xs
xsm
sm
md
lg

"ไพโรจน์" แถลงโต้คดีฟ้องหย่า แฉกลับเมียเก่าตามตีหัวกิ๊กใหม่ จนศาลสั่งจำคุก 2 คดี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 "ไพโรจน์" แถลงโต้กรณีเมียฟ้องหย่า 47 ล้าน เจ้าตัวยันเลิกมาตั้ง 6 ปีแล้วแต่ฝ่ายเมียเก่าไม่ยอมจบ ตามราวีกิ๊กใหม่ทั้งขโมยของ ดักตีหัวจนบาดเจ็บศาลสั่งจำคุกมาแล้วถึง 2 คดี บอกขอบคุณที่เรียกค่าเสียหายแพง ทำให้ดูมีค่า แต่ตนไม่มีเงินจ่าย ส่วนค่าเลี้ยงดูลูกยันส่งมาตลอด ก่อนทิ้งท้ายบอกอีกฝ่ายเลิกใช้นามสกุล "สังบริบุตร" ได้แล้ว เพราะตนเสียหาย

เจอกระแสข่าวจนโดนตามล่าตัวมาตั้งแต่เมื่อวานนี้สำหรับดารารุ่นเก่า "เอ๋ ไพโรจน์ สังวริบุตร" ที่โดนอดีตภรรยาที่จดทะเบียนอยู่กันจนมีลูกเต้า ยื่นฟ้องขอแบ่งสินสมรส เพื่อเลี้ยงดูบุตรมูลค่ากว่า 47 ล้านบาท อีกทั้งยังฟ้องนางชยาณิศวร์ แฟนใหม่ของนายไพโรจน์โดยเอ่ยว่าถ่ายภาพลงไฮไฟว์ ควงกันออกหน้าออกตาโดยไม่เกรงใจตน จึงทำการฟ้องหย่า ที่ศาลเยาวชนและครอบครัว จ.สมุทรปราการ แต่ในวันไต่สวนพระเอกรุ่นเก่าชื่อดังไม่ได้เดินทางมายังศาล และไม่มีใครสามารถติดต่อได้

จนในที่สุดช่วงบ่ายวันนี้ (9 ก.ค.) ดารารุ่นเก่าแถลงข่าวอย่างเป็นทางการถึงกรณีดังกล่าว ที่โรงแรมเอเชีย ย่านราชเทวี ซึ่งเดินทางมาพร้อมทนายส่วนตัว "เจริญสุข รดีสุจริตกุล" และดำเนินการแถลงข่าวด้วย สีหน้าไม่ได้เคร่งเครียดนัก โดยกล่าวว่าตนและนาง "พิศมัย สังวริบุตร" อดีตภรรยาผู้ฟ้องร้องนั้นมีคดีหย่าขาดกันมาตั้งแต่ 6 ปีที่แล้ว โดยอีกฝ่ายจงใจไม่ให้เรื่องจบมาตั้งแต่ต้น เผยสัมพันธ์จบมานานแล้วซึ่งตนย้ายออกมาอยู่คอนโดข้างนอก แต่จงใจให้ไม่ได้รับหมายศาล จนโดนตัดสินให้จ่ายเลี้ยงดูบุตร แต่ไม่มีสิทธิ์ได้ดูแล แฉอดีตภรรยาตามราวีกิ๊กใหม่หลายครั้ง ทั้งขโมยของและดักตีหัวจนมีคดีติดตัวโทษจำคุกถึง 2 คดี

"จากข่าวที่ถูกร้องเรียกเงิน 47ล้าน ควงสาวเย้ยเสื่อเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล ผมก็พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้กระทบลูก พอเกิดเหตุการณ์นี้ก็เลยต้องออกมาพูดว่าทำไมถึงได้โยงใยแบบนี้ คิดว่าความขัดแย้ง เกิดขึ้นได้เสมอ แต่การหาทางขจัดความขัดแย้งได้ดีที่สุด สำคัญกว่าคนเราสองฝ่ายมีเหตุผล แต่ละคนตัดสินไม่ได้ ใครผิดใครถูก สิ่งที่ให้ยุติได้คือคนกลาง และไม่มีอะไรดีไปกว่าศาลยุติธรรม ผมขอพูดใน 2 ประเด็นศาล กฎหมายและสังคม"

"ความชอบถ้าด้านกฎหมายไม่น่ามีการฟ้องร้องเกิดขึ้น เป็นเรื่องที่ยืดเยื้อมา 6 ปีแล้วตั้งแต่ปี 2545 ผมแยกกันอยู่กับคุณพิศมัย ซึ่งเปลี่ยนชื่อกชวัณณ์ ผมพยายามที่จะอยู่ให้สงบที่สุด เพื่อไม่ให้กระทบใดๆ ทางคุณพิศมัยไม่ยอมหยุดยั้ง ผมต้องแยกตัวออกมาด้วยเหตุผลเรื่องกฎหมาย ผมย้ายออกมา ไมได้อยู่ที่ไหนตามข้อกล่าวหา ผมอยู่ที่บ้านผม เมื่อวันที่ 4 ก.ค.ปี 2546 คุณพิศมัยบุกมาที่บ้านผมตอนตี 2 มาอาละวาด ทำร้ายข้าวของกระจุยกระจาย และรางวัลที่ผมรักที่สุด คือรางวัลโทรทัศน์ทองคำปี 2537 หักพังเสียงหายแตกกระจาย"

"ส่วนหนึ่งผมเป็นโรคหัวใจด้วย ก็ไม่สามารถตอบโต้อะไรได้มาก ไม่งั้นหัวใจจะยิ่งเต้นเร็ว ผมก็เลยวิ่งออกไปอยู่ข้างนอก ข้างถนน คนเก็บขยะมาตอนตี 4 มาเห็นผมนั่งอยู่ข้างกองขยะว่าคุณไพโรจน์มาทำอะไร ไปไหน เราก็บอกว่ามารอแท็กซี่ ไปกองละคร จากนั้นผมก็ไปแจ้งตำรวจว่าโดนทำร้ายแต่ไม่ได้เอาความอะไรกับเขา แล้วบอกว่าทีหลังอย่าทำเช่นนี้อีก คราวนี้ไม่เอาเรื่อง แต่คราวหน้าไม่ยอม"

"แล้วต่อมาเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2546 เราก็ได้ฟ้องหย่าต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลางที่ศาลสมุทรปราการอีกเรื่องการขอแบ่งสินสมรส ค่าเลี้ยงดูบุตร ซึ่งผมไม่ได้รับหมายศาลครั้งนั้น เพราะชื่อของผมไม่ได้อยู่ที่บ้าน แต่อยู่ที่คอนโด เพราะผมไปรักษาโรคหัวใจ โครงการ 30 บาทที่โรงพยาบาลราชวิถี ไม่มีชื่ออยู่ที่บ้าน ก็เลยไม่รู้หมายศาล ไม่ได้ไปรับหมายศาล เขาก็รู้อยู่ แต่จงใจไม่ส่งหมายศาลให้ เขาก็ไปขึ้นศาลฝ่ายเดียว จำเลยก็เลยไม่ได้ไป ศาลก็เลยตัดสินตามเอกสาร ลงวันที่ 3 ธันวาคม2546 ตัดสินพิพากษาจำเลยให้หย่าขาดจากกัน แต่ที่ผมยอมรับไม่ได้เพราะว่าไม่ได้ปกครองบุตรผู้เดียว และแบ่งทรัพย์สิน ศาลตัดสินให้ภรรยาเนี่ยดูแลฝ่ายเดียว และให้ทรัพย์สินด้วย"

เผยสาเหตุที่ต้องจดทะเบียนกัน เนื่องจากรับปากไว้ในกลางรายการทีวีของ "ซูโม่กิ๊ก" เมื่อหลายปีก่อน แต่เพราะทนอยู่กันไม่ได้ตนจึงออกไปอยู่ข้างนอกและคบกับนาง "ชญาณิศวร์"

"สาเหตุที่ต้องจดทะเบียนกันเพราะว่าไปออกรายการของซูโม่กิ๊ก เขาขอในรายการว่าอยากให้จดทะเบียน ซึ่งผมมีลูกกับภรรยากับเมียเก่าของผม 2 คนแล้วซึ่งภรรยาเก่าผมมา แล้วเรารับปากไปแล้วว่าจะทำให้ แล้วลูกติดของภรรยาเก่า ก็มาต่อว่าทำไมทำแบบนี้ เราก็พูดไปแล้วเราต้องรักษาสัญญา เราก็เลยจดทะเบียนให้ ก็เลยกลายเป็นประวัติศาสตร์พิสดารที่มีซูโม่กิ๊ก เป็นกามเทพ ไม่รู้ว่าจะขอบคุณดีมั้ย"

"ซึ่งศาลพิพากษาไป สิ่งที่รับไม่ได้ที่สุดคือการดูแลบุตร และการดูแลทรัพย์สิน คือผมไม่ได้พิจารณาอะไรเลย ผมก็ต้องเรียกร้องสิทธิ์อีกครั้งเพื่อดูแลลูก แล้วพอมา16 มกราคม 2547 ก็ขอพิจารณาคดีใหม่ แต่ศาลไม่ได้รับคำร้อง เพราะหมายศาลไปบ้านเลขที่เดิม เพราะว่าชอบด้วยกฎหมายแล้ว สภานภาพการหย่าอยู่เหมือนเดิม ผมจึงขออุทธรณ์เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2549 ยืดเยื้อหลายปีมาก กำหนดข้อพิพาท ศาลรับแต่ยังไม่มีการเพิกถอนใดๆให้สั่งหย่า แต่ศาลพยายามให้คุยหรือไกล่เกลี่ยกันด้วยดี"
"ผมทำตามเงื่อนไขทุกอย่างที่คุยกัน เปลี่ยนเป็นบุตรให้ผมดูแล ทรัพย์สินทุกอย่างยกให้ลูก เพื่อให้มันจบ ศาลนัดว่าให้มาทำการยอมความ ในวันที่ 9 กันยายน 2550 แต่ปรากฎว่าวันนั้นคุณพิศมัยไม่มา ส่งทนายมาถอนฟ้อง ทำให้คดีโละทั้งหมด มาเริ่มต้นใหม่สถานภาพการสมรสคือหย่ากันแล้ว ฉะนั้นผมจะอยู่กับใคร สร้างครอบครัวหรืออยู่กับใคร เขามีสิทธิ์ ผมก็มีสิทธิ์"

"ช่องว่างมันก็มีตั้งแต่วันที่ 3 แต่มันมีบุคคลที่ 3 เข้ามา คือชญานิศวร์ ซึ่งชื่อเดิมคือกรกฎ เรามาคบกัน แต่คุณพิศมัยยังไม่ยอมรับบอกว่ามีสิทธิ์อยู่เต็มในความเป็นภรรยา แล้วเขายังคอยไปสร้างความวุ่นวายให้ผมตลอด มีเรื่องกันจนผมต้องไปแจ้งความอยู่เสมอ เมื่อวันที่30 พ.ย.2548 ก็มาอาละวาดที่บ้าน ผมให้ทนายยื่นหนังสือไปว่าอย่ามายุ่งกันอีก ก็ไม่เป็นผลทำให้มีเรื่องต้องแจ้งความอีกหลายหน ระหว่างนี้คุณชญาณิศร์ ซึ่งหลานของญาติที่ผมรู้จัก เขามีความสนใจในเรื่องของการแสดง การแต่งเพลง เขียนบทหนัง เขาเข้ามาขอคำปรึกษาผมแล้วก็มีผลงานแต่งเพลง รักคือคำตอบ เพลงประกอบละครสาวน้อยใสตะเกียงแก้ว เพลงแพ้แค่กาย เรื่องนางสาวส้มหล่น เพลงขอจองด้วยใจ ของหนังสวยเต็มพิกัด"

"จากนั้นผมก็ไปผ่าตัดหัวใจปลายปี 47 กลับมาบ้านพักได้ 7 วัน คุณชญาณิศวร์ก็ขอมาเยี่ยมที่บ้าน ผมก็บอกว่าทำไมถึงจะมาไมได้ ก็ไม่ทราบว่าคุณพิศมัยมีสายสืบอะไรที่ไหน เขาก็เข้ามาเลย เราไม่มีเวลาชี้แจงเพราะว่าผมเพิ่งผ่าตัดหัวใจมา หัวใจเต้นเร็วผมเลย บอกเอ๋ (ชยาณิศร์) ให้ออกไปก่อน เขาก็เชื่อผม ซึ่งคุณพิศมัยก็มาเอาคอมพิวเตอร์ กระเป๋าตังค์ ไปหมดเลยของคุณชญานิศร์ ผมก็พยายามติดต่อให้เขามาเอามาคืน โทรไปก็ไม่ยอมรับ สุดท้ายให้ตำรวจโทรเขาหาก็บอกว่าไม่ได้เอาไป ก็เลยแจ้งความตำรวจ ตำรวจเรียกก็ไม่ไปอีก ก็เลยออกหมายจับ"

"ในวันที่27 กันยายนคุณชญาณิศวร์ก็มาหาผมที่บ้านตอนเช้า ซึ่งเรากำลังคุยงานกันอยู่ ก็จะทำวิดีทัศน์ให้กับองค์กรหนึ่ง แล้วสายสืบของคุณพิศมัย เขาคงรายงาน เขาเข้ามาเอากระบอกน้ำตีหัวคุณชญาณิศวร์ จนต้องเรียกตำรวจมา บอกให้ตำรวจมากันคนนี้หน่อย ให้ออกไป แต่ก็ไม่ได้เอาเรื่อง เพราะว่าเราต้องการสันติ ผ่านมาในวันที่ 30ม.ค.2549 บอกเอ๋มาทำกับข้าวให้หน่อย เพราะว่าจะมีคนมากินข้าวที่บ้าน คุณพิศมัยก็มาเลย เอากระบองจากในรถมาตีหัวคุณชญาณิศวร์ เลยบาดเจ็บคุณชญาณิศร์ก็เลยถาามผมว่าจะเอาอย่างไร จะรับรองความปลอดภัยได้มั้ย ผมบอกว่าก็คงแต้องแจ้งความไปโรงพยาบาล หมอลงความเห็นว่าบาดเจ็บ ก็เลยเป็น 2 คดี เป็นบาดเจ็บสาหัส เลยเป็นคดีอาญา ตำรวจเลยดำเนินการและดึงคดีลักทรัพย์นั้นมาด้วย"
 
"มาวันที่ 6 ก.พ. 2550 ศาลตัดสินให้คุณพิศมัย สารภาพว่าเอาของเขาไป ศาลถามเจ้าทุกข์ว่าไม่ติดใจเอาความได้มั้ย ก็ไม่ติดใจเอาความ ศาลจึงสั่งจำคุก 2 เดือนปรับ 3 พัน รอลงอาญา 2 ปี 31มีนาคม2551 มีการคุยเรื่องไกล่เกลี่ยกับศาล ก็มีการคุยเรื่องการฟ้องหย่าอีกครั้งหนึ่ง มีหนังสือสัญญาว่าจะมีการตกลงกันในศาล ก็บอกว่าเขาเป็นผู้ดูแลค่าใช้จ่ายบุตร และยกคอนโดให้อีก 2 ห้องผมก็ทำการรับรอง พอมีการไกล่เกลี่ยวันนัด เช้านะ18 มีนาคม 2551 ศาลนัดเช้าแต่รอถึง4 โมงเย็น คุณพิศมัยก็ไม่มา ซึ่งคุณไพโรจน์เนี่ยรอตั้งแต่ 8โมงครึ่งถึง4โมงครึ่ง"

โชว์หนังสือที่จะทำร่วมกับกิ๊กใหม่
รางวัลโทรทัศน์ทองคำที่อ้างว่าภรรยาเก่าอาละวาดเสียจนพัง
ภาพที่นำลงไฮไฟว์โปรโมตหนังสือพร้อมกับกิ๊กสาว
นาง พิศมัย ภรรยาเก่าพระเอกชื่อดังวันเป็นลมกลางศาล

เผยเคยยกคอนโดให้ลูกถึง 2 ห้อง แต่อดีตภรรยาไม่รับ บอกว่าไม่มากพอ ลั่นขอบคุณที่ฟ้องตนถึง 47 ล้าน ทำให้ดูมีค่าตัวมากขึ้น

"พอวันที่ 27 มีนาคม2551 ก็มารอที่สำนักงานที่ดิน ก็มาอีกนางพิศมัยมายังสำนักงานที่ดินจ.สมุทรปราการ มาแต่ไม่รับโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด เขาบอกยังไม่พอใจ ไม่เอา เป็นไงก็เป็น ต่อมาวันที่ 31 มีนาคม 51 ที่ศาลจังหวัดสมทุรปราการ ศาลให้นางพิศมัยจำคุก1 ปี 6 เดือน ลดกึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 9 เดือน ไม่รอลงอาญา ผมไม่เข้าใจเขาเรียกร้องขอความเห็นใจ จะเอากันถึงตายไปข้างหนึ่งเลยหรือ ผมได้เคลียร์ทุกอย่างจนหมดสิ้น ผมยอมตั้งแต่ปี 2545 ไม่เคยใช้วิธีรุนแรง แต่เขาใช้วิธีรุนแรงกับเรามาตลอด"

"ผมมีสัญญาหย่าเรียบร้อย การที่ผมสร้างครอบครัวใหม่ ผมก็มีสิทธิ์ ผมเลี้ยงดูลูกเต็มร้อย ตั้งแต่ปี 2548 ผมมาอยู่กับคุณชญานิศวร์ เพราะเราเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน จากเรื่องความวุ่นวาย ทำให้ผมรับเขามาอยู่ในความดูแลของผม สร้างความเป็นปึกแผ่นในชีวิตให้กัน ชวนกันไปเรียนหนังสือจนจบปริญญาตรี จากนิเทศศาสตร์ ม.เกริก ทั้งสองคน และกำลังเรียนปริญญาโท และตอนนี้กำลังสร้างงานซึ่งเป็นที่มาของไฮไฟว์ผมไม่ได้ลงเย้ย ผมได้เคลียร์ทุกอย่างจบแล้วตั้งแต่ปี 2545 แล้วนะในด้านกฎหมาย"

"ผมก็อยากจะขอบคุณเขา ที่ทำให้รู้ว่าผมมีค่าตัวเยอะ ทำให้ผมมีค่าขึ้นเยอะเลย แต่ถามจริงๆ ผมจะเอาเงินที่ไหนตั้ง 47 ล้าน"

พร้อมโต้กรณีถ่ายภาพลงไฮไฟว์เย้ยเมียเก่า บอกแค่คิดจะทำตำราอาหารกับภรรยาคนใหม่เท่านั้น เนื่องจากอยากทำสูตรอาหารเพื่อคนเป็นโรคหัวใจซึ่งตนก็เป็นอยู่

"ผมจะทำตำราอาหารสามัญประจำบ้าน อาหารถนอมหัวใจ เพราะผมเป็นโรคหัวใจ 20 เมนูเด็ดกับไพโรจน์ สังวิริบุตร เชิญชวนทุกคนทำอาหารกิน สร้างสถานภาพทางครอบครับ เลยเอารูปมาลงไฮไฟว์ ผมไม่ได้อยากเป็นนักแสดง แก่ตัวไปอะไรก็ได้ จะเห็นว่าเรื่องที่ผมเล่นก็คือมีน้ำหนักต่อเรื่องตลอด เพราะฉะนั้นผมไม่ได้เย้ยหยัน ย้ำว่าผมไม่ได้ฟ้องหย่า แต่เขาเป็นคนฟ้องหย่าผม"

ยันในวันขึ้นศาลที่ผ่านมาตนไม่ได้หนีศาลแต่เพราะมีแต่การสืบพยานฝ่ายโจทก์ซึ่งตนไม่จำเป็นต้องเดินทางไปก็ได้ เพราะส่งทนายไปแทนแล้ว ลั่นอยากให้คดีจบเพราะรำคาญเต็มทนแล้ว ปล่อยให้ศาลตัดสิน

"วันนั้นที่ไม่ไปคือวันที่ 7 ก.ค.2551 ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวสมุทรปราการ เขานัดสืบพยานโจทก์ ซึ่งคุณชญาณิศวร์และคุณไพโรจน์ไม่จำเป็นต้องมาที่ศาล แต่เราส่งทนายไป ผมไม่ได้หลบเลี่ยง ไม่ได้หลบหน้า ศาลนัดอีกทีคือวันที่ 14 สิงหาคม ผมก็คงยื่นไปตามนี้ว่าเราเคยเจออะไรก็มาบ้างแล้วเรื่องคดี เราก็ยื่นไปว่ามีข้อตกลงในศาลยินดีปฏิบัติอยู่แล้ว ซึ่งเราปฏิบัติมาโดยตลอด ไม่ใช่ผมผิดสัญญา แต่ศาลจะตัดสินอย่างไรก็ต้องไปฟังกัน"

เมื่อถามถึงชนวนของการเลิกรากับนางพิศมัย เจ้าตัวย้ำว่าในภาวะไม่มีละครเล่นก็เกิดความตึงเครียด เนื่องจากตนเลือกบทจึงต้องมีหนี้สินระหว่างไม่มีงาน และทุกครั้งที่มีปัญหาอีกฝ่ายมักดึงลูกมายืนฟัง และกล่าวหาตนไม่ดีในสายตาลูก ลั่นหากถามลูกจะทราบความจริง

"ปัญหามันมีนะ ตลอดกว่า30ปี ที่ผ่านมา ผมพยายามเลือกบทในการแสดงตลอด บางครั้งทำให้ผมไม่มีงานเข้าใจว่าการรับงานการแสดงของเมืองไทย เล่นละครออกมา ต้องออนแอร์ก่อน2-3 อาทิตย์กว่าจะได้เงิน แล้วกว่าจะออนแอร์กว่าจะได้ทำอีก ว่าจะได้เงิน เราเองก็กู้เงินมาใช้ เราก็เป็นหนี้ พอเงินออกมางวดแรก ก็เอาไปใช้หนี้ รับมาแล้วใช้หนี้ไม่พอ เพราะเงินค่อยๆทยอยออกมา ซึ่งสภาวะแบบนี้เราต่อสู้ รุนแรง เพราะละครเสนอเข้ามามันอยู่ที่เราว่าจะรับหรือไม่รับ แต่ผมมีกฎว่าถ้าบทไม่มีอะไรก็ไม่เล่น ผมยอมอด ทำให้บางช่วงเราก็อยู่ในฐานะอด เกิดความเครียดชวนให้ทะเลาะกันตลอดกับคุณพิศมัย"

"สถานการณ์แบบนี้ผมต้องการกำลังใจ แต่คำถามที่ได้กลับมาคือ เงินออกมาไปไหนหมด เราบอกว่าใช้หนี้ไป เขาก็ไม่เข้าใจ คิดแต่ว่าเรามีหญิงอื่น ไปมีเมียน้อย อยากถามว่าตลอด 30 กว่าปีที่ผ่านมา ผมมีข่าวอื้อฉาวอะไรบ้างนอกจากการเลิกกับภรรยาเก่า เมื่ออยู่ดว้ยกันไม่ได้ก็แยกกันด้วยดี แล้วก็เป็นเพื่อนกัน แต่ไม่คิดว่าการแยกทางกับคุณพิศมัยจะเป็นแบบนี้ ไม่จบไม่สิ้น ผมเป็นโรคหัวใจผมรับภาระกับการไม่รับฟังไม่ไหว เขากินเหล้า และจบด้วยความรุนแรง ผมนิ่งเฉยและทน แต่ก็มีจุดจบจนได้ทุกครั้งที่ทะเลาะ เขาจะลากลูกออกมาอยู่ตรงกลาง แล้วบอกว่ามาดูพ่อ มาฟังพ่อ พ่อเขาไม่รักแกแล้ว ทำให้รุ้ว่าถ้าอยุ่ตรงนั้นต่อไป ลูกจะทำ จะคิดอย่างไรกับเรา ภาพพ่อเขาเสียไปแล้ว ผมก็เลยออกมาอยุ่บ้านตัวเองไม่ได้อยู่บ้านผู้หญิง"

"ใจผมเองอยากให้จบมาหลายปีแล้ว เป็นเรื่องที่น่ารำคาญมาก ผมอายุ 56 แล้ว ผมจะสร้างทุกสิ่งทุกอย่างให้เร็วที่สุด กับข้อผูกพันกับการดูแลลูก เพราะฉะนั้น ถ้าเราหย่าขาดจากกันด้วยดีมันก็น่าจะส่งเสริมให้ดีกัน ถ้าผมดีลูกก็ได้ดี เรียนดี แต่ทุกวันนี้ลำบาก เพราะเราจะทำมาหากินก็คอยพะวงหน้าพะวงหลัง การเป็นคดีต้องมีค่าใช้จ่าย ก็น่าจะเอาเงินไปเลี้ยงลูกดีกว่า"

"ที่เขาบอกผมไม่ได้ค่าเลี้ยงลูก ค่าใช้จ่ายลูกผมจ่ายตลอด ลูกเรียนโรงเรียนประจำ เรียนพิเศษตอนเย็น เสาร์อาทิตย์จ่ายให้หมด คิดเป็นเทอม เทอมนึงก็5-6 หมื่น แม้แต่ตอนลูกปิดเทอม 3 เดือน ลูกก็อยู่กับผมตลอด แต่ช่วงที่หลังเขาฟ้อง47 ล้านลูกอยู่กับเขา2 เดือน ถ้ามีเรื่องถามกับลูกได้เลย ลูกยืนยันได้ ซึ่งตรงนี้ศาลอาจต้องใช้นักจิตวิทยาในการสอบถามลูก แต่ผมมั่นใจว่าลูกตอบความจริงได้"

ลั่นไม่เคยให้เงินอีกฝ่ายใช้ เพราะมีฐานะความมั่นคงกว่าตนเสียอีก พร้อมวอนคนที่เสียหายคือตนมากกว่าเนื่องจากอีกฝ่ายยังใช้นามสกุล "สังวริบุตร" อยู่ วอนเมียเก่ากลับไปใช้นามสกุลเดิมหลังมีคดีติดคุกถึง 2 ครั้ง

"ผมไม่ได้ให้เงินเขาใช้ เขามีความมั่นคงมากกว่าผมอีก มีสปาที่มาบุญครอง แต่ข่าวบอกว่าผมสร้างความเสียหายแก่วงศ์ตระกูล ยังนึกไม่ออกเลยเพราะเขายังใช้นามสกุลผมเลย ผมก็คิดว่าตระกูลของผมก็มีความสำคัญไม่น้อย เขามีคดีจำคุกถึง 2 คดี ไม่ทราบว่าตระกูลใครเสียหายกันแน่ ก็ขอให้เรียกร้องให้กลับไปใช้นามสกุลเขาจะดีกว่า"


กำลังโหลดความคิดเห็น