ผู้จัดการรายวัน – ไวตามิ้ลค์ โอดตลาดแย่สูญเสียกำไรมากรอบ 5 ปี อัดฉีดงบมากกว่า 100 ล้านบาท ครึ่งปีหลัง ปลุกตลาดนมถั่วเหลือง ควงพันธมิตรชูกลยุทธ์คุ้มค่า 2 ต่อ ระเบิดสงครามราคาปะทะแลคตาซอย คอนเซปต์เพิ่มปริมาณและลดราคา ส่งทูโก อิน แบล็ก ขนาด 330มล ราคา 10 บาท เขย่าตลาด พร้อมส่งรุ่นลิมิเต็ดโหนกระแสโอลิมปิค สิ้นปีแชร์เพิ่มจาก 50% เป็น 55% รั้งตำแหน่งผู้นำ
นายชนิต สุวรรณพรินทร์ ผู้จัดการทั่วไปสายงานการตลาด บริษัท กรีนสปอต จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายนมถั่วเหลืองไวตามิ้ลค์ เปิดเผยว่า แผนการตลาดในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯจะดำเนินตลาดเชิงรุก ภายใต้การใช้งบมากกว่า 100 ล้านบาท เพื่อปลุกตลาดนมถั่วเหลืองมูลค่า 8,500 ล้านบาท ให้มีอัตราการเติบโตมากขึ้น หลังจากในช่วงครึ่งปีแรกตลาดมีอัตราการเติบโต 5% และคาดว่าทั้งปีตลาดเติบโต 5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาตลาดเติบโต 12% ขณะที่ภาพรวมตลาดนมโดยรวมมูลค่า 35,000 ล้านบาท ครึ่งปีแรกติดลบ 1% ทั้งนี้เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี กำลังการซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง
ปีนี้บริษัทฯยังสูญเสียกำไรในรอบ 5 ปี จากต้นทุนการผลิตสูงขึ้นและจากการที่แบรนด์แลคตาซอยขายถูกกว่า โดยกลยุทธ์การทำตลาด บริษัทฯเน้นการจัดกิจกรรมร่วมกับพันธมิตร โดยนำผลิตภัณฑ์ไปแลกซื้อสินค้าที่เข้าร่วมรายการได้ จากเดิมเน้นทางด้านคุณประโยชน์ของผลิตภัณฑ์และกระตุ้นด้านอารมณ์เป็นหลัก ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นกำลังการซื้อของผู้บริโภค
ล่าสุดดำเนินกลยุทธ์เพิ่มปริมาณและลดราคา เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “ไวตามิ้ลค์ ทู โก อิน แบล็ก” ขนาด 330 มล. จากราคา 12 บาท โดยช่วงแนะนำจำหน่ายราคา 10 บาท จนถึงสิ้นปี เพื่อรองรับการแข่งขันของคู่แข่งคือแลคตาซอยที่ใช้กลยุทธ์เพิ่มปริมาณ ไม่เพิ่มราคา ขนาด 300 มล.ราคา 10 บาท เมื่อเทียบกับไวตามิ้ลค์ ขนาด 250 มล. ราคา 10 บาท
อีกทั้งยังโหนกระแสช่วงโอลิมปิก 2008 ที่ กรุงปักกิ่ง และถือโอกาสครบรอบ 50 ปี ของนมถั่วเหลืองไวตามิ้ลค์ ทุ่มงบ 10-15 ล้านบาท จัดทำผลิตภัณฑ์รุ่นพิเศษ “ไวตามิ้ลค์ รุ่นโอลิมปิกไทย” ซึ่งได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ให้เป็นเครื่องดื่มสุขภาพสำหรับนักกีฬาไทยโอลิมปิกไทย เพื่อตอกย้ำกลยุทธ์สปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง และสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ด้านกีฬา สำหรับไวตามิ้ลค์ รุ่นโอลิมปิก ผลิตจำนวน 2 แสนหีบ หรือ 7.2 ล้านกล่อง โดยรายได้ส่วนหนึ่งสนับสนุนนักกีฬาไทย ในเบื้องต้น 7 แสนบาท
“เราคาดว่ากระแสโอลิมปิกจะกระตุ้นอารมณ์การจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค เพราะนักกีฬาไทย อาทิ มวย ยกน้ำหนัก เทควันโด น่าจะมีโอกาสได้เข้าชิงเหรียญทองหลายรายการ อย่างไรก็ตามคาดว่าผู้ประกอบการหลายรายก็น่าจะเริ่มกิจกรรมการตลาดบ้างแล้ว”
นายชนิต กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลกินเจบริษัทฯได้เตรียมจัดกิจกรรมในช่วงฤดูกาลขาย และจากการดำเนินการตลาดในเชิงรุกในสิ้นปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งจาก 50% เป็น 55% รั้งตำแหน่งผู้นำตลาด ส่วนแบรนด์อื่นๆคือ แลคตาซอย 35% ดีน่า 12% ที่เหลือ 3% อื่นๆ
นายชนิต สุวรรณพรินทร์ ผู้จัดการทั่วไปสายงานการตลาด บริษัท กรีนสปอต จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายนมถั่วเหลืองไวตามิ้ลค์ เปิดเผยว่า แผนการตลาดในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯจะดำเนินตลาดเชิงรุก ภายใต้การใช้งบมากกว่า 100 ล้านบาท เพื่อปลุกตลาดนมถั่วเหลืองมูลค่า 8,500 ล้านบาท ให้มีอัตราการเติบโตมากขึ้น หลังจากในช่วงครึ่งปีแรกตลาดมีอัตราการเติบโต 5% และคาดว่าทั้งปีตลาดเติบโต 5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาตลาดเติบโต 12% ขณะที่ภาพรวมตลาดนมโดยรวมมูลค่า 35,000 ล้านบาท ครึ่งปีแรกติดลบ 1% ทั้งนี้เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี กำลังการซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง
ปีนี้บริษัทฯยังสูญเสียกำไรในรอบ 5 ปี จากต้นทุนการผลิตสูงขึ้นและจากการที่แบรนด์แลคตาซอยขายถูกกว่า โดยกลยุทธ์การทำตลาด บริษัทฯเน้นการจัดกิจกรรมร่วมกับพันธมิตร โดยนำผลิตภัณฑ์ไปแลกซื้อสินค้าที่เข้าร่วมรายการได้ จากเดิมเน้นทางด้านคุณประโยชน์ของผลิตภัณฑ์และกระตุ้นด้านอารมณ์เป็นหลัก ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นกำลังการซื้อของผู้บริโภค
ล่าสุดดำเนินกลยุทธ์เพิ่มปริมาณและลดราคา เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “ไวตามิ้ลค์ ทู โก อิน แบล็ก” ขนาด 330 มล. จากราคา 12 บาท โดยช่วงแนะนำจำหน่ายราคา 10 บาท จนถึงสิ้นปี เพื่อรองรับการแข่งขันของคู่แข่งคือแลคตาซอยที่ใช้กลยุทธ์เพิ่มปริมาณ ไม่เพิ่มราคา ขนาด 300 มล.ราคา 10 บาท เมื่อเทียบกับไวตามิ้ลค์ ขนาด 250 มล. ราคา 10 บาท
อีกทั้งยังโหนกระแสช่วงโอลิมปิก 2008 ที่ กรุงปักกิ่ง และถือโอกาสครบรอบ 50 ปี ของนมถั่วเหลืองไวตามิ้ลค์ ทุ่มงบ 10-15 ล้านบาท จัดทำผลิตภัณฑ์รุ่นพิเศษ “ไวตามิ้ลค์ รุ่นโอลิมปิกไทย” ซึ่งได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ให้เป็นเครื่องดื่มสุขภาพสำหรับนักกีฬาไทยโอลิมปิกไทย เพื่อตอกย้ำกลยุทธ์สปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง และสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ด้านกีฬา สำหรับไวตามิ้ลค์ รุ่นโอลิมปิก ผลิตจำนวน 2 แสนหีบ หรือ 7.2 ล้านกล่อง โดยรายได้ส่วนหนึ่งสนับสนุนนักกีฬาไทย ในเบื้องต้น 7 แสนบาท
“เราคาดว่ากระแสโอลิมปิกจะกระตุ้นอารมณ์การจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค เพราะนักกีฬาไทย อาทิ มวย ยกน้ำหนัก เทควันโด น่าจะมีโอกาสได้เข้าชิงเหรียญทองหลายรายการ อย่างไรก็ตามคาดว่าผู้ประกอบการหลายรายก็น่าจะเริ่มกิจกรรมการตลาดบ้างแล้ว”
นายชนิต กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลกินเจบริษัทฯได้เตรียมจัดกิจกรรมในช่วงฤดูกาลขาย และจากการดำเนินการตลาดในเชิงรุกในสิ้นปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งจาก 50% เป็น 55% รั้งตำแหน่งผู้นำตลาด ส่วนแบรนด์อื่นๆคือ แลคตาซอย 35% ดีน่า 12% ที่เหลือ 3% อื่นๆ