หมอเลี้ยบตีปี๊บกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 อุบไต๋รายละเอียด ฟุ้งงานมหกรรมมั่นใจไทยแลนด์ฯ คึกคัก เงินสะพัด 3 พันล้าน เตรียมขยายต่างจังหวัด ย้ำติดตามผลกระทบแบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ยอย่างใกล้ชิด เชื่อไม่ช่วยแก้เงินเฟ้อชี้ ดักคอครั้งต่อไปต้องรอบคอบ
น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เปิดเผยว่าทางกระทรวงการคลังเตรียมหารือกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการเตรียมการออกมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจระลอก 2 ซึ่งเป็นมาตรการการคลังในการผลักดันเศรษฐกิจออกจาก 6 มาตรการที่ได้ประกาศไปแล้ว แต่ในส่วนรายละเอียดยังไม่ขอเปิดเผย
นอกจากนี้ในส่วนการจัดงานมหกรรมมั่นใจไทยแลนด์ดีแน่ ถูกแน่ เพื่อคนไทยที่จัดขึ้นในวันที่ 17-20 ก.ค. 2551 นั้น คงจะไม่สามารถขยายเวลาออกไปได้ เนื่องจากสถานที่ที่มีการจัดงานจะต้องจัดงานอื่นต่อไปอีก จึงอยากเชิญชวนประชาชนที่สนใจเข้ามาร่วมงานที่จัดขึ้นในระหว่างวันหยุดยาว 4 วัน พร้อมยืนยันว่าจะออกจากงานนี้ตามต่างจังหวัดด้วย แต่งานจะคงไม่ใหญ่เท่าที่จัดในกรุงเทพมหานคร อย่างไรก็ตามตนมั่นใจว่าประชาชนจะเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมากและมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท
***ธปท.ขึ้นดอกเบี้ยไม่แก้เงินเฟ้อ
รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ยังกล่าวถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงินต้องติดตามผลกระทบอย่างใกล้ชิดเพราะตนมองว่าภาวะเงินเฟ้อที่เกิดจากราคาน้ำมันไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยอัตราดอกเบี้ย อยากให้ผู้ที่แก้ไขปัญหานี้คิดให้รอบคอบในทุก ๆ ด้านก่อนการตัดสินใจ ทั้งนี้จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยโดยไม่ได้ดูถึงสภาพโดยรวมอาจจะทำให้เศรษฐกิจยิ่งชะลอตัว
กนง.คุมเงินเฟ้อขึ้นดอก 0.25%
เมื่อวันที่ 16 ก.ค. ที่ผ่านมา น.ส.ดวงมณี วงศ์ประทีป ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย แถลงว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 3.25% เป็น 3.50% ต่อปี โดยให้มีผลทันที หลังพิจารณาพบว่าความเสี่ยงเงินเฟ้อมีมากขึ้น มีผลต่อความเชื่อมั่นของภาคเอกชน อาจกระทบการเติบโตของเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของภาคการส่งออก ซึ่งเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย และแม้ว่าจะขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อก็ยังคงอยู่ในระดับสูง ทำให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบ โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่แท้จริงติดลบ 6.6% ส่วนดอกเบี้ยเงินกู้ติดลบ 1.65%
น.พ.สุรพงษ์ยังกล่าวถึงปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่จะมีความคลี่คลายลงว่า เป็นเรื่องที่ดีหากมีความสงบจริง นักท่องเที่ยวก็จะกลับเข้ามาและช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ดีขึ้น แต่หากมองไปถึงตลาดหลักทรัพย์นั้นคงจะไม่มีผลมากเนื่องจากความกังวลของนักลงทุนมาจากปัจจัยภายนอกในปัญหาสภาพคล่องของสถาบันการเงินในประเทศสหรัฐ.
น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เปิดเผยว่าทางกระทรวงการคลังเตรียมหารือกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการเตรียมการออกมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจระลอก 2 ซึ่งเป็นมาตรการการคลังในการผลักดันเศรษฐกิจออกจาก 6 มาตรการที่ได้ประกาศไปแล้ว แต่ในส่วนรายละเอียดยังไม่ขอเปิดเผย
นอกจากนี้ในส่วนการจัดงานมหกรรมมั่นใจไทยแลนด์ดีแน่ ถูกแน่ เพื่อคนไทยที่จัดขึ้นในวันที่ 17-20 ก.ค. 2551 นั้น คงจะไม่สามารถขยายเวลาออกไปได้ เนื่องจากสถานที่ที่มีการจัดงานจะต้องจัดงานอื่นต่อไปอีก จึงอยากเชิญชวนประชาชนที่สนใจเข้ามาร่วมงานที่จัดขึ้นในระหว่างวันหยุดยาว 4 วัน พร้อมยืนยันว่าจะออกจากงานนี้ตามต่างจังหวัดด้วย แต่งานจะคงไม่ใหญ่เท่าที่จัดในกรุงเทพมหานคร อย่างไรก็ตามตนมั่นใจว่าประชาชนจะเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมากและมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท
***ธปท.ขึ้นดอกเบี้ยไม่แก้เงินเฟ้อ
รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ยังกล่าวถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงินต้องติดตามผลกระทบอย่างใกล้ชิดเพราะตนมองว่าภาวะเงินเฟ้อที่เกิดจากราคาน้ำมันไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยอัตราดอกเบี้ย อยากให้ผู้ที่แก้ไขปัญหานี้คิดให้รอบคอบในทุก ๆ ด้านก่อนการตัดสินใจ ทั้งนี้จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยโดยไม่ได้ดูถึงสภาพโดยรวมอาจจะทำให้เศรษฐกิจยิ่งชะลอตัว
กนง.คุมเงินเฟ้อขึ้นดอก 0.25%
เมื่อวันที่ 16 ก.ค. ที่ผ่านมา น.ส.ดวงมณี วงศ์ประทีป ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย แถลงว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 3.25% เป็น 3.50% ต่อปี โดยให้มีผลทันที หลังพิจารณาพบว่าความเสี่ยงเงินเฟ้อมีมากขึ้น มีผลต่อความเชื่อมั่นของภาคเอกชน อาจกระทบการเติบโตของเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของภาคการส่งออก ซึ่งเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย และแม้ว่าจะขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อก็ยังคงอยู่ในระดับสูง ทำให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบ โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่แท้จริงติดลบ 6.6% ส่วนดอกเบี้ยเงินกู้ติดลบ 1.65%
น.พ.สุรพงษ์ยังกล่าวถึงปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่จะมีความคลี่คลายลงว่า เป็นเรื่องที่ดีหากมีความสงบจริง นักท่องเที่ยวก็จะกลับเข้ามาและช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ดีขึ้น แต่หากมองไปถึงตลาดหลักทรัพย์นั้นคงจะไม่มีผลมากเนื่องจากความกังวลของนักลงทุนมาจากปัจจัยภายนอกในปัญหาสภาพคล่องของสถาบันการเงินในประเทศสหรัฐ.