื่องจากยังติดอยู่ในหลุมบ่อแห่งการคอรัปชั่น ด้วยธุรกิจการขายข้อสอบ ขณะเดียวกัน อัตราครูอู้งานที่ไม่ยอมปฏิบัติหน้าที่ก็ปาเข้าไป 25 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนครูทั้งหมด โดยถือเป็นสถิติที่สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก ทั้งนี้ จากรายงานของ องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก)

นอกจากนี้ ระดับความสามารถในการรู้หนังสือของชาวภารตะก็ยังล้าหลังอยู่มาก แม้เมื่อเทียบเคียงกับประเทศกำลังพัฒนาแห่งอื่น ๆ รวมถึงประเทศในอนุทวีปซับซาฮาราของแอฟริกาด้วย โดยขณะที่ อัตราการรู้หนังสือของชาวจีนอยู่ที่ 90.9 เปอร์เซ็นต์, ของเคนยาตามมาที่ 85.1 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอินเดียมีผู้รู้หนังสือเพียงร้อยละ 65.2 เท่านั้น

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม โมห์ลาก็มองในแง่ดีถึงความสำเร็จของโครงการโรงเรียนเคลื่อนที่นี้ ทั้งยังตะลุยไปตามสลัมต่าง ๆ เป็นประจำทุกอาทิตย์ เพื่อทบทวนปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอน ตลอดจนชี้แนะแนวทางการเปลี่ยนแปลง

“เรามองผลงานของโครงการนี้ในฐานะที่เป็นสถานีเพื่อการเปลี่ยนผ่านมันยังไม่ใช่เป็นโรงเรียนถาวร” โมห์ลาบอก พร้อมเผยด้วยว่า ช่วงนี้กำลังประชุมกับบริษัทเอกชนต่าง ๆ ที่อาจให้สปอนเซอร์และองค์กรการกุศลอื่น ๆ เพื่อขยายโครงการโรงเรียนเคลื่อนที่ออกไปอีก

ท้ายที่สุด เขายังให้สัญญาด้วยว่า รถโรงเรียนคันต่อไปจะต้องติดเครื่องปรับอากาศอย่างแน่นอน
กำลังโหลดความคิดเห็น