ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – บีโอไอใต้อนุมัติลงทุนสูงกว่า 2,400 ล้านบาท พบว่านักลงทุนให้ความสนใจในกิจการบริการและภาคการเกษตร ซึ่งเป็นผลมาจากการท่องเที่ยวของแถบอันดามันที่เติบโตทำให้ จ.ภูเก็ต ยังครองแชมป์การลงทุนสูงสุดในการก่อสร้างโรงแรมขนาด 150 ห้องมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท
นายจำรัส ศรีประสม ผู้อำนวยการ ศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 5 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยถึงภาวการณ์ลงทุนของภาคใต้ในเดือนมิถุนายน ว่า มีโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนรวม 5 โครงการ เงินลงทุนรวม 2,478.60 ล้านบาท โดยมีการจ้างแรงงานคนไทย 494 คน และแรงงานต่างชาติ 29 คน โดยประเภทกิจการที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนได้แก่ กิจการบริการและสาธารณูปโภค เกษตรกรรมและผลผลิตทางการเกษตร อุตสาหกรรมเบา และอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์โลหะ -เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง
ทั้งนี้ กิจการที่มีเม็ดเงินลงทุนสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ จ.ภูเก็ต โดยบริษัทเอ็มเมอรัลด์ เบย์ รีสอร์ท จำกัด ลงทุน 2,199.50 ล้านบาทก่อสร้างโรงแรมจำนวน 150 ห้อง รองรับความต้องการห้องพักในขณะที่การท่องเที่ยวอันดามันเติบโต ถือหุ้นโดยนักลงทุนไทย 51% และบริติชเวอร์จิ้น 49% จ้างแรงงานไทย 400 คน และแรงงานต่างชาติ 20 คน
รองลงมาได้แก่ จ.สุราษฎร์ธานี โดยบริษัททักษิณอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม (1993) จำกัด ลงทุน180 ล้านบาทดำเนินการขยายการผลิตน้ำมันปาล์มดิบ (CP0) ประมาณ 55,080 ตัน/ปี น้ำมันในเมล็ดปาล์ม 6,900 ตัน/ปี เมล็ดปาล์มอบแห้ง ประมาณ 1,600 ตัน/ปี ถือหุ้นโดยนักลงทุนไทย 95% และมาเลเซีย 5% จ้างงานไทย 16 คนโดยไม่มีแรงงานต่างชาติ
อันดับ 3 ได้แก่จ.ตรัง โดยบริษัทพิทักษ์ปาล์มออยส์ จำกัด ลงทุน 77.50 ล้านบาทขยายการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพประมาณ 1 เมกะวัตต์/ปี ซึ่งถือหุ้นโดยนักลงทุนไทยทั้งหมด จ้างแรงงานไทย 7 คน
นอกจากนี้ บีโอไอยังได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนให้แก่นักลงทุนใน จ.สงขลา โดยบริษัทไทยเกอร์ เอ็กเซลเลนท์ วู้ด จำกัด ลงทุน 20 ล้านบาทผลิตชิ้นส่วนเฟอร์นิเจอร์ประมาณ 31,500 ลูกบาศก์เมตร/ปี ตั้งอยู่ อ.สะเดา ซึ่งเป็นเมืองชายแดน ถือหุ้นโดยนักลงทุนมาเลเซียทั้งหมด จ้างแรงงานไทย 66 คน และแรงงานต่างชาติอีก 6 คน ปิดท้ายที่ จ.สุราษฎร์ธานี โดยบริษัท เอ แอนด์ วาย เซ็พพาเรเตอร์ จำกัด ลงทุน 1.60 ล้านบาทผลิตเครื่องรีดยางประมาณ 100 เครื่อง/ปี ถือหุ้นโดยนักลงทุนไทย 60% และนักลงทุนชาวจีน 40%
นายจำรัส ศรีประสม ผู้อำนวยการ ศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 5 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยถึงภาวการณ์ลงทุนของภาคใต้ในเดือนมิถุนายน ว่า มีโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนรวม 5 โครงการ เงินลงทุนรวม 2,478.60 ล้านบาท โดยมีการจ้างแรงงานคนไทย 494 คน และแรงงานต่างชาติ 29 คน โดยประเภทกิจการที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนได้แก่ กิจการบริการและสาธารณูปโภค เกษตรกรรมและผลผลิตทางการเกษตร อุตสาหกรรมเบา และอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์โลหะ -เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง
ทั้งนี้ กิจการที่มีเม็ดเงินลงทุนสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ จ.ภูเก็ต โดยบริษัทเอ็มเมอรัลด์ เบย์ รีสอร์ท จำกัด ลงทุน 2,199.50 ล้านบาทก่อสร้างโรงแรมจำนวน 150 ห้อง รองรับความต้องการห้องพักในขณะที่การท่องเที่ยวอันดามันเติบโต ถือหุ้นโดยนักลงทุนไทย 51% และบริติชเวอร์จิ้น 49% จ้างแรงงานไทย 400 คน และแรงงานต่างชาติ 20 คน
รองลงมาได้แก่ จ.สุราษฎร์ธานี โดยบริษัททักษิณอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม (1993) จำกัด ลงทุน180 ล้านบาทดำเนินการขยายการผลิตน้ำมันปาล์มดิบ (CP0) ประมาณ 55,080 ตัน/ปี น้ำมันในเมล็ดปาล์ม 6,900 ตัน/ปี เมล็ดปาล์มอบแห้ง ประมาณ 1,600 ตัน/ปี ถือหุ้นโดยนักลงทุนไทย 95% และมาเลเซีย 5% จ้างงานไทย 16 คนโดยไม่มีแรงงานต่างชาติ
อันดับ 3 ได้แก่จ.ตรัง โดยบริษัทพิทักษ์ปาล์มออยส์ จำกัด ลงทุน 77.50 ล้านบาทขยายการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพประมาณ 1 เมกะวัตต์/ปี ซึ่งถือหุ้นโดยนักลงทุนไทยทั้งหมด จ้างแรงงานไทย 7 คน
นอกจากนี้ บีโอไอยังได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนให้แก่นักลงทุนใน จ.สงขลา โดยบริษัทไทยเกอร์ เอ็กเซลเลนท์ วู้ด จำกัด ลงทุน 20 ล้านบาทผลิตชิ้นส่วนเฟอร์นิเจอร์ประมาณ 31,500 ลูกบาศก์เมตร/ปี ตั้งอยู่ อ.สะเดา ซึ่งเป็นเมืองชายแดน ถือหุ้นโดยนักลงทุนมาเลเซียทั้งหมด จ้างแรงงานไทย 66 คน และแรงงานต่างชาติอีก 6 คน ปิดท้ายที่ จ.สุราษฎร์ธานี โดยบริษัท เอ แอนด์ วาย เซ็พพาเรเตอร์ จำกัด ลงทุน 1.60 ล้านบาทผลิตเครื่องรีดยางประมาณ 100 เครื่อง/ปี ถือหุ้นโดยนักลงทุนไทย 60% และนักลงทุนชาวจีน 40%
